เมื่อเด็กสาวที่ป่วยใกล้ตายวิงวอนขอพรต่อสวรรค์ขอให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ฟังเสียงร้องจากเธอ เธอตายจากไปจากโลกนี้ไปแต่จู่ๆเธอกลับได้ไปพบเจอกับโลกใหม่อีกใบที่แสนประหลาด

บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ) - ตอนที่ 4 ลาแล้วโลกที่เคยอยู่ โดย M990 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,อื่นๆ,จูบฉ่ำ,พระเอกขี้หึง,โลกคู่ขนาน,เอาแต่ใจ,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกครั่งรัก,หึงหวง,รักแฟนตาซี,ครั่งรัก,โรมานซ์แฟนตาซี,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,ต่างโลก,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

จูบฉ่ำ,พระเอกขี้หึง,โลกคู่ขนาน,เอาแต่ใจ,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกครั่งรัก,หึงหวง,รักแฟนตาซี,ครั่งรัก,โรมานซ์แฟนตาซี,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,ต่างโลก,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

เมื่อเด็กสาวที่ป่วยใกล้ตายวิงวอนขอพรต่อสวรรค์ขอให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ฟังเสียงร้องจากเธอ เธอตายจากไปจากโลกนี้ไปแต่จู่ๆเธอกลับได้ไปพบเจอกับโลกใหม่อีกใบที่แสนประหลาด

ผู้แต่ง

M990

เรื่องย่อ

สุชาดาเด็กสาววัยสิบเก้าปีบริบูรณ์จู่ๆในคืน


วันเกิดของเธอก็เกิดเรื่องราวเลวร้ายบางอย่าง

ขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว วันที่13-3-2023 คือวัน

คล้ายวันเกิดของเธอในอายุครบสิบเก้าปีบริบูรณ์

ในตอนนั้นที่เกิดเรื่องคือเวลาจากห้าทุ่มห้าสิบห้า

ไปจนถึงเที่ยงคืนห้านาทีซึ่งเป็นเวลาของการที่

เวลาของดาราจักรกำลังจะปรับเปลี่ยนดวงพอดี

ตอนนั้นสุชาดากำลังจะเข้านอนหลังจากที่เธอ

และครอบครัวและเพื่อนพ้องฉลองวันเกิดเธอ

เสร็จ วินาทีที่เธอกำลังจะขึ้นไปนั่งบนเตียงจู่ๆ

เธอก็รู้สึกหน้ามืดแล้วก็ล้มลงสู่พื้นในทันทีแล้วก็

สลบไปในที่สุดโดยที่เธอยังคุยสายค้างอยู่กับ

ใครคนหนึ่งอย่างมีความสุข



"พรุ่งนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะไปสารภาพรัก

กับพี่เขา ฉันจะใจกล้าหน้าด้านขอพี่เขาเป็น

แฟนฉันช่วยเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ"



"............…............"



"หมายความว่าไง!!!!!!"



ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนปลายสายพูดอะไรกับเธอ

หรือเป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ที่จู่ๆก็ทำให้

เธอล้มลงไปกองอยู่กับพื้นพร้อมกับการหมดสติ

ไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว พอรุ่งเช้าเธอตื่นขึ้นมา

เธอก็ได้พบว่าตัวเองได้นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย

ที่โรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง หลังจากที่ลืมตาขึ้น

มาเธอก็เห็นพ่อแม่พี่น้องญาติคนสนิทและเพื่อนๆ

ของเธอยืนล้อมข้างเตียงของเธอเต็มไปหมดและ

สีหน้าของแต่ละคนก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนักโดยเฉพาะ

คุณยายและคุณแม่ของเธอที่บนใบหน้าเห็นมีแต่

คราบน้ำตาเปื้อนหน้าเต็มไปหมด ทั้งสองคนต่าง

นั่งกุมมือสวยๆของเธออยู่อย่างไม่ห่างวางตาเลย

เหมือนภายในใจกำลังมีเรื่องให้กลุ้มใจอย่างหนัก

สุชาดาค่อยๆตื่นลืมตาขึ้นมาช้าๆเพราะเธอรู้สึกว่า

ตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นเหนือการควบคุมมาก

จากสมองของเธอ ทันทีที่เธอมองเห็นทุกอย่าง

ได้อย่างชัดเจนเธอก็รีบฉีกยิ้มส่งให้กับทุกคน

เพื่ออยากจะบอกว่าตอนนี้ตัวเธอนั้นสบายดีแล้ว



"แม่คะแม่เป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้ล่ะเกิดอะไร

ขึ้นหรอทำไมทุกคนถึงได้กลับมาอีกล่ะไม่ใช่ว่า

เมื่อกี้ทุกคนกลับบ้านไปนอนกันหมดแล้วหรอ

หรือว่ามีเซอร์ไพรส์วันเกิดอะไรให้หนูอีกหรอก

นะคะคุณแม่คุณยาย"



"ชาดาลูก!!! อย่าพึ่งพูดอะไรมากเลยนะคนดี

ของยายตอนนี้หลานสาวคนดีของยายหิวมั้ย

อยากกินน้ำหรือหิวข้าวหรือเปล่าลูก"



