อันนาได้เข้าไปอยู่ในบ้านเจ้าพ่อมาเฟียแบบจำใจต้องยอมเหตุเพราะเขาสงสัยว่าเธอน่าจะร่วมมือกับคนร้ายที่ลักพาตัวลูกสาวของเขาไป "ลูกของฉันเลิกติดเธอเมื่อไหร่รับรองเธอได้ไปจากฉันแน่"
ดราม่า,ชาย-หญิง,รัก,ครอบครัว,ไทย,พระเอกร้าย,ราคะ,หื่น,ทาสบำเรอกาม,นางบำเรอ,โรมานซ์,มาเฟียโหด,พระเอกครั่งรัก,พระเอกโหด,มาเฟีย,รักวัยรุ่น,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
อันนาได้เข้าไปอยู่ในบ้านเจ้าพ่อมาเฟียแบบจำใจต้องยอมเหตุเพราะเขาสงสัยว่าเธอน่าจะร่วมมือกับคนร้ายที่ลักพาตัวลูกสาวของเขาไป "ลูกของฉันเลิกติดเธอเมื่อไหร่รับรองเธอได้ไปจากฉันแน่"
ผู้แต่ง
M990
เรื่องย่อ
"ฉันควรจะทำยังไงกับชีวิตน้อยๆนี้ดีนะ
ใครกันนะที่ใจดำอำมหิตกล้าเอาเด็ก
ตัวเล็กๆแค่นี้เอามาทิ้งได้ลงคอ...เจ้า
พวกคนใจบาปหยาบช้า"
อันนาเด็กสาวเพียงวัยยี่สิบปีถูกว่าจ้าง
ให้เป็นพี่เลี้ยงเด็กที่เธอพึ่งเก็บมาจาก
ข้างถนนโดยผู้ว่าจ้างที่ลึกลับไร้ตัวตน
เธอจำต้องทำงานนี้เพราะเธอเองก็พึ่ง
จะตกงานมาหมาดๆด้วยเงินหนึ่งล้านบาท
แลกกับการเลี้ยงเด็กน้อยคนนี้แค่หนึ่งเดือน
แต่อันนาเลี้ยงดูเด็กยังไม่ทันจะถึง
หนึ่งอาทิตย์ก็ถูกกลุ่มคนจับตัวไปที่
คฤหาสน์ใหญ่หลังหนึ่ง เธอที่ไม่รู้อะไร
ก็ได้แต่งวยงง
"เธอรีบตอบฉันมาเลยนะ...เธอทำงานนี้
ให้ใคร...ใครเป็นคนให้เธอทำ!!!"
ชายหน้าตาหล่อเหลาสูงขาวขาเรียวยาว
ใช้มือหนาบีบจับใบหน้าเธอจนบิดเบี้ยว
เค้นถามเอาความจริงจากเธอด้วยน้ำเสียง
ที่เข้มและเกรี้ยวกราดสุดๆ เขาชักสีหน้า
ดุราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอให้ได้ถ้า
เธอไม่ตอบคำถามเขา
"โอ๊ะโอ๊ย!!!!...ฉันเจ็บนะ...ปล่อยก่อนสิ
ถ้าบีบปากอยู่แบบนี้ใครมันจะไปพูดได้"
"ฉันจำเป็นต้องฟังเธอหรอ...บอกมาว่า
เธอทำงานนี้ให้กับใคร...ใครเป็นคนจ้าง
ให้เธอลักพาตัวลูกของฉันไป..บอกมา!!!"
"เสียดายใบหน้าหล่อๆของแกเนอะ..หล่อ
แต่หูหนวก!!!...ปัญญาอ่อน!!!...สมองนิ่ม!!!
ฉันก็บอกเป็นร้อยเป็นพันรอบแล้วนี่ไงว่า
ฉันไม่ได้ลักพาตัวเด็กคนนี้มา...ฉันไปเจอ
น้องเขาที่ข้างถนน...ฉันเจอเธอที่ข้างถนน!!"
