หวังว่าการเข้าค่ายฝึกอบรมรอบนี้จะทำให้ผมมีลีลาที่เด็ดดวงยิ่งขึ้นนะ...
ชาย-ชาย,ผู้ใหญ่,nc,porn without plot ,pwp,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่ 1 : วันแรกในค่ายฝึก
…
‘ท่านผู้โดยสารโปรดทราบอีกห้าร้อยเมตรข้างหน้าคือค่ายฝึกอบรมที่เราจะเข้าร่วมกันในวันนี้ เมื่อเราเข้าไปถึงที่หมายแล้วทุกท่านจะได้พบกับผู้นำค่ายซึ่งเขาจะเป็นผู้ดูแลตลอดระยะเวลาการเข้าค่ายครั้งนี้ รายละเอียดต่างๆ รวมถึงการจัดแจงที่พักทางผู้นำค่ายจะเป็นผู้จัดการให้โดยละเอียด สุดท้ายนี้การดูแลของดิฉันในวันนี้ก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว หากในครั้งนี้มีข้อผิดพลาดประการใดดิฉันต้องขอประทานอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ หลังจากนี้ขอให้ทุกท่านมีวันที่ดีในการเข้าค่ายฝึกอบรมของเราตลอดทริปสามเดือนนี้นะคะ’
สิ้นเสียงประกาศแสนหวานหูของแอร์บัสคนสวยซึ่งดูแลเรามาตลอดทางตั้งแต่ใจกลางเมืองจนถึงเกาะกลางน้ำแห่งหนึ่ง นับได้ว่าเป็นพื้นที่ห่างไกลชุมชนเป็นอย่างมากก็ว่าได้ แต่ว่านะที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ใครๆ ต่างก็อยากจะมาสัมผัสด้วยตาเนื้อของตัวเองกันทั้งนั้น เพราะค่ายแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความสนุกสนานและมีสิ่งน่าตื่นตาตื่นใจที่รออยู่ตั้งมากมาย
แต่ไม่ใช่ว่าใครอยากจะมาก็เข้ามาได้เพราะผู้ที่จะมายังค่ายแห่งนี้ได้จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับบัตรเชิญโดยตรงจากผู้นำค่ายกันทั้งนั้น
‘ค่ายฝึกอบรมสำหรับสมาคมผู้ไร้รัก’ ฟังดูชื่ออาจจะไม่ค่อยเสนาะหูสักเท่าไหร่แต่ว่าผู้ที่เคยเข้ามายังค่ายแห่งนี้แล้วกลับออกไปต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง เท่าที่ผมได้ยินมานั้นค่ายแห่งนี้เป็นที่ฝึกฝนสำหรับกลุ่มคนที่ไม่เคยมีแฟนและต้องการหาเพื่อนพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตคู่ที่ตัวเองนั้นไม่เคยได้สัมผัสดูสักครั้ง ทางค่ายเขามีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะเลย
พี่ที่เคยมายังบอกไว้ว่าเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เหมือนกับชีวิตของเราได้เดินเข้าสู่เกมการผจญภัยเกมหนึ่งที่จะพาเราไปพบเจอกับสิ่งที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนในชีวิต
ผมคิดว่านะค่ายนี้เป็นทริประยะยาวตั้งสามเดือนคิดว่าน่าจะมีอะไรให้เรียนรู้เยอะแน่เลยเพราะแบบนั้นผมจึงมีความสนใจเป็นอย่างมากที่จะได้มายังที่แห่งนี้ ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ข่าวจากรุ่นพี่ที่เคยมายังค่ายที่นี่บอกว่าทางผู้นำค่ายกำลังมองหาผู้ที่เหมาะสมสำหรับเข้าค่ายประจำไตรมาสนี้อยู่ก็เลยเสนอตัวเองด้วยการเข้าไปอยู่ในระยะสายตาของท่านผู้นำค่ายคนนั้นจนในที่สุดบัตรเชิญใบที่เจ็ดซึ่งเป็นใบสุดท้ายของรอบนี้ก็กลายมาเป็นของผมจนได้
