เมื่อเด็กสาวที่ป่วยใกล้ตายวิงวอนขอพรต่อสวรรค์ขอให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ฟังเสียงร้องจากเธอ เธอตายจากไปจากโลกนี้ไปแต่จู่ๆเธอกลับได้ไปพบเจอกับโลกใหม่อีกใบที่แสนประหลาด

บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ) - ตอนที่ 6 เพื่อนเก่าในโลใหม่ โดย M990 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,อื่นๆ,จูบฉ่ำ,พระเอกขี้หึง,โลกคู่ขนาน,เอาแต่ใจ,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกครั่งรัก,หึงหวง,รักแฟนตาซี,ครั่งรัก,โรมานซ์แฟนตาซี,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,ต่างโลก,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

จูบฉ่ำ,พระเอกขี้หึง,โลกคู่ขนาน,เอาแต่ใจ,พระเอกขี้แกล้ง,พระเอกครั่งรัก,หึงหวง,รักแฟนตาซี,ครั่งรัก,โรมานซ์แฟนตาซี,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,ต่างโลก,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

เมื่อเด็กสาวที่ป่วยใกล้ตายวิงวอนขอพรต่อสวรรค์ขอให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแต่สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่ฟังเสียงร้องจากเธอ เธอตายจากไปจากโลกนี้ไปแต่จู่ๆเธอกลับได้ไปพบเจอกับโลกใหม่อีกใบที่แสนประหลาด

ผู้แต่ง

M990

เรื่องย่อ

สุชาดาเด็กสาววัยสิบเก้าปีบริบูรณ์จู่ๆในคืน


วันเกิดของเธอก็เกิดเรื่องราวเลวร้ายบางอย่าง

ขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว วันที่13-3-2023 คือวัน

คล้ายวันเกิดของเธอในอายุครบสิบเก้าปีบริบูรณ์

ในตอนนั้นที่เกิดเรื่องคือเวลาจากห้าทุ่มห้าสิบห้า

ไปจนถึงเที่ยงคืนห้านาทีซึ่งเป็นเวลาของการที่

เวลาของดาราจักรกำลังจะปรับเปลี่ยนดวงพอดี

ตอนนั้นสุชาดากำลังจะเข้านอนหลังจากที่เธอ

และครอบครัวและเพื่อนพ้องฉลองวันเกิดเธอ

เสร็จ วินาทีที่เธอกำลังจะขึ้นไปนั่งบนเตียงจู่ๆ

เธอก็รู้สึกหน้ามืดแล้วก็ล้มลงสู่พื้นในทันทีแล้วก็

สลบไปในที่สุดโดยที่เธอยังคุยสายค้างอยู่กับ

ใครคนหนึ่งอย่างมีความสุข



"พรุ่งนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะไปสารภาพรัก

กับพี่เขา ฉันจะใจกล้าหน้าด้านขอพี่เขาเป็น

แฟนฉันช่วยเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ"



"............…............"



"หมายความว่าไง!!!!!!"



ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนปลายสายพูดอะไรกับเธอ

หรือเป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ที่จู่ๆก็ทำให้

เธอล้มลงไปกองอยู่กับพื้นพร้อมกับการหมดสติ

ไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว พอรุ่งเช้าเธอตื่นขึ้นมา

เธอก็ได้พบว่าตัวเองได้นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย

ที่โรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง หลังจากที่ลืมตาขึ้น

มาเธอก็เห็นพ่อแม่พี่น้องญาติคนสนิทและเพื่อนๆ

ของเธอยืนล้อมข้างเตียงของเธอเต็มไปหมดและ

สีหน้าของแต่ละคนก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนักโดยเฉพาะ

คุณยายและคุณแม่ของเธอที่บนใบหน้าเห็นมีแต่

คราบน้ำตาเปื้อนหน้าเต็มไปหมด ทั้งสองคนต่าง

นั่งกุมมือสวยๆของเธออยู่อย่างไม่ห่างวางตาเลย

เหมือนภายในใจกำลังมีเรื่องให้กลุ้มใจอย่างหนัก

สุชาดาค่อยๆตื่นลืมตาขึ้นมาช้าๆเพราะเธอรู้สึกว่า

ตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นเหนือการควบคุมมาก

จากสมองของเธอ ทันทีที่เธอมองเห็นทุกอย่าง

ได้อย่างชัดเจนเธอก็รีบฉีกยิ้มส่งให้กับทุกคน

เพื่ออยากจะบอกว่าตอนนี้ตัวเธอนั้นสบายดีแล้ว



"แม่คะแม่เป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้ล่ะเกิดอะไร

ขึ้นหรอทำไมทุกคนถึงได้กลับมาอีกล่ะไม่ใช่ว่า

เมื่อกี้ทุกคนกลับบ้านไปนอนกันหมดแล้วหรอ

หรือว่ามีเซอร์ไพรส์วันเกิดอะไรให้หนูอีกหรอก

นะคะคุณแม่คุณยาย"