"โกหก!!!...ถ้าไม่บอกฉันให้เธอไปนอนคุย
กับรากมะม่วงแน่ๆ...บอกมาก่อนที่ฉันจะหมด
ความอดทน...เผลอพลั้งมือยิงเธอตายห่า
ไปซะก่อน"
"ก็ยิงซะสิ...เอาจริงฉันก็เห็นใจเด็กคนนี้นะ
เธอมีพ่อที่เฮงซวยแบบนี้นี่เอง...เธอจึงมี
นิสัยที่ชอบร้องโวยวายถ้าไม่ได้อย่างใจ
เพราะเขามีพ่อที่สารเลว..ชั่ว...ป่าเถื่อน
แบบนี้ไง...เด็กมันถึงได้สติมีปัญหาอ่ะ"
พีรพัฒน์สุดจะทนแล้วเขาหันปากกระบอก
ปืนไปยิงใส่แก้วน้ำเพื่อเป็นการข่มขู่ว่าถ้า
เธอไม่ยอมปริปากพูดเขาจะยิงเธอแน่นอน
~ปัง ปัง ปัง ~
"อ๊ายยยยย...ไอ้คนบ้าเอ๊ย!!!ในห้องมีเด็ก
ตัวเล็กๆอยู่ด้วยนะเว้ย...ทำอะไรหัดคิด
บ้างสิ"
"เขาไม่ได้ยินหรอกเพราะฉันหาอะไรปิด
หูเขาไว้แล้ว.."
"ไม่ได้ยินแล้วไง!!!...ไม่ได้ยินแล้วคิดว่าเขา
ไม่ได้ดู...มองไม่เห็นพฤติกรรมชั่วช้าของ
พ่อเขารึไง...รู้ไว้ด้วยนะ..เด็กวัยนี้เขากำลัง
จดจำสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำได้ดีเชียวล่ะ...คนเป็น
พ่ออย่างแกรู้อะไรเกี่ยวกับลูกตัวเองบ้าง
หน้าโง่ๆแบบนี้รู้อะไรบ้างมั้ย!!!"
"ถึงฉันจะไม่ค่อยมีเวลาให้เขา..แต่ฉันก็รู้
ว่าเขาชอบกินอะไร..เขาชอบของเล่นชิ้น
ไหน...นอนกี่ชั่วโมง..."
"รู้เพราะพี่เลี้ยงบอกล่ะสิ...แล้วรู้บ้างมั้ย
ก่อนที่เขาจะได้มานั่งดูคุณเอาปืนมาจ่อ
ใส่หัวฉันอยู่แบบเนี้ย...เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า
เด็กคนนี้เจออะไรมาบ้าง...คุณรู้บ้างรึเปล่า
ว่าเธอเกือบตายถ้าไม่ได้ฉันช่วยไว้..ห๊ะ!!!
คุณเคยรู้มั้ยว่าฉันไปเจอเธอในสภาพไหน
เขาเอาเธอมาทิ้งไว้ข้างถนนในซอยเล็กๆ
เขาเอาเธอใส่ถุงดำมา!!!...คงกะจะให้ตาย
แต่เธอใจสู้!!!...คุณรู้มั้ยว่าเธอขาดอากาศ
หายใจนอนแน่นิ่งไปแล้วด้วยซ้ำตอนที่ฉัน
เปิดถุงดำนั่นออก...กว่าฉันจะช่วยยื้อชีวิต
เธอกลับมาได้ต้องใช้ความพยายามมาก
แค่ไหน...เธอขาดออกซิเจนไปนานแค่ไหน
ฉันก็ไม่รู้...เธอเหมือนตายแล้วเกิดใหม่
ใช่!!!...ฉันอาจจะเด็ก...ฉันพึ่งจะอายุแค่
ยี่สิบ...แต่ฉันคิดว่าฉันรู้ความกว่าคุณเยอะ
ฉันรู้ว่าเขาไม่ชอบเสียงดัง!!!...ฉันรู้ว่าเขา
ชอบกินฟักทองบดละเอียด...แล้วฉันก็รู้
ว่าเธอชอบฟังเพลงอะไรก่อนนอน...เรื่อง
พวกเนี้ย...คนเป็นพ่ออย่างคุณเคยรู้บ้าง
รึเปล่า...เคยรู้อะไรจริงๆเกี่ยวกับลูก
ตัวเองบ้างมั้ยห๊ะ"
อันนาทั้งพูดไปร้องไห้ไปด้วย เธอพยาม
อดกลั้นมานานหลายวันเธอเลือกที่จะไม่
พูดเรื่องราวเหล่านั้นออกมาเพราะเธอเอง
ก็สะเทือนใจเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นอยู่
ไม่น้อยเลย เธอรู้สึกสงสารเด็กที่จะต้อง