"คุณยายคะคุณยายเป็นอะไรคะร้องไห้ทำไม

เจ้านันตามันทำอะไรให้ยายโมโหอีกแล้วใช่มั้ย

คะเนี่ย คุณยายไม่ร้องนะเดี๋ยวหนูจะจัดการมัน

ให้คุณยายนะโอเคมั้ย ไม่ร้องนะคะไม่ร้อง"



สุชาดายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าให้กับ

คุณยายสมรของเธอพร้อมกับเอ่ยปลอบใจโดย

ที่เธอก็ยังไม่ได้คิดเอะใจอะไรกับพฤติกรรมที่

แปลกไปของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น พอเธอฟื้นขึ้น

มาได้เพียงไม่นานเหล่าคุณหมอและพยาบาลก็

ต่างพากันได้วิ่งวุ่นเข้ามาในห้องของเธออีกครั้ง

เพราะเมื่อเธอฟื้นขึ้นมาได้ไม่นานเธอก็เกิดอาการ

หัวใจวายเฉียบพลันช็อกหมดสติไปอีกครั้งโดย

ที่ครั้งนี้อาการเธอนั้นหนักลงกว่าเดิมมาก



"คุณหมอคะลูกของฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ

ทำไมแกที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาก็กลับไปเป็นแบบนี้ได้

อีกบอกเราเถอะค่ะคุณหมอ"



"หมอต้องบอกแบบนี้ครับ ผู้ป่วยตอนนี้หลังจาก

ที่ช่วยกลับมาได้อาการก็ยังคงทรงตัวอยู่ครับ

แต่หมอก็ยังคงยืนยันคำเดิมครับว่าให้ญาติเริ่ม

เตรียมใจไว้เลยเพราะเธอเป็นระยะสุดท้ายแล้ว

ที่ผ่านมาโรคไม่ส่ออาการให้เห็นอาจเป็นเพราะ

ร่างกายของคนไข้แข็งแรงและมีจิตใจที่เข้มแข็ง

ตอนนี้ก็ทำได้แค่พยุงอาการไม่ให้ทรุดลงกว่านี้

หมอจะจัดยาเพื่อไม่ให้เธอเจ็บปวดมากก่อนเธอ

จะจากไป"



"ลูกของฉันจะไม่รอดแล้วหรอคะไม่มีทางรักษา

ได้เลยงั้นหรอคะคุณหมอ ช่วยเธอหน่อยเถอะ

นะคะเธออายุเพิ่งจะสิบเก้าปีเองได้โปรดเถอะค่ะ

หาทางช่วยเธอที"



"ญาติคนไข้ครับ หมอเองก็รู้ดีแล้วในใจก็เห็นใจ

คนไข้มากเหมือนกันแต่ในสามเดือนที่ผ่านมานี้

เราหาทางและปรึกษากับหลายๆโรงพยาบาลแม้

กระทั่งหมอผู้เชี่ยวชาญที่ต่างประเทศแล้วทุกคน

ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเคสนี้หาได้ยากมากๆ

ปกติแล้วคนไข้ส่วนมากถ้ามีเนื้องอกที่มีก้อนใหญ่

มากขนาดนี้เกิดขึ้นในร่างกาย ร่ายกายน่าจะมี

ปฏิกิริยาอะไรบ่งบอกออกมาบ้างแต่นี่เธอเป็นมา

นานมากแล้วจนเข้าขั้นระยะสุดท้ายของโรคแล้ว

เธอจะมามีอาการก็ตอนที่หนักแล้วไม่สามารถที่

จะรักษาได้แล้ว ผมไม่อยากจะพูดคำนี้หรอกนะ

ครับแต่ไม่มีทางรักษาได้แล้วจริงๆหมอเสียใจด้วย

จริงๆนะครับ เธออาจจะอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนแล้ว

ในระหว่างนี้ถ้าเกิดคนไข้ฟื้นขึ้นมาญาติก็ควรใช้

เวลากับคนไข้ให้ได้มากที่สุดอยู่กับเธอเป็นกำลัง

แรงใจให้เธอเผื่อเธอจะอยู่กับเราให้ได้นานที่สุด"



"ไม่เกินเดือน!!!! ยัยหนูของยาย"





