เมื่อเด็กสาวที่ป่วยใกล้ตายวิงวอนขอพรต่อสวรรค์ขอให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ฟังเสียงร้องจากเธอ เธอตายจากไปจากโลกนี้ไปแต่จู่ๆเธอกลับได้ไปพบเจอกับโลกใหม่อีกใบที่แสนประหลาด

บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ) - ตอนที่ 2 อาคาเดรคือเป้าหมาย โดย M990 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,อื่นๆ,จูบฉ่ำ,พระเอกขี้หึง,โลกคู่ขนาน,เอาแต่ใจ,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกครั่งรัก,หึงหวง,รักแฟนตาซี,ครั่งรัก,โรมานซ์แฟนตาซี,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,ต่างโลก,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

จูบฉ่ำ,พระเอกขี้หึง,โลกคู่ขนาน,เอาแต่ใจ,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกครั่งรัก,หึงหวง,รักแฟนตาซี,ครั่งรัก,โรมานซ์แฟนตาซี,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,ต่างโลก,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

เมื่อเด็กสาวที่ป่วยใกล้ตายวิงวอนขอพรต่อสวรรค์ขอให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ฟังเสียงร้องจากเธอ เธอตายจากไปจากโลกนี้ไปแต่จู่ๆเธอกลับได้ไปพบเจอกับโลกใหม่อีกใบที่แสนประหลาด

ผู้แต่ง

M990

เรื่องย่อ

สุชาดาเด็กสาววัยสิบเก้าปีบริบูรณ์จู่ๆในคืน


วันเกิดของเธอก็เกิดเรื่องราวเลวร้ายบางอย่าง

ขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว วันที่13-3-2023 คือวัน

คล้ายวันเกิดของเธอในอายุครบสิบเก้าปีบริบูรณ์

ในตอนนั้นที่เกิดเรื่องคือเวลาจากห้าทุ่มห้าสิบห้า

ไปจนถึงเที่ยงคืนห้านาทีซึ่งเป็นเวลาของการที่

เวลาของดาราจักรกำลังจะปรับเปลี่ยนดวงพอดี

ตอนนั้นสุชาดากำลังจะเข้านอนหลังจากที่เธอ

และครอบครัวและเพื่อนพ้องฉลองวันเกิดเธอ

เสร็จ วินาทีที่เธอกำลังจะขึ้นไปนั่งบนเตียงจู่ๆ

เธอก็รู้สึกหน้ามืดแล้วก็ล้มลงสู่พื้นในทันทีแล้วก็

สลบไปในที่สุดโดยที่เธอยังคุยสายค้างอยู่กับ

ใครคนหนึ่งอย่างมีความสุข



"พรุ่งนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะไปสารภาพรัก

กับพี่เขา ฉันจะใจกล้าหน้าด้านขอพี่เขาเป็น

แฟนฉันช่วยเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ"



"............…............"



"หมายความว่าไง!!!!!!"



ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนปลายสายพูดอะไรกับเธอ

หรือเป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ที่จู่ๆก็ทำให้

เธอล้มลงไปกองอยู่กับพื้นพร้อมกับการหมดสติ

ไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว พอรุ่งเช้าเธอตื่นขึ้นมา

เธอก็ได้พบว่าตัวเองได้นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย

ที่โรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง หลังจากที่ลืมตาขึ้น

มาเธอก็เห็นพ่อแม่พี่น้องญาติคนสนิทและเพื่อนๆ

ของเธอยืนล้อมข้างเตียงของเธอเต็มไปหมดและ

สีหน้าของแต่ละคนก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนักโดยเฉพาะ

คุณยายและคุณแม่ของเธอที่บนใบหน้าเห็นมีแต่

คราบน้ำตาเปื้อนหน้าเต็มไปหมด ทั้งสองคนต่าง

นั่งกุมมือสวยๆของเธออยู่อย่างไม่ห่างวางตาเลย

เหมือนภายในใจกำลังมีเรื่องให้กลุ้มใจอย่างหนัก

สุชาดาค่อยๆตื่นลืมตาขึ้นมาช้าๆเพราะเธอรู้สึกว่า

ตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นเหนือการควบคุมมาก

จากสมองของเธอ ทันทีที่เธอมองเห็นทุกอย่าง

ได้อย่างชัดเจนเธอก็รีบฉีกยิ้มส่งให้กับทุกคน

เพื่ออยากจะบอกว่าตอนนี้ตัวเธอนั้นสบายดีแล้ว



"แม่คะแม่เป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้ล่ะเกิดอะไร

ขึ้นหรอทำไมทุกคนถึงได้กลับมาอีกล่ะไม่ใช่ว่า

เมื่อกี้ทุกคนกลับบ้านไปนอนกันหมดแล้วหรอ

หรือว่ามีเซอร์ไพรส์วันเกิดอะไรให้หนูอีกหรอก

นะคะคุณแม่คุณยาย"



