สายสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสัตว์เลี้ยง เรื่องราวอันลี้ลับตำนานของแมวเก้าชีวิต

9 Lives 9 Worlds - เก้าภพนพชีวี เรื่องสั้น โดย 1ValD @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ดราม่า,ลึกลับ,รัก,เรื่องสั้น,แมว,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

9 Lives 9 Worlds

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ดราม่า,ลึกลับ,รัก,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แมว,แฟนตาซี

รายละเอียด

สายสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสัตว์เลี้ยง เรื่องราวอันลี้ลับตำนานของแมวเก้าชีวิต

ผู้แต่ง

1ValD

เรื่องย่อ

สารบัญ

9 Lives 9 Worlds -เก้าภพนพชีวี เรื่องสั้น

เนื้อหา

เก้าภพนพชีวี เรื่องสั้น


เวทมนตร์... 


ถ้อยคำอันลึกลับ เพียงแค่เอ่ยถึงมัน ความอัศจรรย์ก็พลันบังเกิด 



กริ๊ง! ......



เสียงชนแก้วดังขึ้น ฝูงชนจ้อกแจ้กจอแจ พื้นอิฐบนทางเดินเท้า ข้างช่องว่างระหว่างอาคาร กระนั้นก็มีเด็กหญิงดวงตากลมโตกำลังจ้องมองไปยัง อาณาเขตที่แสงสว่างส่องไปไม่ถึง

แสงเรืองรองจากสองดวงตา รูม่านตาเบิกขยายกว้างในความมืด นัยน์ตาสีไพลินโค้งมนคู่นั้น ไม่แปลกนักที่ใครจะตกหลุมรักเจ้าขนฟูตัวนี้ 

" มานี่สิ เจ้าเหมียว " เด็กหญิงคนหนึ่งนั่งยองๆเรียกแมวน้อยตัวนั้นข้างซอกหลืบของอาคาร เจ้าเหมียวนั่งนิ่งไม่ไหวติง ม่านตาขยายขึ้นอย่างเป็นกังวล 

" องค์หญิงคะ อย่าไปจับแมวจรจัดนะคะ มันจะข่วนเอา " 

" ทำไมล่ะ มันออกจะน่ารัก " เด็กหญิงเอ่ย 

" แมวจรจัดมันไม่เชื่องหรอกค่ะ เชื้อโรคก็เยอะ ระวังจะไม่สบายเอานะคะ " คนรับใช้ดูแลองค์หญิงอย่างใกล้ชิด พลันจูงมือพาไปพ้นจากแมวจร 

เด็กน้อยพลางโบกมือลา หันมองเจ้าขนฟูตัวน้อยที่หลบอยู่ข้างซอกหลืบเพียงลำพัง 

'เชอะ อย่าคิดจะมาแตะต้องตัวฉัน!'

แมวน้อยคิดในใจ 



วันต่อมา... 

" เหมียวๆ เธอหิวไหม กินนมนี่นะ ฉันแอบเอามาจากห้องครัวด้วยล่ะ " เด็กหญิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ พลางเทน้ำนมจากขวดแก้วลงในถาดเล็กๆ เบื้องหน้าเจ้าเหมียวตัวเดิม เจ้าขนฟูดวงตาสีฟ้าขนสีส้มลายทางสลับขาว 

เด็กหญิงหยิบยื่นถาดใส่นมให้เจ้าเหมียว 

" แง๊วว!! ฟ่ออ!! " 

" ตายแล้ว! องค์หญิง เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ " คนรับใช้คว้าตัวเอาไว้ในทันที " โดนข่วนแล้วเห็นไหมคะ เลือดออกด้วย ต้องไปทำแผลเดี๋ยวนี้เลยนะคะ " 

" นะ... หนูแค่จะลูบหัวมันเอง " เด็กหญิงรู้สึกเสียใจที่เจ้าขนฟูตัวนี้ช่างไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย 

'มนุษย์หน้าโง่ แค่เอาอาหารมาให้ ก็คิดว่าจะจับตัวฉันได้เหรอ' เจ้าเหมียวน้อยนึกขึ้นระหว่างที่ลิ้นตวัดเลียน้ำนมเข้าปาก



วันถัดมา...