สุชาดาหลังจากช็อกแล้วถูกยื้อชีวิตกลับคืนมา

ได้อีกครั้งพอหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาสีโลกของ

เธอก็เปลี่ยนไป เธอเมื่อได้สติกลับคืนมาแต่ยัง

ไม่ทันจะได้ลืมตามองดูหน้าใครๆหูของเธอก็

พลันได้ยินคำพูดของคนในครอบครัวของตัวเอง

จนหมดแล้วว่าเธออาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึง

หนึ่งเดือนสาเหตุเป็นเพราะเธอมีเนื้องอกในก้าน

สมองซีกซ้ายขนาดใหญ่อีกทั้งเจ้าเนื้องอกตัวนี้

ก็ได้ก่อเป็นมะเร็งที่ร้ายแรงไปแล้วทั่วสมองถึง

แม้นว่าถ้าผ่าก็ใช่ว่าจะมีทางรอดโอกาสที่จะรอด

นั้นเป็นศูนย์ เนื้อก้านสมองถูกมะเร็งกัดกินลาม

เป็นวงกว้างไปทั่วทุกที่ของสมองเพราะฉะนั้น

หมอจึงแนะนำให้ญาติคนไข้ทำใจ และมันก็เป็น

แบบนั้นจริงๆสุชาดาอยู่ได้ไม่ถึงเดือนเธอก็พลัน

จากโลกใบนี้ไปอย่างสงบ



"ถ้านรกหรือสวรรค์มีจริงได้โปรดท่านช่วยรับฟัง

คำขอจากหนู นางสาวสุชาดา พิเศษโสณี คนนี้

สักครั้งจะได้มั้ยคะปีนี้หนูเพิ่งจะอายุแค่สิบเก้าปี

เองนะคะท่าน ท่านใจดีให้หนูได้เกิดมาแล้วทำไม

ท่านไม่ปล่อยให้หนูได้อยู่สร้างความดีให้โลกใบนี้

อีกสักหน่อยล่ะคะท่าน หนูยังไม่มีโอกาสได้เรียน

มหาลัยให้จบเลยหนูยังไม่มีโอกาสที่จะหาเงินมา

ตอบแทนคุณพ่อแม่ปู่ย่าตายายเลยหนูยังไม่ได้

มีโอกาสพาครอบครัวของหนูไปเที่ยวที่ไหนสวยๆ

สักที่เลยหนูยังไม่มีโอกาสได้คุยกับน้องชายดีๆ

เลยเราสองคนพี่น้องส่วนมากก็เอาแต่ทะเลาะกัน

ตลอดจนพ่อแม่ต้องไม่ค่อยสบายใจ หนูเป็นพี่สาว

โตจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่เคยได้สอนน้องทำการบ้าน

เลยสักครั้งแล้วอีกอย่างหนูโตมาจนถึงป่านนี้หนู

ยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคนเมื่อหลายเดือนก่อนนี้

หนูเพิ่งจะไปแอบชอบรุ่นพี่คนนึงมากะว่าจะได้ไป

สารภาพรักกับพี่เขาอยู่แล้วแท้ๆแต่ท่านก็จะมา

พรากหนูไปเสียก่อน แบบนี้หนูจะพูดว่าท่านทำ

กับหนูแบบไม่ค่อยจะยุติธรรมเลยหนูพูดได้มั้ยคะ

หนูอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อถึงจะให้ได้ไม่นานอย่าง

น้อยๆก็น่าจะให้หนูได้เตรียมใจก่อนสักนิดนะคะ

หนูขอสักปีสองปีก็ได้ถ้าปีสองปีมันมากไปหนูขอ

แค่ปีเดียวก็ได้สิบเดือนก็ได้ห้าวันก็ยังดีให้หนูได้

มีโอกาสได้ทำใจได้บอกลาครอบครัวหนูอีกสัก

หน่อยจะได้รึเปล่า ขอร้องล่ะค่ะท่านอย่าใจร้าย

กับเด็กน้อยอย่างหนูนักเลยได้โปรดเถอะนะคะ

ได้โปรดให้หนูได้ร่ำลาพวกเขาอีกสักนิดก่อนไป

ได้มั้ยคะได้โปรดล่ะหนูขอร้องนะคะท่าน"



------ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด------



เสียงเครื่องวัดชีพจรร้องดังขึ้นยาวๆเพื่อแจ้งเตือน

ว่าคนไข้ได้เสียชีวิตแล้ว ลมหายใจเฮือกสุดท้าย

ของสุชาดาถูกพ้นออกมาใส่หน้ากากเครื่องช่วย

หายใจเพียงเสี้ยววินาทีแล้วก็หมดลงไปหลังจาก

นั้นในห้องก็มีแต่เสียงร้องไห้โดยความโศกเศร้า

และเสียใจกับการจากไปของผู้เป็นที่รักคนหนึ่ง

ของครอบครัวพิเศษโสณี สุชาดาหลั่งน้ำตาหยด

สุดท้ายออกมาแล้วจากไปอย่างกายสงบแต่ภาย

ในจิตใจกลับมีแต่ความหม่นหมองจิตใต้สำนึก

ของใจกลับเต็มไปด้วยคำขอร้องจากสวรรค์หรือ

คนที่กุมอำนาจอยู่เบื้องบนฟ้าที่แสนไกล





อีกหนึ่งซีกของมิติจักรวาลแสนไกล



ณ.กรุงบีดีมัลล์ แห่งฟลอเทียร์



"ท่านคะได้โปรดให้โอกาสหนูได้มีชีวิตอีกครั้ง

เถอะนะคะ ท่านคะหนูขอร้อง!!!!!"



เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มสดใสนอนหลับอยู่บนเตียง

เธอดิ้นไปดิ้นมาพร้อมกับพูดพร่ำเพ้อละเมออะไร

ออกมาโดยที่คนเป็นแม่ก็ฟังไม่ค่อยได้ความมาก

ดีลิสเดรียเดินเข้าห้องมาปลุกผู้เป็นลูกสาวอย่าง

เช่นทุกๆวันเพื่อไปทำงานให้ทันเวลา



"อิสซี!!! อิสซี!!!! ตื่นได้แล้วนะลูกรักสายแล้ว

อิสซีจ๊ะอิสซี!!!"



"แม่คะ!!!! หนูยังไม่อยากตายพ่อคะช่วยหนูที"







คำเตือน



ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่ หน่วยงาน

วิชาชีพต่างๆ และเหตุการณ์ที่มีการใช้

ความรุนแรงในนิยายเป็นแค่เรื่องสมมุติ

นิยายเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง

และความสนุกสนานเท่านั้นโดยไม่มี

เจตนาชี้นำหรือส่งเสริมการกระทำใดๆ

ที่เกิดขึ้นในนิยาย ตัวละครหรือเนื้อหา

อาจจะมีการใช้ความรุนแรงทางเพศ

และตัวละครอาจมีการใช้คำพูดที่ค่อน

ข้างจะหยาบคายแต่เพื่อความสมจริง

และเพิ่มอรรถรสให้กับนิยายได้สมจริง

มากขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการ

อ่านด้วยนะคะ ขอขอบคุณพระคุณ

ไว้ล่วงหน้าหากท่านจะมาเป็นผู้ใหญ่

ใจดีอุดหนุนsupportนิยายเรา🙏🙏🙏
























สารบัญ

บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 1 จะจีบหรืออะไร?,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 2 อาคาเดรคือเป้าหมาย,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 3 หนูเป็นสายเลือดสุดพิเศษค่ะ,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 4 ลาแล้วโลกที่เคยอยู่,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 5 คุณเป็นแม่เก่าหนูหรอ,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 6 เพื่อนเก่าในโลใหม่

เนื้อหา

ตอนที่ 4 ลาแล้วโลกที่เคยอยู่

ภายในบ้าน



"เป็นอะไรไปไหนลูกบอกกับแม่เองว่าลูกผ่าน

การสัมภาษณ์งานแล้วไม่ใช่รึไงลูกรัก ลูกได้

งานที่ใจใฝ่ปราถนาลูกก็น่าจะดีใจนะมันถึงจะ

ถูกหรือว่าผู้ชายคนนั้นไม่ตรงปกหรือเขาด่าว่า

ลูกหรือเขาไม่ชอบลูกสาวของแม่ ตอบแม่มาแม่

จะไปคุยกับเขาเอง"



​​​​​​ดีลีสเดรียสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆของอีสซี

ผู้เป็นลูกสาวหลังจากที่เธอนั้นกลับมาจากการไป

สัมภาษณ์งานที่บริษัทอาคาเดร อีสซีดูมีอาการ

ซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัดเจน เธอไม่ร่าเริงแจ่มใส

ทั้งๆที่เธอพึ่งจะได้รับการตอบรับจากที่ทำงานมา

เป็นที่เรียบร้อยแล้ว



"คุณแม่ขาาา!!! หนูรู้สึกเหมือนหนูอกหักทั้งๆที่

ยังไม่ได้สารภาพรักเลยค่ะแม่ ใจหนูในตอนนี้มัน

เหมือนถูกอะไรบางอย่างกดทับแทบจะหายใจ

ลำบากเหมือนจะขาดใจแต่ก็ไม่ขาด แม่คะหนู

ควรจะทำยังไงดีหนูรู้สึกไม่มีความสุขเลยจริงๆ"



"เพราะอะไรถึงทำให้ลูกรู้สึกแบบนั้นล่ะคะ เป็น

เพราะไอดอลของหนูคนนั้นหรอเขาไม่เหมือน

กับที่อยู่ในจอใช่มั้ยเขาดูลูกแม่หรอคะหรือเป็น

เพราะอะไรลูกคุยกับแม่ได้นะลูกรัก"



"หนูคิดมาตลอดว่าเรื่องข่าวลือที่บอดว่าพี่เขากับ

ผู้จัดการแอบกิ๊กกันมันไม่เป็นความจริงมันไม่น่า

ที่จะเป็นไปได้แต่เท่าที่หนูดูและเห็นในวันนี้หนู

พอจะเดาได้ว่าพี่เขาน่าจะแอบกิ๊กกันจริงๆค่ะแม่"