สำหรับการเปิดรับคนไร้รักเพื่อมาเข้าค่ายในแต่ละครั้งนั้นจำกัดสูงสุดอยู่ที่ห้าถึงสิบคนต่อรอบเท่านั้น ซึ่งเป็นที่น่ายินดีที่รอบนี้มีผู้เข้าตาท่านผู้นำค่ายถึงเจ็ดคน ทำให้ระหว่างที่เดินทางมายังค่ายแห่งนี้ผมได้มีเพื่อนเพิ่มมาอีกถึงสองคน ระหว่างเดินทางด้วยรถบัสจากบ้านถึงที่หมายใช้เวลาสิบกว่าชั่วโมงพวกเราก็ได้ปรึกษาพูดคุยกันจนได้รู้ว่าคนอาภัพรักไม่ได้มีแค่ผมคนนี้คนเดียว เพราะทุกคนที่นั่งรถมาด้วยกันต่างก็ไม่เคยมีแฟนหรือผ่านช่วงเวลาที่เรียกว่ามีความรักกันเลยแม้แต่น้อย แต่พวกเราไม่ใช่พวกที่ตายด้านกันหรอกนะเพียงแต่ตั้งสเปคกันไว้สูงเกินไปต่างหากล่ะ
ส่วนตัวผมแล้วการที่จะรักใครสักคนได้คนคนนั้นต้องเป็นคนที่มีหน้ามีตาในระดับหนึ่ง รวมไปถึงเรื่องรูปร่างหน้าตาต้องไม่ใช่แค่พอไปวัดไปวาได้อยู่แล้ว อย่างน้อยๆ ก็ต้องรูปหน้าหล่อเหลา สันกรามคมชัด จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากอวบอิ่มออกสีชมพูกลีบบัวสักหน่อย ส่วนสูงสักร้อยแปดสิบเซนติเมตร เป็นผู้ใหญ่สามารถเป็นที่พึ่งพิงให้ผมได้แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ
“โอ้โห ที่นี่สดชื่นดีชะมัดเลย” พี่ก๊อตหนึ่งในผู้ร่วมเดินทางมาเข้าค่ายครั้งนี้ว่าขึ้นหลังจากก้าวลงจากรถมาเหยียบบนพื้นหญ้าเขียวขจีพร้อมกับยกแขนขึ้นยืดเส้นยืดสายคลายอาการเมื่อยล้าจากการนั่งรถมาเป็นเวลานาน
ที่แห่งนี้เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ขึ้นอยู่กลางแม่น้ำ แต่ก็ไม่ได้ธุระกันดารแต่อย่างใดเพราะยังมีสะพานสำหรับสัญจรขึ้นฝั่งได้อย่างสะดวกแต่ก็ไม่ได้สบายเพราะต้องใช้เวลาพอสมควรอยู่เหมือนกันเนื่องจากห่างไกลจากฝั่งหลายสิบกิโลเมตรเลยแถมยังเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล คนทั่วไปต้องได้รับอนุญาตก่อนถึงจะขึ้นมายังเกาะแห่งนี้ได้
ตอนแรกผมก็แอบหวั่นใจกับสถานที่เหมือนกันแต่พอได้เห็นบรรยากาศของที่นี่แล้วก็คิดซะว่ามาพักผ่อนใช้ธรรมชาติบำบัดจิตใจสักหน่อยดูก็แล้วกัน เพราะที่นี่เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่รับรองว่าได้สูดออกซิเจนบริสุทธิ์จนเต็มปอดแน่นอน และยังมีบ้านพักอีกนับสิบหลัง รวมถึงโดมขนาดใหญ่ด้วยคิดว่าคงมีกิจกรรมให้พวกเราได้ทำกันแบบไม่มีเบื่อแน่นอน
