เขาทำหน้าที่อยู่ในดงศัตรูด้วยความจำใจ โดยไม่ให้เธอล่วงรู้ว่าความลับในการมาของเขาเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ แต่หากเขาเผลอรู้สึกกับลูกสาวศัตรูเกินความจำเป็นควรทำยังไงกันนะ

คุณหนูของผม - ตอนที่ 3 ความจริงของจองซูอา โดย Minseoltang @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ชาย-หญิง,เกาหลี,พระเอกเทพ,พระเอกหล่อ,พระเอกลูกหมา,พระเอกคลั่งรัก,หมอ ,ทหาร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คุณหนูของผม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ชาย-หญิง,เกาหลี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกเทพ,พระเอกหล่อ,พระเอกลูกหมา,พระเอกคลั่งรัก,หมอ ,ทหาร

รายละเอียด

เขาทำหน้าที่อยู่ในดงศัตรูด้วยความจำใจ โดยไม่ให้เธอล่วงรู้ว่าความลับในการมาของเขาเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ แต่หากเขาเผลอรู้สึกกับลูกสาวศัตรูเกินความจำเป็นควรทำยังไงกันนะ

ผู้แต่ง

Minseoltang

เรื่องย่อ

ด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง ทำให้เขา...อดีตทหารหน่วยรบพิเศษฝีมือฉกาจต้องมารับหน้าที่ดูแลลูกสาวของลีมูฮยอก นักการเมืองซึ่งเป็นผู้จุดประกายเรื่องทั้งหมด


เขาเป็นคนแรกที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเธอ

เขาทำให้เธอรู้ว่าความรักเป็นอย่างไร

แต่เขาไม่เคยบอกความลับที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของตัวเองเลย

จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดที่ตอนแรกอาจชวนหวานซึ้งกินใจดุจรักในเทพนิยาย

.

.

.

"ผมรักคุณนะ อยากอยู่กับคุณแบบนี้ตลอดไปเลย"

.

.

.

“นาย…นายหลอกใช้ฉันอย่างนั้นเหรอ”

.

.

.

"ที่ผ่านมา…ความสัมพันธ์ของเราเป็นเรื่องโกหกสินะ"




ปล. นิยายเรื่องนี้เขียนจากจินตนาการของผู้แต่ง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรใดทั้งสิ้น หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้





ผู้เขียน : Minseoltang

ภาพวาด : Mu Mx

สารบัญ

คุณหนูของผม-ตอนที่ 1 ภารกิจช่วยเหลือตัวประกัน,คุณหนูของผม-ตอนที่ 2 โชคชะตาไม่เคยเป็นใจ,คุณหนูของผม-ตอนที่ 3 ความจริงของจองซูอา,คุณหนูของผม-ตอนที่ 4 เดินหมากครั้งแรก

เนื้อหา

ตอนที่ 3 ความจริงของจองซูอา

-คิมจุนยอง-

รุ่งเช้าขณะที่พระอาทิตย์กำลังสาดส่องแสง ผมยืนอยู่ภายในฐานทัพ อันที่จริงแล้วก็ค่อนข้างช่างใจมาหนักพอสมควรเลย หลังจากที่ผมสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้ว ก็เดินมุ่งตรงไปยังห้องทำงานของผู้บังคับบัญชา

“อ้าวจุนยอง มาพอดีเลย ฉันกำลังจะให้คนไปตามนายมาพอดี”

“ครับท่าน” ผมทำท่าวันทยาหัตถ์ แล้วกลับสู่ท่าระเบียบพักเพื่อรอฟังคำพูดจากผู้บัญชาการลีมูยอล

“นายเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือเปล่า...”

“ดีขึ้นมากแล้วครับ” ผมตอบกลับน้ำเสียงหนักแน่น

“แล้ว...”

“ท่านครับ ผมจะขอลาออก” ก่อนที่ผู้บัญชาการจะทันได้สิ่งใดต่อ ผมก็ตัดบทด้วยประโยคที่ทำให้เขาถึงกับผงะ

“ไหนว่าดีขึ้นแล้วไง แล้วทำไมนายถึง...”