อีสซีนั่งคอตกหัวคิ้วขมวดแทบจะวิ่งชนกัน เธอ

มีสีหน้าที่เศร้าหมองมากๆเหมือนคนดวงใจกำลัง

จะแหลกสลายโดยที่ตัวเธอก็ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย

เธอถูกแม่ประคองให้ลุกเดินไปพักผ่อนในห้อง

ก่อนเธอจะแอบร้องไห้แล้วผล็อยหลับไปในที่สุด





อีกฝากฟ้าจักรวาลที่แสนไกล



โรงพยาบาลเอกชนแห่งที่หนึ่ง



ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

เสียงนี้เป็นเสียงของเครื่องช่วยวัดความดันและ

เครื่องช่วยวัดชีพจรในห้องไอีซียูห้องเบอร์แปด

ตอนนี้บนโลกมนุษย์จากวันเกิดของชาดาจนถึง

วันนี้ก็ผ่านมาแล้วเกือบจะสามเดือน ชาดาถูกพา

มารักษาตัวอยู่ที่นี่จะสามเดือนแล้วและอาการของ

เธอในแต่ระวังก็ไม่ค่อยจะคงที่สักเท่าไหร่เพราะ

เธอมักจะมีอาการช็อคและชักกระตุกอยู่เป็นระยะ

เนื่องเกิดมาจากเนื้องอกในสมองของเธอที่มันเริ่ม

ลุกลามเร็วขึ้นเรื่อยๆหลังจากเธอไม่ได้สติและ

หมอเจ้าของไข้ก็เคยพูดเป็นนัยๆไว้ครั้งหนึ่งแล้ว

ว่าเธออาจจะอยู่กับเราได้อีกไม่นาน



แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็มักจะแอบใจดีกับคนตกทุกข์

อยู่เสมอวันนี้จู่ๆเธอก็มีอาการตอบสนองกับเสียง

ของใครบางคนที่มาเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลและ

เธอก็มีปฏิกิริยากับเธอแค่คนเดียวคนนั้นก็คือมีมี่

เพื่อนรักสมัยเด็กของเธอที่เธอรักและไว้ใจที่สุด



"ชะดาได้โปรดเถอะนะเธอช่วยฟื้นลืมตาขึ้นมา

รับฟังคำขอโทษจากฉันสักครั้งจะได้มั้ยชะดา

เธอคือเพื่อนรักของฉัน ได้โปรดนะชะดาฉันกับ

เขาอยากจะขอโทษเธอด้วยใจจริงๆ ชะดาจ๋า"



สิ้นสุดคำพูดของมีมี่ชาดาก็มีปฏิกิริยาโดยการ

มีนิ้วกระตุกจนที่เข้าไปเยี่ยมไข้ต่างพากันแตกตื่น

เมื่อแม่บัวเห็นแบบนั้นก็รีบตามคุณหมอมาเช็คดู

อาการของลูกสาวอย่างไว และเมื่อคุณหมอได้

เข้ามาตรวจก็ปรากฏว่าชาดามีปฏิกิริยาตอบรับ

จากเสียงของมีมี่จริงๆ และอาจเป็นไปได้ที่ชาดา

อาจจะฟื้นขึ้นมาเร็วๆนี้



"หมอก็บอกไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะครับ

ว่าคนไข้จะฟื้นได้วันไหนแต่เท่าที่หมอตรวจดู

คุณไข้มีการตอบสนองจริงและคนไข้อาจจะฟื้น

ขึ้นมาอีกครั้ง ทุกอย่างเป็นไปได้หมดครับญาติ"



"ขอบคุณนะคะคุณหมอ!!! ขอบคุณ...คุณพระ

คุณเจ้าที่ฟังคำขอนี้จากลูกช้างลูกม้าตาที่ดำๆ

บุญไม่ว่าจะเป็นบุญเก่าแต่ชาติปางไหนหรือไม่

ว่าจะเป็นบุญใหม่ที่ลูกได้สั่งสมมาในชาตินี้ลูก

ขอใช้มันเพื่อแลกกับชีวิตของลูกสาวของลูก

ขอเพียงเธอฟื้นขึ้นมาและมีสุขภาพที่แข็งแรง

จะให้ลูกชดใช้ด้วยการทำบุญอีกเป็นร้อยชาติ

ลูกก็ยอม สาธุๆๆ"



แม่บัวคำแสนยกมือพนมก้มกราบต่อเทวดาฟ้าดิน

และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็นที่อยู่เหนือเกล้าและ

เหนือหัวทั้งคุณพระศรีรัตนตรัยที่ปกครองทั่วฟ้านี้



"อีกยี่สิบนาทีจะหมดเวลาเยี่ยมแล้วนะคะญาติ"



เสียงพูดที่ไพเราะนุ่มนวลจากคุณพยาบาลเจ้า

ประจำดังขึ้นเพื่อเตือนให้ญาติได้รู้ถึงเวลาเข้า

เยี่ยมนั้นใกล้จะหมดลงแล้ว สิ้นสุดเสียงของพี่

พยาบาลสาวจู่ๆแม่บัวก็ได้ยินเสียงแว่วๆมาจางๆ

เมื่อแม่บัวหันไปหาต้นเสียงก็เห็นว่าชาดาที่กำลัง

ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ทันทีที่แม่บัวเห็นว่า

ชาดากำลังลืมตาขึ้นมามองตนเธอก็ปล่อยโฮออก

มาทันทีด้วยความดีใจ



"ชะดาลูก!!!! ลูกของแม่ฟื้นแล้ว ใครก็ได้ๆไปตาม

คุณหมอทีเร็วเข้ามีมี่หนูช่วยไปตามหมอให้แม่ที"