ระหว่างที่กษัตริย์กำลังพาอาคันตุกะ จากต่างแดนเยี่ยมชมเมืองแห่งมนตราด้วยความตื่นตาตื่นใจ ทว่าองค์หญิงน้อยยังคงจ้องมองไปยังตรอกซอกซอยเดิม ที่ในวันนี้เจ้าขนฟูตัวนั้นไม่อยู่แล้ว 

" หายไปไหนน้า... " 

" มองหาอะไรอยู่หรือ องค์หญิงชาร์ลอตต์ " อามาลชายหนุ่มผิวสีเข้ม ทูตผู้ใจดีประจำเมืองเอ่ยทักองค์หญิงน้อย 

" อามาล เจ้าแมวตัวนั้น หายไปแล้วล่ะ " 

" แมวเหรอ... สัตว์ประเภทนี้เราไม่รู้จักนิสัยใจคอของพวกมันหรอกนะองค์หญิง ที่ประเทศกระหม่อมเรามีชื่อเรียกมันเฉพาะว่า ฟานนา " อามาลนักการทูตผู้จิตใจงดงาม พูดคุยกับเด็กหญิงอย่างอ่อนโยน 

" ฟานนาคืออะไร? " เด็กหญิงพลันสงสัยใช้นิ้วจิ้มคางตน ดวงตาใสแป๋วจ้องมองด้วยความใคร่รู้ 

" ฟานนา หมายถึง การจากไป พะย่ะค่ะ 

เอาไว้วันหลังกระหม่อมจะเล่านิทานให้ฟังนะ " อามาลยิ้มแย้มอย่างแจ่มใส

'แค่นี้ก็ไม่เห็นฉัน เจ้ามนุษย์ตัวเล็กหน้าโง่' เจ้าเหมียวนอนเอนกายยืดขาอยู่บนขอบของอาคาร 



แม้จะไม่พบเห็นเจ้าขนฟูตัวน้อย แต่องค์หญิงน้อย ชาร์ลอตต์ก็แอบเอานมมาเทให้กับเจ้าเหมียวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนกระทั่งวันหนึ่ง.... 

'ทำไมวันนี้ยังไม่มาอีกล่ะ เจ้ามนุษย์ตัวเล็ก' เจ้าขนฟูสีส้มลายทางกวาดสายตามองไปยังสถานที่ ที่พบกันในทุกๆวัน 'ไปดูหน่อยก็ได้' เจ้าเหมียวบิดขี้เกียจ ยืดขาหน้าออกโก่งบั้นท้ายพลันลุกขึ้น กระโจนขึ้นกำแพงไปออกตามหาองค์หญิง 

ในวันที่ปุยนุ่นอันเย็นยะเยือกตกลงจากท้องฟ้า ห่มผืนดินเป็นสีขาวโพลนไปทั่ว บรรยากาศหนาวเหน็บ หยาดน้ำค้างแข็งเกาะริมอาคาร ด้านนอกของหน้าต่างห้อง บนกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ข้างห้องบรรทม เจ้าเหมียวเฝ้าจ้องมององค์หญิงน้อย ที่เจ็บป่วยนอนซมท่ามกลางคนรับใช้คอยดูแล

'อ่อนแอซะจริง พวกมนุษย์เนี่ย' เจ้าเหมียวนึกขึ้นในยามที่เกล็ดหิมะร่วงหล่นใส่ขนฟูๆของมัน 



" เจ้าอยากจะช่วยนางหรือไม่? " เสียงลึกลับแว่วมาแล่นเข้าสู่สติสัมปชัญญะของเจ้าเหมียว 

'เจ้าเป็นใครกัน' แมวน้อยพลันนอนหงายตัวเลียอุ้งเท้าของมันอย่างไม่ใยดี 

" เรียกข้าว่า บาสเต็ท " 

'ทำไมฉันต้องช่วยมนุษย์หน้าโง่ด้วย' มันยังคงนอนทอดกายยืดแข้งยืดขา 

" เจ้ามีชีวิตถึงเก้า สละเพียงหนึ่งเพื่อทดแทนคุณ เท่านี้ก็ช่วยนางได้แล้ว " 

'แค่หนึ่งเองเหรอ' เจ้าเหมียวพลันสะบัดหัว กระดิกหูเงี่ยฟัง 'ก็ได้' 

" เช่นนั้น ข้าจักร่ายเวทมนตร์ " 



กริ๊ง!.....



