แฟนตาซี,ดราม่า,ลึกลับ,รัก,เรื่องสั้น,แมว,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เวทมนตร์...
ถ้อยคำอันลึกลับ เพียงแค่เอ่ยถึงมัน ความอัศจรรย์ก็พลันบังเกิด
กริ๊ง! ......
เสียงชนแก้วดังขึ้น ฝูงชนจ้อกแจ้กจอแจ พื้นอิฐบนทางเดินเท้า ข้างช่องว่างระหว่างอาคาร กระนั้นก็มีเด็กหญิงดวงตากลมโตกำลังจ้องมองไปยัง อาณาเขตที่แสงสว่างส่องไปไม่ถึง
แสงเรืองรองจากสองดวงตา รูม่านตาเบิกขยายกว้างในความมืด นัยน์ตาสีไพลินโค้งมนคู่นั้น ไม่แปลกนักที่ใครจะตกหลุมรักเจ้าขนฟูตัวนี้
" มานี่สิ เจ้าเหมียว " เด็กหญิงคนหนึ่งนั่งยองๆเรียกแมวน้อยตัวนั้นข้างซอกหลืบของอาคาร เจ้าเหมียวนั่งนิ่งไม่ไหวติง ม่านตาขยายขึ้นอย่างเป็นกังวล
" องค์หญิงคะ อย่าไปจับแมวจรจัดนะคะ มันจะข่วนเอา "
" ทำไมล่ะ มันออกจะน่ารัก " เด็กหญิงเอ่ย
" แมวจรจัดมันไม่เชื่องหรอกค่ะ เชื้อโรคก็เยอะ ระวังจะไม่สบายเอานะคะ " คนรับใช้ดูแลองค์หญิงอย่างใกล้ชิด พลันจูงมือพาไปพ้นจากแมวจร
เด็กน้อยพลางโบกมือลา หันมองเจ้าขนฟูตัวน้อยที่หลบอยู่ข้างซอกหลืบเพียงลำพัง
'เชอะ อย่าคิดจะมาแตะต้องตัวฉัน!'
แมวน้อยคิดในใจ
วันต่อมา...
" เหมียวๆ เธอหิวไหม กินนมนี่นะ ฉันแอบเอามาจากห้องครัวด้วยล่ะ " เด็กหญิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ พลางเทน้ำนมจากขวดแก้วลงในถาดเล็กๆ เบื้องหน้าเจ้าเหมียวตัวเดิม เจ้าขนฟูดวงตาสีฟ้าขนสีส้มลายทางสลับขาว
เด็กหญิงหยิบยื่นถาดใส่นมให้เจ้าเหมียว
" แง๊วว!! ฟ่ออ!! "
" ตายแล้ว! องค์หญิง เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ " คนรับใช้คว้าตัวเอาไว้ในทันที " โดนข่วนแล้วเห็นไหมคะ เลือดออกด้วย ต้องไปทำแผลเดี๋ยวนี้เลยนะคะ "
" นะ... หนูแค่จะลูบหัวมันเอง " เด็กหญิงรู้สึกเสียใจที่เจ้าขนฟูตัวนี้ช่างไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
'มนุษย์หน้าโง่ แค่เอาอาหารมาให้ ก็คิดว่าจะจับตัวฉันได้เหรอ' เจ้าเหมียวน้อยนึกขึ้นระหว่างที่ลิ้นตวัดเลียน้ำนมเข้าปาก
วันถัดมา...
