เมื่อเด็กสาวที่ป่วยใกล้ตายวิงวอนขอพรต่อสวรรค์ขอให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ฟังเสียงร้องจากเธอ เธอตายจากไปจากโลกนี้ไปแต่จู่ๆเธอกลับได้ไปพบเจอกับโลกใหม่อีกใบที่แสนประหลาด

บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ) - ตอนที่ 5 คุณเป็นแม่เก่าหนูหรอ โดย M990 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,อื่นๆ,จูบฉ่ำ,พระเอกขี้หึง,โลกคู่ขนาน,เอาแต่ใจ,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกครั่งรัก,หึงหวง,รักแฟนตาซี,ครั่งรัก,โรมานซ์แฟนตาซี,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,ต่างโลก,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

จูบฉ่ำ,พระเอกขี้หึง,โลกคู่ขนาน,เอาแต่ใจ,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกครั่งรัก,หึงหวง,รักแฟนตาซี,ครั่งรัก,โรมานซ์แฟนตาซี,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,ต่างโลก,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

เมื่อเด็กสาวที่ป่วยใกล้ตายวิงวอนขอพรต่อสวรรค์ขอให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ฟังเสียงร้องจากเธอ เธอตายจากไปจากโลกนี้ไปแต่จู่ๆเธอกลับได้ไปพบเจอกับโลกใหม่อีกใบที่แสนประหลาด

ผู้แต่ง

M990

เรื่องย่อ

สุชาดาเด็กสาววัยสิบเก้าปีบริบูรณ์จู่ๆในคืน


วันเกิดของเธอก็เกิดเรื่องราวเลวร้ายบางอย่าง

ขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว วันที่13-3-2023 คือวัน

คล้ายวันเกิดของเธอในอายุครบสิบเก้าปีบริบูรณ์

ในตอนนั้นที่เกิดเรื่องคือเวลาจากห้าทุ่มห้าสิบห้า

ไปจนถึงเที่ยงคืนห้านาทีซึ่งเป็นเวลาของการที่

เวลาของดาราจักรกำลังจะปรับเปลี่ยนดวงพอดี

ตอนนั้นสุชาดากำลังจะเข้านอนหลังจากที่เธอ

และครอบครัวและเพื่อนพ้องฉลองวันเกิดเธอ

เสร็จ วินาทีที่เธอกำลังจะขึ้นไปนั่งบนเตียงจู่ๆ

เธอก็รู้สึกหน้ามืดแล้วก็ล้มลงสู่พื้นในทันทีแล้วก็

สลบไปในที่สุดโดยที่เธอยังคุยสายค้างอยู่กับ

ใครคนหนึ่งอย่างมีความสุข



"พรุ่งนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะไปสารภาพรัก

กับพี่เขา ฉันจะใจกล้าหน้าด้านขอพี่เขาเป็น

แฟนฉันช่วยเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ"



"............…............"



"หมายความว่าไง!!!!!!"



ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนปลายสายพูดอะไรกับเธอ

หรือเป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ที่จู่ๆก็ทำให้

เธอล้มลงไปกองอยู่กับพื้นพร้อมกับการหมดสติ

ไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว พอรุ่งเช้าเธอตื่นขึ้นมา

เธอก็ได้พบว่าตัวเองได้นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย

ที่โรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง หลังจากที่ลืมตาขึ้น

มาเธอก็เห็นพ่อแม่พี่น้องญาติคนสนิทและเพื่อนๆ

ของเธอยืนล้อมข้างเตียงของเธอเต็มไปหมดและ

สีหน้าของแต่ละคนก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนักโดยเฉพาะ

คุณยายและคุณแม่ของเธอที่บนใบหน้าเห็นมีแต่

คราบน้ำตาเปื้อนหน้าเต็มไปหมด ทั้งสองคนต่าง

นั่งกุมมือสวยๆของเธออยู่อย่างไม่ห่างวางตาเลย

เหมือนภายในใจกำลังมีเรื่องให้กลุ้มใจอย่างหนัก

สุชาดาค่อยๆตื่นลืมตาขึ้นมาช้าๆเพราะเธอรู้สึกว่า

ตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นเหนือการควบคุมมาก

จากสมองของเธอ ทันทีที่เธอมองเห็นทุกอย่าง

ได้อย่างชัดเจนเธอก็รีบฉีกยิ้มส่งให้กับทุกคน

เพื่ออยากจะบอกว่าตอนนี้ตัวเธอนั้นสบายดีแล้ว



"แม่คะแม่เป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้ล่ะเกิดอะไร

ขึ้นหรอทำไมทุกคนถึงได้กลับมาอีกล่ะไม่ใช่ว่า

เมื่อกี้ทุกคนกลับบ้านไปนอนกันหมดแล้วหรอ

หรือว่ามีเซอร์ไพรส์วันเกิดอะไรให้หนูอีกหรอก

นะคะคุณแม่คุณยาย"



"ชาดาลูก!!! อย่าพึ่งพูดอะไรมากเลยนะคนดี

ของยายตอนนี้หลานสาวคนดีของยายหิวมั้ย

อยากกินน้ำหรือหิวข้าวหรือเปล่าลูก"