มาเจอและมาเติบโตอยู่ในสภาพแวดล้อม
แบบนี้
"พูดว่าน้องพีม..ถูกยัดใส่ถุงดำไปทิ้ง
อย่างนั้นหรอ...น้องพีมเกือบตายงั้นหรอ"
"ใช่!!!...เธอไม่หายใจแล้วด้วยซ้ำตอนที่
ฉันแกะถุงนั่นออก...คุณเคยคิดมั้ยว่าถ้า
คุณไปเจอสถานการณ์เดียวกันกับฉัน
คุณจะเป็นยังไง...เด็กที่ตายอยู่ตรงหน้า
เขาเป็นลูกใครก็ไม่รู้แต่ฉันดันไปเปิดดู
ฉันดันอยู่ตรงนั้น...เห็นเขาหมดลมหายใจ
เป็นคุณอ่ะ...คุณจะรู้สึกยังไง...ชีวิตหนึ่ง
ต้องมาตายให้คุณเห็นต่อหน้าแบบนั้นอ่ะ
เป็นคุณ...คุณจะทำยังไงวะ...ฉันทั้งสติแตก
ทั้งร้องไห้เพราะสงสารเด็ก...ไม่รู้ว่าฉันจะ
ช่วยอะไรเด็กได้บ้าง..ฉันช่วยเขาให้ฟื้นมา
ด้วยความยากลำบาก...แล้วดูสิ่งที่คุณทำ
กับเขาและฉันตอนนี้สิ...คุณแสดงพฤติกรรม
ชั่วช้าแบบนี้ให้เขาเห็น..คุณคิดว่ามันดี
สำหรับเขาแล้วหรอ...เขายังเด็กเขาใสซื่อ
เขาบริสุทธิ์...เขาเป็นผ้าขาวสะอาด..แต่
คนที่เป็นพ่อเขาที่จะเป็นปากกาขีดเขียน
เขาให้โตไปในทางที่ผิดๆ...คุณว่ามันคุ้ม
กับที่ฉันเหน็ดเหนื่อยช่วยเธอในวันนั้นมั้ย
มันคุ้มกันมั้ยลองใช้สมองอันน้อยนิดของ
คุณลองไตร่ตรองดูสิโว้ย...ไอ้พ่อชั่ว!!!"
สิ้นเสียงตะโกนด่าอันนาก็เป็นลมล้มพับไป
เป็นเพราะเธออดอาหารมาหลายวันพร้อม
ทั้งวันนี้ร้องไห้หนัก เรี่ยวแรงก็เลยหมดไป
กับการตะโกนด่าพีรพัฒน์ แต่ปัญหาก็ยัง
ไม่จบเมื่อเด็กน้อยเห็นว่าอันนาหมดสติไป
จากที่ตอนแรกเธอไม่เป็นอะไรจู่ๆเธอก็ร้อง
กรี๊ดๆลั่นห้องแล้วก็พยายามที่จะกระดึ๊บๆ
มาหาอันนา พีรพัฒน์จึงได้รับรู้ว่าลูกสาว
ของเขานั้นติดและชอบอันนามากแค่ไหน
พีรพัฒน์จึงอุ้มอันนาขึ้นไปนอนข้างๆน้องพีม
เพื่อให้ลูกสาวหยุดร้องไห้
เด็กน้อยผู้เห็นว่าผู้หญิงที่คอยเลี้ยงดูและ
เอาอกเอาใจเธอในไม่กี่วันมานี้เป็นแม่ของเธอ
เธอจึงเข้าไปกอดเอื้อมมือไปจับไปแตะๆ
ที่หน้าที่ตัวของอันนาแล้วก็ร้องไห้พึมพำ
ภาพเหล่านั้นมันทำให้ทุกคนในห้องถึง
กับอดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอเบ้า โดยเฉพาะ
พีระพัฒน์ผู้เป็นพ่อ
"อาเต๋อ...แกได้ยินอย่างที่ฉันได้ยินใช่มั้ย
น้องพีมเกือบจะตายเพราะผู้หญิงแพศยา
นั่น...แกว่าฉันควรจะทำยังไงกับคนใน
ครอบครัวนั้นดี...แกช่วยฉันคิดทีสิอาเต๋อ"
"ขอเพียงนายเอ่ยปาก...พวกเราพร้อมที่
จะไปจัดการครับนาย"
"กล้าทำถึงขั้นนี้...ก็แสดงว่าพวกมันอยาก
จะเป็นศัตรูกับฉันโดยเปิดเผย...ก็ดีเลย
แต่ก่อนเพราะฉันเกรงใจฉันจึงไม่ลงมือ
แต่ตอนนี้ฉันตาสว่างมากแล้ว...รับรอง
ว่าฉันไม่จบเรื่องนี้ง่ายๆแน่นอน"
พีรพัฒน์กัดฟันกรอดแต่เพราะอยู่ต่อหน้า
ลูกสวยเขาจึงแสดงสีหน้าออกมาไม่ได้