"ชาดาลูก!!! อย่าพึ่งพูดอะไรมากเลยนะคนดี

ของยายตอนนี้หลานสาวคนดีของยายหิวมั้ย

อยากกินน้ำหรือหิวข้าวหรือเปล่าลูก"



"คุณยายคะคุณยายเป็นอะไรคะร้องไห้ทำไม

เจ้านันตามันทำอะไรให้ยายโมโหอีกแล้วใช่มั้ย

คะเนี่ย คุณยายไม่ร้องนะเดี๋ยวหนูจะจัดการมัน

ให้คุณยายนะโอเคมั้ย ไม่ร้องนะคะไม่ร้อง"



สุชาดายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าให้กับ

คุณยายสมรของเธอพร้อมกับเอ่ยปลอบใจโดย

ที่เธอก็ยังไม่ได้คิดเอะใจอะไรกับพฤติกรรมที่

แปลกไปของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น พอเธอฟื้นขึ้น

มาได้เพียงไม่นานเหล่าคุณหมอและพยาบาลก็

ต่างพากันได้วิ่งวุ่นเข้ามาในห้องของเธออีกครั้ง

เพราะเมื่อเธอฟื้นขึ้นมาได้ไม่นานเธอก็เกิดอาการ

หัวใจวายเฉียบพลันช็อกหมดสติไปอีกครั้งโดย

ที่ครั้งนี้อาการเธอนั้นหนักลงกว่าเดิมมาก



"คุณหมอคะลูกของฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ

ทำไมแกที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาก็กลับไปเป็นแบบนี้ได้

อีกบอกเราเถอะค่ะคุณหมอ"



"หมอต้องบอกแบบนี้ครับ ผู้ป่วยตอนนี้หลังจาก

ที่ช่วยกลับมาได้อาการก็ยังคงทรงตัวอยู่ครับ

แต่หมอก็ยังคงยืนยันคำเดิมครับว่าให้ญาติเริ่ม

เตรียมใจไว้เลยเพราะเธอเป็นระยะสุดท้ายแล้ว

ที่ผ่านมาโรคไม่ส่ออาการให้เห็นอาจเป็นเพราะ

ร่างกายของคนไข้แข็งแรงและมีจิตใจที่เข้มแข็ง

ตอนนี้ก็ทำได้แค่พยุงอาการไม่ให้ทรุดลงกว่านี้

หมอจะจัดยาเพื่อไม่ให้เธอเจ็บปวดมากก่อนเธอ

จะจากไป"



"ลูกของฉันจะไม่รอดแล้วหรอคะไม่มีทางรักษา

ได้เลยงั้นหรอคะคุณหมอ ช่วยเธอหน่อยเถอะ

นะคะเธออายุเพิ่งจะสิบเก้าปีเองได้โปรดเถอะค่ะ

หาทางช่วยเธอที"



"ญาติคนไข้ครับ หมอเองก็รู้ดีแล้วในใจก็เห็นใจ

คนไข้มากเหมือนกันแต่ในสามเดือนที่ผ่านมานี้

เราหาทางและปรึกษากับหลายๆโรงพยาบาลแม้

กระทั่งหมอผู้เชี่ยวชาญที่ต่างประเทศแล้วทุกคน

ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเคสนี้หาได้ยากมากๆ

ปกติแล้วคนไข้ส่วนมากถ้ามีเนื้องอกที่มีก้อนใหญ่

มากขนาดนี้เกิดขึ้นในร่างกาย ร่ายกายน่าจะมี

ปฏิกิริยาอะไรบ่งบอกออกมาบ้างแต่นี่เธอเป็นมา

นานมากแล้วจนเข้าขั้นระยะสุดท้ายของโรคแล้ว

เธอจะมามีอาการก็ตอนที่หนักแล้วไม่สามารถที่

จะรักษาได้แล้ว ผมไม่อยากจะพูดคำนี้หรอกนะ

ครับแต่ไม่มีทางรักษาได้แล้วจริงๆหมอเสียใจด้วย

จริงๆนะครับ เธออาจจะอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนแล้ว

ในระหว่างนี้ถ้าเกิดคนไข้ฟื้นขึ้นมาญาติก็ควรใช้

เวลากับคนไข้ให้ได้มากที่สุดอยู่กับเธอเป็นกำลัง

แรงใจให้เธอเผื่อเธอจะอยู่กับเราให้ได้นานที่สุด"