ระหว่างที่กษัตริย์กำลังพาอาคันตุกะ จากต่างแดนเยี่ยมชมเมืองแห่งมนตราด้วยความตื่นตาตื่นใจ ทว่าองค์หญิงน้อยยังคงจ้องมองไปยังตรอกซอกซอยเดิม ที่ในวันนี้เจ้าขนฟูตัวนั้นไม่อยู่แล้ว
" หายไปไหนน้า... "
" มองหาอะไรอยู่หรือ องค์หญิงชาร์ลอตต์ " อามาลชายหนุ่มผิวสีเข้ม ทูตผู้ใจดีประจำเมืองเอ่ยทักองค์หญิงน้อย
" อามาล เจ้าแมวตัวนั้น หายไปแล้วล่ะ "
" แมวเหรอ... สัตว์ประเภทนี้เราไม่รู้จักนิสัยใจคอของพวกมันหรอกนะองค์หญิง ที่ประเทศกระหม่อมเรามีชื่อเรียกมันเฉพาะว่า ฟานนา " อามาลนักการทูตผู้จิตใจงดงาม พูดคุยกับเด็กหญิงอย่างอ่อนโยน
" ฟานนาคืออะไร? " เด็กหญิงพลันสงสัยใช้นิ้วจิ้มคางตน ดวงตาใสแป๋วจ้องมองด้วยความใคร่รู้
" ฟานนา หมายถึง การจากไป พะย่ะค่ะ
เอาไว้วันหลังกระหม่อมจะเล่านิทานให้ฟังนะ " อามาลยิ้มแย้มอย่างแจ่มใส
'แค่นี้ก็ไม่เห็นฉัน เจ้ามนุษย์ตัวเล็กหน้าโง่' เจ้าเหมียวนอนเอนกายยืดขาอยู่บนขอบของอาคาร
แม้จะไม่พบเห็นเจ้าขนฟูตัวน้อย แต่องค์หญิงน้อย ชาร์ลอตต์ก็แอบเอานมมาเทให้กับเจ้าเหมียวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนกระทั่งวันหนึ่ง....
'ทำไมวันนี้ยังไม่มาอีกล่ะ เจ้ามนุษย์ตัวเล็ก' เจ้าขนฟูสีส้มลายทางกวาดสายตามองไปยังสถานที่ ที่พบกันในทุกๆวัน 'ไปดูหน่อยก็ได้' เจ้าเหมียวบิดขี้เกียจ ยืดขาหน้าออกโก่งบั้นท้ายพลันลุกขึ้น กระโจนขึ้นกำแพงไปออกตามหาองค์หญิง
ในวันที่ปุยนุ่นอันเย็นยะเยือกตกลงจากท้องฟ้า ห่มผืนดินเป็นสีขาวโพลนไปทั่ว บรรยากาศหนาวเหน็บ หยาดน้ำค้างแข็งเกาะริมอาคาร ด้านนอกของหน้าต่างห้อง บนกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ข้างห้องบรรทม เจ้าเหมียวเฝ้าจ้องมององค์หญิงน้อย ที่เจ็บป่วยนอนซมท่ามกลางคนรับใช้คอยดูแล
'อ่อนแอซะจริง พวกมนุษย์เนี่ย' เจ้าเหมียวนึกขึ้นในยามที่เกล็ดหิมะร่วงหล่นใส่ขนฟูๆของมัน
" เจ้าอยากจะช่วยนางหรือไม่? " เสียงลึกลับแว่วมาแล่นเข้าสู่สติสัมปชัญญะของเจ้าเหมียว
'เจ้าเป็นใครกัน' แมวน้อยพลันนอนหงายตัวเลียอุ้งเท้าของมันอย่างไม่ใยดี
" เรียกข้าว่า บาสเต็ท "
'ทำไมฉันต้องช่วยมนุษย์หน้าโง่ด้วย' มันยังคงนอนทอดกายยืดแข้งยืดขา
" เจ้ามีชีวิตถึงเก้า สละเพียงหนึ่งเพื่อทดแทนคุณ เท่านี้ก็ช่วยนางได้แล้ว "
'แค่หนึ่งเองเหรอ' เจ้าเหมียวพลันสะบัดหัว กระดิกหูเงี่ยฟัง 'ก็ได้'
" เช่นนั้น ข้าจักร่ายเวทมนตร์ "
กริ๊ง!.....