เขาเอื้อมมือไปลูบหัวลูกสาวเบาๆพร้อมกับ
เหลือบไปมองหน้าคนที่เป็นลมอยู่ตรงหน้า
ที่ตอนนี้ที่ขอบตาก็ยังมีน้ำตาชุ่มๆอยู่
เขารู้สึกขอบคุณเธอที่ช่วยเหลือน้องพีม
เอาไว้และเขาก็คิดว่ายังไงๆเขาก็คงต้อง
ตอบแทนบุญคุณนี้คืนกลับแก่เธอให้สาสม
"อาเต๋อ...นายพาคนไปเก็บข้าวของของเธอ
มาไว้ที่ห้องเล็กที...ฉันจะให้เธอมาเป็น
พี่เลี้ยงให้น้องพีม...เก็บมาให้หมดทุกอย่าง
แล้วก็ทำเรื่องซื้ออพาร์ทเม้นท์นั่นด้วยนะ
ซื้อไว้เลย...ซื้อเป็นชื่อของเธอ"
คำเตือน
ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่ หน่วยงาน
วิชาชีพต่างๆ และเหตุการณ์ที่มีการใช้
ความรุนแรงในนิยายเป็นแค่เรื่องสมมุติ
นิยายเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง
และความสนุกสนานเท่านั้นโดยไม่มี
เจตนาชี้นำหรือส่งเสริมการกระทำใดๆ
ที่เกิดขึ้นในนิยาย ตัวละครหรือเนื้อหา
อาจจะมีการใช้ความรุนแรงทางเพศ
และตัวละครอาจมีการใช้คำพูดที่ค่อน
ข้างจะหยาบคายแต่เพื่อความสมจริง
และเพิ่มอรรถรสให้กับนิยายได้สมจริง
มากขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการ
อ่านด้วยนะคะ ขอขอบคุณพระคุณ
ไว้ล่วงหน้าหากท่านจะมาเป็นผู้ใหญ่
ใจดีอุดหนุนsupportนิยายเรา🙏🙏🙏
เกือบหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
"จนป่านนี้ยังหาตัวลูกเจ้านายไม่เจอเลย
เราจะคอขาดออกจากกันมั้ยเนี่ยพี่เต๋อ
ฉันล่ะหวั่นใจจริงๆนะพี่...กลัวว่าสักวัน
นายเราจะของขึ้นเข้าสักคนนึง...ถ้าครบ
อาทิตย์หนึ่งแล้วยังหาไม่เจอฉันว่าคนบ้าน
นั้นได้มีคนชะตาขาดแน่ๆ...ไม่เชื่อพี่คอย
ดูสิ..."
"แล้วแกว่าใครจะเป็นคนชะตาขาดเป็น
คนแรกล่ะไอ้กิตติ"
"ผมว่ายัยคุณพิตาชัวร์เลยพี่...อยู่ดีไม่
ว่าดี..ยกเด็กให้เจ้านายมีสิทธิ์เลี้ยง
คนเดียวแล้วยังจะมายุ่งวุ่นวายอะไรอีก"
"ฉันว่าไม่ใช่ยัยคุณพิตานะที่จะชะตาขาด
ฉันว่าแกต่างหากที่จะชะตากรรมขาด
กล้ามาพูดชื่อยัยผู้หญิงนั่นในบ้านนาย
แกนั่นแหละที่จะโดนเด็ดหัวเป็นคนแรก"
ในขณะที่สองมือดีของพีรพัฒน์คุยกัน
อยู่จู่ๆมือถือของอาเต๋อก็ดังขึ้นรัวๆ อาเต๋อ
รีบควักเอามือถือขึ้นมารับสายด้วยสีหน้า
ที่นิ่งเฉย เจ้าตัวพูดกับปลายสายเพียงไม่
กี่คำก็รีบเดินออกจากตรงนั้นแล้วบึ่งไป
ที่รถประจำตัว
"ไปรับคุณหนูกันเถอะ..."
กิตติทำหน้างงๆแต่ก็รีบสาวเท้าตามไป
แบบติดๆประชิดติดตามเป็นเงาข้างกาย
"เมื่อกี้พี่ว่าอะไรนะพี่...ไปรับคุณหนู
หรือว่าพี่...พี่เจอตัวคุณหนูแล้วงั้นหรอ
เจอเธอแล้วจริงๆใช่มั้ยพี่...เรารอดตาย
แล้วใช่มั้ยครับพี่"
"อื้มมม!!!"
