เมื่อเด็กสาวที่ป่วยใกล้ตายวิงวอนขอพรต่อสวรรค์ขอให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ฟังเสียงร้องจากเธอ เธอตายจากไปจากโลกนี้ไปแต่จู่ๆเธอกลับได้ไปพบเจอกับโลกใหม่อีกใบที่แสนประหลาด
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,อื่นๆ,จูบฉ่ำ,พระเอกขี้หึง,โลกคู่ขนาน,เอาแต่ใจ,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกครั่งรัก,หึงหวง,รักแฟนตาซี,ครั่งรัก,โรมานซ์แฟนตาซี,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,ต่างโลก,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)เมื่อเด็กสาวที่ป่วยใกล้ตายวิงวอนขอพรต่อสวรรค์ขอให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ฟังเสียงร้องจากเธอ เธอตายจากไปจากโลกนี้ไปแต่จู่ๆเธอกลับได้ไปพบเจอกับโลกใหม่อีกใบที่แสนประหลาด
สุชาดาเด็กสาววัยสิบเก้าปีบริบูรณ์จู่ๆในคืน
"พ่อคะแม่คะหนูยังไม่อยากตาย... พ่อคะพ่อ!!
ช่วยหนูด้วยแม่คะช่วยหนูทีค่ะแม่....ไม่นะ!!!"
เสียงพูดละเมอนี้ดังมาจากห้องของอีสซีที่ตอนนี้
เธอกำลังจับไข้ตัวร้อนดั่งกับไฟอยู่บนเตียงนอน
ในห้องเหตุก็เป็นเพราะเมื่อวานนี้เธอลงไปแช่น้ำ
เป็นเวลานานเกินไป เมื่อเลิกงานจนกลับมาถึง
บ้านเธอใจลอยมาตลอดทางอีกทั้งอาหารกลางวัน
เธอก็ไม่ได้ทาน พอกลับมาถึงบ้านเธอก็ไปอาบน้ำ
ก่อนที่แม่ของเธอจะเข้าไปเห็นว่าเธอนอนจมน้ำ
อยู่ในอ่างน้ำและตอนนั้นเธอก็ได้หยุดหายใจไป
แล้ว เธอถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลและได้กลับมา
พักฟื้นอยู่ที่บ้าน ถึงคนเป็นแม่จะสังเกตเห็นความ
ผิดปกติของคนเป็นลูกแต่เพราะงานนี้เป็นงานที่
ลูกสาวของตนรักมาเธอจึงไม่กล้าเอ่ยปากสักถาม
อะไรให้มากความ จนเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
เมื่อวานอีสซีเธอมีอาการใจเหม่อลอยเหมือนมี
อะไรในใจที่บอกใครไม่ได้แม้กระทั่งแม่ของเธอ
คนเป็นแม่จึงพอจะเดาได้บ้างแล้วว่าลูกสาวของ
เธออาจจะมีใครในที่ทำงานกลั่นแกล้ง อีสซีจึง
ได้กลับมาบ้านในสภาพแบบนั้นสภาพคนท้อแท้
และสิ้นหวัง
อีสซีไปทำงานที่อาคาเดรได้แค่เดือนเดียวเธอ
ก็สูบผอมน้ำหนักลงไปตั้งหลายกิโล ซึ่งจากที่
เธอตัวเล็กอยู่แล้วตอนนี้เมื่อน้ำหนักลดลงไปอีก
เธอก็เลยยิ่งดูตัวเล็กตัวน้อยลงไปอีกเยอะเลย
อีสซีเป็นคนตัวเล็ก แต่เดิมมาเธอก็มีน้ำหนักอยู่
แค่สี่สิบหกกิโล ส่วนความสูงของเธอก็สูงเพียงแค่