"ชาดาลูก!!! อย่าพึ่งพูดอะไรมากเลยนะคนดี

ของยายตอนนี้หลานสาวคนดีของยายหิวมั้ย

อยากกินน้ำหรือหิวข้าวหรือเปล่าลูก"



"คุณยายคะคุณยายเป็นอะไรคะร้องไห้ทำไม

เจ้านันตามันทำอะไรให้ยายโมโหอีกแล้วใช่มั้ย

คะเนี่ย คุณยายไม่ร้องนะเดี๋ยวหนูจะจัดการมัน

ให้คุณยายนะโอเคมั้ย ไม่ร้องนะคะไม่ร้อง"



สุชาดายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าให้กับ

คุณยายสมรของเธอพร้อมกับเอ่ยปลอบใจโดย

ที่เธอก็ยังไม่ได้คิดเอะใจอะไรกับพฤติกรรมที่

แปลกไปของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น พอเธอฟื้นขึ้น

มาได้เพียงไม่นานเหล่าคุณหมอและพยาบาลก็

ต่างพากันได้วิ่งวุ่นเข้ามาในห้องของเธออีกครั้ง

เพราะเมื่อเธอฟื้นขึ้นมาได้ไม่นานเธอก็เกิดอาการ

หัวใจวายเฉียบพลันช็อกหมดสติไปอีกครั้งโดย

ที่ครั้งนี้อาการเธอนั้นหนักลงกว่าเดิมมาก



"คุณหมอคะลูกของฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ

ทำไมแกที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาก็กลับไปเป็นแบบนี้ได้

อีกบอกเราเถอะค่ะคุณหมอ"



"หมอต้องบอกแบบนี้ครับ ผู้ป่วยตอนนี้หลังจาก

ที่ช่วยกลับมาได้อาการก็ยังคงทรงตัวอยู่ครับ

แต่หมอก็ยังคงยืนยันคำเดิมครับว่าให้ญาติเริ่ม

เตรียมใจไว้เลยเพราะเธอเป็นระยะสุดท้ายแล้ว

ที่ผ่านมาโรคไม่ส่ออาการให้เห็นอาจเป็นเพราะ

ร่างกายของคนไข้แข็งแรงและมีจิตใจที่เข้มแข็ง

ตอนนี้ก็ทำได้แค่พยุงอาการไม่ให้ทรุดลงกว่านี้

หมอจะจัดยาเพื่อไม่ให้เธอเจ็บปวดมากก่อนเธอ

จะจากไป"



"ลูกของฉันจะไม่รอดแล้วหรอคะไม่มีทางรักษา

ได้เลยงั้นหรอคะคุณหมอ ช่วยเธอหน่อยเถอะ

นะคะเธออายุเพิ่งจะสิบเก้าปีเองได้โปรดเถอะค่ะ

หาทางช่วยเธอที"



"ญาติคนไข้ครับ หมอเองก็รู้ดีแล้วในใจก็เห็นใจ

คนไข้มากเหมือนกันแต่ในสามเดือนที่ผ่านมานี้

เราหาทางและปรึกษากับหลายๆโรงพยาบาลแม้

กระทั่งหมอผู้เชี่ยวชาญที่ต่างประเทศแล้วทุกคน

ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเคสนี้หาได้ยากมากๆ

ปกติแล้วคนไข้ส่วนมากถ้ามีเนื้องอกที่มีก้อนใหญ่

มากขนาดนี้เกิดขึ้นในร่างกาย ร่ายกายน่าจะมี

ปฏิกิริยาอะไรบ่งบอกออกมาบ้างแต่นี่เธอเป็นมา

นานมากแล้วจนเข้าขั้นระยะสุดท้ายของโรคแล้ว

เธอจะมามีอาการก็ตอนที่หนักแล้วไม่สามารถที่

จะรักษาได้แล้ว ผมไม่อยากจะพูดคำนี้หรอกนะ

ครับแต่ไม่มีทางรักษาได้แล้วจริงๆหมอเสียใจด้วย

จริงๆนะครับ เธออาจจะอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนแล้ว

ในระหว่างนี้ถ้าเกิดคนไข้ฟื้นขึ้นมาญาติก็ควรใช้

เวลากับคนไข้ให้ได้มากที่สุดอยู่กับเธอเป็นกำลัง

แรงใจให้เธอเผื่อเธอจะอยู่กับเราให้ได้นานที่สุด"