ทุกคนในห้องไอซียูรวมถึงคนที่รออยู่ด้านนอก

ต่างพากันเฮลั่นดีอกดีใจยิ่งกว่าถูกรางวัลที่หนึ่ง

เมื่อคุณหมอทั้งตำแหน่งน้อยใหญ่พามากันตรวจ

เรียบร้อยก็ยอมปล่อยให้ญาติที่มารอเข้าเยี่ยม

ได้เยี่ยมและพูดคุยกับคนไข้อีกนิดหน่อย

สุชาดาเมื่อได้สติกลับคืนมาเกือบจะเต็มร้อย

เธอก็ได้พบว่าตัวเองได้นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย

ที่โรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง หลังจากที่ลืมตาขึ้น

มาเธอก็เห็นพ่อแม่พี่น้องญาติคนสนิทและเพื่อนๆ

ของเธอยืนล้อมข้างเตียงของเธอเต็มไปหมดและ

สีหน้าของแต่ละคนก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนักโดยเฉพาะ

คุณยายและคุณแม่ของเธอที่บนใบหน้าเห็นมีแต่

คราบน้ำตาเปื้อนหน้าเต็มไปหมด ทั้งสองคนต่าง

นั่งกุมมือสวยๆ ของเธออยู่อย่างไม่ห่างวางตาเลย

เหมือนภายในใจกำลังมีเรื่องให้กลุ้มใจอย่างหนัก

สุชาดาค่อยๆตื่นลืมตาขึ้นมาช้าๆเพราะเธอรู้สึกว่า

ตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นเหนือการควบคุมมาก

จากสมองของเธอ ทันทีที่เธอมองเห็นทุกอย่าง

ได้อย่างชัดเจนเธอก็รีบฉีกยิ้มส่งให้กับทุกคน

เพื่ออยากจะบอกว่าตอนนี้ตัวเธอนั้นสบายดีแล้ว



"แม่คะแม่เป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้ล่ะเกิดอะไร

ขึ้นหรอทำไมทุกคนถึงได้กลับมาอีกล่ะไม่ใช่ว่า

เมื่อกี้ทุกคนกลับบ้านไปนอนกันหมดแล้วหรอ

หรือว่ามีเซอร์ไพรส์วันเกิดอะไรให้หนูอีกหรอก

นะคะคุณแม่คุณยาย"



"ชาดาลูก!!! อย่าพึ่งพูดอะไรมากเลยนะคนดี

ของยายตอนนี้หลานสาวคนดีของยายหิวมั้ย

อยากกินน้ำหรือหิวข้าวหรือเปล่าลูก"



"คุณยายคะคุณยายเป็นอะไรคะร้องไห้ทำไม

เจ้านันตามันทำอะไรให้ยายโมโหอีกแล้วใช่มั้ย

คะเนี่ย คุณยายไม่ร้องนะเดี๋ยวหนูจะจัดการมัน

ให้คุณยายนะโอเคมั้ย ไม่ร้องนะคะไม่ร้อง"



สุชาดายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าให้กับ

คุณยายสมรของเธอพร้อมกับเอ่ยปลอบใจโดย

ที่เธอก็ยังไม่ได้คิดเอะใจอะไรกับพฤติกรรมที่

แปลกไปของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น พอเธอฟื้นขึ้น

มาได้เพียงไม่นานเหล่าคุณหมอและพยาบาลก็

ต่างพากันได้วิ่งวุ่นเข้ามาในห้องของเธออีกครั้ง

เพราะเมื่อเธอฟื้นขึ้นมาได้ไม่นานเธอก็เกิดอาการ

หัวใจวายเฉียบพลันช็อคหมดสติไปอีกครั้งโดย

ที่ครั้งนี้อาการเธอนั้นหนักลงกว่าเดิมมาก ครั้งนี้

คุณหมออาจารย์แพทย์เจ้าของไข้ของชาดาถึง

กับต้องเรียกญาติไปนั่งคุยกันอย่างเป็นทางการ



"คุณหมอคะลูกของฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ

ทำไมแกที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาก็กลับไปเป็นแบบนี้ได้

อีกบอกเราเถอะค่ะคุณหมอ"



"หมอต้องบอกแบบนี้ครับ ผู้ป่วยตอนนี้หลังจาก

ที่ช่วยกลับมาได้อาการก็ยังคงทรงตัวอยู่ครับ

แต่หมอก็ยังคงยืนยันคำเดิมครับว่าให้ญาติๆเริ่ม

เตรียมใจไว้เลยเพราะเธอเป็นระยะสุดท้ายแล้ว

ที่ผ่านมาโรคไม่ส่ออาการให้เห็นอาจเป็นเพราะ

ร่างกายของคนไข้แข็งแรงและมีจิตใจที่เข้มแข็ง

ตอนนี้ก็ทำได้แค่พยุงอาการไม่ให้ทรุดลงกว่านี้

หมอจะจัดยาเพื่อไม่ให้เธอเจ็บปวดมากก่อนเธอ

จะจากเราไป"



