ข้าเป็นมังกร ข้าไม่ใช่แมว ข้าไม่เล่นของเล่นแมว ข้าไม่นอนในบ้านแมว พวกเจ้ามีสายตาเป็นญาติกับถั่วเรอะ? เลิกหยุมพุงข้าสักที ไม่งั้นข้าจะหนีออกจากบ้าน! "แต่วันนี้มีสเต็กให้เจ้านะ" เอาไว้ข้าหนีวันหลังก็ได้

AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว - บทที่ 12 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายไม่ไหว (1) โดย ItsAlthero @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ไซไฟ,สงคราม,เลือดสาด,แมว,นายเอกเก่ง,วายแฟนตาซี,#BL,พลังวิเศษ,เวทมนตร์,18+,สงคราม,อสูร,ภูต ,ปีศาจ,เทพ ,ยุคดวงดาว,โลกอนาคต,ต่างดาว,อมนุษย์,มังกร,ฮาเร็มชาย,ไซไฟ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ไซไฟ,สงคราม,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แมว,นายเอกเก่ง,วายแฟนตาซี,#BL,พลังวิเศษ,เวทมนตร์,18+,สงคราม,อสูร,ภูต ,ปีศาจ,เทพ ,ยุคดวงดาว,โลกอนาคต,ต่างดาว,อมนุษย์,มังกร,ฮาเร็มชาย,ไซไฟ,แฟนตาซี

รายละเอียด

ข้าเป็นมังกร ข้าไม่ใช่แมว ข้าไม่เล่นของเล่นแมว ข้าไม่นอนในบ้านแมว พวกเจ้ามีสายตาเป็นญาติกับถั่วเรอะ? เลิกหยุมพุงข้าสักที ไม่งั้นข้าจะหนีออกจากบ้าน! "แต่วันนี้มีสเต็กให้เจ้านะ" เอาไว้ข้าหนีวันหลังก็ได้

ผู้แต่ง

ItsAlthero

เรื่องย่อ

#เป็นมังกรไม่ใช่แมว

นามของข้า คือ 'เอมารันไธน์' และข้าต้องการความช่วยเหลือ...

คือเรื่องมันเป็นแบบนี้นะท่านผู้มาเยือน อันตัวข้านั้นเป็นมังกรรุ่นเยาว์ ได้ลงหลุมไปคุยกับรากอ่อนของต้นแอชจิ๋ว จำศีลไปราวๆหนึ่งพันปีตามวิสัยปกติของมังกร แต่พอตื่นมาอีกครั้งก็ต้องพบว่า... ข้ากลายเป็นแมวไปแล้ว

...ตอนข้าหลับอุตุมันมีอะไรผิดพลาดตรงไหน ข้าไม่เข้าใจ

มิหนำซ้ำ ดวงของข้ายังดิ่งลงเหวอย่างที่นรกก็ฉุดไม่อยู่ ทั้งผู้บัญชาการชาวมนุษย์เอย จักรพรรดิสวรรค์เอย ราชาปีศาจเอย จ้าวอสูรเอย และผู้นำอมนุษย์เผ่าอื่นๆมากมาย ต่างก็จ้องจะเข้ามาขย้ำพุงข้าไม่หยุดไม่หย่อน เอาแต่กวักมือเรียกข้า
เหมียวๆ... เหมียวบ้านพวกเจ้าสิ 

ข้าคือมังกรบรรพกาลตัวสุดท้ายของโลก ทั้งยังเป็นสายพันธุ์หายากขึ้นทะเบียนเป็นอันดับต้นๆของทุกทำเนียบเชียวนะ แต่พวกเจ้ากลับทำเหมือนข้าเป็นแมวจรไร้บ้านแบบนี้ ถือว่าตนเป็นใหญ่เลยจะข่มข้าอย่างไรก็ได้งั้นรึ? คิดหรือว่าข้าจะยอมอยู่ในโอวาท ทำตัวเชื่องเยี่ยงสัตว์เลี้ยงกับพวกเจ้า? ไม่ว่าพวกเอ็งจะทำอะไร ก็ซื้อใจข้าไม่ได้หรอก!

"อย่างอนกันนานนักเลยน่า เอมี่ ฉันซื้อแมวเลียรสโปรดของเจ้ามาให้สามร้อยลังเลยนะ ให้ฉีกตอนนี้เลยไหม คืนดีกันนะ"

"ใจเย็นก่อน เอ็ม ข้าเพียงแต่มาง้อเท่านั้น เจ้าชอบกินเนื้องูใช่ไหม? ข้าเอาเนื้อบาซิลิสก์จากแดนปีศาจมาฝากเจ้า"

"อย่าโกรธกันเลยนะ เด็กดี วันนี้พี่ซื้อขนมมาให้เจ้าเยอะแยะเลยนะ เค้กช็อกโกแลตจากแดนอสูรที่เจ้าชอบยังไงล่ะ มีเครป พาย ทาร์ต อยู่ในตู้อีกเป็นร้อยด้วยนะ"

"ช่างน่าดีใจนักที่ เอมี่น้อย ชอบของขวัญของเรามากถึงเพียงนี้ เจ้าอยากได้เพชรพลอยไปประดับรังเพิ่มอีกเท่าไหร่ล่ะหืม? เรายกให้ทั้งคลังแดนสวรรค์เลยก็ยังได้นะ แต่หากเจ้ายังไม่พอใจแล้วล่ะก็ เดี๋ยวเราจะลองไปถามแดนภูตดูให้ด้วย ดีหรือไม่?"

"ไม่ต้องขอ แดนภูตยกให้หมดเลย ที่รัก"

.....

เอาเป็นว่าข้าจะยอมนอนเฉยๆบนกองเงินกองทองของพวกเจ้าต่อไปอีกสักหน่อยก็แล้วกัน แต่จงระวังไว้เถอะ ประมาทข้ามากๆแล้วเจ้าจะเสียใจ สักวันนึงข้าจะยึดครองโลก ไม่สิ ครองจักรวาล ครองเอกภพไปด้วยเลยเอ้า ยึดได้แล้วข้าก็จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นคาเฟ่แมวซะให้หมดเลยคอยดู อย่าล้อเล่นกับระบบ เพราะระบบตบสวนนะจะบอกให้! 

ระวังโลกเจ้าเอาไว้ให้ดีเถอะ! (●`ω´●)




WARNING!!!