อาเต๋อเอ่ยตัดความรำคาญออกมาเพียง
หนึ่งคำสั้นๆก่อนจะสั่งให้ลูกน้องรีบออกรถ
แล้วมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย
(ในสาย)
"สวัสดีครับนาย...เจอที่อยู่แล้วครับนาย
ตอนนี้ผมกับไอ้เจ้ากิตติกำลังเดินทางไป
รับตัวคุณหนูกลับมาครับนาย"
"ดีมาก...เค้นเอาความจริงให้ได้นะว่า
ใครเป็นคนจ้างวานให้ทำ...ถ้ามันไม่
ยอมบอกก็พาตัวมาให้ฉันสอบสวนเอง"
"ครับนาย...ถ้าได้ตัวคุณหนูแล้วผมจะ
ยืนยันไปอีกทีครับ...ขออนุญาตวางสาย
ครับนาย"
"ระวังเรื่องความปลอดภัยให้มากที่สุดนะ
ทำให้เงียบๆอย่าให้ใครได้รู้ตัว...ฉันกำลัง
จะบินกลับไป...ฝากด้วยนะอาเต๋อ"
"ครับนาย...สวัสดีครับ"
***************************
"ทำให้ฉันหงุดหงิดได้ถือว่าเธอเก่งพอตัว
อยากเล่นเกมส์ใช่มั้ยพิตา...เดี๋ยวฉันจะ
จัดให้..."
พีรพัฒน์ยกมือถือขึ้นมากดโทรออก
อีกรอบ แต่ปลายสายในครั้งนี้เขากลับ
ไม่ได้คุยเรื่องเจ้าหนูตัวเล็กของเขา
"สวัสดีอาดัม...ข้อเสนอที่คุณให้ผมมา
ผมเอากลับมาคิดทบทวนดูแล้วนะ...
ผมตกลงกับทุกข้อเสนอที่คุณร่างมา
แต่ผมจะขอความช่วยเหลือจากคุณอีก
สักข้อ...คุณจะว่ายังไง"
"ขอเพียงเราได้ร่วมธุรกิจกับอินฮวากรุ๊ป
เรายอมทำตามทุกเงื่อนไขที่คุณจะเสนอ
มาครับ...เชิญคุณพีว่าข้อเสนอของคุณ
มาได้เลยครับ"
"ดีครับ...ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนักหรอก
ผมได้ข่าวมาว่าอีซีไอกรุ๊ปประกาศขายหุ้น
ที่ร่วมลงทุนกับเครือของคุณใช่มั้ย...ผมว่า
ผมอยากจะซื้อหุ้นทั้งหมดของอีซีไอ..คุณ
พอจะช่วยผมได้มั้ยคุณอาดัม"
"ถ้าเป็นเรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาครับ..ผมจะ
ช่วยคุณซื้อมาให้หมดเลย...แต่เอ๊ะ!!!!
ข่างวงในเขาว่าคุณกับเจ้าสัวรังสรรค์
มีเรื่องบาดหมางใจกันมันจริงรึเปล่าครับ
แล้วถ้ามันจริงเขาจะยอมขายให้คุณ
ง่ายๆมั้ยล่ะครับเนี่ย"
"ผมว่าคนเก่งๆอย่างคุณคงจะมีร้อยแปด
วิธีที่จะได้มันมานะครับ...ผมไม่ได้พึ่งจะ
รู้จักกับคุณนะอาดัม...ผมเป็นคนยังไง
คุณคงจะรู้จักผมดี...ถ้าคุณไม่ช่วยผม