"ไม่เกินเดือน!!!! ยัยหนูของยาย"





สุชาดาหลังจากช็อกแล้วถูกยื้อชีวิตกลับคืนมา

ได้อีกครั้งพอหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาสีโลกของ

เธอก็เปลี่ยนไป เธอเมื่อได้สติกลับคืนมาแต่ยัง

ไม่ทันจะได้ลืมตามองดูหน้าใครๆหูของเธอก็

พลันได้ยินคำพูดของคนในครอบครัวของตัวเอง

จนหมดแล้วว่าเธออาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึง

หนึ่งเดือนสาเหตุเป็นเพราะเธอมีเนื้องอกในก้าน

สมองซีกซ้ายขนาดใหญ่อีกทั้งเจ้าเนื้องอกตัวนี้

ก็ได้ก่อเป็นมะเร็งที่ร้ายแรงไปแล้วทั่วสมองถึง

แม้นว่าถ้าผ่าก็ใช่ว่าจะมีทางรอดโอกาสที่จะรอด

นั้นเป็นศูนย์ เนื้อก้านสมองถูกมะเร็งกัดกินลาม

เป็นวงกว้างไปทั่วทุกที่ของสมองเพราะฉะนั้น

หมอจึงแนะนำให้ญาติคนไข้ทำใจ และมันก็เป็น

แบบนั้นจริงๆสุชาดาอยู่ได้ไม่ถึงเดือนเธอก็พลัน

จากโลกใบนี้ไปอย่างสงบ



"ถ้านรกหรือสวรรค์มีจริงได้โปรดท่านช่วยรับฟัง

คำขอจากหนู นางสาวสุชาดา พิเศษโสณี คนนี้

สักครั้งจะได้มั้ยคะปีนี้หนูเพิ่งจะอายุแค่สิบเก้าปี

เองนะคะท่าน ท่านใจดีให้หนูได้เกิดมาแล้วทำไม

ท่านไม่ปล่อยให้หนูได้อยู่สร้างความดีให้โลกใบนี้

อีกสักหน่อยล่ะคะท่าน หนูยังไม่มีโอกาสได้เรียน

มหาลัยให้จบเลยหนูยังไม่มีโอกาสที่จะหาเงินมา

ตอบแทนคุณพ่อแม่ปู่ย่าตายายเลยหนูยังไม่ได้

มีโอกาสพาครอบครัวของหนูไปเที่ยวที่ไหนสวยๆ

สักที่เลยหนูยังไม่มีโอกาสได้คุยกับน้องชายดีๆ

เลยเราสองคนพี่น้องส่วนมากก็เอาแต่ทะเลาะกัน

ตลอดจนพ่อแม่ต้องไม่ค่อยสบายใจ หนูเป็นพี่สาว

โตจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่เคยได้สอนน้องทำการบ้าน

เลยสักครั้งแล้วอีกอย่างหนูโตมาจนถึงป่านนี้หนู

ยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคนเมื่อหลายเดือนก่อนนี้

หนูเพิ่งจะไปแอบชอบรุ่นพี่คนนึงมากะว่าจะได้ไป

สารภาพรักกับพี่เขาอยู่แล้วแท้ๆแต่ท่านก็จะมา

พรากหนูไปเสียก่อน แบบนี้หนูจะพูดว่าท่านทำ

กับหนูแบบไม่ค่อยจะยุติธรรมเลยหนูพูดได้มั้ยคะ

หนูอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อถึงจะให้ได้ไม่นานอย่าง

น้อยๆก็น่าจะให้หนูได้เตรียมใจก่อนสักนิดนะคะ

หนูขอสักปีสองปีก็ได้ถ้าปีสองปีมันมากไปหนูขอ

แค่ปีเดียวก็ได้สิบเดือนก็ได้ห้าวันก็ยังดีให้หนูได้

มีโอกาสได้ทำใจได้บอกลาครอบครัวหนูอีกสัก

หน่อยจะได้รึเปล่า ขอร้องล่ะค่ะท่านอย่าใจร้าย

กับเด็กน้อยอย่างหนูนักเลยได้โปรดเถอะนะคะ

ได้โปรดให้หนูได้ร่ำลาพวกเขาอีกสักนิดก่อนไป

ได้มั้ยคะได้โปรดล่ะหนูขอร้องนะคะท่าน"



------ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด------



เสียงเครื่องวัดชีพจรร้องดังขึ้นยาวๆเพื่อแจ้งเตือน

ว่าคนไข้ได้เสียชีวิตแล้ว ลมหายใจเฮือกสุดท้าย

ของสุชาดาถูกพ้นออกมาใส่หน้ากากเครื่องช่วย

หายใจเพียงเสี้ยววินาทีแล้วก็หมดลงไปหลังจาก

นั้นในห้องก็มีแต่เสียงร้องไห้โดยความโศกเศร้า

และเสียใจกับการจากไปของผู้เป็นที่รักคนหนึ่ง

ของครอบครัวพิเศษโสณี สุชาดาหลั่งน้ำตาหยด

สุดท้ายออกมาแล้วจากไปอย่างกายสงบแต่ภาย

ในจิตใจกลับมีแต่ความหม่นหมองจิตใต้สำนึก

ของใจกลับเต็มไปด้วยคำขอร้องจากสวรรค์หรือ

คนที่กุมอำนาจอยู่เบื้องบนฟ้าที่แสนไกล





อีกหนึ่งซีกของมิติจักรวาลแสนไกล



ณ.กรุงบีดีมัลล์ แห่งฟลอเทียร์



"ท่านคะได้โปรดให้โอกาสหนูได้มีชีวิตอีกครั้ง

เถอะนะคะ ท่านคะหนูขอร้อง!!!!!"



เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มสดใสนอนหลับอยู่บนเตียง

เธอดิ้นไปดิ้นมาพร้อมกับพูดพร่ำเพ้อละเมออะไร

ออกมาโดยที่คนเป็นแม่ก็ฟังไม่ค่อยได้ความมาก

ดีลิสเดรียเดินเข้าห้องมาปลุกผู้เป็นลูกสาวอย่าง

เช่นทุกๆวันเพื่อไปทำงานให้ทันเวลา



"อิสซี!!! อิสซี!!!! ตื่นได้แล้วนะลูกรักสายแล้ว

อิสซีจ๊ะอิสซี!!!"



"แม่คะ!!!! หนูยังไม่อยากตายพ่อคะช่วยหนูที"







คำเตือน



ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่ หน่วยงาน

วิชาชีพต่างๆ และเหตุการณ์ที่มีการใช้

ความรุนแรงในนิยายเป็นแค่เรื่องสมมุติ

นิยายเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง

และความสนุกสนานเท่านั้นโดยไม่มี

เจตนาชี้นำหรือส่งเสริมการกระทำใดๆ

ที่เกิดขึ้นในนิยาย ตัวละครหรือเนื้อหา

อาจจะมีการใช้ความรุนแรงทางเพศ

และตัวละครอาจมีการใช้คำพูดที่ค่อน

ข้างจะหยาบคายแต่เพื่อความสมจริง

และเพิ่มอรรถรสให้กับนิยายได้สมจริง

มากขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการ

อ่านด้วยนะคะ ขอขอบคุณพระคุณ

ไว้ล่วงหน้าหากท่านจะมาเป็นผู้ใหญ่

ใจดีอุดหนุนsupportนิยายเรา🙏🙏🙏
























สารบัญ

บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 1 จะจีบหรืออะไร?,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 2 อาคาเดรคือเป้าหมาย,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 3 หนูเป็นสายเลือดสุดพิเศษค่ะ,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 4 ลาแล้วโลกที่เคยอยู่,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 5 คุณเป็นแม่เก่าหนูหรอ,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 6 เพื่อนเก่าในโลใหม่

เนื้อหา

ตอนที่ 2 อาคาเดรคือเป้าหมาย

07:34 นาที

บ้านพิเศษโสณี



"แม่คะ!! ยัยชะดาหลานสาวคนสวยของคุณแม่

ยังไม่เสด็จตื่นลงมากินข้าวอีกหรอคะเนี่ยตายจริง

สายตะวันโด่งขนาดนี้แล้วยังจะไม่ตื่นอีก ขืนเป็น

แบบนี้ต่อไปไม่มีใครเอาไปเป็นเมียแน่นอนเลย

เด็กคนนี้นี่ชอบให้บ่นจริง(แม่บัว)"