นิยายเรื่องนี้เป็น Boy Love แนว Sci-Fi ผสมแฟนตาซี ไทม์ไลน์ยุคอนาคต/ยุคดวงดาว มีหลายโลก หลายเวิร์ส และมีพระเอกหลายคน มีการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเหล่าพระ-นาย แบบ Polygamy เพราะเป็น ฮาเร็มชาย จัดอยู่ในหมวด18+แต่เป็นฉบับCutเพื่อความเหมาะสม จะมีเนื้อหาที่ถูกตัดทอนออกไปบางส่วนเพื่อให้มีเนื้อหาเชิง [Trigger] น้อยที่สุด นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ18ปีขึ้นไป จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับเพศ ความรุนแรง และฉากทารุณบางประการ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน โดยจะเขียนคำเตือนกำกับไว้ซ้ำในบทที่จำเป็นเพื่อประกอบการใช้วิจารณญาณในการอ่านต่อไป อนึ่ง ฉบับUncutอยู่ในบ้านหลักสีฟ้า

*เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงจินตาการของผู้เขียน เป็นเรื่องแต่ง ไม่อิงประวัติศาสตร์หรือหลักความเป็นจริงแต่อย่างใด มีเนื้อหาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น*

⚠ นิยายเรื่องนี้สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ไม่อนุญาตให้คัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลง หรือกระทำการใดๆ อันเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์โดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย ⚠

⚠ หากเราเตือนแล้วยังคุยกันไม่เข้าใจอีก ศาลจะเป็นที่ต่อไปที่ท่านจะได้มานั่งคุยกับเรา ⚠





แวะไปทักทายกันได้ที่

FB: @Althero_LD

X (Twitter) : @ItsAlthero

♡ ด้วยรักและขอบคุณจ้า ♡


สารบัญ

AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทนำ มาจะกล่าวบทไป,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 1 เริ่มมาก็ปังแล้ว,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 2 เกือบหลับแต่กลับมาได้,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 3 อยู่ดีๆ เราก็วาร์ป,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 4 โลกใหม่สอนให้เปิด,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 5 เป็นแมวจรต่างดาวไม่ง่ายเลย,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 6 เป็นมนุษย์บนต่างดาวยากยิ่งกว่า,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 7 เปิดใจลูกผู้ชาย ปรับทัศนคติ (1),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 8 เปิดใจลูกผู้ชาย ปรับทัศนคติ (2),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 9 ยังไม่ได้ไปเที่ยว,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 10 เปิดอกอีกรอบ รอบนี้แค่เปรียบเปรย,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 11 ยื่นหมูครึ่งเทพ ยื่นแมวมังกร,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 12 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายไม่ไหว (1),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 13 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายไม่ไหว (2),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 14 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายไม่ไหว (3),AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-บทที่ 15 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายก็แย่แล้ว,AMARANTHINE เป็นมังกรไม่ใช่แมว-**คั่นเวลาเล็กน้อย ด้วยรูปท่านนายพล**

เนื้อหา

บทที่ 12 ชีวิตใหม่ ผ่อนคลายไม่ไหว (1)

‘[สารานุกรม โลก: Earth-01 (เก่า)]

มังกร (น.) หมายถึง สัตว์วิเศษในจินตนาการหรือเทพนิยาย ซึ่งมีเรื่องเล่าปรากฏอยู่ทั่วทุกมุมโลก หลากหลายตำนานมักมีการกล่าวถึงมังกรอยู่ไม่มากก็น้อย มังกรนับเป็นสัตว์ในจินตนาการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และมีการนำมังกรไปใช้ในสื่อบันเทิงมากมาย ตำนานเกี่ยวกับมังกรที่โด่งดังมาก สามารถจำแนกมังกรได้เป็นสองชนิด ดังนี้ 

‘มังกรตะวันตก’ มีลักษณะคล้ายกิ้งก่าขนาดยักษ์ มีเกล็ดและเขาแหลมคม ปีกคล้ายค้างคาว และพ่นไฟได้ มักถูกใช้แสดงเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย ความโลภในพลังอำนาจเงินทอง หรือกระทั่งปีศาจ [*ศัพท์โลกเก่า.* หมายถึงสิ่งตัวแทนสัญลักษณ์ด้านมืดในทางศาสนาของโลกเก่า มิได้หมายถึง ชาวปีศาจ (Daemons) ที่เป็นเผ่าพันธุ์ต่างดาวแต่อย่างใด ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่] 

ในขณะเดียวกัน ‘มังกรตะวันออก’ เป็นสัตว์วิเศษซึ่งมีลักษณะคล้ายกับงูขนาดยักษ์ ทว่ามีสี่ขา ใบหน้าของงูใหญ่มีหนวดและกิ่งเขาแหลม มีอิทธิฤทธิ์โบยบินบนท้องฟ้าได้ ชาวตะวันออกเชื่อว่ามังกรสามารถเรียกฟ้าฝนได้ ทำให้มังกรได้รับความเคารพนับถืออย่างสูงดั่งเทพเจ้า [*ศัพท์โลกเก่า.* หมายถึงสิ่งตัวแทนสัญลักษณ์ด้านสว่างในทางศาสนาของโลกเก่า มิได้หมายถึง ชาวสวรรค์ (Celestials) ที่เป็นเผ่าพันธุ์ต่างดาวแต่อย่างใด ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่] 

ในหลากหลายพื้นที่ฝั่งของตะวันออกได้มีความเชื่อว่ามังกรเป็นสัตว์เทพจากสวรรค์ที่นำความรู้มาให้มนุษย์ และจะคอยดลบันดาลความอุดมสมบูรณ์ให้แก่โลก เป็นตัวแทนแห่งความดีงาม พลังอำนาจ การปกป้องคุ้มครอง และความเจริญรุ่งเรือง ในหลากหลายวัฒนธรรมถึงกับใช้มังกรเป็นสัญลักษณ์ของผู้นำ ราชา หรือแม้แต่จักรพรรดิ และในบางครั้ง มังกรก็ถือเป็นตัวแทนของภัยธรรมชาติที่มีชีวิต…’


อันซานหรี่ตาลงครุ่นคิด เขาอ่านทวนประโยคสุดท้ายซ้ำอีกรอบ พลางนึกสงสัยจริงๆ ว่า ข้อมูลในสารานุกรมโลกเก่านี้จะมีเค้าของความจริงสักเท่าไหร่กันนะ