เช้าวันถัดมา แสงแดดสาดส่องหมู่เมฆาพลันมลายหายไป น้ำแข็งเริ่มละลาย วันนี้ช่างอากาศดี เหล่านกการ้องลำนำขับขาน

" อาการดีขึ้นแล้วหรือยัง องค์หญิง กระหม่อมมาเยี่ยมแล้ว " อามาลผู้ใจดี เข้ามาเยี่ยมเยียนองค์หญิงน้อยถึงห้อง 

" ดีขึ้นมากแล้วค่ะ " เด็กหญิงพลันลุกขึ้นจากเตียง 

" อย่าลุกขึ้นพรวดพราดสิคะ องค์หญิง " คนรับใช้พลันประคอง 

" พักผ่อนก่อนเถอะ จะได้หายไวๆนะ " อามาลยิ้ม 

" อามาล อามาล ไหนบอกจะเล่านิทานให้เราฟังไง " 

" นิทานของฟานนาน่ะเหรอพะย่ะค่ะ " 

" ใช่ๆ เราอยากฟัง เล่าให้ฟังหน่อยสิ " องค์หญิงน้อยคะยั้นคะยอ



" ฮะๆ ได้สิ กระหม่อมก็พอจะมีเวลา " อามาลนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องบรรทม เริ่มต้นบอกเล่าเรื่องราวจากประเทศของตน 

ครั้งหนึ่งในอดีตอันแสนไกล ตำนานเล่าว่าเมื่อใดก็ตามที่เทพจะเดินทางข้ามปรภพ จะแปลงกายเป็นแมว 

" โอ้! ท่านเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าแห่งชีวิตทั้งเก้า ปากของท่านคือปากของเทพอาตุม ผู้ซึ่งได้ช่วยท่านให้พ้นจากมลทินทั้งปวง " 

ในยุคโบราณจึงมีความเชื่อว่า แมวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ เดินทางข้ามภพโดยไร้อันตรายใดๆ พวกมันมีชีวิตถึงเก้าชีวิต 

บางตำนานเชื่อว่า สามชีวิตแรกของพวกมันเอาไว้ใช้เล่นสนุกและตื่นเต้นไปกับชีวิต สามชีวิตถัดมาใช้ท่องไปสำรวจในสถานที่ต่างๆ และสามชีวิตสุดท้ายเอาไว้ใช้ในที่ที่ตัวเองพอใจที่จะอาศัยอยู่ 

ฟานนา หมายถึง การจากไป จากชีวิตเก่าสู่ชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น เปรียบดั่งหยดน้ำเมื่อหลอมรวมเข้ากับมหาสมุทร จะสูญเสียเอกลักษณ์ดั้งเดิม และกลับกลายเป็นสายน้ำขนาดใหญ่ที่ลอยขึ้นมาอย่างสง่างาม 

พวกแมวนั้นจากไปโดยที่ไม่มีใครรู้ และมันกลับมาอีกครั้งพร้อมกับความเข้มแข็งและการเรียนรู้ เราถึงเรียกพวกมันว่า " ฟานนา " 

เช่นเดียวกับคนเราที่ต้องทนรับความเจ็บปวด เพื่อให้ตัวเรานั้นเข้มแข็งขึ้นในวันข้างหน้า 



องค์หญิงน้อยนั่งนิ่งเงียบแววตาเป็นประกาย ตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ 

" ถ้าเราทนความเจ็บปวดได้ เราจะไม่เจ็บปวดอีกต่อไปเหรอ อามาล " องค์หญิงเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา 

" ใช่แล้ว องค์หญิง ถ้าหากว่าหายป่วยแล้ว เราก็จะแข็งแรงขึ้นอีกครั้งไง " ชายหนุ่มยิ้มให้อย่างอ่อนโยน 