"คุณยายคะคุณยายเป็นอะไรคะร้องไห้ทำไม

เจ้านันตามันทำอะไรให้ยายโมโหอีกแล้วใช่มั้ย

คะเนี่ย คุณยายไม่ร้องนะเดี๋ยวหนูจะจัดการมัน

ให้คุณยายนะโอเคมั้ย ไม่ร้องนะคะไม่ร้อง"



สุชาดายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าให้กับ

คุณยายสมรของเธอพร้อมกับเอ่ยปลอบใจโดย

ที่เธอก็ยังไม่ได้คิดเอะใจอะไรกับพฤติกรรมที่

แปลกไปของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น พอเธอฟื้นขึ้น

มาได้เพียงไม่นานเหล่าคุณหมอและพยาบาลก็

ต่างพากันได้วิ่งวุ่นเข้ามาในห้องของเธออีกครั้ง

เพราะเมื่อเธอฟื้นขึ้นมาได้ไม่นานเธอก็เกิดอาการ

หัวใจวายเฉียบพลันช็อกหมดสติไปอีกครั้งโดย

ที่ครั้งนี้อาการเธอนั้นหนักลงกว่าเดิมมาก



"คุณหมอคะลูกของฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ

ทำไมแกที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาก็กลับไปเป็นแบบนี้ได้

อีกบอกเราเถอะค่ะคุณหมอ"



"หมอต้องบอกแบบนี้ครับ ผู้ป่วยตอนนี้หลังจาก

ที่ช่วยกลับมาได้อาการก็ยังคงทรงตัวอยู่ครับ

แต่หมอก็ยังคงยืนยันคำเดิมครับว่าให้ญาติเริ่ม

เตรียมใจไว้เลยเพราะเธอเป็นระยะสุดท้ายแล้ว

ที่ผ่านมาโรคไม่ส่ออาการให้เห็นอาจเป็นเพราะ

ร่างกายของคนไข้แข็งแรงและมีจิตใจที่เข้มแข็ง

ตอนนี้ก็ทำได้แค่พยุงอาการไม่ให้ทรุดลงกว่านี้

หมอจะจัดยาเพื่อไม่ให้เธอเจ็บปวดมากก่อนเธอ

จะจากไป"



"ลูกของฉันจะไม่รอดแล้วหรอคะไม่มีทางรักษา

ได้เลยงั้นหรอคะคุณหมอ ช่วยเธอหน่อยเถอะ

นะคะเธออายุเพิ่งจะสิบเก้าปีเองได้โปรดเถอะค่ะ

หาทางช่วยเธอที"



"ญาติคนไข้ครับ หมอเองก็รู้ดีแล้วในใจก็เห็นใจ

คนไข้มากเหมือนกันแต่ในสามเดือนที่ผ่านมานี้

เราหาทางและปรึกษากับหลายๆโรงพยาบาลแม้

กระทั่งหมอผู้เชี่ยวชาญที่ต่างประเทศแล้วทุกคน

ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเคสนี้หาได้ยากมากๆ

ปกติแล้วคนไข้ส่วนมากถ้ามีเนื้องอกที่มีก้อนใหญ่

มากขนาดนี้เกิดขึ้นในร่างกาย ร่ายกายน่าจะมี

ปฏิกิริยาอะไรบ่งบอกออกมาบ้างแต่นี่เธอเป็นมา

นานมากแล้วจนเข้าขั้นระยะสุดท้ายของโรคแล้ว

เธอจะมามีอาการก็ตอนที่หนักแล้วไม่สามารถที่

จะรักษาได้แล้ว ผมไม่อยากจะพูดคำนี้หรอกนะ

ครับแต่ไม่มีทางรักษาได้แล้วจริงๆหมอเสียใจด้วย

จริงๆนะครับ เธออาจจะอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนแล้ว

ในระหว่างนี้ถ้าเกิดคนไข้ฟื้นขึ้นมาญาติก็ควรใช้

เวลากับคนไข้ให้ได้มากที่สุดอยู่กับเธอเป็นกำลัง

แรงใจให้เธอเผื่อเธอจะอยู่กับเราให้ได้นานที่สุด"



"ไม่เกินเดือน!!!! ยัยหนูของยาย"