“--และ สายของเราตรวจพบการเคลื่อนไหวของยานรบเซนทิเนลกองพันนึงเข้าแล้วครับท่าน ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังพยายามบินอ้อมออกห่างจากแนวเขตเนบิวลาของชาวภูตอย่างมากเลยครับ ดูเหมือนการที่มันต้องอ้อมไกลขนาดนั้นจะทำให้การเดินทางของมันช้าลงเอาการ… เป็นโชคดีของเราครับ แต่ถ้าหากเป้าหมายของพวกมันคือการเดินทางผ่านจุดจัมพ์ของรูหนอนที่ไม่มีเจ้าของตรงไปยังดาวโลกเก่าในระบบสุริยะจริงๆ เราพอจะคาดคะเนได้ว่าพวกมันจะใช้เวลาเดินทางไปถึงที่นั่นในอีกประมาณ… สามเดือน เมื่อเทียบเวลาของเราครับ”


ท่านนายพลเบนสายตาไปจากข้อมูลสารานุกรมที่เขาดึงขึ้นมาไว้เป็นหน้าจอเล็กๆ ที่มุมหนึ่ง แล้วหันไปหาผู้รายงานของตนที่ติดต่อมาจากนอกชั้นบรรยากาศ ภาพหน้าจอโฮโลแกรมขนาดใหญ่กำลังแสดงใบหน้าของกัปตันยานลาดตระเวนอย่างแจ่มชัด โดยเฉพาะสีหน้าที่เคร่งเครียดจนเกือบเหมือนวิตกจริตนั่น ซึ่งอันซานก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายอยู่บ้าง ท่านนายพลพยักหน้ารับทราบรายงานนั้น


“นั่นหมายความว่าเรามีเวลาเตรียมตัวสำหรับการบุกโจมตีเพียงสี่เดือนเท่านั้นสินะ” 


ผู้พันแม็กซ์เวล หนึ่งในลูกเรือของยานอาร์ค-11 แน่นอนว่าได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ภารกิจลับกับเขาด้วย แต่ทันทีที่กลับมาถึงโลกใหม่ อีกฝ่ายก็ถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกัปตันของยานตรวจลาดตระเวนชายแดนอวกาศดังเดิม ทหารหนุ่มที่อยู่ปลายสายสัญญาณถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื๊อก และมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีสุดๆ ทำให้ร่างสูงต้องกล่าวต่ออีกว่า


“ผู้พันมีอะไรในใจก็พูดมาเถอะ” 


“…ขอบคุณที่อนุญาตครับท่าน คือ… ไม่ใช่ว่าผมดูถูกความสามารถของกองทัพเรานะครับ ผมทราบดีว่าตลอดร้อยปีที่ผ่านมานี้ มนุษย์อย่างเราเองก็เร่งพัฒนาศักยภาพแบบก้าวกระโดดมากๆ-- ซึ่งต้องขอบคุณท่านจริงๆ-- แต่… เอ่อ ผมขอเรียนท่านตามตรง ท่านคิดว่าเราจะสามารถเตรียมตัวต่อกรกับทัพเซนทิเนลได้จริงๆ ใช่ไหมครับ… คือถ้าพวกมันส่งแค่กองพันเซนทิเนลระดับต้นธรรมดาๆ มานี่ผมจะไม่ห่วงทัพของเราเลย แต่ถ้าเป็นระดับกลางจนถึงระดับสูงขึ้นไปล่ะก็… พวกเราคงได้กลับบ้านเก่ากันหมดทั้งโลกแน่เลยครับท่าน…”


“ผมเข้าใจสิ่งที่คุณพยายามจะสื่อดี ผู้พัน” อันซานเอ่ยตอบ “ในเรื่องนี้ ผมขอยืนยันคำเดิม ถ้าหากพวกมันส่งทัพของเซนทิเนลระดับกลางหรือระดับสูงมาบุกเราจริงๆ ผมจะเป็นฝ่ายออกไปรับหน้าเองเหมือนทุกครั้งแน่นอน การจะส่งระดับนั้นมาได้ พวกมันจะต้องเจอกับป้อมปราการเขตของ [THE ALLIANCE] ที่ตั้งอยู่ในดาวละแวกใกล้เคียงกับระบบดาวปัจจุบันของเราก่อนแน่นอน แล้วทีนี้ก็จะต้องเสี่ยงกับการรับมือศึกหลายด้านเหมือนเมื่อร้อยปีก่อน พวกมันคงตัดสินใจไม่ได้ง่ายๆ ในเร็ววันหรอก อีกอย่าง…”


ท่านนายพลหนุ่มขยับยิ้มแบบที่ผู้พันแม็กซ์ไม่เคยเห็นมาก่อน


“ในศึกคราวนี้… บางทีผมอาจจะมีเพื่อนใหม่ไปด้วยก็ได้”


ผู้พันแม็กซ์ถึงกับตาถลน “ท่านหมายถึง-- เจ้าสิ่งมีชีวิตลับสุดยอดนั่นหรือครับ? ท่านควบคุมเขาได้แล้วใช่ไหมครับ” 


“ไม่ใช่ ควบคุม หรอกนะผู้พัน ขอบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยสักนิด ผมเพิ่งส่งสรุปประชุมลับครั้งล่าสุดให้ไปแล้วเมื่อครู่ ตอนนี้สถานการณ์ของเรายังอยู่ในช่วงที่พอจะเรียกได้ว่า… ปรับตัวเข้าหากัน อยู่เสียมากกว่า” ร่างสูงใหญ่ขยับมือวาดออกไปเล็กน้อย หน้าจอโฮโลแกรมก็ถอยห่างไปพร้อมทั้งขยายจอออกกว้างตามจำนวนข้อมูลที่มากขึ้น ในทุกๆ การประชุมผ่านเครือข่ายเช่นนี้ ด้วยเพราะมีเอไอส่วนตัวของเขาดูแลอยู่ทุกช่องทาง เขาจึงมั่นใจว่าไม่มีทางที่จะถูกดักฟังข้อมูลได้อย่างแน่นอน


“นับแต่นี้เป็นต้นไป เราได้เปลี่ยนแผนมาเป็นพันธมิตรกันอย่างสมบูรณ์ และจะปฏิบัติต่อเขาอย่างแขกบ้านแขกเมือง ตามที่ผู้บัญชาการดันสตันได้กล่าวไว้ ดังนั้น ในระหว่างนี้เราก็ต้องเตรียมตัวตั้งรับกองทัพเซนทิเนลให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะในทันทีที่พวกมันหาของที่ต้องการบนโลกเก่าของเราไม่เจอ ดาวดวงนี้จะต้องเป็นจุดมุ่งหมายต่อไปของมันแน่”


ผู้พันแม็กซ์ยืดตัวตรงพรึ่บ! แล้วสะบัดมือขึ้นยกทำท่าวันทยหัตถ์อย่างจริงจังเกินเหตุ แม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ห่างออกไปเกินระดับชั้นบรรยากาศ แต่ก็ยังไม่วายทำความเคารพต่อเขาด้วยสีหน้ามุ่งมั่นที่ไม่จำเป็นสักนิด “กระผม! ในฐานะของลูกเรือยานอาร์ค-11 และกัปตันของยานเฝ้าตรวจลาดตระเวนชายแดนอวกาศแห่งกองกำลังป้องกันตนเองของมาตุภูมิ จะขอปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับด้วยความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ครับท่าน!”