เสียงเจื้อยแจ้วเป็นแม่นกแก้วจอมขี้บ่นนั่นก็คือ

คุณบัวคำแสนคุณแม่ที่มีฝีปากแจ๋วไม่แพ้พวก

แม่ค้าปากตลาดในเมืองที่กำลังบ่นให้แม่ลูกสาว

ตัวดีที่ชอบตื่นสายอยู่เป็นประจำคนนั้นก็คือชาดา

แม่บัวบ่นงึมงำไปเรื่อยจนคุณยายสมรจำจะต้อง

คอยพูดห้ามปรามให้เงียบปาก



"เมื่อคืนเห็นว่าปวดหัวแท่เลยเอายาให้กินสงสัย

ว่าจะตื่นสายเพราะฤทธิ์ของยาล่ะมั้งแม่บัวคำ

อย่าชอบบ่นนักเลยถึงเวลาเดี๋ยวเขาก็คงจะตื่น

ขึ้นมาเองนั่นแหละนะ เขาโตแล้วปล่อยๆเขาไป

บ้างเถอะนะแม่บัว(ยายสมร)"



"คุณนายสายสมรคะก็ให้ท้ายกันแบบนี้ไงคะ

ยัยเด็กคนนั้นถึงได้โตมาเป็นแบบนี้ เอาแต่ใจ

จนเคยตัวอะไรๆก็ทำไม่เป็น(แม่บัว)"



"เอาเถอะๆเป็นความผิดฉันเองพอใจเธอรึยัง

เดี๋ยวฉันคนนี้จะขึ้นไปปลุกเขาเองพอใจมั้ย

แม่บัว(ยายสมร)"



ว่าแล้วคุณยายสายสมรวัยเจ็ดสิบสองปีก็ลุก

ขึ้นพยุงตัวเองเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองเพื่อที่

จะไปปลุกแม่สาวขี้เซาให้ตื่นลงไปกินข้าวเช้า

พอเดินไปถึงหน้าห้องคุณยายก็ใช้มือเคาะไป

ที่บานประตูเบาๆพร้อมกับร้องเรียกชื่อชาดา

หลานสาวคนโปรดของเธอ แต่ไม่ว่าคุณยาย

จะเรียกปานใดสุชาดาก็ไม่ตอบกลับจนคนที่

ขึ้นมาเรียกจำต้องถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป

เพื่อดู พอบานประตูเปิดสายตาที่พร่ามัวก็มอง

ไปทั่วห้องก่อนจะไปหยุดที่เตียง สายตานั้น

มองเห็นผู้เป็นหลานสาวนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม

หลับสนิทอย่างสบายใจ



"ชะดาลูก ตื่นได้แล้วกำลังจะสายแล้วนะชะดา"



เสียงเรียกสั่นเครือบวกกับการเขย่าตัวสักพัก

จึงทำให้คนที่นอนอยู่สะดุ้งตื่นได้สติขึ้นมาเลย

ชาดาลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองมองหน้าของ

คุณยายของเธอไม่ค่อยชัดแต่พอผ่านไปสักพัก

ก็กลับมามองเห็นชัดเจนเหมือนเดิม แบบนั้นเธอ

จึงไม่ได้คิดอะไรคิดแว๊บนึงในหัวแค่ว่าจู่ๆทำไม

ตัวเองถึงมองเห็นไม่ชัดเจนแต่ความคิดนั้นก็

พลันมลายหายไปเมื่อเธอกลับมาเห็นภาพนั้น

ชัดเหมือนเดิมแล้วปกติแล้ว



"คุณยาย!! ทำไมถึงได้ขึ้นมาชั้นสองคนเดียว

อีกล่ะคะหนูก็พูดไปตั้งหลายครั้งแล้วนี่คะว่า

คุณหมอห้ามไม่ให้คุณยายปีนบันไดสูงๆ ทำ

แบบนี้คุณยายอยากจะทำให้ชะดาเป็นห่วง

ใช่มั้ยคะเนี่ย"



"จะให้ยายทำไงล่ะ ก็ยายเรียกเราแล้วแต่เรา

ไม่ยอมตื่นสักทียายก็เลยขึ้นมาปลุกเองซะเลย

แม่เราจะได้เลิกบ่นสักที"



"คุณแม่บ่นหนูอีกแล้วหรอคะ บ่นเรื่องเดิมๆอีก

แล้วใช่มั้ยคะคุณยาย งั้นคุณยายรอหนูชะดา

แป๊บเดียวหนูขอไปล้างหน้าแปลงฟันสักครู่นะ

เดี๋ยวเรายายหลานค่อนเดินลงไปพร้อมกัน"