"ไม่เกินเดือน!!!! ยัยหนูของยาย"





สุชาดาหลังจากช็อกแล้วถูกยื้อชีวิตกลับคืนมา

ได้อีกครั้งพอหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาสีโลกของ

เธอก็เปลี่ยนไป เธอเมื่อได้สติกลับคืนมาแต่ยัง

ไม่ทันจะได้ลืมตามองดูหน้าใครๆหูของเธอก็

พลันได้ยินคำพูดของคนในครอบครัวของตัวเอง

จนหมดแล้วว่าเธออาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึง

หนึ่งเดือนสาเหตุเป็นเพราะเธอมีเนื้องอกในก้าน

สมองซีกซ้ายขนาดใหญ่อีกทั้งเจ้าเนื้องอกตัวนี้

ก็ได้ก่อเป็นมะเร็งที่ร้ายแรงไปแล้วทั่วสมองถึง

แม้นว่าถ้าผ่าก็ใช่ว่าจะมีทางรอดโอกาสที่จะรอด

นั้นเป็นศูนย์ เนื้อก้านสมองถูกมะเร็งกัดกินลาม

เป็นวงกว้างไปทั่วทุกที่ของสมองเพราะฉะนั้น

หมอจึงแนะนำให้ญาติคนไข้ทำใจ และมันก็เป็น

แบบนั้นจริงๆสุชาดาอยู่ได้ไม่ถึงเดือนเธอก็พลัน

จากโลกใบนี้ไปอย่างสงบ



"ถ้านรกหรือสวรรค์มีจริงได้โปรดท่านช่วยรับฟัง

คำขอจากหนู นางสาวสุชาดา พิเศษโสณี คนนี้

สักครั้งจะได้มั้ยคะปีนี้หนูเพิ่งจะอายุแค่สิบเก้าปี

เองนะคะท่าน ท่านใจดีให้หนูได้เกิดมาแล้วทำไม

ท่านไม่ปล่อยให้หนูได้อยู่สร้างความดีให้โลกใบนี้

อีกสักหน่อยล่ะคะท่าน หนูยังไม่มีโอกาสได้เรียน

มหาลัยให้จบเลยหนูยังไม่มีโอกาสที่จะหาเงินมา

ตอบแทนคุณพ่อแม่ปู่ย่าตายายเลยหนูยังไม่ได้

มีโอกาสพาครอบครัวของหนูไปเที่ยวที่ไหนสวยๆ

สักที่เลยหนูยังไม่มีโอกาสได้คุยกับน้องชายดีๆ

เลยเราสองคนพี่น้องส่วนมากก็เอาแต่ทะเลาะกัน

ตลอดจนพ่อแม่ต้องไม่ค่อยสบายใจ หนูเป็นพี่สาว

โตจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่เคยได้สอนน้องทำการบ้าน

เลยสักครั้งแล้วอีกอย่างหนูโตมาจนถึงป่านนี้หนู

ยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคนเมื่อหลายเดือนก่อนนี้

หนูเพิ่งจะไปแอบชอบรุ่นพี่คนนึงมากะว่าจะได้ไป

สารภาพรักกับพี่เขาอยู่แล้วแท้ๆแต่ท่านก็จะมา

พรากหนูไปเสียก่อน แบบนี้หนูจะพูดว่าท่านทำ

กับหนูแบบไม่ค่อยจะยุติธรรมเลยหนูพูดได้มั้ยคะ

หนูอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อถึงจะให้ได้ไม่นานอย่าง

น้อยๆก็น่าจะให้หนูได้เตรียมใจก่อนสักนิดนะคะ

หนูขอสักปีสองปีก็ได้ถ้าปีสองปีมันมากไปหนูขอ

แค่ปีเดียวก็ได้สิบเดือนก็ได้ห้าวันก็ยังดีให้หนูได้

มีโอกาสได้ทำใจได้บอกลาครอบครัวหนูอีกสัก

หน่อยจะได้รึเปล่า ขอร้องล่ะค่ะท่านอย่าใจร้าย

กับเด็กน้อยอย่างหนูนักเลยได้โปรดเถอะนะคะ

ได้โปรดให้หนูได้ร่ำลาพวกเขาอีกสักนิดก่อนไป

ได้มั้ยคะได้โปรดล่ะหนูขอร้องนะคะท่าน"



------ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด------



เสียงเครื่องวัดชีพจรร้องดังขึ้นยาวๆเพื่อแจ้งเตือน

ว่าคนไข้ได้เสียชีวิตแล้ว ลมหายใจเฮือกสุดท้าย

ของสุชาดาถูกพ้นออกมาใส่หน้ากากเครื่องช่วย

หายใจเพียงเสี้ยววินาทีแล้วก็หมดลงไปหลังจาก

นั้นในห้องก็มีแต่เสียงร้องไห้โดยความโศกเศร้า

และเสียใจกับการจากไปของผู้เป็นที่รักคนหนึ่ง

ของครอบครัวพิเศษโสณี สุชาดาหลั่งน้ำตาหยด

สุดท้ายออกมาแล้วจากไปอย่างกายสงบแต่ภาย

ในจิตใจกลับมีแต่ความหม่นหมองจิตใต้สำนึก

ของใจกลับเต็มไปด้วยคำขอร้องจากสวรรค์หรือ

คนที่กุมอำนาจอยู่เบื้องบนฟ้าที่แสนไกล





อีกหนึ่งซีกของมิติจักรวาลแสนไกล



ณ.กรุงบีดีมัลล์ แห่งฟลอเทียร์



"ท่านคะได้โปรดให้โอกาสหนูได้มีชีวิตอีกครั้ง

เถอะนะคะ ท่านคะหนูขอร้อง!!!!!"



เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มสดใสนอนหลับอยู่บนเตียง

เธอดิ้นไปดิ้นมาพร้อมกับพูดพร่ำเพ้อละเมออะไร

ออกมาโดยที่คนเป็นแม่ก็ฟังไม่ค่อยได้ความมาก

ดีลิสเดรียเดินเข้าห้องมาปลุกผู้เป็นลูกสาวอย่าง

เช่นทุกๆวันเพื่อไปทำงานให้ทันเวลา



"อิสซี!!! อิสซี!!!! ตื่นได้แล้วนะลูกรักสายแล้ว

อิสซีจ๊ะอิสซี!!!"



"แม่คะ!!!! หนูยังไม่อยากตายพ่อคะช่วยหนูที"







คำเตือน



ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่ หน่วยงาน

วิชาชีพต่างๆ และเหตุการณ์ที่มีการใช้

ความรุนแรงในนิยายเป็นแค่เรื่องสมมุติ

นิยายเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง

และความสนุกสนานเท่านั้นโดยไม่มี

เจตนาชี้นำหรือส่งเสริมการกระทำใดๆ

ที่เกิดขึ้นในนิยาย ตัวละครหรือเนื้อหา

อาจจะมีการใช้ความรุนแรงทางเพศ

และตัวละครอาจมีการใช้คำพูดที่ค่อน

ข้างจะหยาบคายแต่เพื่อความสมจริง

และเพิ่มอรรถรสให้กับนิยายได้สมจริง

มากขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการ

อ่านด้วยนะคะ ขอขอบคุณพระคุณ

ไว้ล่วงหน้าหากท่านจะมาเป็นผู้ใหญ่

ใจดีอุดหนุนsupportนิยายเรา🙏🙏🙏
























สารบัญ

บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 1 จะจีบหรืออะไร?,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 2 อาคาเดรคือเป้าหมาย,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 3 หนูเป็นสายเลือดสุดพิเศษค่ะ,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 4 ลาแล้วโลกที่เคยอยู่,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 5 คุณเป็นแม่เก่าหนูหรอ,บันทึกรักนายซุปตาร์(The Star's Love)ข้ามมิติ)-ตอนที่ 6 เพื่อนเก่าในโลใหม่