ร้อยห้าสิบห้าเซ็นแล้วตอนนี้หลังจากที่เธอได้เข้า
ไปทำงานเธอก็น้ำหนักลดไปตั้งสี่ถึงห้ากิโล นั่นก็
หมายความว่าตอนนี้เธอมีน้ำหนักแค่สี่สิบเอ็ดกิโล
"อีสซีลูก!!! ถ้าอีกชั่วโมงลูกไข้ยังไม่ลดอีกแม่คง
จะต้องพาลูกไปโรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่งนะลูกรัก
อีสซีลูกพูดเพ้ออะไรลูกยังไม่ตายนะคะคนดี แม่
อยู่นี่บอกแม่มาว่ามีใครรังแกลูกใช่มั้ย ลูกบอกแม่
มานะอีสซีตั้งแต่ลูกเกิดมาแม่ไม่เคยให้ลูกต้องไป
ลำบากเลยนะ แม่ขอร้องอย่าเป็นอะไรนะอีสซี
แม่มีลูกเป็นแก้วตาดวงใจเพียงแค่คนเดียว ลูก
อย่าทำให้แม่ใจคอไม่ดีอีกเลยนะได้มั้ยอีสซี"
ดีลีสเดรียนั่งเฝ้าไข้ให้ลูกสาวทั้งคืน เธอคอย
เช็ดตัวเพื่อลดอุณหภูมิในร่างกายของลูกสาว
อยู่ตลอดส่วนอีสซีก็พูดจาไม่รู้เรื่องละเมออยู่
ตลอดทั้งคืน ดีลีสเดรียส่งรายงานการตรวจของ
อีสซีไปให้บริษัทได้ดูเพื่อทำการขอลาหยุดให้
ผู้เป็นลูกสาวหนึ่งอาทิตย์เพื่อคอยดูอาการอย่าง
ต่อเนื่อง
เมื่อเวลาสายถัดมานิดหน่อยตอนที่ดีลิสเดรีย
นั้นเผลอหลับไปที่เตียงของอีสซีก็มีเสียงกระแอม
ไอเบาๆแหบๆดังขึ้นสักห้าหกทีแล้วดีลีสก็พลันตื่น
เธอฉีกยิ้มให้กับผู้เป็นลูกสาวที่มีท่าทีกึ่งหลับกึ่ง
ตื่นหันหน้ามองซ้ายแลขวา ขมวดคิ้วจ้องมองที่
ใบหน้าเธอผู้เป็นแม่ราวกับไม่คุ้นเคยกันเลย
"อีสซีลูกรัก... สุดท้ายลูกก็ฟื้นแล้วลูกรู้มั้ยว่าเมื่อ
คืนลูกไข้ขึ้นสูงมากแค่ไหน ลูกตัวร้อนดั่งเปลวไฟ
แม่เช็ดตัวให้ลูกเท่าไหร่ก็ไม่หายร้อนสักที แต่
ตอนนี้ดีแล้วโชคดีแล้วลูกไข้ลดแล้วหายเถอะนะ
ลูกรักของแม่"
"คุณน้าคะ!!! เมื่อกี้คุณน้าเรียกหนูว่าอะไรนะคะ"
ดีลีสเดรียถึงกับชะงักไปชั่วขณะ เมื่อเธอได้ยิน
ลูกสาวคนเดียวของเธอเรียกเธอว่าคุณน้าแบบ
เต็มปากเต็มคำอีกทั้งสายตาที่อีสซีมองมาที่เธอ
มันดูแปลกไปราวกับว่าเธอและลูกสาวพึ่งจะเคย
เจอกันเป็นครั้งแรก สายตาที่ไม่คุ้นเคยคอยมอง
ส่องไปรอบๆห้องและก็หันกลับมามองที่เธอ
"อีสซีลูกรัก!!! ลูกอย่าล้อเล่นกับแม่แบบนี้นะลูก
แม่ไม่ตลกด้วยนะรู้มั้ย"
ดีลีสเดรียค่อยๆเอื้อมมือไปกุมมือของลูกสาว
ก่อนจะคอยสังเกตเห็นว่าลูกสาวของเธอก็ค่อยๆ
ถอยมือออกจากมือของเธอเช่นกัน
"คุณน้าคะหนูชื่อสุชาดาค่ะ สงสัยคุณน้าจะจำ
ผิดคนแล้วล่ะค่ะว่าแต่ที่นี่มันโรงพยาบาลอะไร
หรอคะการตกแต่งเหมือนอยู่บ้านมากกว่าเป็น
การตกแต่งห้องที่โรงพยาบาล"
"หนูไม่ได้ชื่ออีสซีแล้วหนูชื่อว่าอะไรนะ หนูบอก