ผมก็มีวิธีที่จะซื้อมันมาเป็นของผมให้ได้
เข้าใจนะครับ"
"ฮ่าๆๆๆ...ผมชอบคุณก็ตรงนี้นี่แหละครับ
คุณเป็นคนตรงๆ...ไม่พูดจาวกวนอ้อมค้อม
เอาล่ะครับผมจะช่วยคุณ...ผมจะช่วยคุณ
ซื้อหุ้นทั้งหมดมาเองวางใจได้..ผมวางนะ
ครับเจ้านาย...ฮ่าๆๆๆ"
"ขอบคุณล่วงหน้าครับ...ขอบคุณ"
เมื่อสายถูกตัดไป สีหน้าของพีรพัฒน์ก็
เปลี่ยนไปจากเดิมมาก เขาแสยะยิ้ม
ออกมาพร้อมกับฮัมเพลงเบาๆในลำคอ
19.52
อพาร์ทเมนท์แฝด
ที่หน้าตึกอพาร์ทเม้นท์ของอันนาเย็นนี้
มีรถตู้สองคันที่ไม่ค่อยคุ้นตาวิ่งเข้ามา
จอดทิ้งไว้ตั้งแต่หัวค่ำ แต่ก็ไม่ได้มีคน
สงสัยว่ารถสองคันนี้มาจอดรอใครหรือ
กำลังจอดรออะไร
ส่วนบนห้องหมายเลข 28 ก็ยังคงมี
ความวุ่นวายเช่นทุกวันคือเสียงร้องกรีดๆ
จากเด็กอายุวัยห้าเดือนที่กำลังสนุกกับ
ของเล่นชิ้นโปรดของเธอ กับคุณพี่เลี้ยง
จำเป็นที่กำลังยุ่งเรื่องชงนมและเตรียม
ข้าวโอ๊ตเพื่อป้อนเด็กดื้อตอนสองทุ่ม
"หนูลูก...กรี๊ดอะไรเสียงดังขนาดนั้นคะ
เดี๋ยวเพื่อนบ้านเราก็ตกใจกันหมดพอดี
เบาๆนะคะคนดี...ซ้อมเสียงไว้เผื่อโตไป
จะไปประกวดร้องเพลงรึไงคะคนสวย
อยู่นิ่งๆก่อนนะคะ...พี่กำลังเตรียมนม
กับข้าวไปป้อน...เหมียวเหมี่ยวคนดื้อ
หิวข้าวรึยังเอ่ย...ไหนๆใครหิวข้าวนะ"
สิ้นเสียงของอันนาเด็กน้อยผู้แสนจะ
ฉลาดก็ร้องกรีดขึ้นอีกเพราะเหมือนว่า
เธอจะรู้ความรู้ภาษาที่อันนาสื่อออกไป
ทั้งสองคนต่างมีสายใยบางอย่างที่เชื่อม
สื่อถึงกัน ถึงแม้นว่าอันนากับเหมียวเหมี่ยว
พึ่งจะได้เจอกันไม่กี่วัน แต่ทั้งคู่กลับดู
เหมือนจะสนิทกันและเข้าใจกันมากๆ
ห้องเบอร์ 29
"เท่าที่เราแอบฟังมาสักพัก...เธอน่าจะ
อาศัยอยู่คนเดียวอย่างที่เจ้เจ้าของ
อพาร์ทเมนท์นั่นบอกเลยนะพี่เต๋อ..."
"จะอยู่กับใครก็ช่าง..วันนี้เราต้องพาตัว
คุณหนูกลับให้ได้...นายสั่งให้เงียบที่สุด
ถ้าไม่ติดว่านายสั่งป่านนี้ฉันไปหิ้วยัยคน
พี่เลี้ยงนั่นไปส่งลงนรกแล้ว"
"อ้าว...ไหนพี่บอกว่านายสั่งให้จับเป็นไง
พี่จะฝืนคำสั่งนายรึไง"
"แกสติดีมั้ยไอ้กิตติ...ฉันพูดว่าถ้า!!!!