เนื้อหา

ตอนที่ 6 เพื่อนเก่าในโลใหม่

ชาดาใช้เวลาสองถึงสามวันที่อยู่ในช่วงเวลา


หยุดงานเพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆบนโลก


ใบใหม่ที่เธอจะต้องอาศัยอยู่ต่อจากนี้ และวันนี้


เป็นวันที่เธอจะต้องไปเจออีกหนึ่งบุคคลสำคัญ


ที่สุดอีกคนหนึ่ง บุคคลนี้คือ อวาเดล อวาเดลคือ


อีกหนึ่งคนที่มาจากโลกของสุชาดาเธอมาที่นี่ได้


หลายปีแล้วและเธอก็เป็นเพื่อนสนิทของอีสซีด้วย


ดีลีสเดรียจึงให้อีสซีคนใหม่ไปทำความรู้จักและ


ทำความคุ้นเคยและศึกษาสิ่งต่างๆต่อจากเพื่อน


ที่เคยอยู่ร่วมโลกเดียวกัน




      ~~~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~~~




อีสซีคนใหม่เอื้อมมือเคาะประตูหน้าบ้านของ


เพื่อนสนิทอย่างเก้ๆกังๆอีกทั้งในใจก็ไม่รู้ว่าเพื่อน


คนที่เธอมาเจอเขาจะเป็นคนยังไงนิสัยใจคอจะ


เข้ากับเธอได้รึเปล่า ตอนนี้อีสซีจึงรู้สึกประหม่า


เอามากๆ เมื่อเคาะประตูบ้านได้ไม่นานคนในบ้าน


ก็เดินมาเปิดประตูให้กับเธอ




"อ้าวอีสซี!!! วันนี้เธออยู่บ้านด้วยหรอเนี่ยฉันก็


คิดว่าเธอไปทำงานกับพ่อเทพบุตรคนนั้นของ


เธอซะอีกนะเนี่ย แล้วหนาวขนาดนี้ก่อนจะมา


ทำไมไม่ส่งฟัลเทคมาบอกก่อนล่ะ"




"โทษทีแต่ตอนนี้ฉันขอเข้าไปก่อนจะได้มั้ย คือ


ข้างนอกมันหนาวมากๆเลยฉันเท้าเย็นไปหมด


แล้ว ได้มั้ย!!!"




"เข้ามาสิ"




อวาเดลเดินนำหน้าอีสซีไปยังห้องนอนของตน


เมื่อทั้งคู่เข้าห้องไปอวาเดลก็ยังทำตัวเป็นกันเอง


กับอีสซีคนใหม่ผู้มาเยือนใหม่เหมือนกับว่าทั้งตัว


และจิตวิญญาณข้างในยังคงเป็นอีสซีเพื่อนรัก


ของเธอ อวาเดลชี้นิ้วบอกที่นั่งให้อีสซีรู้ว่าเธอควร


จะต้องหย่อนก้นนั่นตรงไหน




"ว่ามาสิ!!! เธอมาที่นี่ด้วยวิธีไหนงั้นหรออีสซี"




"คุณแม่ดีบอกเธอเกี่ยวกับฉันคร่าวๆบ้างแล้ว


ใช่มั้ย พอฉันมาเคาะบ้านเธอ เธอถึงได้ไม่มีท่าที


ตกใจอะไรเลย"




"ใช่!!! คุณแม่กับฉันเราคุยฟัลเทคกันเมื่อวานนี้


ตอนแรกที่ฉันได้ฟังฉันก็เสียใจอยู่ไม่น้อยเลยนะ


เรื่องที่อีสซีจากไปแบบกระทันหันและที่ตกใจยิ่ง


กว่าคือเรื่องของเธอที่มาจากที่เดียวกันกับฉันที่


นั่นก็คือโลกมนุษย์ แล้วอยู่ที่นู่นเธอชื่ออะไรหรอ


แล้วบ้านอยู่จังหวัดอะไรอยู่แถวไหนแล้วที่สำคัญ


ร่างของเธอที่อยู่ที่นั่นยังเหลืออยู่มั้ย"




"ฉันชื่อ สุชาดา พิเศษโสณี ฉันอยู่แถว...."