ว่าหนูชื่ออะไรนะเมื่อกี้นี้น้าฟังไม่ค่อนถนัด"
"หนูชื่อสุชาดา พิเศษโสณีค่ะคุณน้า"
"แล้วพ่อแม่หนูชื่ออะไรจ้ะแล้วบ้านหนูอยู่ที่ไหน
บังเอิญว่าน้าไม่ใช่คนแถวนี้น่ะหนู"
"พ่อหนูชื่อสุมาหรันส่วนแม่ชื่อบัวคำแสนค่ะ"
เมื่อดีลีสเดรียได้ฟังแบบนั้นก็ถึงกับตะลึงไปเลย
เธอนั่งนิ่งไปสักพักก่อนจะรีบตั้งสติใหม่เพื่อดูว่า
มีอะไรเหิดขึ้นกับลูกของเธอรึเปล่า หรือเด็กสาว
ที่เธอพากลับบ้านมาไม่ใช่อีสซีแต่อาจจะเป็นคน
ที่มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกันเฉยๆ แต่เมื่อพอเธอ
สำรวจดูแล้วก็เหมือนว่าไม่น่าจะผิดตัวแต่แล้ว
ทำไมเมื่อลูกเธอตื่นขึ้นมาถึงได้พูดเพ้อเจ้ออะไร
ได้แบบเป็นตุเป็นตะ หรืออาจจะเป็นเพราะไข้ขึ้น
สูงมากเกินไปสมองเลยได้รับผลกระทบอะไรเข้า
จึงทำให้ลูกของเธอคิดว่าตัวเองเป็นคนอื่นที่ไม่
ใช่ลูกสาวของเธอ
"หนูแน่ใจนะว่าที่พูดมามันคือความจริง แต่ที่ฉัน
เห็นบุคคลที่นั่งอยู่ตรงหน้าของฉันในตอนนี้คือ
อีสซีลูกสาวของฉันนะจ๊ะ"
ดีลีสเดรียเมื่อไม่แน่ใจเธอจึงเอื้อมมือไปหยิบเอา
กระจกมาให้คนตรงหน้าได้ส่องดูใบหน้าที่แท้จริง
เมื่อชาดาได้ส่องกระจกก็ปรากฏว่าคนที่อยู่ใน
กระจกกลับไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงของเธอเลย
ชาดาถึงกับอ้าปากค้างเพราะตกใจขั้นสุดเหมือน
กันกับดีลีสเดรียที่ตอนนี้ก็งงกับพฤติกรรมของ
คนที่อยู่ตรงหน้านี้เช่นกัน สุชาดาในร่างของอีสซี
ตอนนี้เหมือนช็อคสติสตังหลุด
"ค..ค่ะ...คุณน้านี่มันเกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย..ทะ..ทำ
ทำไมหน้าของหนูถึงกลายมาเป็นแบบนี้ได้ล่ะคะ
หน้าเดิมหนูไม่ได้เป็นแบบนี้เลยนี่นาาาคุณน้า!!!!"
"ไม่นะอีสซีลูก!!!! ลูกอย่าพูดแบบนั้นออกมานะ
ลูกเป็นลูกแม่นะ...แม่เป็นแม่ของลูกไงคะคนดี"
ดีลีสเดรียร้องไห้ฟูมฟายใหญโตทันที เมื่อเธอเห็น
ท่าทีแบบนั้นของลูกสาวส่วนชาดาก็ตกใจที่จู่ๆคน
ที่อยู่ตรงหน้าเรียกเธอเป็นอีกชื่อและแถมเธอยัง
พูดว่าชาดาเป็นลูกของเธอ ทั้งคู่งงเอ๋อกินอยู่สัก
เดี๋ยวแล้วจู่ๆชาดาก็ตั้งสติได้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอ
อาจจะตายไปแล้ว แล้วตอนนี้เธอก็อาจจะกำลัง
ได้กลับมาเจอกับแม่เก่าของเธอในโลกหลังความ
ตายที่ไหนสักที่ไม่นรกก็สวรรค์ล่ะมั้ง
"คุณน้าเป็นแม่เก่าของหนูรึเปล่าคะ ก่อนที่หนูจะ
ได้ไปเกิดบนโลกมนุษย์คุณคือแม่เก่าของหนูใช่