ในค่ำคืนนั้นเองที่เจ้าเหมียว แอบหนีไปขดตัวซุกอยู่ในกองฟางที่คอกม้า หลีกหนีความหนาวเหน็บอันทุกข์ทรมาน ที่กัดกร่อนร่างกายอันอ่อนแอของมันในเวลานี้

เวทมนตร์... เชื่อมสายสัมพันธ์ แบ่งบันความเจ็บปวดของกันและกัน บัดนี้ภาระความเจ็บป่วยส่วนหนึ่งของเด็กหญิงถูกแบกรับเอาไว้โดยเจ้าขนปุยตัวนี้เอง



อนิจจา... แต่ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นนั้น 

องค์หญิงชาร์ลอตต์ เกิดมาร่างกายอ่อนแอไม่แข็งแรง เจ็บป่วยได้ง่ายดาย เพียงแค่อากาศเปลี่ยนแปลงก็เป็นไข้ได้ กล้ามเนื้ออ่อนแรงเพียงแค่ก้าวเดินก็ลื่นล้มหัวคะมำ บ้างก็หน้ามืดวิงเวียนไปเสียดื้อๆ 

ถึงกระนั้นองค์หญิงน้อยก็ยังคงแวะเวียนไปหาเจ้าขนปุยอยู่ทุกวี่วัน ในวันที่เธอหายป่วยและแข็งแรง

" เจ้าเหมียว ฉันมีชื่อให้เธอแล้วล่ะ ฉันจะเรียกเธอว่า ฟานา " องค์หญิงยิ้มอย่างภูมิใจพลันลูบหัวเจ้าขนปุย

'ยอมให้ลูบก็ได้ แค่วันนี้เท่านั้นล่ะ เจ้ามนุษย์ตัวเล็ก' เจ้าเหมียวพลันเลียอุ้งเท้าของมันทำความสะอาด 



ยามใดที่องค์หญิงเจ็บป่วย ยามนั้นเจ้าฟานาก็จะป่วยไปด้วย มันได้แต่แอบหนีไปซุกตัวในกองฟางเพื่อรอให้วันเวลาอันแสนทรมานผ่านพ้นไป

ยามใดที่เธอหกล้มลง ข้อเท้าของเธอเคล็ด ยามนั้นเจ้าเหมียวก็จะลำบากขาหลังเดินกะเผลก ไม่คล่องแคล่วดั่งเช่นเคย ยากต่อการหลบเลี่ยงจากสุนัขตัวโต ที่คอยไล่ล่ามันตามสัญชาตญาณ 

ยามใดที่เด็กหญิงหน้ามืดหมดสิ้นสติ ศีรษะฟาดเข้ากับขอบโต๊ะ ยามนั้นเจ้าขนฟูก็เปลือกตาปูดโปน จนการมองเห็นนั้นถูกลดทอนลง ออกล่าหาอาหารไม่ได้เช่นดังเดิม จนร่างกายนั้นหมดเรี่ยวแรงสูบผอม 

เจ้าเหมียวตัวนี้ไม่เคยนึกปริปากบ่นเรื่องใด มันยังคงใช้ชีวิตไปตามยถากรรม ด้วยความสันโดษ

ไม่ว่าสายฝนจะโปรยปราย หิมะปกคลุมขาวโพลน หรือแดดจ้าเพียงใด ทั้งสองต่างพบเจอกันไม่ว่างเว้น

สายสัมพันธ์ของทั้งสองเติบโตขึ้น พร้อมกับร่างกายและสังขาร ยิ่งนานวันยิ่งผูกพันแน่นแฟ้น เด็กหญิงเติบโตกลายเป็นเด็กสาว เจ้าขนฟูบัดนี้เป็นเพียงแค่แมวแก่เฒ่าที่ชราภาพขึ้นทุกวัน 

องค์หญิงชาร์ลอตต์ไม่มีวันรู้ว่า วันหนึ่งเจ้าขนฟูตัวนี้จะจากไปไหน มันจะกลับมาเหมือนทุกครั้งหรือไม่ คงได้แต่เพียงนึกสงสัยและเฝ้ารอ