เช้าวันถัดมา แสงแดดสาดส่องหมู่เมฆาพลันมลายหายไป น้ำแข็งเริ่มละลาย วันนี้ช่างอากาศดี เหล่านกการ้องลำนำขับขาน
" อาการดีขึ้นแล้วหรือยัง องค์หญิง กระหม่อมมาเยี่ยมแล้ว " อามาลผู้ใจดี เข้ามาเยี่ยมเยียนองค์หญิงน้อยถึงห้อง
" ดีขึ้นมากแล้วค่ะ " เด็กหญิงพลันลุกขึ้นจากเตียง
" อย่าลุกขึ้นพรวดพราดสิคะ องค์หญิง " คนรับใช้พลันประคอง
" พักผ่อนก่อนเถอะ จะได้หายไวๆนะ " อามาลยิ้ม
" อามาล อามาล ไหนบอกจะเล่านิทานให้เราฟังไง "
" นิทานของฟานนาน่ะเหรอพะย่ะค่ะ "
" ใช่ๆ เราอยากฟัง เล่าให้ฟังหน่อยสิ " องค์หญิงน้อยคะยั้นคะยอ
" ฮะๆ ได้สิ กระหม่อมก็พอจะมีเวลา " อามาลนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องบรรทม เริ่มต้นบอกเล่าเรื่องราวจากประเทศของตน
ครั้งหนึ่งในอดีตอันแสนไกล ตำนานเล่าว่าเมื่อใดก็ตามที่เทพจะเดินทางข้ามปรภพ จะแปลงกายเป็นแมว
" โอ้! ท่านเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าแห่งชีวิตทั้งเก้า ปากของท่านคือปากของเทพอาตุม ผู้ซึ่งได้ช่วยท่านให้พ้นจากมลทินทั้งปวง "
ในยุคโบราณจึงมีความเชื่อว่า แมวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ เดินทางข้ามภพโดยไร้อันตรายใดๆ พวกมันมีชีวิตถึงเก้าชีวิต
บางตำนานเชื่อว่า สามชีวิตแรกของพวกมันเอาไว้ใช้เล่นสนุกและตื่นเต้นไปกับชีวิต สามชีวิตถัดมาใช้ท่องไปสำรวจในสถานที่ต่างๆ และสามชีวิตสุดท้ายเอาไว้ใช้ในที่ที่ตัวเองพอใจที่จะอาศัยอยู่
ฟานนา หมายถึง การจากไป จากชีวิตเก่าสู่ชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น เปรียบดั่งหยดน้ำเมื่อหลอมรวมเข้ากับมหาสมุทร จะสูญเสียเอกลักษณ์ดั้งเดิม และกลับกลายเป็นสายน้ำขนาดใหญ่ที่ลอยขึ้นมาอย่างสง่างาม
พวกแมวนั้นจากไปโดยที่ไม่มีใครรู้ และมันกลับมาอีกครั้งพร้อมกับความเข้มแข็งและการเรียนรู้ เราถึงเรียกพวกมันว่า " ฟานนา "
เช่นเดียวกับคนเราที่ต้องทนรับความเจ็บปวด เพื่อให้ตัวเรานั้นเข้มแข็งขึ้นในวันข้างหน้า
องค์หญิงน้อยนั่งนิ่งเงียบแววตาเป็นประกาย ตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ
" ถ้าเราทนความเจ็บปวดได้ เราจะไม่เจ็บปวดอีกต่อไปเหรอ อามาล " องค์หญิงเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา
" ใช่แล้ว องค์หญิง ถ้าหากว่าหายป่วยแล้ว เราก็จะแข็งแรงขึ้นอีกครั้งไง " ชายหนุ่มยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