สุชาดาหลังจากช็อกแล้วถูกยื้อชีวิตกลับคืนมา

ได้อีกครั้งพอหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาสีโลกของ

เธอก็เปลี่ยนไป เธอเมื่อได้สติกลับคืนมาแต่ยัง

ไม่ทันจะได้ลืมตามองดูหน้าใครๆหูของเธอก็

พลันได้ยินคำพูดของคนในครอบครัวของตัวเอง

จนหมดแล้วว่าเธออาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึง

หนึ่งเดือนสาเหตุเป็นเพราะเธอมีเนื้องอกในก้าน

สมองซีกซ้ายขนาดใหญ่อีกทั้งเจ้าเนื้องอกตัวนี้

ก็ได้ก่อเป็นมะเร็งที่ร้ายแรงไปแล้วทั่วสมองถึง

แม้นว่าถ้าผ่าก็ใช่ว่าจะมีทางรอดโอกาสที่จะรอด

นั้นเป็นศูนย์ เนื้อก้านสมองถูกมะเร็งกัดกินลาม

เป็นวงกว้างไปทั่วทุกที่ของสมองเพราะฉะนั้น

หมอจึงแนะนำให้ญาติคนไข้ทำใจ และมันก็เป็น

แบบนั้นจริงๆสุชาดาอยู่ได้ไม่ถึงเดือนเธอก็พลัน

จากโลกใบนี้ไปอย่างสงบ



"ถ้านรกหรือสวรรค์มีจริงได้โปรดท่านช่วยรับฟัง

คำขอจากหนู นางสาวสุชาดา พิเศษโสณี คนนี้

สักครั้งจะได้มั้ยคะปีนี้หนูเพิ่งจะอายุแค่สิบเก้าปี

เองนะคะท่าน ท่านใจดีให้หนูได้เกิดมาแล้วทำไม

ท่านไม่ปล่อยให้หนูได้อยู่สร้างความดีให้โลกใบนี้

อีกสักหน่อยล่ะคะท่าน หนูยังไม่มีโอกาสได้เรียน

มหาลัยให้จบเลยหนูยังไม่มีโอกาสที่จะหาเงินมา

ตอบแทนคุณพ่อแม่ปู่ย่าตายายเลยหนูยังไม่ได้

มีโอกาสพาครอบครัวของหนูไปเที่ยวที่ไหนสวยๆ

สักที่เลยหนูยังไม่มีโอกาสได้คุยกับน้องชายดีๆ

เลยเราสองคนพี่น้องส่วนมากก็เอาแต่ทะเลาะกัน

ตลอดจนพ่อแม่ต้องไม่ค่อยสบายใจ หนูเป็นพี่สาว

โตจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่เคยได้สอนน้องทำการบ้าน

เลยสักครั้งแล้วอีกอย่างหนูโตมาจนถึงป่านนี้หนู

ยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคนเมื่อหลายเดือนก่อนนี้

หนูเพิ่งจะไปแอบชอบรุ่นพี่คนนึงมากะว่าจะได้ไป

สารภาพรักกับพี่เขาอยู่แล้วแท้ๆแต่ท่านก็จะมา

พรากหนูไปเสียก่อน แบบนี้หนูจะพูดว่าท่านทำ

กับหนูแบบไม่ค่อยจะยุติธรรมเลยหนูพูดได้มั้ยคะ

หนูอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อถึงจะให้ได้ไม่นานอย่าง

น้อยๆก็น่าจะให้หนูได้เตรียมใจก่อนสักนิดนะคะ

หนูขอสักปีสองปีก็ได้ถ้าปีสองปีมันมากไปหนูขอ

แค่ปีเดียวก็ได้สิบเดือนก็ได้ห้าวันก็ยังดีให้หนูได้

มีโอกาสได้ทำใจได้บอกลาครอบครัวหนูอีกสัก

หน่อยจะได้รึเปล่า ขอร้องล่ะค่ะท่านอย่าใจร้าย

กับเด็กน้อยอย่างหนูนักเลยได้โปรดเถอะนะคะ

ได้โปรดให้หนูได้ร่ำลาพวกเขาอีกสักนิดก่อนไป

ได้มั้ยคะได้โปรดล่ะหนูขอร้องนะคะท่าน"



------ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด------



เสียงเครื่องวัดชีพจรร้องดังขึ้นยาวๆเพื่อแจ้งเตือน

ว่าคนไข้ได้เสียชีวิตแล้ว ลมหายใจเฮือกสุดท้าย

ของสุชาดาถูกพ้นออกมาใส่หน้ากากเครื่องช่วย

หายใจเพียงเสี้ยววินาทีแล้วก็หมดลงไปหลังจาก

นั้นในห้องก็มีแต่เสียงร้องไห้โดยความโศกเศร้า

และเสียใจกับการจากไปของผู้เป็นที่รักคนหนึ่ง

ของครอบครัวพิเศษโสณี สุชาดาหลั่งน้ำตาหยด

สุดท้ายออกมาแล้วจากไปอย่างกายสงบแต่ภาย

ในจิตใจกลับมีแต่ความหม่นหมองจิตใต้สำนึก

ของใจกลับเต็มไปด้วยคำขอร้องจากสวรรค์หรือ

คนที่กุมอำนาจอยู่เบื้องบนฟ้าที่แสนไกล





อีกหนึ่งซีกของมิติจักรวาลแสนไกล



ณ.กรุงบีดีมัลล์ แห่งฟลอเทียร์



"ท่านคะได้โปรดให้โอกาสหนูได้มีชีวิตอีกครั้ง

เถอะนะคะ ท่านคะหนูขอร้อง!!!!!"



เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มสดใสนอนหลับอยู่บนเตียง

เธอดิ้นไปดิ้นมาพร้อมกับพูดพร่ำเพ้อละเมออะไร

ออกมาโดยที่คนเป็นแม่ก็ฟังไม่ค่อยได้ความมาก

ดีลิสเดรียเดินเข้าห้องมาปลุกผู้เป็นลูกสาวอย่าง

เช่นทุกๆวันเพื่อไปทำงานให้ทันเวลา



"อิสซี!!! อิสซี!!!! ตื่นได้แล้วนะลูกรักสายแล้ว

อิสซีจ๊ะอิสซี!!!"