“…ขอบคุณมากผู้พัน เช่นนั้นก็ช่วยอย่าลืมทานยาแก้โรคกระเพาะตามที่แพทย์สั่งให้มันครบด้วยล่ะ” อันซานมองอย่างละเหี่ยใจเล็กน้อย “หน่วยพยาบาลแจ้งเรื่องที่คุณเข้าออกห้องพยาบาลเป็นว่าเล่นให้ผมฟังแล้ว ถ้าช่วงนี้คุณเครียดมากเกินไป อยากให้ผมส่งคู่หูสักคนไปอยู่เป็นเพื่อนด้วยไหม?”


“ไม่เป็นไรครับท่าน” ผู้พันแม็กซ์ตอบอย่างมุ่งมั่น แม้ว่ามืออีกข้างจะวนลูบท้องอยู่พักหนึ่งแล้ว “ท่านก็รู้ว่าผมเป็นอินโทรเวิร์ต ขอทำงานอยู่บนยานลาดตระเวนคนเดียวแบบนี้ต่อไปน่ะดีแล้วครับ ผมอยู่กับเอไอกันเองได้สบายมาก”


“…อ้อ นั่นสินะ….”


“ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับท่านนายพลทามัล จะไม่มีตัวอะไรเล็ดลอดผ่านยานลาดตระเวนของผมไปถึงชั้นบรรยากาศโลกใหม่เราได้แน่นอนครับ เพราะพวกมันจะต้องข้ามศพผม ยานที่รักทั้งร้อยลำของผม และเอไอลูกรักของผมไปเสียก่อน!”


“…ก็นั่นแหละที่ผมไม่ต้องการให้เกิดขึ้น…” 


อันซานยกมือนวดขมับ 


“ถ้าเกิดเหตุโจมตีขึ้นจริงๆ ไม่ว่าจะเพราะเอเลี่ยนตัวไหนก็ตาม ช่วยรีบแจ้งขอความช่วยเหลือกับเราก่อนทีเถอะผู้พัน”


“รับทราบแล้วครับท่าน!”


“ขอบคุณมาก ผู้พันแม็กซ์เวล” ท่านนายพลพยักหน้าส่งท้าย ลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เลิกกันเพียงเท่านี้ก่อน ไว้เจอกันใหม่นะผู้พัน ขอให้สุขีในโลกใหม่”


“ขอให้สุขีในโลกใหม่เช่นกันครับท่าน”


จากนั้นจอสัญญาณก็ดับไป อันซานทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานบุนวมของตนดังเดิม รู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย เขาสะบัดมือเข้าหาตัว จากนั้นหน้าจอโฮโลแกรมที่เขายังไม่ปิดก็แสดงข้อความขึ้นค้างอยู่ นักโบราณคดีจากศูนย์วิจัยสังกัดเขาได้แจ้งมาแล้วว่า สามารถถอดแปลภาษาของ… แผ่นศิลาแผ่นหนึ่ง ที่เขาหยิบติดมือมาด้วยตอนอุ้มเจ้ามังกรขึ้นยานเสร็จเรียบร้อยแล้ว 


ในตอนนั้น ที่เขาหยิบแผ่นหินนั่นติดมาก็ด้วยเพราะสัญชาตญาณเซนทิเนลสั่งให้ทำอย่างแรงกล้าเกินเขาจะห้ามใจได้ แผ่นศิลาที่หนาและหนักมาก มันปักอยู่เหนือพื้นดินที่เขาขุดเจอร่างของเจ้ามังกร ซุกซ่อนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้โบราณขนาดยักษ์ที่แผ่กิ่งก้านออกไปรอบด้านอย่างยิ่งใหญ่และสง่างามราวกับต้นไม้ที่ค้ำโลกเอาไว้ ดูไม่ใช่เรื่องบังเอิญสักเท่าไหร่ 


แต่แม้ว่าเขาในตอนนั้นจะยังไม่ทราบว่ามันสลักข้อความไว้ว่าอย่างไร แถมพอกลับมาถึงดาวก็ยังทุ่มความสนใจให้กับเจ้าแมวมังกรมากกว่าแผ่นศิลาที่สลักภาษาโบราณที่เขาเอาติดมือมาด้วยตั้งนานนมอีก หลังจากเสร็จธุระไปหลายอย่างแล้ว เขาก็ยังไม่ลืมส่งแผ่นหินนั่นไปให้นักโบราณคดีวิจัยเพื่อถอดความ เพราะสงสัยนักว่ามันจะสามารถบอกอะไรเขาเพิ่มเกี่ยวกับเจ้ามังกรแสนลึกลับนั่นได้บ้างหรือเปล่า


ในที่สุดก็ได้เรื่องสักที


สิ่งมีชีวิตที่อันตรายระดับดวงดาว… เรื่องที่มังกรตัวนี้อันตรายมากน่ะเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน เขาพิสูจน์มาแล้ว โชคดีนักที่เขาถูกฝึกให้เป็นนักรบมาตั้งแต่ถูกสร้าง เขาถึงยังสามารถรักษาเงาหัวของตนไว้จากกรงเล็บอีกฝ่ายได้จนถึงวันนี้


ท่านนายพลหนุ่มหวนนึกถึงครั้งที่ได้สบตากันยามที่อีกฝ่ายกำลังหนีออกจากคุก ธารลาวาที่ไหลหลากยิ่งกว่าน้ำป่าได้สร้างความเสียหายให้กับคุกที่แข็งแกร่งที่สุดบนดาวโลกใหม่อย่างร้ายแรง ระดับที่จนป่านนี้ก็ยังซ่อมแซมไม่เสร็จ น่าทึ่งยิ่งนักที่หินหลอมเหลวเหล่านั้นเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิตได้-- 


ไม่สิ…  ลาวานั่นเคลื่อนที่ราวกับมีผู้บัญชาต่างหาก


‘มังกรถือเป็นตัวแทนของภัยธรรมชาติที่มีชีวิต’


ภัยธรรมชาติที่มีชีวิต… หรือนี่เองเป็นเหตุผลที่ครั้งนั้น แม้ว่าอีกฝ่ายจะกำลังอยู่ในร่างแมว ก็ยังสามารถเรียกลาวาใต้พิภพขึ้นมาช่วยแหกคุกออกไปได้? ถ้าอย่างนั้น… ทำไมถึงไม่ใช้พลังนั่นจัดการกับเขาซะในตอนที่พวกเขาสู้กันที่กำแพงเมืองล่ะ?


ร่างสูงเอนหลังลงกับเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ เขาสะบัดมือเพียงนิดเพื่อปัดหน้าจอเรืองแสงให้ลอยห่างออกไปหน่อย แล้วนั่งมองข้อมูลบนจอภาพโฮโลแกรม สักพักก็หมุนตัวหันไปมองผ่านกระจกใสที่กั้นระหว่างห้องนอนกับห้องโถงไว้ ร่างแมวสีขาวปลอดกำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงใหญ่ซึ่งกาลครั้งหนึ่งมันเคยเป็นเตียงของเขามาก่อน แต่หลังจากทริปเที่ยวบินไปโลกเก่าซึ่งสุดแสนจะเสี่ยงให้เงาหัวหายกันทั้งลำอย่างจำใจ เขาก็ได้นำเอา… รูมเมท ในร่างแมวตัวน้อยติดมือกลับบ้านมาด้วยหนึ่งตัว…


อีกฝ่ายคงจะเป็นรูมเมทที่น่ากลัวที่สุดที่เขาเคยมีเชียวล่ะ สิ่งมีชีวิตอันตรายที่ใช้รูปร่างของสัตว์เล็กที่อ่อนแอและเปราะบาง น่าทะนุถนอมเป็นอย่างยิ่ง เพื่อล่อลวงให้สิ่งใดก็ตามที่ไม่อาจมองเห็นถึงความร้ายกาจซ่อนเร้นอยู่ภายในได้เข้าไปติดกับดัก จากนั้นก็จะถูกกลืนกินจนไม่เหลือกระทั่งวิญญาณ 


แต่เพราะเสน่ห์อันลึกลับของอีกฝ่าย หากไม่คอยระวังให้ดีล่ะก็ คงได้มีสิ่งโง่งมมากมายถูกล่อลวงไปอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเป็นแน่ เหมือนอย่างแมลงเม่าที่ได้แต่บินเข้ากองไฟอยู่ร่ำไป


มังกรตัวนั้นคือความตาย


นั่นคือสิ่งที่สัญชาตญาณของเซนทิเนลบอกเขา เสียงเตือนภัยในหัวดังก้องทันทีที่เราสบตากัน สั่นกังวานกล่าวประกาศว่า มังกรตัวนี้ จะต้องกลายเป็นความตายของเขาอย่างแน่นอน… 


ทว่าแทนที่หัวใจของเขาจะกระตุกอย่างตื่นตระหนก มันกลับกระตุกด้วยเหตุผลที่ต่างออกไป ในทันทีที่เขาได้เห็นร่างมนุษย์ของอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก ยิ่งได้พูดคุยกันก็ยิ่งเต้นระรัวมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลที่มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ดี…


อันซานยกข้อมือขวาของตนขึ้นมาจ้องนิ่ง เส้นแสงสีสวยที่ประทับรอบข้อมือเหมือนรอยสักสีสว่างของมัน ตัดกับผิวสีเข้มของเขาอย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่ง

.

.

.

.

.

.

นี่คือคำสัญญาของมังกร’

‘สิ่งนี้จะผูกพันข้าและเจ้าเอาไว้ ว่าเราจะทำการแลกเปลี่ยนกันโดยไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่มีบิดพลิ้ว ไม่มีการหักหลัง ให้เราอยู่ในฐานะของคู่สัญญาที่มีหน้าที่ต่อกันและกัน อย่างยุติธรรมและเท่าเทียม’

.

.

.

.

.

.

.

.

ดวงตาสีทองคำทอแสงอ่อนลงอย่างไม่รู้ตัว เขาเหม่อมองเจ้าแมวตัวน้อยที่หลับปุ๋ยอยู่บนเตียงอย่างสุขสบาย แม้เขาจะอาบน้ำแต่งตัวมานั่งทำงานที่ค้างอยู่จนเสร็จ และเวลานี้ก็ดึกมากโขแล้ว แต่เขาก็ยังไม่มีความคิดจะไปที่เตียงอยู่ดี 


…ตั้งแต่เมื่อไหร่กันหนอ ที่นายพลครึ่งเทพอย่างเขาไม่กล้าขยับไปนอนบนเตียงของตัวเองแท้ๆ เพียงเพราะกลัวแมวตัวนึงตื่น…


เจ้าแมวตัวน้อยหลับตาพริ้ม ชวนให้ประหวัดนึกถึงร่างมนุษย์ที่อีกฝ่ายเพิ่งใช้ไปเมื่อกลางวัน รูปร่างสูงโปร่งที่ถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าผืนบาง เส้นผมที่ทอประกายเรืองรองยามต้องแสงตะวัน และดวงตาคู่นั้น… อัญมณีสีม่วงแดงเปล่งประกายระยับสื่อความหมายส่งมาให้เขาอย่างเปิดเผย ว่ากำลังมองเห็นผู้ที่ทัดเทียมกัน


แววตาของมังกรผู้เดียวดาย ที่มองตรงเข้ามายังวิญญาณของเขาด้วยรอยยิ้มยินดี เสมือนว่าสิ่งครึ่งๆ กลางๆ เช่นตัวเขานี้ คู่ควรมากพอจะได้รับพรอันล้ำค่าจากตน 




‘…เมื่อโชคชะตานำพาเรามาเจอกัน ก็ขอพสุธาโปรดเมตตาอำนวยพรให้แก่เจ้านะ อันซาน…’




นายพลหนุ่มหลับตาลงปิดสนิท ตั้งแต่ที่เขามีรูมเมทเป็นแมวปลอมตัวหนึ่ง เขาก็ถอนหายใจเยอะมากกว่าที่เคยถอนมาทั้งชีวิตร้อยห้าสิบกว่าปีของเขาเสียอีก ท่ามกลางความว้าวุ่นในอก ความคิดหนึ่งก็ก่อตัวขึ้นภายในอย่างเงียบเชียบและคงอยู่ถาวร…