ในค่ำคืนนั้นเองที่เจ้าเหมียว แอบหนีไปขดตัวซุกอยู่ในกองฟางที่คอกม้า หลีกหนีความหนาวเหน็บอันทุกข์ทรมาน ที่กัดกร่อนร่างกายอันอ่อนแอของมันในเวลานี้
เวทมนตร์... เชื่อมสายสัมพันธ์ แบ่งบันความเจ็บปวดของกันและกัน บัดนี้ภาระความเจ็บป่วยส่วนหนึ่งของเด็กหญิงถูกแบกรับเอาไว้โดยเจ้าขนปุยตัวนี้เอง
อนิจจา... แต่ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นนั้น
องค์หญิงชาร์ลอตต์ เกิดมาร่างกายอ่อนแอไม่แข็งแรง เจ็บป่วยได้ง่ายดาย เพียงแค่อากาศเปลี่ยนแปลงก็เป็นไข้ได้ กล้ามเนื้ออ่อนแรงเพียงแค่ก้าวเดินก็ลื่นล้มหัวคะมำ บ้างก็หน้ามืดวิงเวียนไปเสียดื้อๆ
ถึงกระนั้นองค์หญิงน้อยก็ยังคงแวะเวียนไปหาเจ้าขนปุยอยู่ทุกวี่วัน ในวันที่เธอหายป่วยและแข็งแรง
" เจ้าเหมียว ฉันมีชื่อให้เธอแล้วล่ะ ฉันจะเรียกเธอว่า ฟานา " องค์หญิงยิ้มอย่างภูมิใจพลันลูบหัวเจ้าขนปุย
'ยอมให้ลูบก็ได้ แค่วันนี้เท่านั้นล่ะ เจ้ามนุษย์ตัวเล็ก' เจ้าเหมียวพลันเลียอุ้งเท้าของมันทำความสะอาด
ยามใดที่องค์หญิงเจ็บป่วย ยามนั้นเจ้าฟานาก็จะป่วยไปด้วย มันได้แต่แอบหนีไปซุกตัวในกองฟางเพื่อรอให้วันเวลาอันแสนทรมานผ่านพ้นไป
ยามใดที่เธอหกล้มลง ข้อเท้าของเธอเคล็ด ยามนั้นเจ้าเหมียวก็จะลำบากขาหลังเดินกะเผลก ไม่คล่องแคล่วดั่งเช่นเคย ยากต่อการหลบเลี่ยงจากสุนัขตัวโต ที่คอยไล่ล่ามันตามสัญชาตญาณ
ยามใดที่เด็กหญิงหน้ามืดหมดสิ้นสติ ศีรษะฟาดเข้ากับขอบโต๊ะ ยามนั้นเจ้าขนฟูก็เปลือกตาปูดโปน จนการมองเห็นนั้นถูกลดทอนลง ออกล่าหาอาหารไม่ได้เช่นดังเดิม จนร่างกายนั้นหมดเรี่ยวแรงสูบผอม
เจ้าเหมียวตัวนี้ไม่เคยนึกปริปากบ่นเรื่องใด มันยังคงใช้ชีวิตไปตามยถากรรม ด้วยความสันโดษ
ไม่ว่าสายฝนจะโปรยปราย หิมะปกคลุมขาวโพลน หรือแดดจ้าเพียงใด ทั้งสองต่างพบเจอกันไม่ว่างเว้น
สายสัมพันธ์ของทั้งสองเติบโตขึ้น พร้อมกับร่างกายและสังขาร ยิ่งนานวันยิ่งผูกพันแน่นแฟ้น เด็กหญิงเติบโตกลายเป็นเด็กสาว เจ้าขนฟูบัดนี้เป็นเพียงแค่แมวแก่เฒ่าที่ชราภาพขึ้นทุกวัน
องค์หญิงชาร์ลอตต์ไม่มีวันรู้ว่า วันหนึ่งเจ้าขนฟูตัวนี้จะจากไปไหน มันจะกลับมาเหมือนทุกครั้งหรือไม่ คงได้แต่เพียงนึกสงสัยและเฝ้ารอ
แม้นว่าชาร์ลอตต์จะเติบใหญ่ แต่ร่างกายก็ไม่ได้แข็งแรงขึ้นไปมากกว่าเดิมเลย ยังคงเจ็บออดแอดอยู่เรื่อยไป
และแล้วก็ถึงเวลา ที่ดอกไม้ย่อมโรยรา ยามเมื่อเวลาอันควร ในท้ายที่สุดชีวิตทั้งเก้าของมันก็หมดลง