แกเข้าใจมั้ยฉันบอกว่าถ้า"
คนทั้งคู่นั่งแอบฟังคนห้องข้างๆคุยกัน
เสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนกับไปมา
23.19
เวลาผ่านไปสามชั่วโมง
ตอนนี้อาเต๋อกับกิตติและลูกน้องอีกสี่คน
แอบย่องเข้าไปในห้องของอันนาได้สำเร็จ
ด้วยความที่เหนื่อยกับการเลี้ยงดูเด็กอ่อน
อันนาจึงหลับไม่ได้สติไม่รู้ตัวว่ามีคนแอบ
ย่องเข้าห้องเธอ แต่อาเต๋อก็ไม่ประมาท
เขาใช้ยาสลบที่เตรียมมาให้อันนาสูดดม
เพื่อให้ง่ายต่อการขนย้าย ไม่ถึงยี่สิบนาที
ร่างอันไร้สติของอันนากับหนูน้อยก็เข้าไป
นอนอยู่ในรถตู้เรียบร้อยแล้ว
รถตู้เมื่อทำภารกิจสำเร็จก็รีบมุ่งหน้าไป
สู่จุดหมายปลายทางอย่างเร่งด่วนที่สุด
(ในสาย)
"ผมโทรมายืนยันครับนาย...เราได้ตัว
คุณหนูมาแล้วครับ..ตอนนี้ใกล้จะถึงบ้าน
แล้วครับนาย"
"ดีมาก...ขอบใจมากๆนะอาเต๋อ"
"ขอบคุณครับผม...แต่มันก็คือน่าที่ครับ
ว่าแต่ว่านายครับเรื่องพี่เลี้ยงคนนี้จะให้
ผมทำยังไงกับเขาดีครับ"
"พากลับไปก่อน...เรายังไม่รู้ว่าพวกนั้น
ทำอะไรกับยัยหนูบ้าง...เอาไปไว้ที่ห้อง
เก็บของหลังสวนก่อนแล้วกัน...พอเสร็จ
ธุระเราค่อยไปค่อยกับเขา"
"รับทราบครับนาย...ขออนุญาตวางครับ"
เมื่อได้รับคำสั่งแล้วอาเต๋อก็สั่งให้ลูกน้อง
รีบเหยียบคันเร่งให้กลับรังอย่างด่วน
เมื่อล้อรถหมุนเข้ามาเหยียบถิ่นตัวเอง
ทั้งหมดบนรถจึงรู้สึกโล่งอก หนูน้อยถูก
พยาบาลอุ้มขึ้นไปบนห้องพร้อมกับหมอ
ผู้หญิงอีกหนึ่งคน ส่วนอันนาพี่เลี้ยงจำเป็น
ก็ถูกนำตัวไปกักขังไว้ในห้องมืดที่ท้ายสวน
"รีบตรวจเช็คสภาพร่างกายคุณหนูเลยนะ
คุณหมอ...เช็คให้ละเอียดด้วยล่ะ...ส่วน
เรื่องอื่นๆเดี๋ยวให้นายกลับมาค่อยว่ากัน"
อาเต๋อสั่งกับหมอเสียงเข้มก่อนจะหันหลัง
กลับออกมาจากห้องนอนคุณหนู ทั้งคู่
เดินคุยกันลงมาสู่ห้องโถงจนมาเจอเข้า
กับแม่นมของเจ้านาย
"นี่อาเต๋อ...คุณหนูพีมเธอเป็นยังไงบ้าง
ไม่ได้รับอันตรายอะไรใช่มั้ยวะ...ห๊ะ!!!"
คุณนมแจ่มเอ่ยปากถามถึงคุณหนูตัวเล็ก
อย่างไรเป็นห่วงสุดๆ อาเต๋อและเจ้ากิตติ
ส่ายหน้าพร้อมๆกันก่อนจะเดินไปนั่งลง
บนเก้าอี้อย่างโล่งๆใจ
"ผมยังไม่รู้หรอกครับป้า...แต่ดูจากตาเปล่า
คุณหนูคนเล็กของป้าน่าจะไม่มีอะไรที่
น่าเป็นห่วงนะครับ"
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วทำไมพวกเอ็งสองคน
ถึงได้ทำหน้าแบบนั้นล่ะวะ...ยังกับว่า
มีอะไรที่ไม่สบายใจอย่างนั้นแหละ"
"ที่พวกฉันสองคนเป็นห่วงไม่ใช่คุณหนู
แต่เป็นเด็กผู้หญิงคนนึงที่เราพามาด้วย
ดูจากหน้าตาแล้วอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบ
ถ้าถูกสั่งเชือดล่ะก็...คงจะน่าเสียดาย
เธอสวยซะด้วยสิ...ตอนผมอุ้มตัวเธอ
มากลิ่นตัวนี่หอมมากๆเลยครับป้า"
กิตติเผลอปากพูดยาวราวกับต้องมนต์
จนอาเต๋อต้องใช้มือปิดป้องปากเขาเอา
ไม่ให้พูดมากไปกว่านี้
"เด็กผู้หญิงงั้นหรอพี่กิตติ...แล้วทำไม
เธอถึงจะต้องโดนสั่งเก็บด้วยล่ะพี่เต๋อ"