"แม่คะ!!!! หนูยังไม่อยากตายพ่อคะช่วยหนูที"







คำเตือน



ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่ หน่วยงาน

วิชาชีพต่างๆ และเหตุการณ์ที่มีการใช้

ความรุนแรงในนิยายเป็นแค่เรื่องสมมุติ

นิยายเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง

และความสนุกสนานเท่านั้นโดยไม่มี

เจตนาชี้นำหรือส่งเสริมการกระทำใดๆ

ที่เกิดขึ้นในนิยาย ตัวละครหรือเนื้อหา

อาจจะมีการใช้ความรุนแรงทางเพศ

และตัวละครอาจมีการใช้คำพูดที่ค่อน

ข้างจะหยาบคายแต่เพื่อความสมจริง

และเพิ่มอรรถรสให้กับนิยายได้สมจริง

มากขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการ

อ่านด้วยนะคะ ขอขอบคุณพระคุณ

ไว้ล่วงหน้าหากท่านจะมาเป็นผู้ใหญ่

ใจดีอุดหนุนsupportนิยายเรา🙏🙏🙏
























สารบัญ

บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 1 จะจีบหรืออะไร?,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 2 อาคาเดรคือเป้าหมาย,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 3 หนูเป็นสายเลือดสุดพิเศษค่ะ,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 4 ลาแล้วโลกที่เคยอยู่,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 5 คุณเป็นแม่เก่าหนูหรอ,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 6 เพื่อนเก่าในโลใหม่

เนื้อหา

ตอนที่ 5 คุณเป็นแม่เก่าหนูหรอ

"พ่อคะแม่คะหนูยังไม่อยากตาย... พ่อคะพ่อ!!


ช่วยหนูด้วยแม่คะช่วยหนูทีค่ะแม่....ไม่นะ!!!"




เสียงพูดละเมอนี้ดังมาจากห้องของอีสซีที่ตอนนี้


เธอกำลังจับไข้ตัวร้อนดั่งกับไฟอยู่บนเตียงนอน


ในห้องเหตุก็เป็นเพราะเมื่อวานนี้เธอลงไปแช่น้ำ


เป็นเวลานานเกินไป เมื่อเลิกงานจนกลับมาถึง


บ้านเธอใจลอยมาตลอดทางอีกทั้งอาหารกลางวัน


เธอก็ไม่ได้ทาน พอกลับมาถึงบ้านเธอก็ไปอาบน้ำ


ก่อนที่แม่ของเธอจะเข้าไปเห็นว่าเธอนอนจมน้ำ


อยู่ในอ่างน้ำและตอนนั้นเธอก็ได้หยุดหายใจไป


แล้ว เธอถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลและได้กลับมา


พักฟื้นอยู่ที่บ้าน ถึงคนเป็นแม่จะสังเกตเห็นความ


ผิดปกติของคนเป็นลูกแต่เพราะงานนี้เป็นงานที่


ลูกสาวของตนรักมาเธอจึงไม่กล้าเอ่ยปากสักถาม


อะไรให้มากความ จนเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวานนี้


เมื่อวานอีสซีเธอมีอาการใจเหม่อลอยเหมือนมี


อะไรในใจที่บอกใครไม่ได้แม้กระทั่งแม่ของเธอ 


คนเป็นแม่จึงพอจะเดาได้บ้างแล้วว่าลูกสาวของ


เธออาจจะมีใครในที่ทำงานกลั่นแกล้ง อีสซีจึง


ได้กลับมาบ้านในสภาพแบบนั้นสภาพคนท้อแท้


และสิ้นหวัง




อีสซีไปทำงานที่อาคาเดรได้แค่เดือนเดียวเธอ


ก็สูบผอมน้ำหนักลงไปตั้งหลายกิโล ซึ่งจากที่


เธอตัวเล็กอยู่แล้วตอนนี้เมื่อน้ำหนักลดลงไปอีก


เธอก็เลยยิ่งดูตัวเล็กตัวน้อยลงไปอีกเยอะเลย


อีสซีเป็นคนตัวเล็ก แต่เดิมมาเธอก็มีน้ำหนักอยู่


แค่สี่สิบหกกิโล ส่วนความสูงของเธอก็สูงเพียงแค่


ร้อยห้าสิบห้าเซ็นแล้วตอนนี้หลังจากที่เธอได้เข้า


ไปทำงานเธอก็น้ำหนักลดไปตั้งสี่ถึงห้ากิโล นั่นก็


หมายความว่าตอนนี้เธอมีน้ำหนักแค่สี่สิบเอ็ดกิโล




"อีสซีลูก!!! ถ้าอีกชั่วโมงลูกไข้ยังไม่ลดอีกแม่คง


จะต้องพาลูกไปโรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่งนะลูกรัก


อีสซีลูกพูดเพ้ออะไรลูกยังไม่ตายนะคะคนดี แม่


อยู่นี่บอกแม่มาว่ามีใครรังแกลูกใช่มั้ย ลูกบอกแม่


มานะอีสซีตั้งแต่ลูกเกิดมาแม่ไม่เคยให้ลูกต้องไป


ลำบากเลยนะ แม่ขอร้องอย่าเป็นอะไรนะอีสซี


แม่มีลูกเป็นแก้วตาดวงใจเพียงแค่คนเดียว ลูก


อย่าทำให้แม่ใจคอไม่ดีอีกเลยนะได้มั้ยอีสซี"