"ลูกของฉันจะไม่รอดแล้วหรอคะไม่มีทางรักษา

ได้เลยงั้นหรอคะคุณหมอ ช่วยเธอหน่อยเถอะ

นะคะเธออายุเพิ่งจะสิบเก้าปีเองได้โปรดเถอะค่ะ

หาทางช่วยเธอที"



"ญาติคนไข้ครับหมอเองก็รู้ดี แล้วในใจก็เห็นใจ

คนไข้มากเหมือนกันแต่ในสามเดือนที่ผ่านมานี้

เราหาทางและปรึกษากับหลายๆ โรงพยาบาลแม้

กระทั่งหมอผู้เชี่ยวชาญที่ต่างประเทศแล้วทุกคน

ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเคสนี้หาได้ยากมากๆ

ปกติแล้วคนไข้ส่วนมากถ้ามีเนื้องอกที่มีก้อนใหญ่

มากขนาดนี้เกิดขึ้นในร่างกาย ร่ายกายน่าจะมี

ปฏิกิริยาอะไรบ่งบอกออกมาบ้างแต่นี่เธอเป็นมา

นานมากแล้วจนเข้าขั้นระยะสุดท้ายของโรคแล้ว

เธอจะมามีอาการก็ตอนที่หนักแล้วไม่สามารถที่

จะรักษาได้แล้ว ผมไม่อยากจะพูดคำนี้หรอกนะ

ครับแต่ไม่มีทางรักษาได้แล้วจริงๆ หมอเสียใจ

ด้วยจริงๆนะครับ เธออาจจะอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน

แล้วในระหว่างนี้ถ้าเกิดคนไข้ฟื้นขึ้นมาญาติก็ควร

ใช้เวลากับคนไข้ให้ได้มากที่สุดอยู่กับเธอเป็น

กำลังแรงใจให้เธอเผื่อเธอจะอยู่กับเราให้ได้นาน

ที่สุด"



"ไม่เกินเดือน!!!! ยัยหนูของยาย"