อ้อนแอ้นสาวใช้อีกคนเอ่ยปากถามขึ้น
เพราะความอยากรู้อยากเห็น แต่คำตอบ
ที่เธอได้รับกลับมาคือความเยือกเย็น
จากเสียงของมัจจุราช
"รากมะม่วงหลังสวนยังว่างอีกหลายต้น
เลยนะอ้อนแอ้น...จะไปถามไปคุยกับ
มันสักหน่อยมั้ย...ไปแทนผู้หญิงคนนั้น
ก็ได้นะ"
เสียงๆเดียวกับคำพูดเพียงไปกี่ประโยค
ก็ทำให้สี่ห้าชีวิตที่ยืนออคุยกันอยู่ตรงนั้น
ตัวสั่นไปได้ราวกับมีเวทมนตร์อาถรรพ์
โดยเฉพาะอ้อนแอ้นที่ถูกหมายหัวจาก
มัจจุราช ทุกคนต่างพากันหันไปมองที่
ต้นเสียงก่อนจะรีบก้มโค้งคำนับตัวงอ
"คุณพี...กลับมาแล้วหรอคะ"
คุณนมแจ่มยิ้มแฉ่งเมื่อเห็นหน้าแก้วตา
ดวงใจของเธอกลับมาถึงบ้าน นมแจ่ม
รีบเดินเข้าไปต้อนรับคุณหนูของเธอ
"กลับมาเหนื่อยๆ...ได้ทานอะไรมารึยังคะ
ให้นมจัดเตรียมอะไรให้ทานมั้ยคะคุณพี"
"เอาแค่กาแฟกับคุกกี้ก็ได้ครับนม...พอดี
ระหว่างทางมาก็ได้กินอะไรรองท้องมา
นิดหน่อย...ตอนนี้ก็เลยยังไม่หิวเลยครับ"
"โอเคค่ะ...งั้นเดี๋ยวนมไปเตรียมให้นะคะ"
"ครับนม...เดินระวังๆด้วยนะครับ"
พีรพัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มละมุนมากๆ
เขาอ่อนน้อมถ่อมตนมากเมื่ออยู่กับคุณนม
ของเขา แต่พอคุณนมจากไปสีหน้าของ
พีรพัฒน์ก็กลับมาเคร่งขรึมเหมือนเดิม
เขาเร่งฝีเท้าเดินไปบนบ้านเพื่อไปให้เห็น
กับตาว่าลูกสาวสุดที่รักของเขากลับมา
ถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วจริงๆ
"คุณหนูอยู่ไหน"
"กำลังให้หมอนิ่มตรวจร่างกายอยู่ครับ
ป่านนี้ก็คงน่าจะเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ"
แต่เมื่อพีรพัฒน์เดินก้าวจะขึ้นไปบนบ้าน
ก็ได้ยินเสียงของลูกสาวตัวน้อยร้องไห้
เสียงดังลั่นห้องนอน หกเท้าของสามคน
จึงรีบเร่งฝีเท้าขึ้นไปบนบ้านเพราะคิดว่า
ศัตรูอาจจะแอบเข้ามาในบ้านได้อีกรอบ
แต่เมื่อพอไปถึงที่หมายกลับไม่พบอะไร
เห็นเพียงแต่คุณหนูตัวเล็กนอนดิ้นและ
ร้องไห้แบบแหกปากเสียงนี่แหลมบาดหู
"หมอนิ่ม!!!...เกิดอะไรขึ้นครับทำไมคุณหนู
ถึงได้ร้องไห้เสียงดังขนาดนั้นครับเนี่ย"
อาเต๋อรีบเอ่ยปากถามกับหมอนิ่มก่อนที่
เจ้านายจะเอ่ยปากถามเอง หมอนิ่งทำ
หน้าเลิกลั่กแล้วส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าจะ
ตอบออกไปยังไงดี
"น้องพีมเป็นอะไรหมอ"
"พอเธอตื่นมาก็ร้องแบบนี้เลยค่ะคุณพี
ดิฉันให้พยาบาลเอานมให้ดื่มและนะคะ
แต่เธอก็ไม่ยอมหยุดร้องเลย...ดิฉันจะอุ้ม
ก็ไม่ยอมให้อุ้มเลยค่ะ...แค่เอาแขนไปใกล้
เธอก็ร้องดังยิ่งกว่าเดิมอย่างที่เห็นเลยค่ะ"
พีรพัฒน์เดินไปใกล้ลูกสาวหวังจะเข้าไป
อุ้มไปปลอบขวัญแต่ก็ถูกเด็กปฎิเสธเช่น
เดี๋ยวกับคุณหมอและคุณพยาบาล
"นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับลูกฉันของเนี่ย"
พีรพัฒน์ยืนดูผู้เป็นลูกสาวร้องไห้งอแง
ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เธอเลยสักคน
.
.
.
.
.
⏭️โปรดติดตามตอนต่อไป⏩