ดีลีสเดรียนั่งเฝ้าไข้ให้ลูกสาวทั้งคืน เธอคอย


เช็ดตัวเพื่อลดอุณหภูมิในร่างกายของลูกสาว


อยู่ตลอดส่วนอีสซีก็พูดจาไม่รู้เรื่องละเมออยู่


ตลอดทั้งคืน ดีลีสเดรียส่งรายงานการตรวจของ


อีสซีไปให้บริษัทได้ดูเพื่อทำการขอลาหยุดให้


ผู้เป็นลูกสาวหนึ่งอาทิตย์เพื่อคอยดูอาการอย่าง


ต่อเนื่อง 




เมื่อเวลาสายถัดมานิดหน่อยตอนที่ดีลิสเดรีย


นั้นเผลอหลับไปที่เตียงของอีสซีก็มีเสียงกระแอม


ไอเบาๆแหบๆดังขึ้นสักห้าหกทีแล้วดีลีสก็พลันตื่น


เธอฉีกยิ้มให้กับผู้เป็นลูกสาวที่มีท่าทีกึ่งหลับกึ่ง


ตื่นหันหน้ามองซ้ายแลขวา ขมวดคิ้วจ้องมองที่


ใบหน้าเธอผู้เป็นแม่ราวกับไม่คุ้นเคยกันเลย




"อีสซีลูกรัก... สุดท้ายลูกก็ฟื้นแล้วลูกรู้มั้ยว่าเมื่อ


คืนลูกไข้ขึ้นสูงมากแค่ไหน ลูกตัวร้อนดั่งเปลวไฟ


แม่เช็ดตัวให้ลูกเท่าไหร่ก็ไม่หายร้อนสักที แต่


ตอนนี้ดีแล้วโชคดีแล้วลูกไข้ลดแล้วหายเถอะนะ


ลูกรักของแม่"




"คุณน้าคะ!!! เมื่อกี้คุณน้าเรียกหนูว่าอะไรนะคะ"




ดีลีสเดรียถึงกับชะงักไปชั่วขณะ เมื่อเธอได้ยิน


ลูกสาวคนเดียวของเธอเรียกเธอว่าคุณน้าแบบ


เต็มปากเต็มคำอีกทั้งสายตาที่อีสซีมองมาที่เธอ


มันดูแปลกไปราวกับว่าเธอและลูกสาวพึ่งจะเคย


เจอกันเป็นครั้งแรก สายตาที่ไม่คุ้นเคยคอยมอง


ส่องไปรอบๆห้องและก็หันกลับมามองที่เธอ




"อีสซีลูกรัก!!! ลูกอย่าล้อเล่นกับแม่แบบนี้นะลูก


แม่ไม่ตลกด้วยนะรู้มั้ย"




ดีลีสเดรียค่อยๆเอื้อมมือไปกุมมือของลูกสาว


ก่อนจะคอยสังเกตเห็นว่าลูกสาวของเธอก็ค่อยๆ


ถอยมือออกจากมือของเธอเช่นกัน




"คุณน้าคะหนูชื่อสุชาดาค่ะ สงสัยคุณน้าจะจำ


ผิดคนแล้วล่ะค่ะว่าแต่ที่นี่มันโรงพยาบาลอะไร


หรอคะการตกแต่งเหมือนอยู่บ้านมากกว่าเป็น


การตกแต่งห้องที่โรงพยาบาล"




"หนูไม่ได้ชื่ออีสซีแล้วหนูชื่อว่าอะไรนะ หนูบอก


ว่าหนูชื่ออะไรนะเมื่อกี้นี้น้าฟังไม่ค่อนถนัด"




"หนูชื่อสุชาดา พิเศษโสณีค่ะคุณน้า"




"แล้วพ่อแม่หนูชื่ออะไรจ้ะแล้วบ้านหนูอยู่ที่ไหน


บังเอิญว่าน้าไม่ใช่คนแถวนี้น่ะหนู"




"พ่อหนูชื่อสุมาหรันส่วนแม่ชื่อบัวคำแสนค่ะ"




เมื่อดีลีสเดรียได้ฟังแบบนั้นก็ถึงกับตะลึงไปเลย


เธอนั่งนิ่งไปสักพักก่อนจะรีบตั้งสติใหม่เพื่อดูว่า


มีอะไรเหิดขึ้นกับลูกของเธอรึเปล่า หรือเด็กสาว


ที่เธอพากลับบ้านมาไม่ใช่อีสซีแต่อาจจะเป็นคน


ที่มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกันเฉยๆ แต่เมื่อพอเธอ


สำรวจดูแล้วก็เหมือนว่าไม่น่าจะผิดตัวแต่แล้ว


ทำไมเมื่อลูกเธอตื่นขึ้นมาถึงได้พูดเพ้อเจ้ออะไร


ได้แบบเป็นตุเป็นตะ หรืออาจจะเป็นเพราะไข้ขึ้น


สูงมากเกินไปสมองเลยได้รับผลกระทบอะไรเข้า


จึงทำให้ลูกของเธอคิดว่าตัวเองเป็นคนอื่นที่ไม่


ใช่ลูกสาวของเธอ




"หนูแน่ใจนะว่าที่พูดมามันคือความจริง แต่ที่ฉัน


เห็นบุคคลที่นั่งอยู่ตรงหน้าของฉันในตอนนี้คือ


อีสซีลูกสาวของฉันนะจ๊ะ"