ชาดาพอพูดจบก็รีบวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำไปเพื่อ

จะรีบไปล้างหน้าแปลงฟังแล้วลงไปกินข้าว

ก่อนที่ระเบิดเวลาจะทำงาน คุณยายสายสมร

ฉีกยิ้มกรุ่มกริ่มพร้อมกับสายหน้าเบาๆเพราะ

รู้สึกว่าหลานสาวของคนนี้เจ้าแผนการสุดจริงๆ

เธอคงคิดไว้แล้วว่าถ้าเธอให้ยายของเธอลงไป

ก่อนเธอคงจะต้องถูกแม่ของเธอด่ายับตอนลง

ไปเธอจึงขอให้คุณยายอยู่ต่อเพื่อที่เธอจะได้ใช้

คุณยายช่วยเป็นโล่กำบังภัยอันตรายจากแม่บัว

ขาโหดของเธอ



"เฮ้ย!!! เจ้าเด็กแสบคนนี้นี่จริงๆเลยนิสัยแสบ

ขนาดนี้อนาคตต่อไปใครนะจะเป็นคนมาปราบ

พยศ คงต้องลำบากมากแน่ๆเลย"



เมื่อภารกิจทุกอย่างเสร็จสิ้นเจ้าตัวแสบก็ไป

มหาลัยแล้วทั้งพ่อแม่และคุณยายสมรก็ต่าง

พากันสุมหัวออกไอเดียเรื่องเซอร์ไพรส์งาน

วันเกิดของชาดา ส่วนชาดาที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร

วันนี้เธอก็ยังไปเรียนตามปกติแต่ที่ไม่ค่อยจะ

ปกติก็คือร่างกายเพราะเมื่อวันก่อนตอนที่เธอ

เดินตามหลังจะไปอธิบายกับรุ่นพี่พอกลับมา

สุชาดาก็ถูกคนรอยทำร้าย ชาดาเธอถูกคนตี

ท้ายทอยจนสลบแต่เมื่อจะหาหลักฐานเอาผิด

ก็ไม่มีเพราะในที่ๆเธอถูกคนดักตีหัวเป็นมุมอับ

กล้องวงจรปิดส่องไปไม่ถึง เธอจึงไม่สามารถ

รู้ได้เลยว่าเป็นใครกันแน่ที่ทำร้ายเธอเขาทำร้าย

ด้วยจุดประสงค์ใดกันแน่



"เป็นใครกันนะที่ทำร้ายเราแล้วทำไมถึงได้ทำ

เราก็ไม่เคยไปมีปัญหากับใครสักหน่อยนี่นา

เอะ!!!! จะเป็นไปได้มั้ยว่าเขาตีกระบาลผิดคน"



ชาดาพูดไปพูดมาจู่ๆเธอก็พบว่าตัวเองเดินมา

ถึงที่หน้าตึกเรียนแล้ว ชาดาเดินใจลอยคิดอะไร

ไปเรื่อยจนเพื่อนสาวทั้งสี่ของเธอพบเห็นพิรุธ



"ไงจ้ะเด็กน้อย!!! เมื่อวานหายหน้าไปเลยนะคะ

บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าตามไปอธิบายกับรุ่นพี่ซอฟ

ไปถึงไหนไปทำอะไรอย่าบอกนะว่า แกคงไม่ได้

ถูกพี่เขาหิ้วไปต้มยำทำแกงตั้งแต่เมื่อวานหรอก

นะใช่มั้ยนังชะนี(แอเรียล)"



"ต้มยำทำแกงบ้าอะไรล่ะยัยแอเรียล เมื่อวาน

พวกแกฉันถูกคนทำร้ายนอนสลบไม่ได้สติอยู่

ข้างตึกขาวหลังเก่าเกือบตายแล้วรู้เปล่า(ชาดา)"



"ว่าไงนะชะดา!!! ถูกทำร้ายแล้วเป็นไงบ้างอ่ะ

เจ็บตรงไหนมั้ยเป็นอะไรมากหรือเปล่า(ตั้ล)



ตั้งรีบวิ่งแจ้นโผเข้าไปหาชาดาอย่างรวดเร็ว

พร้อมกับยิ่งคำถามใส่ชาดาแบบรัวยับโดยที่

ไม่ได้รอฟังคำตอบอะไรจากชาดาเลย ตั้ลทั้ง

จับตัวชาดาหมุนไปมาเพื่อดูว่าเพื่อนรักของเธอ

มีตรงไหนที่สึกหรอบ้างมั้ยหรือได้รับบาดแผล

อะไรหนักหนาหรือเปล่า



"ไปทำอีท่าไหนถึงได้ถูกคนทำร้ายได้ล่ะชะดา

อย่าบอกนะว่าคนที่ทำร้ายแกเป็นรุ่นพี่ซอฟอ่ะแก

ถ้าเป็นแบบนั้นจริงฉันจะพาแกไปแจ้งตำรวจ

แกบอกมาว่าใครทำไอ้อีคนนั้นมันเป็นใครกัน

ถึงได้ใจกล้าขนาดนี้(ยูเน่)"