“ผมอยากพักครับ ขอความกรุณาด้วยครับ” หลังจากนั้นผมก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งออกไปแล้ววางลงบนโต๊ะของเขา

“จุนยอง ทำไมนายถึงตัดสินใจแบบนี้ล่ะ? อีกไม่นาน นายก็จะได้เลื่อนยศเป็นพันตรีแล้วนะ และนายเองก็เป็นทหารที่ดีมาตลอด” ผู้บัญชาการกล่าวเสริม

ผมเนี่ยะนะเป็นทหารที่ดี แค่ภารกิจช่วยเหลือตัวประกันยังล้มเหลวเลย เอาอะไรมาเป็นทหารที่ดีกัน

“ผมอยากพักครับ...”

ผู้บัญชาการมองผมอย่างพิจารณาและนิ่งเงียบอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้น...เอาอย่างนี้ดีไหม...ผมจะให้คุณขึ้นสถานะเป็นลาพักงานไปก่อน ส่วนผู้นำทีม ผมจะให้ผู้หมวดยุนมารับหน้าที่แทนก่อน เอาไว้คุณพร้อมเมื่อไหร่ค่อยกลับมา”

กล่าวจบ ผู้บัญชาการก็รีบฉีกใบลาออกของผมทิ้งทันที สื่อเป็นนัยว่าเขาไม่ยอมรับการลาออกด้วยเหตุผลเช่นนี้

ผมเองก็ทราบดีว่าหากยังดึงดันพูดถึงเรื่องลาออกต่อไป ผู้บัญชาการก็คงไม่มีทีท่าที่จะยอมรับฟังอยู่แล้ว สู้ยอมรับข้อเสนอนี้ แล้วหายไปอย่างเงียบ ๆ เสียดีกว่า หายไปได้อย่างมากไม่เกินสองปีก็คงตัดรายชื่อผมออกแล้วล่ะ

“อาจจะนานมากจนท่านรอไม่ไหวนะครับ”

“นานแค่ไหนผมก็เต็มใจจะรอคุณอยู่แล้ว จุนยอง นายทหารอย่างคุณไม่ใช่ว่าหากันได้ง่าย ๆ ถ้าคุณลาออกไป ผมคงคิดหนักว่าจะหาใครมารับตำแหน่งแทนคุณได้”

“...” ผมไม่กล่าวอะไรต่อ ก่อนจะทำท่าวันทยาหัตถ์แล้วหันหลังเดินจากไป

“นายจะไปจริงเหรอ” ยุนเซยอนที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าประตูห้องทำงานทำท่าประหนึ่งว่าเธอคิดเอาไว้แล้วไม่มีผิด

“ฉันต้องไป...” ระหว่างที่ตอบเธอ ผมก็ควานเก็บข้าวของก่อนจะยกลังใส่ของพวกนั้นเดินผ่านหน้ายุนเซยอนไปยังรถยนต์ของตัวเอง

แต่เมื่อหันหลังกลับมา ก็พบว่าลูกทีมคนอื่น ๆ ได้มายืนรวมตัวเพื่อส่งผมด้วย

“วันทยาหัตถ์!”

“ดูแลตัวเองกันด้วยล่ะ อย่าตีกันบ่อย” ผมบอกพวกเขาประหนึ่งคุณพ่อที่สั่งเสียพวกเด็กน้อยยามเมื่อจะออกไปข้างนอกบ้าน หลังจากนั้นผมก็หันหลังแล้วมุ่งหน้าตรงไปที่รถยนต์ของตัวเอง

“นี่...บิ๊กบอส...”

“?”

“ถ้ามีอะไรให้พวกเราช่วย ติดต่อมานะ พวกเราจะรอ”

ผมก็ได้แต่หวังว่าเรื่องพวกนี้จะไม่ต้องตกมาถึงมือของพวกเขา

.

.

.

อีกด้านหนึ่ง ณ บริษัทภายใต้การดูแลของนักการเมืองที่มีชื่อเสียงอย่างลีมูฮยอก หลังจากกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ เขาก็เริ่มทำการขุดคุ้ยข้อมูลของกลุ่มผู้ค้าอาวุธที่จับพวกเขาไปเป็นตัวประกันเช่นกัน

แต่ในขณะที่เขากำลังเปิดแฟ้มเอกสารอ่านอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาจากทางฝั่งหน้าห้องทำงาน ก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดพรวดพราดเข้ามาโดยที่เขายังไม่ได้เอ่ยปากอนุญาต

ซึ่งในบริษัทแห่งนี้ มีไม่กี่คนที่สามารถทำพฤติกรรมเช่นนี้ได้

ลีมูฮยอกละสายตาจากเอกสารแล้วค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง ปรากฎภาพของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งหน้าตาบ่งบอกบุญไม่รับสักเท่าไหร่ กำลังเดินตรงดิ่งมาหาเขาอย่างเอาเรื่อง