ดีลีสเดรียเมื่อไม่แน่ใจเธอจึงเอื้อมมือไปหยิบเอา


กระจกมาให้คนตรงหน้าได้ส่องดูใบหน้าที่แท้จริง


เมื่อชาดาได้ส่องกระจกก็ปรากฏว่าคนที่อยู่ใน


กระจกกลับไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงของเธอเลย


ชาดาถึงกับอ้าปากค้างเพราะตกใจขั้นสุดเหมือน


กันกับดีลีสเดรียที่ตอนนี้ก็งงกับพฤติกรรมของ


คนที่อยู่ตรงหน้านี้เช่นกัน สุชาดาในร่างของอีสซี


ตอนนี้เหมือนช็อคสติสตังหลุด




"ค..ค่ะ...คุณน้านี่มันเกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย..ทะ..ทำ


ทำไมหน้าของหนูถึงกลายมาเป็นแบบนี้ได้ล่ะคะ


หน้าเดิมหนูไม่ได้เป็นแบบนี้เลยนี่นาาาคุณน้า!!!!"




"ไม่นะอีสซีลูก!!!! ลูกอย่าพูดแบบนั้นออกมานะ


ลูกเป็นลูกแม่นะ...แม่เป็นแม่ของลูกไงคะคนดี"




ดีลีสเดรียร้องไห้ฟูมฟายใหญโตทันที เมื่อเธอเห็น


ท่าทีแบบนั้นของลูกสาวส่วนชาดาก็ตกใจที่จู่ๆคน


ที่อยู่ตรงหน้าเรียกเธอเป็นอีกชื่อและแถมเธอยัง


พูดว่าชาดาเป็นลูกของเธอ ทั้งคู่งงเอ๋อกินอยู่สัก


เดี๋ยวแล้วจู่ๆชาดาก็ตั้งสติได้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอ


อาจจะตายไปแล้ว แล้วตอนนี้เธอก็อาจจะกำลัง


ได้กลับมาเจอกับแม่เก่าของเธอในโลกหลังความ


ตายที่ไหนสักที่ไม่นรกก็สวรรค์ล่ะมั้ง




"คุณน้าเป็นแม่เก่าของหนูรึเปล่าคะ ก่อนที่หนูจะ


ได้ไปเกิดบนโลกมนุษย์คุณคือแม่เก่าของหนูใช่


มั้ยคะ ตอนนี้หนูคงจะตายแล้วใช่มั้ยหนูได้กลับ


มาเจอคุณอีกครั้งนั่นก็คงแสดงว่าหนูได้ตายแล้ว"




ยิ่งชาดาพูดออกมาเท่าไหร่ดีลีสเดรียก็ยิ่งตกใจ


เพราะการพูดการจากิริยาท่าทางคนๆนี้ไม่มีอะไร


ที่เหมือนว่าจะเป็นอีสซีลูกสาวของเธอได้เลยสัก


นิดเดียว ดีลีสเดรียที่คิดไม่ตกแต่ก็ต้องตั้งสติเพื่อ


ไม่ให้อีกฝ่ายกลัวหรือออกห่างจากเธอจนเกินไป


เธอจึงค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้ๆแล้วก็เอื้อมมือขึ้น


ไปลูบผมของอีกฝ่ายอย่างเบามือ ที่เธอทำแบบ


นั้นก็เพราะคิดว่าไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือมนุษย์ทั่วๆ


ไปก็คงจะปลอบโยนลูกเช่นนี้เหมือนกันหมด




"เราต้องตั้งสติใจเย็นๆแล้วก็ค่อยๆพูดกันนะจ้ะ


เอาแบบนี้ดีมั้ยแม่จะไปหาอะไรมาให้หนู...หนู


ชื่ออะไรนะ"




"หนูชื่อสุชาดาค่ะ แต่ถ้าเรียกยากก็เรียกว่าชะดา


สั้นๆก็ได้ค่ะคุณน้า"




"จ้ะ!!!! ชะดาน้าจะไปหาอะไรมาให้หนูกินก่อนนะ


เผื่อท้องอิ่มแล้วทุกอย่างมันอาจจะกลับมาเป็น


ปกติก็ได้ หนูว่าดีมั้ยจ้ะ"




"ขอบคุณนะคะ!!! ความจริงหนูก็หิวมากอยู่เหมือน


กัน ขอบพระคุณล่วงหน้าคุณน้าด้วยนะคะที่คุณ


ดีกันหนู ขอบคุณค่ะ"




เมื่อดีลีสเดรียยกอาหารมาให้ชาดา ชาดาก็อวก


แทบจะพุ่งเพราะตั้งแต่เกิดมาอาหารที่เธอไม่ชอบ


มากที่สุดก็คือสลัดผักและผลไม้ ชาดาลุกลงจาก


เตียงวิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างเร็วจี๋แต่ชาดาได้หารู้