หากเอมารันไธน์คือความตายของเขาจริง ก็คงเป็นความตายที่น่ายินดีที่สุดเลยทีเดียว… 






ต้องขอยอมรับ แม้ร่างแมวจะไม่สะดวกในหลายๆ เรื่อง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าร่างกายช่างเบาหวิว อาการเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวหายเป็นปลิดทิ้งเพียงหลับตาและตื่นขึ้นใหม่อีกครั้ง


วันนี้… เป็นวันที่เท่าไหร่กันนะ? ที่ข้าออกมาจากบ้าน…


สมพรปากที่เคยขอดาวไปเหลือเกิ๊น นั่นข้าประชดล่ะ ข้าอาจจะเคยขอว่าอยากไปเที่ยวนอกโลกบ้างก็จริง แต่นั่นมันก่อนที่ข้าจะรู้ว่าห้วงอวกาศนอกโลกที่เคยอยากไปเห็นนักหนาน่ะ จะมีสงครามระดับจักรวาลจ่อตูดอยู่นี่หว่า ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ขอกลับไปหลับใต้ผืนดินเหมือนเดิมได้ไหมล่ะ ดวงดาว...


นี่สินะความหมายของคำที่ว่า จงระวังในสิ่งที่ขอให้ดีน่ะ ….ข้ารู้ซึ้งถึงแก่นวิญญาณเลยสิให้ตาย


อนิจจา... สมัยก่อนโน้น ในวัยเด็กอันแสนจะเหงาหงอย ช่วงก่อนที่ข้าจะบังคับตนเองให้จำศีลนิรันดร์ ข้ามักจะขอพรจากดวงดาวบ่อยครั้ง ด้วยความไร้เดียงสาในวัยทารก ข้าขอพรจากดวงดาวไปหลายต่อหลายอย่างเลยล่ะ มารดามังกรผู้งดงามของข้าชอบหัวเราะด้วยความเอ็นดูในยามที่เฝ้ามองข้าตั้งอกตั้งใจสวดภาวนา แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าข้าขออะไรก็ตาม


คำขอหนึ่ง ข้าฝันให้ตนเองได้เป็นฮีโร่สุดเท่ช่วยโลกจากวายร้ายหรืออะไรเทือกนั้น เพราะสมัยยังเป็นเด็ก ข้าคลั่งไคล้นิทานก่อนนอนของมารดาเอามากๆ นางชอบเล่าเรื่องมังกรอัศวินที่ไปช่วยเจ้าหญิงผู้เลอโฉมจากอาณาจักรที่ชอบกดขี่อยู่บ่อยๆ จนข้าอยากโตไปเป็นมังกรที่เท่ระเบิดได้แบบนั้นบ้าง 


แต่พอโตขึ้นมาข้าก็คิดใหม่ บิดาแนะว่าแทนที่จะสร้างศัตรู ข้าควรสร้างเพื่อนให้เยอะๆ น่าจะดีกว่า การมีสหายอยู่ทั่วทั้งกาแล็กซีคงจะเป็นอะไรที่เยี่ยมยอดมากแน่นอน ไม่ว่าจะไปดาวไหนก็มีแต่ผู้ต้อนรับ บางที.. ไม่ต้องถึงขั้นกาแล็กซีก็ได้ เอาแค่วิญญาณสักดวงที่ยอมเป็นเพื่อนกับข้า… การได้มีสหายคอยอยู่เคียงข้างเหมือนที่บิดามารดาของข้าเคยมีอยู่มากมายคงจะดี ข้าอยากพบเจอพวกเขานัก แต่ข้าดันเกิดช้าเกินกว่าจะได้เห็นสหายมังกรเหล่านั้นยามมีชีวิต


แม้แต่เรื่องคู่ครอง... ถ้าหากข้าเกิดเร็วขึ้นกว่าเดิมสักสองพันหรือสามพันปีล่ะก็ ข้าอาจจะได้จับคู่กับมังกรสาวไม่ก็มังกรหนุ่มดีๆ สักตนก็ได้ ข้าไม่ฝันไกลถึงขั้นฮาเร็มหรอก แค่คู่ดีๆ สักตนข้าก็ไม่มั่นใจว่าจะหาได้จริงแล้ว… 


การมีผู้ที่รักและคอยอยู่เคียงข้างเราตราบจนสิ้นอายุขัย ช่างเป็นฝันที่แสนหวานนัก


…บางทีในวัยเด็ก ข้าก็ฝันว่า ถ้าหากข้าทำให้โลกดีขึ้น บางทีพวกมนุษย์ไม่ก็พวกต่างดาวสักเผ่าอาจจะสนใจดาวโลกมากพอที่จะกล้าบินลงมาสำรวจอย่างสันติบ้าง ข้าจะได้โผล่ไปโอ้อวดว่าโลกที่พี่น้องมังกรของข้ารักษาไว้สวยงามแค่ไหน 


หรือถ้าหากข้ามีโอกาสได้บินออกไปนอกโลก ท่องเที่ยวไปยังต่างดาวมากมาย ข้าอาจจะค้นพบวิธีกอบกู้เผ่าพันธุ์เข้าก็ได้ …วิธีที่จะทำให้ไข่มังกรจำนวนห้าพันกว่าฟองในรังแห่งสุดท้ายของมังกรที่กลายเป็นหินไปทั้งรังนั้น ฟักออกมาให้ได้ แล้วข้าก็จะมีพี่น้องมากถึงห้าพันตัว ข้าก็จะกลายเป็นพี่ใหญ่ที่สุด! พวกเราจะเป็นครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มังกร แม้ว่าเราจะไม่มีสายเลือดเดียวกันก็ตาม


บางทีข้าก็ขอดวงดาว ให้ข้าสามารถแปลงร่างกลายเป็นเม่นทะเลตัวเบ้อเริ่มได้ ข้าจะได้เขมือบกินสาหร่ายทะเลเยอะๆ ตามใจปรารถนา โดยที่ท้องข้าไม่อืดในภายหลัง


คำขอมากมายพวกนั้น ฟังยังไงก็ไม่มีทางเป็นจริง แต่เพราะสมัยนั้นข้ายังเด็กนัก ความไร้เดียงสาทำให้ข้าเพ้อฝันถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความรักและความสุข ในช่วงเวลาที่อบอุ่นอ่อนโยน แค่เพียงได้ขออะไรสักอย่างกับดวงดาวโดยมีมารดาและบิดาเฝ้ามองอย่างรักใคร่ ข้าก็สุขใจมากแล้ว