ทั้งสี่สาว ยูเน่ ตั้ล แอเรียล มิริน ต่างพากันรีบ

ลากตัวชาดาเพื่อนรักไปสอบสืบสวนเพื่อจะพา

เพื่อนไปแจ้งตำรวจให้ตามหาคนร้ายมารับผิด



ณ.อีกฟากฝั่งของจักรวาลอันแสนไกลโพ้น

ปัจจุบันยังมีดาวเคราะห์น้อยอีกดวงหนึ่งที่

มีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายคลึงกับดาวโลก

ของเราที่ชื่อฟลอเทียร์

ฟลอเทียร์เป็นอีกหนึ่งดาวเคราะห์น้อยที่มีอะไร

หลายๆอย่างเหมือนกับโลกของเรา บนดาวดวง

นี้ก็มีมนุษย์อาศัยอยู่มากกว่า 30,985,909 ชีวิต

สภาพแวดล้อมคล้ายคลึงกับโลกของเราอยู่มาก

ที่นั่นมีแค่สามฤดูกาล ฤดูหิมะ ฤดูฝน และฤดูร้อน

ที่ฟลอเทียร์หิมะจะตกเกือบทั้งปีถ้าให้นับเป็น

สัดส่วนก็คงจะมีมากถึงเจ็ดในสิบส่วนฝนก็จะตก

แค่เพียงสองส่วนและอีกหนึ่งที่เหลือส่วนก็คือ

ฤดูร้อน แต่ฤดูร้อนของที่นั่นอากาศร้อนที่สุดจะ

ถึงเพียง10องศาเท่านั้นนอกจากนั้นอุณหภูมิ

เกือบทั้งปีก็จะติดลบตลอดและหนาวสุดของ

ที่นั่นก็น่าจะเป็นติดลบเกือบ-70 องศาเซลเซียส

บนดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ถูกแบ่งดินแดนปกครอง

เป็นสี่กรุงนั่นคือ บีดีมัลล์ มีเตฟาส อุรุกมัลล์ และ

พาโจล ถึงจะมีสี่กรุงใหญ่แต่ก็มีเจ้าฟ้าเพียงองค์

เดียวคือ ทาเรนเดรส ราชวงศ์เจ้าฟ้ากษัตริย์แห่ง

ฟลอเทียร์ 



ชาวฟลอเทียร์กินแป้งและผลไม้เป็นอาหารหลัก

แป้งได้มาจากแกนต้นอาคะรี ต้นอาคะรีเป็นพืช

ที่มหัศจรรย์เมื่อมันโตเต็มวัยชาวฟลอเทียร์จะตัด

ต้นของมันลงมากระเทาะเปลือกออกแล้วเอาแกน

กลางของต้นมาย่างไฟเมื่ออาคะรีสุกก็นำเอามา

ตัดเป็นชิ้นแล้วเข้าเครื่องบดแล้วจะออกมาเป็น

แป้งไว้ใช้ทำอาหาร ส่วนผลไม้ที่ชาวฟลอเทียร์

นิยมชอบเอามากินก็จะมี ปิจัว=กล้วย พูดีรา=องุ่น

อังคัส=เลม่อน เมคบัล=อะโวคาโด บูคอัล=แตง

หรือแคนตาลูปและทึรัง=น้ำผึ้ง สำหรับราดผลไม้



 



  ~~~~~ปึ๊ก ปึ๊ก ปึ๊ก ปึ๊ก~~~~~



เสียงดังกึกก้องขึ้นมาจากประตูห้องนอนของ

อีสซีสาวน้อยวัยยี่สิบลูกสาวคนเดียวของบ้าน

ที่ไม่ว่าจะฝนตกแดดออกหิมะตกเธอก็จะตื่น

สายและชอบหมกตัวอยู่แต่ในห้องนอนของเธอ

คอยชื่นชมไอดอลสุดหล่อของเธออยู่ในห้อง

อีสซีเธอเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวยหุ่นผอมบาง

เอวเล็กคอดกิ่วที่สำคัญคือเธอบ้าดาราขั้นสุด

เรียกได้ว่าทุกอณูรูขุมขนยันเงาหรือจิตวิญญาณ

ของเธอคือหลงไหลดารามากๆ มากซะจนเธอ

หาทุกวิถีทางไปสมัครเป็นคนทำงานในบริษัท