เพียงคำพูดเพียงไม่ถึงไหนอวาเดลก็รีบเขยิบเข้า


หาอีสซีอย่างรวดเร็ว อวาเดลทำเหมือนจะหายใจ


ไม่ออกสีหน้าเริ่มเศร้าหมองเธอทำเหมือนว่าเธอ


กำลังจะร้องไห้แบบเฉียบพลันโดยที่อีสซีก็ไม่รู้


เหมือนกันว่าอวาเดลเป็นอะไรและเกิดอะไรขึ้น


เพียงเพราะแค่เธอได้ฟังชื่อนามสกุลของเธอ




"เธอ..เธอคือยัยชะดาหัวเหม็นหรอ..ใช่มั้ย...เธอ"




อีสซีอึ้งพร้อมกับเบิกดวงตาโตขึ้นมาในทันทีเมื่อ


เธอได้ยินบางประโยคของอวาเดลที่พูดทักเธอ


คำพูดว่ายัยชะดาหัวเหม็นนี่เป็นคำพูดของเพื่อน


รักของเธอคนหนึ่งในสมัยเด็ก และถึงมันจะผ่าน


มาเนิ่นนานมากแค่ไหนคนที่เป็นเพื่อนรักอย่าง


ชะดาก็ไม่เคยลืมเลือนเพื่อนคนนี้ไปได้เลย อีสซี


นั่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกเธอทำได้เพียงนั่งมองหน้า


หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอพร้อมกับหยดน้ำตาที่


มันไหลออกมาแบบที่เธอเองก็ไม่รู้ตัวว่ามันไหล


ออกมาตอนไหน




"เธอ...ทำไมเธอถึงรู้ว่ามีคนเรียกฉันแบบนี้ล่ะ


เธอคงจะไม่ใช่ยัยเอ้หัวหยิกเพื่อนในวัยเด็กคน


นั้นของฉันหรอกนะ"




"ยัยบ้าเอ้ย!!! ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วจะมีใครที่เรียกเธอ


แบบนี้ได้อีกล่ะ ให้ตายเหอะทำไมเธอถึงได้มาที่


นี่ได้เนี่ย บ้าเอ้ยยัยหัวเหม็นของฉัน ฉันคิดถึงเธอ


กับยัยมีมี่หัวเห็ดมากๆเลยจริงๆนะ"




"ยัยหัวหยิกบ้าเอ้ย!!! พวกฉันก็คิดถึงแกมากๆ


เหมือนกันนั่นแหละน่า"




"ว่าแต่เธอ...เธอตายจากที่นั่นแล้วหรอถึงมาที่นี่


ได้...แล้วเป็นอะไรป่วยหรอหรือว่าเกิดอุบัติเหตุ


อะไรถึงได้.."




"ฉันเป็นมะเร็งในสมองร้ายแรงมาก ตายแบบไม่


มีความยุติธรรมเลยแหละฉันไม่มีโอกาสได้สั่งลา


พวกเขาก่อนมาเหมือนกับเธอด้วยซ้ำ จากมาทั้งๆ


ที่หูได้ยินแต่ทำอะไรไม่ได้โคตรจะน่าเศร้าเลย"




"ฉันขอถามได้มั้ยว่าพ่อแม่ของฉันพวกท่านเป็น


ยังไงบ้างหรอ พวกท่านสบายดีกันอยู่มั้ยพ่อของ


ฉันเลิกกินเหล้ารึยังแล้วแม่ฉันท่านยังถูกพ่อ.."




"ตอนที่ฉันยังแข็งแรงและสบายดีฉันไปเยี่ยมหา


ท่านอยู่บ่อยๆส่วนพ่อของเธอ..ท่านเสียแล้วหลัง


จากเธอมาประมาณสามปี ท่านประสบอุบัติเหตุ


รถยนต์ชนเสียชีวิตคาที่ตอนที่วิ่งไล่ตีแม่ของเธอ"




"ฉันไม่เสียใจนะที่รู้ว่าพ่อตายเพราะท่านวันๆก็


เอาแต่กินเหล้าพอเมามาก็ตบตีฉันกับแม่ ฉันห่วง


ก็แต่แม่ แม่เป็นทุกอย่างของฉันแล้วจริงๆนะ"




"เอาเป็นว่าไม่ต้องห่วงท่านแล้วล่ะตอนนี้ท่านมี


คนดีมาก็คอยดูแลแล้ว แม่เธอแต่งงานใหม่กับ


อาโก๋เจ้าของตลาดที่เคยมาหาเธอบ่อยๆคนนั้น"




"ถ้าเป็นอาโก๋ฉันก็วางใจได้ดั่งที่เธอว่าแล้วแหละ"