ไม่ว่าอาหารจานที่ดีลีสเดรียยกมามันคือเมนูหลัก


และเป็นอาหารที่อีสซีชอบมากที่สุดแล้วใช้กินทุก


วันก็ยังได้ หลังจากไปเข้าห้องน้ำกลับมาชาดาก็


บอกแก่ดีลีสเดรียว่าเธอไม่เคยกินอาหารแบบนี้


มาก่อนและเธอไม่ชอบสลัดแบบนี้เอามากๆด้วย






ดีลีสเดรียเริ่มตระหนักได้ค่อยข้างจะแน่ใจแล้ว


ว่าเธอคงจะเสียลูกสาวอันเป็นที่รักของเธอไปแล้ว


เพราะเมื่อหลายปีก่อนหน้าบ้านข้างๆเธอก็เคยเกิด


เหตุการณ์คล้ายๆกันนี้ขึ้น ลูกสาวของหญิงข้าง


บ้านเกิดอาการช็อคหัวใจหยุดเต้นกระทันหันและ


เมื่อตื่นฟื้นขึ้นมาก็บอกว่าตัวเธอไม่ใช่คนที่นี่ เธอ


มาจากดาวเคราะห์ที่ชื่อว่าโลก ดีลีสเดรียค่อยๆ


นั่งลงสายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของลูกสาวแต่


ภายในร่างกายที่คุ้นเคยนี้กลับมีจิตวิญญาณของ


ผู้อื่นแฟงตัวอยู่ ถึงจะพอจะรู้และพอจะเข้าใจแต่


ภายในใจของคนเป็นแม่ใครเล่าที่จะทำใจยอมรับ


กับสถานการณ์แบบนี้ได้ ดวงตาคู่คมสวยตอนนี้


กำลังเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาอุ่นๆแห่งความทุกข์และ


ความเจ็บปวดที่สูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักไปแบบ


กระทันหันโดยที่ไม่ได้จะสั่งลากันหรือพูดคุยกัน


เลยสักประโยค 




"หนูจ้ะ... หนูบอกน้าว่าน้าเป็นแม่เก่าของหนูมัน


หมายความว่ายังไงหรอ"




"อ้อ!!! คือที่โลกของหนูเขามีความเชื่อแบบนั้นค่ะ


พอคนเราตากจากโลกเดิมไปดวงจิตสุดท้ายของ


เราจะได้กลับไปเจอแม่เก่าอีกครั้ง หนูก็เลยคิดว่า


คุณน้าคงจะเป็นแม่เก่าของหนู แม่เก่าคือคนที่


เลี้ยงดูเราก่อนจะไปเกิดใหม่ล่ะมั้งคะคุณน้า"




"หนูมาจากที่ไหนหรอจ้ะ"




"คุณน้าคะทุกคนก็ต้องตายมาจากโลกสิคะ หนูก็


มาจากดาวเคราะห์ที่ชื่อโลกเหมือนกันค่ะ"




"ดาว...ดาวโลกอีกแล้วงั้นหรอ...แล้วอีสซีลูก


สาวของน้าไปอยู่ที่ไหนล่ะตอนนี้หรือว่าเธอไป


ที่ดาวโลกของหนู ใช่มั้ยลูกสาวของน้าชื่ออีสซี


เธอไปที่ดาวโลกของหนูใช่มั้ย!!!"




สองสายตาประสบบรรจบกันในหัวของทั้งสอง


ต่างก็งงงวยและมีคำถามอะไรมากมายที่อยาก


จะรู้แต่เพียงไม่รู้ว่าจะไปตามหาคำตอบได้จาก


ที่ไหน ดีลีสเดรียเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายส่ายหน้าเป็น


ตอบตอบแทนคำพูดเธอก็พลันตกลงไปในภวังค์


ของความเจ็บปวดลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ


เธอลุกเดินออกมาจากห้องลูกสาวทั้งน้ำตาร้อง


เรียกโหยหาแต่อีสซีอยู่ไม่ขาดปาก จนชาดาที่


เป็นผู้มาเยือนก็พลอยเจ็บปวดใจไปด้วย ชาดา


เมื่อเห็นเช่นนั้นเธอจึงตั้งสติแล้วลุกลงมาจากเตียง


เพื่อกอดปลอบประโลมอีกฝ่ายให้รู้สึกสงบขึ้น




เมื่อทั้งคู่ได้เปิดใจคุยกันจากเช้ายันค่อนคืนก็


ได้ข้อสรุปว่าชาดายอมรับและยินดีจะเรียก


ดีลีสเดรียว่าแม่และดีลีสเดรียเองก็จะรับเธอเป็น


ลูกสาว และตกลงกันว่าทั้งสองจะเก็บเรื่องนี้ให้


เป็นความลับเพราะถ้ามีคนล่วงรู้ความลับนี้พวก


เธอสองคนอาจจะต้องตาย




"คุณน้าคะ"




"แม่จ้ะ!!! ต่อไปนี้หนูต้องเรียกน้าว่าแม่ต้องเรียก


ว่าคุณแม่เท่านั้น"