แม้นว่าชาร์ลอตต์จะเติบใหญ่ แต่ร่างกายก็ไม่ได้แข็งแรงขึ้นไปมากกว่าเดิมเลย ยังคงเจ็บออดแอดอยู่เรื่อยไป

และแล้วก็ถึงเวลา ที่ดอกไม้ย่อมโรยรา ยามเมื่อเวลาอันควร ในท้ายที่สุดชีวิตทั้งเก้าของมันก็หมดลง



" เจ้าหมดอายุขัยของตนแล้ว ข้าจะนำพาเจ้าไปสู่ภพภูมิใหม่ " เสียงลึกลับอันนำพาจิตวิญญาณของเจ้าเหมียวไปสู่จักรวาลอันไกลโพ้น 

ที่ซึ่งหมู่ดาราพร่างพราวเต็มท้องนภา มืดมิดสนิทใจ มีเพียงสายใยของเหล่าสรรพสัตว์น้อยใหญ่ ต่างต่อแถวเดินกันเป็นวงเกลียวเลี้ยวเข้าสู่แสงสว่าง ณ บริเวณจุดศูนย์กลางของสถานที่แห่งนั้น

" ด้วยบุญคุณที่ทดแทน เจ้าได้ชดใช้สิ่งที่สมควรจนครบวาระ บัดนี้ข้าจะให้เจ้าเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีขึ้น " แว่วเสียงลึกลับเอ่ย 

เจ้าเหมียวหมดความใคร่รู้ มันยังคงล่อยลอยอยู่ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแค่แสงของหมู่ดาว ทำความสะอาดขนของมันตามเคย บรรจงเลียอุ้งเท้าอย่างไร้กังวล 

" ข้าจะให้เจ้าได้เกิดใหม่เป็นมนุษย์ผู้ทรงปัญญา " 

'มนุษย์?' เจ้าเหมียวกระดิกหู 'แล้วมนุษย์ ผู้นั้นจะเป็นเหมือนกับเราหรือไม่' 

" มนุษย์นั้นแตกต่าง หากแต่มีเพียงแค่หนึ่งชีวี จักต้องเรียนรู้ที่จะแข็งแกร่งขึ้นตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ " 

" บางครั้งก็เติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์ บางครั้งสังขารที่อ่อนแอก็ร่วงโรยไปก่อนที่เวลาจะนำพา " 



ได้ยินเช่นนั้นเจ้าเหมียวกลับหยุดนิ่ง ต่อกิจกรรมใดๆที่มันกระทำอยู่ในบัดดล ' ....... ' พลันใช้สมองอันน้อยของมันนึกถึงหน้าขององค์หญิงชาร์ลอตต์

" เจ้าพร้อมแล้วหรือยัง สำหรับการไปสู่ภพภูมิใหม่ ด้วยความดีที่เจ้ามี เราจักให้พรแก่เจ้าไปพร้อมกันนี้ " 

'เกิดมาไม่ทันจะได้โตก็ต้องตายแล้วเหรอ มนุษย์นี่แย่จังนะ อ่อนแอเสียนี่กระไร' เจ้าขนฟูพลันนึก 

'ฉันขอพรอะไรก็ได้งั้นเหรอ' เจ้าเหมียวเอ่ย 

" อะไรก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ " 

'อย่างนั้น ฉันขอไปเกิดเป็นแมวอีกครั้ง' ขนฟูผู้แสนฉงนเอ่ยถ้อยคำอย่างไร้ข้อกังขา

" ..........

ตามแต่เจ้าปราถนา เช่นนั้นเราจักร่ายมนต์อีกครา " 

กริ๊ง......!



จงอย่าได้กังวลไปเลย รุ่งอรุณแห่งวันใหม่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว.....



แด่สัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักของทุกคน ขอให้ไปสู่ความสุขในภพภูมิที่ดีขึ้น....



จบ.

นิยายเรื่องสั้นนี้ เป็นเรื่องราวที่เป็นตำนานอันเกี่ยวเนื่องกับนิยายแฟนตาซีเรื่องหลักที่ผู้เขียนกำลังแต่งอยู่