สรรสร้างดาราเพื่อที่จะได้เห็นหน้าค่าตากับ

ดาราไอดอลคนนั้นของเธอ และวันนี้ก็คือวันไป

สอบสัมภาษณ์งานของเธอกับบริษัทอาคาเดร

ซึ่งเป็นบริษัทที่ บีดีสเวล ไอดอลศิลปินดาราที่

เธอชื่นชอบสังกัดอยู่ เธอปฏิญาณกับตัวเองไว้

แล้วว่าไม่ว่าจะได้ทำงานในแผนกใดก็ช่างขอแค่

เธอได้เข้าทำงานที่นั่นได้เห็นหน้าหล่อๆของเขา

ไม่ว่าจะต้องทำอะไรยังไงเธอก็จะรับทำหมดเลย



"อีสซี!!! ลูกตื่นแล้วรึยังไหนบอกว่าวันนี้มีนัดไป

สัมภาษณ์งานพิเศษไงจ้ะตื่นเถอะองค์หญิงของ

แม่ตื่นได้แล้วนะลูกจะสายแล้วนะรู้มั้ย(แม่ดีลีส)"



"ค่ะแม่หนูตื่นแล้วค่ะ พอดีเมื่อคืนหนูนอนดึกหนู

หาข้อมูลการสัมภาษณ์(อีสซี)"



"ถ้าลูกสายอีกนิดก็อาจจะไม่ทันการณ์แล้วจริงๆ

แม่เตรียมมื้อเช้าไว้ให้บนโต๊ะนะลูกรัก อีกเดี๋ยว

ถ้าลูกแต่งตัวเสร็จก็ออกมาทานอะไรก่อนไปล่ะ

แล้วก็ห้ามบอกว่าจะไม่กินนะ(แม่ดีลีส)"



สองแม่ลูกถึงบางวันจะหยุมหัวกันอยู่บ้างแต่

พอเอาเข้าจริงทั้งคู่ก็ร่วมมือร่วมใจกันในการ

ฝ่าฟันอุปสรรคนาๆ อีสซีทำธุระส่วนตัวเสร็จก็

รีบหอบหิ้วตัวเองที่ผอมบางออกมาจากห้องแล้ว

สาวเท้าวิ่งตรงมาที่โต๊ะอาหารที่คุณแม่ที่แสนดี

ตัดเตรียมไว้รอตั้งแต่เช้าตรู่



"คราวนี้จะไปสัมภาษณ์งานเกี่ยวกับอะไรเหรอ

ลูกคงไม่ได้จะไปทำงานที่อาคาเดรจริงๆใช่มั้ย

ลูกก็รู้ว่าถ้าแฟนคลับของเด็กหนุ่มคนนั้นรู้เข้า

พวกหล่อนคงไม่เอาลูกไว้แน่นอนนะอีสซี"



"แม่คะแม่วางใจเถอะค่ะหนูจะสงบเสงี่ยมแล้ว

ก็เจียมตัว หนูจะทำตัวเนียนกลมกลืนกับคนอื่น

จนพวกเขาจับหนูไม่ได้ไล่ตามหนูไม่ทันเลยล่ะ

หนูรับรองว่าพวกเขาจะไม่รู้แน่ว่าหนูเป็นใครหนู

มีไอดอลชื่อว่าอะไร"



อีสซีเธอถูกเลี้ยงตามใจมาตลอด ตั้งแต่เด็กๆเธอ

ก็เป็นตัวป่วนกวนสำนักอยู่ไม่เคยขาด ถึงเธอ

จะมีใบหน้าที่ใสซื่อผุดผ่องก็จริงแต่ภายในจิตใจ

ของเธอกลับตรงกันข้ามเธอมีความคิดที่ค่อนข้าง

จะลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนและยากที่จะคาดเดา



"จ้าๆจ้าาาา แม่คนเก่งยิ่งแม่คนรอบคอบของแม่

จะทำอะไรก็ให้นึกถึงอนาคตของตัวเองไว้เป็น

หลักนะลูก อย่ามัวแต่ห่วงเล่นสนุกไปวันๆเพราะ

อีกไม่กี่ปีลูกก็ควรแต่งงานมีครอบครัวได้แล้วนะ"



"รับทราบค่ะท่านหญิงดีลีสเดรีย พระองค์หญิง

น้อยผู้นี้จะไปตามหารักแท้แล้วนะคะเจอกันเย็น

นี้นะคะท่านหญิง...บ๊าย!!!"



.

.

.

.

.

⏭️โปรดติดตามตอนต่อไป⏩





​​​​​​