“พ่อทำอะไรพี่ซูอา” หญิงสาวเอ่ยเสียงแข็งกร้าวทันที เธอรู้สึกผิดต่อหญิงสาวที่จากไปเป็นอย่างมาก เนื่องจากเธอเป็นคนแนะนำจองซูอาให้กับพ่อของตน เพราะความเป็นพยาบาลมืออาชีพ เธอจึงอยากจ้างวานให้มาดูแลคุณพ่อของตนเป็นการส่วนตัว แต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้

“ทำอะไร...กระสุนมันยิงมาเอง จะให้พ่อหยุดมันได้อย่างนั้นเหรอ”

“พ่อไม่ควรพาพี่เขาไปที่นั่นตั้งแต่แรก” ยิ่งกล่าวอารมร์ของเธอก็ยิ่งฉุนเฉียวมากขึ้นเท่านั้น

“พ่อโดนพาตัวไป คนข้างกายพ่อก็ด้วย ทุกคนโดนพาตัวไปหมด พ่อไม่รู้ว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้...” ลีมูฮยอกพยายามอธิบายกับลูกสาวของตนอย่างใจเย็น

“เคยคิดบ้างไหมว่าคนนั้นควรเป็นหนู”

“ฮันน่า! อย่าพูดแบบนี้นะ ฉันพยายามทุกอย่างเพื่อไม่ให้แกต้องมาเจออันตราย”

“แล้วคนอื่นล่ะ พ่อเคยใส่ใจพวกเขาบ้างไหม ไม่หรอก พ่อไม่เคยสนใจใครนอกจากตัวเองอยู่แล้ว” หลังจากได้ระบายอารมณ์ด้วยการพูดจาต่อว่าพ่อของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เธอก็หมุนตัวแล้วหันหลังเดินจากไป

“เฮ้อ...” ลีมูฮยอกถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ลูกสาวของเขาคนนี้ ตั้งแต่แม่ของเธอจากไปก็ไม่เคยเชื่อฟังเขาอีกเลย

นอกจากนี้ยังอคติกับหน้าที่การงานของเขามากเป็นพิเศษด้วย แต่เรื่องราวในครั้งนี้ เขารู้ตัวว่าตนเองผิดจริง ที่ทำให้จองซูอา พยาบาลสาวส่วนตัวที่ทำหน้าที่ดูแลเขาต้องมาอยู่ผิดที่ผิดเวลาจนเกิดเรื่องเช่นนั้นเข้า แต่เขาไม่ยอมรับความผิดทั้งหมดเอาไว้ฝ่ายเดียวหรอก ส่วนหนึ่งก็มาจากพวกผู้ค้าอาวุธนั้น ที่ลั่นไกออกมาอย่างกะทันหัน

แต่ถึงอย่างนั้น ลีมูฮยอกก็รู้สึกว่าโชคยังเข้าข้างตนมากนัก ที่กระสุนลูกนั้นไม่ได้มุ่งมาหาตน

ถึงจะฟังดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่เขากลับคิดว่านักการเมืองอย่างตนส่วนใหญ่ก็ต้องมีแนวคิดเช่นนี้กันทั้งนั้น ต้องสละส่วนที่ไม่จำเป็นทิ้งเพื่อให้ตัวเขาเองซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญกว่าได้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าต่อ

.

.

.

-ลีฮันน่า-

หลังจากไปอาละวาดใส่พ่อเสร็จแล้ว ฉันก็กลับมาที่คอนโดแล้วขังตัวเองเอาไว้ในห้อง ไม่รู้ว่าต้องเริ่มโทษตัวเองจากตรงไหนดี เรื่องที่ฉันเชื้อเชิญพี่ซูอาไปเป็นพยาบาลส่วนตัวของคุณพ่อเพราะได้เงินดีหรืออะไรกันแน่

หลายวันผ่านไป ฉันยังคงอุดอู้อยู่แต่ในคอนโด ในขณะที่สายโทรศัพท์จากโรงพยาบาลก็ดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน

[ฮัลโหล] หลังจากผ่านไปหลายวัน ฉันจึงลองรับสายโทรศัพทือีกครั้ง

[หมอลี หายไปไหนมา ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า] เสียงจากปลายสายเป็นของอาจารย์หมอ น้ำเสียงของเขาดูเป็นห่วงเป็นใยอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นฉันกลับรู้สึกว่าไม่ควรได้รับมันเลย