มั้ยคะ ตอนนี้หนูคงจะตายแล้วใช่มั้ยหนูได้กลับ
มาเจอคุณอีกครั้งนั่นก็คงแสดงว่าหนูได้ตายแล้ว"
ยิ่งชาดาพูดออกมาเท่าไหร่ดีลีสเดรียก็ยิ่งตกใจ
เพราะการพูดการจากิริยาท่าทางคนๆนี้ไม่มีอะไร
ที่เหมือนว่าจะเป็นอีสซีลูกสาวของเธอได้เลยสัก
นิดเดียว ดีลีสเดรียที่คิดไม่ตกแต่ก็ต้องตั้งสติเพื่อ
ไม่ให้อีกฝ่ายกลัวหรือออกห่างจากเธอจนเกินไป
เธอจึงค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้ๆแล้วก็เอื้อมมือขึ้น
ไปลูบผมของอีกฝ่ายอย่างเบามือ ที่เธอทำแบบ
นั้นก็เพราะคิดว่าไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือมนุษย์ทั่วๆ
ไปก็คงจะปลอบโยนลูกเช่นนี้เหมือนกันหมด
"เราต้องตั้งสติใจเย็นๆแล้วก็ค่อยๆพูดกันนะจ้ะ
เอาแบบนี้ดีมั้ยแม่จะไปหาอะไรมาให้หนู...หนู
ชื่ออะไรนะ"
"หนูชื่อสุชาดาค่ะ แต่ถ้าเรียกยากก็เรียกว่าชะดา
สั้นๆก็ได้ค่ะคุณน้า"
"จ้ะ!!!! ชะดาน้าจะไปหาอะไรมาให้หนูกินก่อนนะ
เผื่อท้องอิ่มแล้วทุกอย่างมันอาจจะกลับมาเป็น
ปกติก็ได้ หนูว่าดีมั้ยจ้ะ"
"ขอบคุณนะคะ!!! ความจริงหนูก็หิวมากอยู่เหมือน
กัน ขอบพระคุณล่วงหน้าคุณน้าด้วยนะคะที่คุณ
ดีกันหนู ขอบคุณค่ะ"
เมื่อดีลีสเดรียยกอาหารมาให้ชาดา ชาดาก็อวก
แทบจะพุ่งเพราะตั้งแต่เกิดมาอาหารที่เธอไม่ชอบ
มากที่สุดก็คือสลัดผักและผลไม้ ชาดาลุกลงจาก
เตียงวิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างเร็วจี๋แต่ชาดาได้หารู้
ไม่ว่าอาหารจานที่ดีลีสเดรียยกมามันคือเมนูหลัก
และเป็นอาหารที่อีสซีชอบมากที่สุดแล้วใช้กินทุก
วันก็ยังได้ หลังจากไปเข้าห้องน้ำกลับมาชาดาก็
บอกแก่ดีลีสเดรียว่าเธอไม่เคยกินอาหารแบบนี้
มาก่อนและเธอไม่ชอบสลัดแบบนี้เอามากๆด้วย
ดีลีสเดรียเริ่มตระหนักได้ค่อยข้างจะแน่ใจแล้ว
ว่าเธอคงจะเสียลูกสาวอันเป็นที่รักของเธอไปแล้ว
เพราะเมื่อหลายปีก่อนหน้าบ้านข้างๆเธอก็เคยเกิด
เหตุการณ์คล้ายๆกันนี้ขึ้น ลูกสาวของหญิงข้าง
บ้านเกิดอาการช็อคหัวใจหยุดเต้นกระทันหันและ
เมื่อตื่นฟื้นขึ้นมาก็บอกว่าตัวเธอไม่ใช่คนที่นี่ เธอ
มาจากดาวเคราะห์ที่ชื่อว่าโลก ดีลีสเดรียค่อยๆ
นั่งลงสายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของลูกสาวแต่
ภายในร่างกายที่คุ้นเคยนี้กลับมีจิตวิญญาณของ
ผู้อื่นแฟงตัวอยู่ ถึงจะพอจะรู้และพอจะเข้าใจแต่
ภายในใจของคนเป็นแม่ใครเล่าที่จะทำใจยอมรับ
กับสถานการณ์แบบนี้ได้ ดวงตาคู่คมสวยตอนนี้
กำลังเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาอุ่นๆแห่งความทุกข์และ
ความเจ็บปวดที่สูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักไปแบบ
กระทันหันโดยที่ไม่ได้จะสั่งลากันหรือพูดคุยกัน
เลยสักประโยค
"หนูจ้ะ... หนูบอกน้าว่าน้าเป็นแม่เก่าของหนูมัน
หมายความว่ายังไงหรอ"
"อ้อ!!! คือที่โลกของหนูเขามีความเชื่อแบบนั้นค่ะ
พอคนเราตากจากโลกเดิมไปดวงจิตสุดท้ายของ
เราจะได้กลับไปเจอแม่เก่าอีกครั้ง หนูก็เลยคิดว่า
คุณน้าคงจะเป็นแม่เก่าของหนู แม่เก่าคือคนที่
เลี้ยงดูเราก่อนจะไปเกิดใหม่ล่ะมั้งคะคุณน้า"
"หนูมาจากที่ไหนหรอจ้ะ"
"คุณน้าคะทุกคนก็ต้องตายมาจากโลกสิคะ หนูก็
มาจากดาวเคราะห์ที่ชื่อโลกเหมือนกันค่ะ"
"ดาว...ดาวโลกอีกแล้วงั้นหรอ...แล้วอีสซีลูก
สาวของน้าไปอยู่ที่ไหนล่ะตอนนี้หรือว่าเธอไป
ที่ดาวโลกของหนู ใช่มั้ยลูกสาวของน้าชื่ออีสซี
เธอไปที่ดาวโลกของหนูใช่มั้ย!!!"
สองสายตาประสบบรรจบกันในหัวของทั้งสอง
ต่างก็งงงวยและมีคำถามอะไรมากมายที่อยาก
จะรู้แต่เพียงไม่รู้ว่าจะไปตามหาคำตอบได้จาก
ที่ไหน ดีลีสเดรียเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายส่ายหน้าเป็น
ตอบตอบแทนคำพูดเธอก็พลันตกลงไปในภวังค์
ของความเจ็บปวดลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ
เธอลุกเดินออกมาจากห้องลูกสาวทั้งน้ำตาร้อง
เรียกโหยหาแต่อีสซีอยู่ไม่ขาดปาก จนชาดาที่
เป็นผู้มาเยือนก็พลอยเจ็บปวดใจไปด้วย ชาดา
เมื่อเห็นเช่นนั้นเธอจึงตั้งสติแล้วลุกลงมาจากเตียง
เพื่อกอดปลอบประโลมอีกฝ่ายให้รู้สึกสงบขึ้น
เมื่อทั้งคู่ได้เปิดใจคุยกันจากเช้ายันค่อนคืนก็
ได้ข้อสรุปว่าชาดายอมรับและยินดีจะเรียก
ดีลีสเดรียว่าแม่และดีลีสเดรียเองก็จะรับเธอเป็น
ลูกสาว และตกลงกันว่าทั้งสองจะเก็บเรื่องนี้ให้
เป็นความลับเพราะถ้ามีคนล่วงรู้ความลับนี้พวก
เธอสองคนอาจจะต้องตาย
"คุณน้าคะ"
"แม่จ้ะ!!! ต่อไปนี้หนูต้องเรียกน้าว่าแม่ต้องเรียก
ว่าคุณแม่เท่านั้น"
"อ้อค่ะ!!! คุณแม่...ว่าแต่ลูกสาวของคุณแม่ที่จาก
ไปเธอชื่ออะไรนะคะแล้วเธอเป็นคนแบบไหน หนู
หมายถึงมีนิสัยยังไงมีเพื่อนที่ไหนบ้างหนูจำเป็น
ที่จะต้องรู้น่ะค่ะ หนูต้องศึกษาเลียนแบบเธอให้
ได้มากที่สุดเดี๋ยวโป๊ะค่ะ"
"ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง ลูกสาวของแม่เธอชื่อว่า
อีสซีที่แปลว่าท้องฟ้าที่สดใส ชื่ออีสซีเดรียจ้ะ