สุชาดาหลังจากช็อคแล้วถูกยื้อชีวิตกลับคืนมา

ได้อีกครั้งพอหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาสีโลกของ

เธอก็เปลี่ยนไป เธอเมื่อได้สติกลับคืนมาแต่ยัง

ไม่ทันจะได้ลืมตามองดูหน้าใครๆ หูของเธอก็

พลันได้ยินคำพูดของคนในครอบครัวของตัวเอง

จนหมดแล้วว่าเธออาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึง

หนึ่งเดือนสาเหตุเป็นเพราะเธอมีเนื้องอกในก้าน

สมองซีกซ้ายขนาดใหญ่อีกทั้งเจ้าเนื้องอกตัวนี้

ก็ได้ก่อเป็นมะเร็งที่ร้ายแรงไปแล้วทั่วสมองถึง

แม้นว่าถ้าผ่าก็ใช่ว่าจะมีทางรอดโอกาสที่จะรอด

นั้นเป็นศูนย์ เนื้อก้านสมองถูกมะเร็งกัดกินลาม

เป็นวงกว้างไปทั่วทุกที่ของสมองเพราะฉะนั้น

หมอจึงแนะนำให้ญาติคนไข้ทำใจ และมันก็เป็น

แบบนั้นจริงๆ สุชาดาอยู่ได้ไม่ถึงเดือนเธอก็พลัน

จากโลกใบนี้ไปอย่างสงบ แต่ก่อนที่สุชาดาจะได้

เสียเฮือกลมหายใจสุดท้ายของเธอ เธอได้วิงวอน

ขอพรภาวนาต่อฟ้าดินและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีใน

สากลโลกเธอขอวอนเพียงอยากจะได้รับโอกาส

อำลาพ่อแม่ยายและน้องชายของเธอเป็นครั้ง

สุดท้ายก่อนลาจากโลกนี้ไปอย่างถาวร



"ถ้านรกหรือสวรรค์มีจริงได้โปรดท่านช่วยรับฟัง

คำขอจากหนู นางสาวสุชาดา พิเศษโสณี คนนี้

สักครั้งจะได้มั้ยคะปีนี้หนูเพิ่งจะอายุแค่สิบเก้าปี

เองนะคะท่าน ท่านใจดีให้หนูได้เกิดมาแล้วทำไม

ท่านไม่ปล่อยให้หนูได้อยู่สร้างความดีให้โลกใบนี้

อีกสักหน่อยล่ะคะท่าน หนูยังไม่มีโอกาสได้เรียน

มหาลัยให้จบเลยหนูยังไม่มีโอกาสที่จะหาเงินมา

ตอบแทนคุณพ่อแม่ปู่ย่าตายายเลย หนูยังไม่ได้

มีโอกาสพาครอบครัวของหนูไปเที่ยวที่ไหนสวยๆ

สักที่เลยหนู ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับน้องชายดีๆ

เลยเราสองคนพี่น้องส่วนมากก็เอาแต่ทะเลาะกัน

ตลอดจนพ่อแม่ต้องไม่ค่อยสบายใจ หนูเป็นพี่สาว

โตจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่เคยได้สอนน้องทำการบ้าน

เลยสักครั้ง แล้วอีกอย่างหนูโตมาจนถึงป่านนี้หนู

ยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคนเมื่อหลายเดือนก่อนนี้

หนูเพิ่งจะไปแอบชอบรุ่นพี่คนนึงมากะว่าจะได้ไป

สารภาพรักกับพี่เขาอยู่แล้วแท้ๆ แต่ท่านก็จะมา

พรากหนูไปเสียก่อน แบบนี้หนูจะพูดว่าท่านทำ

กับหนูแบบไม่ค่อยจะยุติธรรมเลยหนูพูดได้มั้ยคะ

หนูอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อถึงจะให้ได้ไม่นานอย่าง

น้อยๆ ก็น่าจะให้หนูได้เตรียมใจก่อนสักนิดนะคะ

หนูขอสักปีสองปีก็ได้ถ้าปีสองปีมันมากไปหนูขอ

แค่ปีเดียวก็ได้สิบเดือนก็ได้ห้าวันก็ยังดีให้หนูได้

มีโอกาสได้ทำใจได้บอกลาครอบครัวหนูอีกสัก

หน่อยจะได้รึเปล่า ขอร้องล่ะค่ะท่านอย่าใจร้าย

กับเด็กน้อยอย่างหนูนักเลยได้โปรดเถอะนะคะ

ได้โปรดให้หนูได้ร่ำลาพวกเขาอีกสักนิดก่อนไป

ได้มั้ยคะได้โปรดล่ะหนูขอร้องนะคะท่าน"



------ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด------



เสียงเครื่องวัดชีพจรร้องดังขึ้นยาวๆเพื่อแจ้งเตือน

ว่าคนไข้ได้เสียชีวิตแล้ว ลมหายใจเฮือกสุดท้าย

ของสุชาดาถูกพ้นออกมาใส่หน้ากากเครื่องช่วย

หายใจเพียงเสี้ยววินาทีแล้วก็หมดลงไปหลังจาก

นั้นในห้องก็มีแต่เสียงร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า

และเสียใจกับการจากไปของผู้เป็นที่รักคนหนึ่ง

ของครอบครัวพิเศษโสณี สุชาดาหลั่งน้ำตาหยด

สุดท้ายออกมาแล้วจากไปอย่างกายสงบแต่ภาย

ในจิตใจกลับมีแต่ความหม่นหมองจิตใต้สำนึก

ของใจกลับเต็มไปด้วยคำขอร้องต่อสวรรค์หรือ

คนที่กุมอำนาจอยู่เบื้องบนฟ้าที่แสนไกล



"ชะดาลูกแม่!!!! ไม่นะได้โปรด...คุณแม่คะยัย

ยัยชะดาของเรา!!!!"



คุณยายสายสมรถึงกับเป็นลมล้มพับไปเลยทันที

เมื่อรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วก็ยื้อชีวิตน้อยๆของหลาน

สานคนโตเอาไว้ไม่ได้ ห้องพักฟื้นวีไอพีในตอนนี้

มีแต่เสียงร้องไห้ของคนในครอบครัวของชาดา

ส่วนคุณแม่บัวกับคุณยายสายสมรต่างกรีดร้อง

จนเสียงหลงเพราะทำใจไม่ได้กับการจากไปโดย

ไม่มีทางหวนกลับคืนของสุชาดา



"ชะดาลูกทำไมถึงได้มีชะตาอาภัพเช่นนี้นะลูก

อายุก็เพิ่งจะแค่สิบเก้าปีเองทำไมถึงได้อายุสั้น

ขนาดนี้ หรือเป็นเพราะผีห่าซาตานตนไหนที่มัน

ใจร้ายใจดำมาเอาลูกหลานของฉันไป ชะดาลูก

ยายขอร้องหนูเถอะนะหนูกลับมาหายายได้มั้ย

ยายใจจะขาดแล้วนะหนูอย่าทำแบบนี้กับยาย

เลยยายทำใจไม่ได้หรอกนะชะดาได้โปรด"





อีกหนึ่งซีกของมิติจักรวาลแสนไกล



ณ.กรุงบีดีมัลล์ แห่งฟลอเทียร์



"ท่านคะได้โปรดให้โอกาสหนูได้มีชีวิตอีกครั้ง

เถอะนะคะ ท่านคะหนูขอร้อง!!!!!"



เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มสดใสนอนหลับอยู่บนเตียง

เธอดิ้นไปดิ้นมาพร้อมกับพูดพร่ำเพ้อละเมออะไร

ออกมาโดยที่คนเป็นแม่ก็ฟังไม่ค่อยได้ความมาก

ดีลิสเดรียเดินเข้าห้องมาปลุกผู้เป็นลูกสาวอย่าง

เช่นทุกๆ วันเพื่อไปทำงานให้ทันเวลา



"อิสซี!!! อิสซี!!!! ตื่นได้แล้วนะลูกรักสายแล้ว

อิสซีจ๊ะอิสซี!!!"



"แม่คะ!!!! หนูยังไม่อยากตายพ่อคะช่วยหนูที"



.

.

.

.

.

⏭️โปรดติดตามตอนต่อไป⏩