[เอ่อ...คือหนู...ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ค่ะอาจารย์ ขอโทษที่หายมาแบบนี้นะคะ]

[ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจ พักผ่อนให้ดีแล้วกลับมาละกันนะ เรื่องคนไข้คิมยองแอเธอไม่ต้องห่สง เดี๋ยวฉันช่วยจัดการเอง]

[ขอบคุณค่ะอาจารย์]

หลังจากวางสายเรียบร้อยแล้ว ฉันก็เปิดดูข้อความในโทรศัพท์ที่แจ้งเตือนขึ้นมาเป็นร้อยกว่าข้อความอีกครั้ง และข้อความทั้งหมดนั้นก็ถูกส่งมาจากพี่ซูโฮ




Wed. 10/07

‘ฮันน่า เธอไม่เป็นไรใช่ไหม’



Thu. 11/07

‘ฮันน่า ฉันเข้าใจเธอนะ ตอนแรกที่รู้ข่าวฉันเองก็ช็อคและเสียใจเหมือนกัน’



Fri.12/07

‘หวังว่าเธอจะไม่โทษตัวเองกับเรื่องที่เกิดขึ้นนะ’

‘รู้ไหม’

‘ถ้าซูอารู้ จะต้องเสียใจมากแน่’



Sat. 13/07

‘วันนี้ฉันมาเยี่ยมซูอาด้วยนะ ครบ 100 วันที่เธอเสียพอดี'

[แนบรูปสุสาน]

‘เห็นรูปนี้ไหม ซูอาก็คงอยากให้เธอยิ้มแบบนี้ตลอดไปนะ’



Sun 14/07

‘นี่ ยัยน้อง ฉันชักเป็นห่วงแล้วนะ’

‘แฟนฉันเสียไปทั้งคน ฉันก็เศร้าไม่ต่างกัน’

‘แต่ฉันรู้สึกห่วงคนเป็นอย่างเธอมากกว่าอีก’



Today

‘หายเศร้าแล้วฉันเลี้ยงเนื้อวัวเลยเอาไหมล่ะ’

‘ตอบหน่อยสิยัยน้อง’

.

.

.



ฉันไล่อ่านข้อความที่ยาวเหยียดก็ได้แต่รู้สึกว่า ทำไมถึงแสนดีกับคนที่ทำเรื่องเลวร้ายอย่างฉันจังเลยนะ ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์หลังจากอุดอู้อยู่แต่ในห้อง ฉันก็เริ่มออกมาเผชิญโลกภายนอกอีกครั้ง

และสถานที่แรกที่ฉันออกมาก็ต้องไม่พ้นที่ทำงานหรือโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยยุลเซอยู่แล้ว ฉันเดินจ้ำ ๆ ก้าวยาว ๆ ไปมาอยู่ในโรงพยาบาล ภายในใจยังคงรู้สึกเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูก และไม่รู้จะสู้หน้าแฟนหนุ่มของพี่ซูอาอย่างไรดี

และคนที่ฉันกำลังกล่าวถึงควอนนั้น ก็คือ ควอนซูโฮ หรือพี่ซูโฮนั่นแหละ

อันที่จริงแล้วถึงแม้พี่ซูอาจะมีคู่หมั้นที่ทางบ้านจัดหาเอาไว้ หรือเรียกอีกอย่างว่าโดนจับคลุมถุงชนมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย แต่ในขณะเดียวกันนั้น เธอก็ได้คบหาดูใจกับรุ่นพี่คณะของฉันมาโดยตลอด

ฉันไม่รู้ว่าการที่พวกเขาสองคนแอบคบกันลับหลังเช่นนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือเปล่าคู่หมั้นของพี่ซูอาอาจทราบเรื่องนี้อยู่แล้วก็เป็นได้ แต่ก็ไม่ใช่กงการอะไรของฉันที่จะเข้าไปก้าวก่ายในความสัมพันธ์ที่พวกเขาทั้งสองเป็นคนเลือกแล้ว

นอกจากนี้ จากที่พี่ซูอาเคยเล่าให้ฉันฟัง เธอบอกว่าเธอไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษต่อคู่หมั้นของตัวเองเลยสักนิด ดูเหมือนว่าพวกเขาสองคนจะไม่ค่อยได้เจอกัน เธอบอกด้วยว่า หลังจากทำงานเก็บเงินได้ถึงเป้าหมายแล้ว เธอจะทำเรื่องขอถอนหมั้นและมาแต่งกับ 'พี่ซูโฮ' อย่างเป็นทางการ