ส่วนคำว่าเดรียเป็นนามสกุลของตระกูลเราเอง
ที่ดาวเคราะห์ของหนูมีชื่อว่าโลก ส่วนที่นี่มีชื่อว่า
ฟลอเทียร์ ฟลอเทียร์ของเราถูกแบ่งเขตกรุงออก
เป็นสี่เขตกรุงนั่นคือ บีดีมัลล์ มีเตฟาส อุรุกมัลล์
แล้วก็พาโจล และที่เราอาศัยอยู่คืออุรุกมัลล์"
"แล้วที่นี่มีพระเจ้าอยู่หัวฯมั้ยคะคุณแม่ดี"
ดีลีสเดรียชะงักกับการเรียกที่แปลกหูของผู้จะมา
เป็นลูกสาวคนใหม่ของเธออยู่สักพักก่อนที่จะยิ้ม
ออกมาเล็กน้อยแล้วอธิบายต่อในส่วนต่างๆ
"ที่ฟลอเทียร์เรามีกษัตริย์ชื่อ ทาเรนเดรส
ที่นี่มีวงศ์ตระกูลเดรสเป็นกษัตริย์มาหลายยุค
หลายสมัยแล้วแหละพวกเขาแต่งตั้งตัวเองเพื่อ
ขึ้นปกครองฟลอเทียร์เพราะพวกเขาเป็นตระกูล
เดียวที่สู้รบเก่งและช่วยฟลอเทียร์กำจัดผู้บุกรุก
ที่หวังจะมายึดเอาดินแดนนี้ไปเป็นของพวกเขา
ตระกูลเดสรจึงถูกผู้คนสถาปนาให้เป็นกษัตริย์
เพื่อปกป้องดินแดนแห่งนี้ที่ชื่อฟลอเทียร์"
"โว๊ะ!!! จากที่หนูได้ฟังแล้วนึกภาพตามหนูคิดว่า
หนูกำลังนั่งดูภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ในตำนาน
อะไรประมาณนั้นเลยค่ะคุณแม่ดี แล้วมีอะไรอีก
คะเล่ามาค่ะหนูอยากฟัง"
"ที่นี่มีประชากร 30,985,909 คนที่นี่มีแค่หิมะตก
ซะเป็นส่วนใหญ่ฝนมีบ้างส่วนแดดมีน้อยมากๆ
ปีๆหนึ่งแดดจะออกไม่เกินห้าสิบครั้งต่อปี ส่วน
อากาศจะหนาวสุดอยู่ที่เจ็ดสิบเวิร์ทหรือที่เรียก
กันแบบเราๆก็อากาศติดลบเจ็ดสิบองศาเซลเซียส
ที่ฟลอเทียร์จะหนาวมากๆหนาวแทบจะทั้งปีเลย
ส่วนเรื่องอีสซีเธอน่ะเรียนจบแล้ว ตอนนี้เธอก็ไป
ทำงานอยู่ที่อาคาเดรที่นั่นเป็นบริษัทผลิตดารา
อาคาเดรเป็นค่ายที่ใหญ่ที่สุดในฟลอเทียร์แล้ว
เห็นอีสซีว่าเธอได้ไปเป็นผู้ช่วยให้กับ บีดีสเวล
ผู้ชายคนนี้ตอนนี้เขาดังมากเป็นซุปตาร์อันดับ
ต้นเป็นเบอร์หนึ่งของวงการบันเทิงนี้เลยนะแล้ว
อีสซีของเราก็คลั่งไคล้เขาเอามาก็สังเกตได้จาก
รูปที่ติดอยู่ในห้องทั้งหมดก็มีแต่รูปของบีดีสเวล"
"โอ้วววว เรียกได้ว่าเป็นติ่งตัวแม่เลยสินะคะเนี่ย
แต่จะว่าไปเขาคนนี้ก็หน้าตาหล่อใช้ได้อยู่นะคะ
แต่ที่โลกของหนูน่ะค่ะ มีคนหน้าตาดีแบบนี้เยอะ
เรียกได้ว่าเยอะมากๆเลยล่ะค่ะคุณแม่ดี โดย
เฉพาะหนุ่มๆต่างประเทศนะคะเรียกได้ว่าหล่อ
หล่อแบบวัวตายความล้มเลยล่ะค่ะหล่อเกินจริง
บางคนหล่อราวกับว่าเขาออกมาจากภาพวาดเลย
ล่ะค่ะถ้าหล่อแบบนั้นเราจะเรียกว่าหล่อเหมือน
ไม่มีอยู่จริงอะไรประมาณนั้นค่ะคุณแม่"
.
.
.
.
.
⏭️โปรดติดตามตอนต่อไป⏩