…แต่สัจธรรมของโลกที่ข้าเรียนรู้เร็วที่สุด คือความสุขไม่คงอยู่ตลอดไป บางทีความสุขนั้นก็สั้นเพียงพริบตาเดียว คลาดสายตาแค่นิดเดียวสิ่งที่รักก็สามารถหลุดหายไปจากอ้อมกอดได้อย่างไม่มีวันหวนกลับ ไม่ว่าเราจะทรงอำนาจแค่ไหนก็ตามที 


ความตายคือความยุติธรรมที่แท้จริง ไม่ว่าจะมดที่ตัวเล็กที่สุด หรือมังกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็ต้องดับสิ้นไปไม่ต่างกัน


ความไร้เดียงสาของข้าหายไปครึ่งหนึ่ง ในยามที่ต้องเฝ้ามองบิดาผู้เป็นที่รักหมดอายุขัยลงต่อหน้าต่อตา เหลือเพียงเทือกเขาใหญ่ที่โอบล้อมรังของเราเอาไว้ เขาได้กลายเป็นหลังคาโลกแทนเทือกเขาเดิมที่พังทลายไปนานแล้ว ร่างของบิดาค้ำจุนแผ่นดินไม่ให้ขยับเคลื่อนจนเกิดแผ่นดินไหวอีกต่อไป หรือแม้แต่พายุวาตภัยไม่ว่าจะลูกใหญ่หรือรุนแรงแค่ไหน ก็ไม่เคยฝ่าขุนเขากว้างใหญ่ของบิดา มาถึงยังรังของเราได้แม้แต่ลูกเดียว


ความไร้เดียงสาอีกครึ่งที่เหลือได้หายไปจนหมดสิ้น เมื่อถึงเวลาจากไปของมารดาเช่นเดียวกัน นางมังกรผู้งดงามที่สุดในชีวิตของข้า ยอมทิ้งร่างลงไปยังปล่องภูเขาไฟที่กำลังระเบิด ณ ใจกลางรังของเรา ปิดผนึกทางลาวาไม่ให้ไหลทะลักท่วมทำลายชีวิตที่เพิ่งงอกงามอยู่ด้านล่าง ทำให้ภูเขาลูกนั้นกลายเป็นภูเขาที่เปี่ยมไปด้วยแร่ธาตุและพลังชีวิตมหาศาล มีพืชและสัตว์สายพันธุ์ใหม่ถือกำเนิดขึ้นมามากมายเพราะการนั้น


แม้จะอาลัยอาวรณ์ แต่ข้าไม่เคยร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ เพราะข้าพร่ำบอกรักให้บิดามารดาฟังทุกวัน และได้ใช้ชีวิตร่วมกับพวกเขาอย่างดีที่สุดแล้ว ไม่มีสิ่งใดค้างคาในใจอีก นอกจากความภาคภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกของพวกเขาทั้งสองที่เป็นผู้กอบกู้โลกให้กลับมางดงามอีกครั้ง ตามคติของมังกรแล้ว ความตายของพวกเขาซึ่งสามารถต่อชีวิตให้ผู้อื่นได้มากมายขนาดนั้น คือความตายอันทรงเกียรติที่สุดอย่างแท้จริง 


สิ่งเดียวที่ข้าต้องทำใจรับให้ได้คือ หลังจากวันนั้น โลกทั้งใบที่แสนกว้างใหญ่และงดงาม ก็เหลือข้าอยู่เพียงตัวเดียว


เมื่อข้าอายุหกร้อยปี ไม่หวั่นไหวต่อความเงียบงันที่ไม่มีผู้ใดให้พูดคุยด้วย ข้าแก้ปัญหาการลืมวิธีพูดด้วยการคุยกับนก คุยกับต้นไม้ และสิ่งใดๆก็ตามที่ผ่านหน้าข้าไปไม่ว่าพวกมันจะเข้าใจหรือไม่ ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่ก็ตาม


เมื่อข้าอายุแปดร้อยปี ข้าหาเรื่องให้ตนเองได้เดือดร้อนทุกวันด้วยการวัดพลังกับภัยธรรมชาติ ภัยอันตรายร้ายแรงเหล่านี้เป็นครูฝึกที่ดีมากถ้าหากข้าต้องการจะฝึกฝนการควบคุมพลังมังกร แม้จะอันตรายถึงชีวิตได้ง่ายๆ เพราะธรรมชาติไม่เคยล้อเล่นกับสิ่งใด และองค์พระมารดาแห่งปฐพีโลกก็ยังคงหลับใหลอยู่ใต้ผืนพิภพ แต่การได้ซัดกับภัยธรรมชาติเพื่อปกป้องอารยธรรมของมนุษย์ที่หลงเหลือเพียงน้อยนิด ก็เป็นความท้าทายที่สนุกมากสำหรับข้า มันทำให้ข้าพัฒนาฝีไม้ลายมือได้อย่างรวดเร็ว …ถ้ามารดายังอยู่ นางคงชมข้าไปอีกร้อยปีเป็นแน่ 


เมื่อข้ามีอายุครบหนึ่งพันปี ถ้าหากไม่นับสนามแม่เหล็กโลก ก็ถือว่าธรรมชาติได้เริ่มกลับเข้าที่เข้าทางอีกครั้งในที่สุด... 


นี่คือยุคใหม่ ชีวิตใหม่ ข้าเฝ้าดูสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ถือกำเนิดตัวแล้วตัวเล่า ข้าเห็นสภาพสังคมใหม่ ครอบครัวใหม่ อนาคตและความเป็นไปได้ใหม่ๆ มากมาย


…อนาคตที่จะไม่มีข้าอยู่ในนั้น ไม่มีที่ของข้าตรงนั้น เพราะหากสิ้นข้าแล้ว โลกก็จะไม่มีเผ่าพันธุ์มังกรอีกต่อไป


ข้าเฝ้ามองสิ่งใหม่ทั้งหมดนั้นด้วยหัวใจที่เริ่มแห้งผาก เพราะไม่อาจเสแสร้งว่าไม่เป็นไรได้อีกแล้ว



เมื่อข้ามีอายุหนึ่งพันสามร้อยปีเศษ ข้าก็บังคับตนเองให้เข้าสู่การจำศีลนิรันดร์



อา… ถ้าข้ามีโอกาสได้พบครอบครัวข้าอีกครั้ง พวกเขาจะต้องโกรธข้ามากเป็นแน่ แต่ข้าคิดถึงพวกเขามากเหลือเกิน ข้าอยากไปเจอพวกเขาอีกซักครั้ง ต่อให้ต้องโดนโกรธแค่ไหนก็ยอมเลย


แล้วถามว่าดวงดาวฟังมั้ย?