ฉันชื่นชมในความรักของพวกเขาสองคนนะ แต่หากพวกเขายืนหยัดในวันที่โดนจับคลุมถุงชนมากกว่านี้ ก็คงไม่ต้องมาดิ้นรนเก็บเงินเพื่อขอถอนหมั้นแบบนี้หรอก

และด้วยความที่ฉันเห็นว่าพี่ซูอาต้องการเก็บเงินให้ได้โดยไว จึงเสนองานพิเศษให้พี่เขาไปเป็นพยาบาลส่วนตัวของคุณพ่อแทน ซึ่งรายได้ต่อเดือนมากกว่ารายจ้างในโรงพยาบาลประมาณสามเท่าตัว และเมื่อเป็นเช่นนั้น พี่ซูอาจึงตอบตกลงในที่สุด

แต่สุดท้าย ความรักของพี่ซูอาและพี่ซูโฮก็ต้องยุติลง เพราะความคิดตื้น ๆ ของฉัน

ก็รู้ทั้งรู้ว่าคนรอบตัวพ่อไม่เคยอยู่อย่างปลอดภัย แต่ก็ยังไม่วายที่จะส่งพี่เขาไปอีก

“ฮันน่า...” อุตส่าห์หลบมาตั้งนาน แต่เพราะเหม่อลอยไปหน่อยจึงต้องมาเผชิญหน้ากันจนได้

แค่เพียงได้ยินเสียงฉันก็ไม่กล้าสู้หน้าของเขาแล้ว สองขาของฉันออกตัวพยายามจะก้าวหนี แต่แล้วพี่ซูโฮก็เดินเข้ามาขวางทางเอาไว้เสียก่อน

ทำไมถึงทำแบบนี้...

“ฮันน่า...เธอจะเดินหนีพี่ทำไม”

“พี่ซูโฮ...หนูขอโทษนะคะ” ฉันพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ก็ไม่เป็นผล

“ฮันน่า พี่ไม่โทษเธอหรอก เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอกนะ” พี่ซูโฮก็ยังเป็นพี่ซูโฮอยู่วันยังค่ำ สุขุม เยือกเย็น ใจดี ถึงแม้ฉันจะผิดอยู่ทนโท่ แต่เขากลับไม่เอ่ยปากโทษฉันเลย แต่นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีเข้าไปใหญ่

“เธออย่าเดินหนีพี่แบบนั้นอีกนะ อยู่เป็นเพื่อนพี่...สักหน่อยเถอะ”

ฉันไม่ได้ตอบกลับไป ได้แต่ก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้น

“กาแฟไหม” พี่ซูโฮถาม

“ค่ะ”

และหลังจากนั้นพวกเราสองคนก็เดินไปที่ร้านกาแฟและขึ้นไปนั่งดื่มด้วยกันบนดาดฟ้าอย่างที่เคยทำเป็นประจำ

“เธอเล่นหายไปแบบนั้นทำเอาพี่ใจไม่ดีเลยนะ อย่าทำแบบนี้อีกรู้ไหม”

เขาลูบหัวของฉันอย่างปลอบโยน แล้วยกมือแก้วที่ถือกาแฟขึ้นมาจิบ

“พี่ซูโฮ...” ไม่รู้ว่าฉันควรจะเอ่ยเรื่องนี้หรือเปล่า

“?”

และด้วยความที่ฉันเว้นช่วงประโยคยาวเกินไป ทำให้คนตรงหน้าถึงกับขมวดคิ้วแล้วหันมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าฉันจะพูดอะไร ฉันจึงตัดสินใจกล่าวมันออกมาตามตรง

“พี่ว่าถ้าพี่ซูอาไม่ไปทำงานตามที่หนูเสนอ ตอนนี้พี่เขาจะเป็นยังไงคะ”

หลังจากได้ยินประโยคนี้ของฉัน พี่ซูโฮก็ปรายตามองราวกับฉันเป็นเด็กน้อยอย่างบอกไม่ถูก

“ฮันน่า...แล้วทำไมเธอถึงมาเป็นหมอเหรอ”