"อ้อค่ะ!!! คุณแม่...ว่าแต่ลูกสาวของคุณแม่ที่จาก


ไปเธอชื่ออะไรนะคะแล้วเธอเป็นคนแบบไหน หนู


หมายถึงมีนิสัยยังไงมีเพื่อนที่ไหนบ้างหนูจำเป็น


ที่จะต้องรู้น่ะค่ะ หนูต้องศึกษาเลียนแบบเธอให้


ได้มากที่สุดเดี๋ยวโป๊ะค่ะ"




"ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง ลูกสาวของแม่เธอชื่อว่า


อีสซีที่แปลว่าท้องฟ้าที่สดใส ชื่ออีสซีเดรียจ้ะ


ส่วนคำว่าเดรียเป็นนามสกุลของตระกูลเราเอง


ที่ดาวเคราะห์ของหนูมีชื่อว่าโลก ส่วนที่นี่มีชื่อว่า


ฟลอเทียร์  ฟลอเทียร์ของเราถูกแบ่งเขตกรุงออก


เป็นสี่เขตกรุงนั่นคือ บีดีมัลล์ มีเตฟาส อุรุกมัลล์


แล้วก็พาโจล และที่เราอาศัยอยู่คืออุรุกมัลล์"




"แล้วที่นี่มีพระเจ้าอยู่หัวฯมั้ยคะคุณแม่ดี"




ดีลีสเดรียชะงักกับการเรียกที่แปลกหูของผู้จะมา


เป็นลูกสาวคนใหม่ของเธออยู่สักพักก่อนที่จะยิ้ม


ออกมาเล็กน้อยแล้วอธิบายต่อในส่วนต่างๆ




"ที่ฟลอเทียร์เรามีกษัตริย์ชื่อ ทาเรนเดรส 


ที่นี่มีวงศ์ตระกูลเดรสเป็นกษัตริย์มาหลายยุค


หลายสมัยแล้วแหละพวกเขาแต่งตั้งตัวเองเพื่อ


ขึ้นปกครองฟลอเทียร์เพราะพวกเขาเป็นตระกูล


เดียวที่สู้รบเก่งและช่วยฟลอเทียร์กำจัดผู้บุกรุก


ที่หวังจะมายึดเอาดินแดนนี้ไปเป็นของพวกเขา


ตระกูลเดสรจึงถูกผู้คนสถาปนาให้เป็นกษัตริย์


เพื่อปกป้องดินแดนแห่งนี้ที่ชื่อฟลอเทียร์"




"โว๊ะ!!! จากที่หนูได้ฟังแล้วนึกภาพตามหนูคิดว่า


หนูกำลังนั่งดูภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ในตำนาน


อะไรประมาณนั้นเลยค่ะคุณแม่ดี แล้วมีอะไรอีก


คะเล่ามาค่ะหนูอยากฟัง"




"ที่นี่มีประชากร 30,985,909 คนที่นี่มีแค่หิมะตก


ซะเป็นส่วนใหญ่ฝนมีบ้างส่วนแดดมีน้อยมากๆ


ปีๆหนึ่งแดดจะออกไม่เกินห้าสิบครั้งต่อปี ส่วน


อากาศจะหนาวสุดอยู่ที่เจ็ดสิบเวิร์ทหรือที่เรียก


กันแบบเราๆก็อากาศติดลบเจ็ดสิบองศาเซลเซียส


ที่ฟลอเทียร์จะหนาวมากๆหนาวแทบจะทั้งปีเลย


ส่วนเรื่องอีสซีเธอน่ะเรียนจบแล้ว ตอนนี้เธอก็ไป


ทำงานอยู่ที่อาคาเดรที่นั่นเป็นบริษัทผลิตดารา


อาคาเดรเป็นค่ายที่ใหญ่ที่สุดในฟลอเทียร์แล้ว


เห็นอีสซีว่าเธอได้ไปเป็นผู้ช่วยให้กับ บีดีสเวล


ผู้ชายคนนี้ตอนนี้เขาดังมากเป็นซุปตาร์อันดับ


ต้นเป็นเบอร์หนึ่งของวงการบันเทิงนี้เลยนะแล้ว


อีสซีของเราก็คลั่งไคล้เขาเอามาก็สังเกตได้จาก


รูปที่ติดอยู่ในห้องทั้งหมดก็มีแต่รูปของบีดีสเวล"




"โอ้วววว เรียกได้ว่าเป็นติ่งตัวแม่เลยสินะคะเนี่ย


แต่จะว่าไปเขาคนนี้ก็หน้าตาหล่อใช้ได้อยู่นะคะ


แต่ที่โลกของหนูน่ะค่ะ มีคนหน้าตาดีแบบนี้เยอะ


เรียกได้ว่าเยอะมากๆเลยล่ะค่ะคุณแม่ดี โดย


เฉพาะหนุ่มๆต่างประเทศนะคะเรียกได้ว่าหล่อ


หล่อแบบวัวตายความล้มเลยล่ะค่ะหล่อเกินจริง


บางคนหล่อราวกับว่าเขาออกมาจากภาพวาดเลย


ล่ะค่ะถ้าหล่อแบบนั้นเราจะเรียกว่าหล่อเหมือน


ไม่มีอยู่จริงอะไรประมาณนั้นค่ะคุณแม่"




.


.


.


.


.


​​​​​​​⏭️โปรดติดตามตอนต่อไป⏩














​​​​​​