สองสาวต่างส่งยิ้มให้กันก่อนจะพร้อมใจกันเอน


ตัวลงนอนบนเตียงแบบพร้อมเพียงกันราวกับนัด


กันมา ด้วยสายสัมพันธ์ที่ดีมาตั้งแต่เด็กๆทั้งสอง


จึงเข้ากันได้ดีถึงแม้นว่าทั้งสองจะไม่ได้พบเจอ


กันมานานหลายดีก็ตาม




"นี่เอ้!! เธออยู่ที่นี่สบายดีใช่มั้ยพ่อแม่ใหม่ของ


เธอที่นี่พวกเขาดีกับเธอมั้ย แล้วแม่ดีของฉันท่าน


เป็นคนแบบไหนหรอฉันยังไม่ค่อยแน่ใจเลยอ่ะ"




"ชะดาเธอวางใจได้แม่เธอกับแม่ฉันพวกท่านดี


พอๆกันกับแม่ๆของพวกเราที่นู่นแหละ เขาเลี้ยงดู


ฉันดีมากๆแล้วอีกอย่างเราสองครอบครัวก็สนิท


กันเหมือนกันกับที่บ้านเราเลย เรียกได้ว่าแค่หน้า


ตาไม่เหมือนกันแค่นั้นแหละนอกเหนือจากนั้นก็


เหมือนๆกันหมด"




"ถ้าได้ยินแบบนั้นฉันก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว


ว่าแต่จริงหรอที่นี่แต่งงานแล้วก็แยกกันอยู่ได้


โดยที่ไม่มีการพูดหรือว่ามีคนนินทากัน"




"ใช่!!! ที่นี่เป็นอิสระทั้งด้านสังคมด้านความคิด


รวมไปถึงอิสระด้านการคบกันของผู้คน แต่สิ่ง


ที่สำคัญสำหรับที่นี่คือสายเลือด อย่างพ่อแม่ของ


เราที่เป็นชาวบ้านมีสายเลือดเป็นเมเตพีคีนีส่วน


สายเลือดของคนชั้นสูงเรียกเมเตดุสวี และสาย


เลือดเมเตมิโนกันหรือสายเลือดสีเทาอย่างพวก


เราคือสายเลือดลูกรักของกุสติมาหรือพระเจ้า"




"พวก...พวกเราหรอ..เธอหมายความว่าไงพวก


ฉันแล้วก็เธอมีสายเลือดอย่างว่านั่นหรอ!!!!"




อีสซีทำหน้าทำตาตกอกตกใจอยู่ไม่น้อยถึงจะ


ยังไม่รู้ว่าไอ้สายเลือดพิเศษที่ว่านี้มันคืออะไร


แต่เธอก็คิดว่าถ้ามันมีความพิเศษไดมากกว่าคน


อื่นมันก็อาจจะเป็นภัยด้วยเหมือนกระจกมีที่สอง


ด้าน ดวงตาคู่สวยจับจ้องมองไปที่เพื่อนเธอพร้อม


และรอฟังคำอธิบายจากเพื่อให้ต่อจนจบ




"สายเลือดบนตัวเราสองคนพิเศษมากบนโลกใบ


นี้มีน้อยมากๆ แล้วก็เป็นสายเลือดเดียวที่มีความ


อภิสิทธิ์ในตัวคือไม่มีใครสามารถจะทำร้ายหรือ


ลงโทษเราได้ในทางกฎหมายอ่ะนะแต่จ้อเสียมัน


ก็มีคือถ้าอายุถึงยี่สิบห้าแล้วเรายังไม่มีแฟนเราจะ


ต้องไปเข้าร่วมพิธีกรรมอัคสะ แปลให้เข้าใจง่ายๆ


ก็เข้าโบสถ์ไปบวชอ่ะแหละถ้าผ่านพิธีกรรมนี้แล้ว


จะแต่งงานอีกไม่ได้ตลอดชีวิตห้ามมีแฟน คู่รัก


หรือห้ามกลับบ้านอีกเด็ดขาดเลย"




"ก็คือออกบวชตลอดชีวิตงี้หรอ!!!"