" เจ้าหมดอายุขัยของตนแล้ว ข้าจะนำพาเจ้าไปสู่ภพภูมิใหม่ " เสียงลึกลับอันนำพาจิตวิญญาณของเจ้าเหมียวไปสู่จักรวาลอันไกลโพ้น
ที่ซึ่งหมู่ดาราพร่างพราวเต็มท้องนภา มืดมิดสนิทใจ มีเพียงสายใยของเหล่าสรรพสัตว์น้อยใหญ่ ต่างต่อแถวเดินกันเป็นวงเกลียวเลี้ยวเข้าสู่แสงสว่าง ณ บริเวณจุดศูนย์กลางของสถานที่แห่งนั้น
" ด้วยบุญคุณที่ทดแทน เจ้าได้ชดใช้สิ่งที่สมควรจนครบวาระ บัดนี้ข้าจะให้เจ้าเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีขึ้น " แว่วเสียงลึกลับเอ่ย
เจ้าเหมียวหมดความใคร่รู้ มันยังคงล่อยลอยอยู่ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแค่แสงของหมู่ดาว ทำความสะอาดขนของมันตามเคย บรรจงเลียอุ้งเท้าอย่างไร้กังวล
" ข้าจะให้เจ้าได้เกิดใหม่เป็นมนุษย์ผู้ทรงปัญญา "
'มนุษย์?' เจ้าเหมียวกระดิกหู 'แล้วมนุษย์ ผู้นั้นจะเป็นเหมือนกับเราหรือไม่'
" มนุษย์นั้นแตกต่าง หากแต่มีเพียงแค่หนึ่งชีวี จักต้องเรียนรู้ที่จะแข็งแกร่งขึ้นตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ "
" บางครั้งก็เติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์ บางครั้งสังขารที่อ่อนแอก็ร่วงโรยไปก่อนที่เวลาจะนำพา "
ได้ยินเช่นนั้นเจ้าเหมียวกลับหยุดนิ่ง ต่อกิจกรรมใดๆที่มันกระทำอยู่ในบัดดล ' ....... ' พลันใช้สมองอันน้อยของมันนึกถึงหน้าขององค์หญิงชาร์ลอตต์
" เจ้าพร้อมแล้วหรือยัง สำหรับการไปสู่ภพภูมิใหม่ ด้วยความดีที่เจ้ามี เราจักให้พรแก่เจ้าไปพร้อมกันนี้ "
'เกิดมาไม่ทันจะได้โตก็ต้องตายแล้วเหรอ มนุษย์นี่แย่จังนะ อ่อนแอเสียนี่กระไร' เจ้าขนฟูพลันนึก
'ฉันขอพรอะไรก็ได้งั้นเหรอ' เจ้าเหมียวเอ่ย
" อะไรก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ "
'อย่างนั้น ฉันขอไปเกิดเป็นแมวอีกครั้ง' ขนฟูผู้แสนฉงนเอ่ยถ้อยคำอย่างไร้ข้อกังขา
" ..........
ตามแต่เจ้าปราถนา เช่นนั้นเราจักร่ายมนต์อีกครา "
กริ๊ง......!
จงอย่าได้กังวลไปเลย รุ่งอรุณแห่งวันใหม่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว.....
แด่สัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักของทุกคน ขอให้ไปสู่ความสุขในภพภูมิที่ดีขึ้น....
จบ.
นิยายเรื่องสั้นนี้ เป็นเรื่องราวที่เป็นตำนานอันเกี่ยวเนื่องกับนิยายแฟนตาซีเรื่องหลักที่ผู้เขียนกำลังแต่งอยู่