คำถามนั้นทำให้ฉันหวนคิดถึงเรื่องราวของตัวเอง ราวกับย้อนสู่บทเรียนแรกของเส้นทางชีวิตที่ทำให้ตัดสินใจแบบนี้

“ไม่รู้สิ...ถ้าตอบแบบคลาสสิค คงเป็นเพราะอยากช่วยเหลือคน แต่เอาเข้าจริง ๆ จากเหตุการณ์หลายอย่างรอบตัว มันทำให้หนูอยากดูเป็นคนดีมั้ง”

“นี่ไง เธอมีเหตุผลของเธอ จริงไหม ทั้งเหตุผลที่สวยหรูและไม่ได้สวยหรู แต่ยังไงก็ถือเป็นเหตุผลที่ตัวเองยืนหยัดจนถึงตอนนี้”

“...”

“ซูอาเองก็มีเหตุผลส่วนตัวให้ต้องตัดสินใจเลือกทำแบบนั้นเหมือนกัน เธอไม่มีวันเข้าใจความคิดของซูอาได้หรอก แต่พี่บอกได้เลยว่าซูอาไม่ถือโทษโกรธเธอในเรื่องนี้แน่นอน พี่เองก็ไม่โทษเธอเหมือนกัน”

“แต่หนูว่าหนูเข้าใจนะคะ เหตุผลที่พี่ซูอาเลือกทำแบบนี้ ก็เพราะอยากเก็บเงินและรีบไปถอนหมั้น เพื่อจะไปแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่กับพี่ ก็เลย...”

“ถ้าอย่างนั้น เธอก็ถือเป็นแม่พระมาโปรดซูอาเลยแหละ ที่เสนองานมีมูลค่าแบบนี้ให้” เขามองหน้าฉันขณะที่พูด แล้วพยักหน้าตามความคิดขณะที่พูดออกมา "พี่เองก็มีส่วนผิดที่ช่วยซูอาในเรื่องนี้ไม่ได้ แบบนั้นพี่คงต้องโทษตัวเองหนักกว่าเธอหรือเปล่าล่ะ ฮันน่า"

“เรื่องนั้นพี่ซูอาต้องเป็นคนจัดการเอง ใครบอกให้พี่เขายอมตอบรับการหมั้นหมายคลุมถุงชนแบบนั้นกันล่ะ...”

"เธอดูโกรธเรื่องนี้มากกว่าพี่ซะอีกนะ"

"แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันไม่ใช่ประเด็นที่พี่เขาจะต้องมาเสีย..."

“พี่ไม่รู้ว่าเธอคิดยังไงนะ แต่จากที่พี่เห็น ซูอาดีใจมากที่ได้งานนั้น วันแรกที่ได้ไปทำงาน ซูอาดูผ่อนคลายมากกว่าตอนอยู่ที่โรงพยาบาลซะอีก”

“แต่ก็มีเรื่องเลวร้ายจนได้...”

“ฮันน่า เธออย่าโทษตัวเองในเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้เลยนะ”

นั่นสินะ เรื่องนี้หากมองตามความเป็นจริงแล้ว มันก็อยู่เหนือการควบคุมของฉันอยู่มากโข ถ้าหากเป็นไปได้ ฉันก็อยากจะหยุดกระสุนลูกนั้นเอง อยากจะเอาชีวิตของตัวเองไปแลกเพื่อนำพี่ซูอากลับมาใจจะขาด แต่ติดตรงที่ว่าฉันไม่ได้มีพลังวิเศษ จึงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้

สิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำได้ คือต่อกรกับพ่อของตัวเองให้ถึงที่สุดเท่านั้น

“ขอบคุณที่ไม่ต่อว่าหนูนะคะพี่ซูโฮ และถึงจะช้าไปหน่อย แต่หนูขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะพี่ซูโฮ เสียใจด้วยจริง ๆ ค่ะ”

เขาไม่ได้เอ่ยสิ่งใดตอบกลับมา มีเพียงแค่รอยยิ้งบาง ๆ ที่ถูกส่งผ่านมาภายใต้สีหน้าที่ใครเห็นก็สามารถดูออกว่าพยายามเข้มแข็งขนาดไหน

“เอาล่ะ ไปทำงานที่เรารักกันดีกว่า” พี่ซูโฮลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและหันกลับมายิ้มให้ฉันอีกครั้ง ก่อนที่เราสองคนจะไปออกตรวจคนไข้ต่อ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเป็นอันทำงานสักเท่าไหร่ก็เถอะ