"ถูกต้อง" เอ้ตอบสั้นสั้นพร้อมกับพยักหน้างึกๆ




"งั้นแสดงว่าถ้าไม่อยากออกบวชก็ต้องหาแฟน


ให้ได้ก่อนอายุยี่สิบห้าว่างั้น ปัดโธ่ววววว!!!!แล้ว


นี่มันเรียกว่าให้ความอิสระตรงไหนล่ะเนี่ยยัยเอ้"




"เออก็จริง"




"ข้อสุดท้ายที่จะถาม คือฉันอยากจะรู้ว่าที่ทำงาน


ของอีสซีคนก่อนอยู่ที่ไหนแล้วเธอพอจะรู้มั้ยว่า


เพราะอะไรเธอถึงคิดฆ่าตัวตายแบบนั้น"




อวาเดลชะงักเลยทันควันเมื่อได้ยินคำถามนี้จาก


เพื่อนสาวของเธอ อวาเดลขมวดคิ้วเป็นปมทันที


พร้อมกับจับมือเพื่อนสาวไว้แน่นก่อนจะเอ่ยปาก


ถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่แอบสั่นเครือเพราะไม่คิด


ว่าเธอเองจะได้ยินคำๆนี้จากปากเพื่อน




"ชะดาเมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ ทำไมจู่ๆเธอถึงได้


พูดว่าอีสซีฆ่าตัวตายเธอไปรู้ไปเห็นอะไรมาใช่มั้ย


แก!!! แกเล่าให้ฉันฟังหน่อยแกไปเห็นอะไรมาหรอ


หรือว่าแม่ดีลีสเธอปิดบังอะไรฉันงั้นหรอ"




"เปล่าเลยแม่ไม่ได้ปิดบังแล้วเรื่องที่ฉันรู้มาแม่ดี


ไม่รู้ด้วยซ้ำ คือฉันไม่กล้าบอกแม่กลัวว่าแม่ดีจะ


เป็นทุกข์ใจยิ่งกว่าเดิม"




"แกไปรู้อะไรมากันแน่ยัยชะดาแกบอกฉันมา"




"คือเมื่อวานฉันไปเจอจดหมายที่อีสซีเธอเขียน


ทิ้งไว้คงกะว่าถ้าเธอไปแล้วแม่ค่อยจะไปเจอล่ะ


มั้ง เธอบอกว่าเธอเจอสิ่งที่ไม่ดีต่อเธอมา เท่าที่


อ่านเธอน่าจะไปเจอความไม่ยุติธรรมมาฉันคิด


ว่าเธออาจจะถูกเพื่อนในที่ทำงานต่อว่าหรือไม่ก็


เธออาจจะถูกเพื่อนบูลลี่อย่างหนักเกี่ยวกับสาย


เลือดพิเศษที่ว่านี้ก็เป็นได้"




"โดนบูลลี่งั้นหรอ!!! ก็อาจจะเป็นไปได้ก็ได้เพราะ


ตั้งแต่ที่เธอไปสัมภาษณ์เธอก็เกือบจะไม่ผ่านการ


สัมภาษณ์เพราะบีดีสเวลมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็นะ


สุดท้ายเธอก็ผ่านการสัมภาษณ์เพราะผู้จัดการ


ช่วยพูดให้เธอ เธอจึงได้งานนี้มา แต่พอเธอไป


ทำงานได้ไม่นานเธอก็มีทำตัวแปลกๆ หน้างี้นะ


ดูเศร้าหมองลงทุกวันๆเหมือนคนคิดมากไม่ก็


เหมือนคนไม่มีความสุขในการทำงาน ฉันก็พยาม


ถามเธออยู่หลายครั้งนะแต่อีสซีเขาไม่ยอมพูด


อะไรเลย"




"นั่นแหละที่ฉันอยากจะรู้เพราะถึงฉันจะไม่เคย


รู้จักกับเธอมาก่อนแต่อีกวันสองวันนี้ฉันจะต้อง


ได้กลับไปทำงานที่นั่นในฐานะตัวตนของอีสซี


เพราะฉะนั้นฉันจึงตัดสินใจจะจัดการคนที่มัน


ทำให้เธอตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงจนแม่ดีต้อง


มีสภาพเป็นเหมือนทุกวันนี้ เอ้หัวหยิกวางใจเหอะ


ฉันจะแก้แค้นให้เพื่อนรักของเธอแน่นอนคอยดู"




"ขอบคุณนะชะดาหัวเหม็น งั้นฉันจะช่วยเล่าเรื่อง


ราวเท่าที่ฉันรู้มาจากอีสซีให้เธอได้ฟังก็แล้วกัน


เผื่อว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของเธอ


กับการแก้แค้นให้อีสซีด้วย"




"ได้!!! งั้นอัดมาเลยตอนนี้สมองอันโล่งโจ้งของ


ฉันมันพร้อมที่จะอัดข้อมูลพวกนั้นแล้ว มาเลย!!!"




.


.


.


.


.


⏭️โปรดติดตามตอนต่อไป⏩