ฮ่าๆ! ถ้าพวกนางฟังคำขอของข้าจริงๆ ล่ะก็นะ ข้าก็ไม่ยักจะจำได้สักนิดว่าเคยขอให้ตัวเองต้องมาติดแหง็กอยู่ในร่างแมว ถูกลากมาเจอเรื่องชิบหายจ่อตูด ถูกตามล่าจากพวกต่างดาวที่อันตรายที่สุดในกาแล็กซี และกำลังจะต้องตื่นจากฝันหวานเพราะกำลังโดนทับแบนแต๊ดแต๋จากอะไรบางอย่างก็ไม่รู้ที่กดทับข้าอยู่แบบนี้!


อะไรมันรัดตัวข้าอยู่กันฟะ! เดี๋ยวก็อ้วกใส่ซะหรอก!


ข้าลืมตาขึ้น ขนฟูฟ่องพองเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว กรงเล็บยืดยาวออกมาจากอุ้งเท้า หมายจะตวัดใส่เจ้าสิ่งที่รบกวนการนอนของข้าให้เลือดอาบ แต่… 


ข้ากลับไม่เห็นสิ่งใดเลย


หมายถึงวิสัยทัศน์เบื้องหน้าของข้าตอนนี้น่ะมืดสนิทราวกับอยู่ใจกลางของหลุมดำไม่มีผิด ข้าไม่เห็นสิ่งใดเลยสักนิดแม้จะมองด้วยดวงตามังกรก็ตาม


นี่มันอะไรกัน...


ในฉับพลันทันทีที่ข้าจ้องมองเข้าไปยังหลุมดำมืดทะมึนที่ลึกล้ำเกินหยั่งเบื้องหน้า


...


มันก็


จ้องตอบ


กลับมา


เช่นกัน


....


‘...ช่วยด้วย...’


หือ?


‘ช่วยด้วย... ใครก็ได้...’


เสียงใครน่ะ? เหตุใดถึงฟังดูทรมานและโศกเศร้าขนาดนั้น


‘ช่วยด้วย... ’


น้ำเสียงนั้นแตกพร่าและอ่อนแรง ราวกับว่าเจ้าของเสียงกรีดร้องมานานนับกัลป์ จนแทบไม่เหลือพลังให้เปล่งเสียงแล้ว


‘ได้โปรด ได้โปรด ช่วยเจ้าพี่ของเราด้วย’


‘ใครก็ได้ จักรวาล เราขอวิงวอนจักรวาล ได้โปรด เมตตาเจ้าพี่ของเราเถิด ได้โปรดเมตตาพวกเราทีเถิด ประชาชนของเรามิผิดอันใด หากท่านผู้ทรงอำนาจเหลือคณาต้องการเครื่องบูชายัญ ก็เอาเราไปแทนเถิด’


‘ได้โปรด ละเว้นประชาชนของเราเถิด ละเว้นราชวงศ์ของเราเถิด ละเว้นเจ้าพี่ของเราเถิด’


‘เอาเราไปแทนเถิด’


‘เราขอวอนเจ้า เจ้าผู้ได้ยินคำวิงวอนของเรา ได้โปรด ช่วยเราด้วย ช่วยเราที’


‘....อนิจจา’


‘เหตุใดต้องเป็นเราด้วย’


‘เหตุใดต้องเป็นเผ่าพันธุ์ของเรา’


‘ปวงเรารับใช้ท่านอย่างซื่อสัตย์แลภักดีมาโดยตลอด’


‘องค์ท่านพิโรธโกรธเคืองผู้ใดกันหรือ?’


‘เหตุใดเปลวพระพรแห่งทองคำนิรันดร์ขององค์ท่านถึงกลับกลายเป็นคำสาปไปได้’


‘โอ ท่านผู้ยิ่งใหญ่แห่งบรรพกาล’


‘พระเจ้าแห่งเรา’


‘เหตุใด... ท่านจึงเกลียดชังเราเสียแล้ว’


‘เหตุใดท่านจึงมิสดับรับคำวิงวอนของเราอีก’


‘เหตุใดท่านจึงจากเราไป’


‘....เหตุใด’


‘ไม่มี’


‘ใคร’


‘ได้ยิน’


‘เรา’


‘เลย’


‘?’

.

.

.

.

.

.

.

.

ทันใดนั้น เปลวไฟสีทองคำดวงน้อยก็เปล่งแสงขึ้นแยกจากความมืด มันโบกสะบัดอย่างริบหรี่และอ่อนแรง ราวกับเทียนเล่มเล็กที่พยายามส่องแสงสู้กับลมพายุกรรโชก


บทเพลงที่เคยวิงวอนแผ่วเบา กลับกลายเป็นบ้าคลั่ง!



เจ้า



มังกร



เราเห็นเจ้า



เราเห็นเจ้าแล้ว



เจ้าได้ยินเรา



เจ้าเห็นเรา



ได้โปรด ช่วยเราด้วยเถิด



ช่วยเราที



ช่วยพี่น้องของเราที

.

.

.

.

.

.

.

.

.

วิ

จ้

!!!

.

.

.

.

.

.

.

.

.

เฮือก!


ข้าสะดุ้งตื่นฉับพลัน ลุกพรวดขึ้นจากที่นอน หอบหายใจอย่างหนักหน่วงราวกับเพิ่งไปบินรอบจักรวาลมา ร่างแมวตัวจ้อยสั่นระริก ข้าพรูลมหายใจออกมายาวเหยียด ยกอุ้งมือมาเลียจัดแต่งขนใหม่ พยายามคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและหัวใจที่เต้นกระหน่ำให้ผ่อนคลายลง


...เสียงนั่น…. 


เสียงที่กรีดร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา บทเพลงแห่งความโศกเศร้าที่ฝังลึกถึงก้นบึ้ง ความทรมานแสนสาหัสที่สัมผัสได้ในความมืดมิดอันธการ ราวกับวิญญาณกำลังแหลกสลายจนไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวให้กลับสู่สายธารแห่งชีวิตอีกต่อไป


…นั่นมันเป็นเสียงของผู้ใดกัน...


 



 

[ Be careful, my dear child,

when you look into the ABYSS...

I T L O O K S B A C K ]

.

.

.

(ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก quote ของ Friedrich Nietzsche's “Beyond Good and Evil”, 1886. ขอบคุณค่ะ)