“สวัสดีทุกท่าน ผมขอแนะนำตัวก่อนก็แล้วกัน ผมคือตัวแทนของท่านผู้นำค่ายชื่อภูมินทร์ครับ สำหรับการเข้าค่ายรอบนี้ผมจะทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลของทุกคน หากมีเรื่องสงสัยหรือต้องการให้ช่วยเหลืออย่างไรก็มาหาผมได้เลยครับ” เด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งดูแล้วอายุน่าจะน้อยกว่าผมสักสามหรือห้าปีเห็นจะได้ เขาตรงเข้ามาหาพวกเราทั้งเจ็ดคนที่เพิ่งลงจากรถบัสคันใหญ่ก่อนจะกล่าวทักทายอย่างนอบน้อม
เมื่อได้ยินแบบนั้นผมและเพื่อนๆ อีกหกคนก็กล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้มด้วยเช่นกัน แม้ว่าความสนใจของพวกเราในตอนนี้จะอยู่ที่ธรรมชาติโดยรอบของค่ายแห่งนี้ก็ตาม
“เห็นตรงนั้นมีสะพานด้วยตกปลาได้เหรอครับที่นี่” คนชื่อ นาจา ที่เดินทางมาพร้อมกับผมเอ่ยถามขึ้นทันทีด้วยท่าทางตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศโดยรอบของค่ายฝึกเป็นอย่างมาก
“ตกปลาได้ครับผม นายท่านได้กำหนดตารางเวลาสำหรับกิจกรรมตกปลาไว้ที่ป้ายด้านหน้าสะพานเรียบร้อยแล้วครับ หากทุกท่านสนใจการตกปลาสามารถเข้าไปขออุปกรณ์กับคุณพี่ผู้ดูแลคลังได้ตามช่วงเวลาได้ครับ รอบแรกสิบโมงเช้าถึงสิบเอ็ดโมงและบ่ายสามโมงถึงหนึ่งทุ่มครับผม”
“ผมเห็นมีเรือคายักจอดอยู่ตรงนั้นด้วย อันนี้ก็มีกำหนดเวลาด้วยหรือเปล่าครับ” พี่วุฒิหนึ่งในเพื่อนร่วมเดินทางถามขึ้นต่อ
“ครับผม กิจกรรมเรือคายักสามารถเล่นได้เฉพาะช่วงบ่ายตั้งแต่บ่ายสามโมงจนถึงหนึ่งทุ่มตรงเลยครับ”
“แล้วสามเดือนนี้พวกเรามีอะไรที่จะต้องทำบ้างครับ” ผมเป็นคนถามขึ้นต่อเพราะต่อให้ตื่นเต้นที่จะได้มายังค่ายแห่งนี้มากแค่ไหนแต่ก็ยังไม่วายคิดไม่ตกว่าทริปสามเดือนนี้จะมีอะไรให้พวกเราได้ทำบ้าง คิดว่าเวลาถึงสามเดือนหน้าจะไม่ใช่การเข้าค่ายแบบธรรมดาแน่ๆ
ผมพอได้ยินคร่าวๆ มาว่าค่ายแห่งนี้เต็มไปด้วยความสนุก แค่ได้เข้ามาก็รู้สึกประทับใจจนไม่อยากกลับออกไป แต่ก็ไม่มีใครสปอยล์ให้ฟังกันสักคนว่าความสนุกที่ว่านั่นมันคืออะไรกันแน่
ประโยคเด็ดของคนที่เคยเข้ามาที่นี่ก็คือ ‘ต้องลองเข้าไปสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะรู้’
“เดี๋ยวพวกเราขออนุญาตแจกกุญแจห้องให้กับทุกท่านก่อนเพื่อให้ทุกท่านได้นำอุปกรณ์สัมภาระเข้าไปเก็บกันก่อน พวกเราได้เตรียมมื้อเย็นสำหรับคืนนี้เอาไว้เรียบร้อยแล้วและเราจะมาชี้แจงกำหนดการของค่ายครั้งนี้หลังมื้ออาหารเย็นพร้อมกันครับ” คุณภูมินทร์ไม่ตอบคำถามผมแต่กลับหันไปหาลูกน้องที่เดินตามมาให้นำกุญแจห้องแจกจ่ายให้กับพวกเราทั้งเจ็ดคนก่อนจะเดินนำแต่ละคนไปส่งที่ห้องพักตามหมายเลขที่ได้มา
ผมได้ห้องหมายเลขเจ็ดบ้านพักเลยอยู่ห่างจากคนอื่นๆ เล็กน้อยแต่ก็ใกล้กับโดมสำหรับการประชุมกว่าถือว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกันเพราะคุณภูมินทร์บอกไว้แล้วว่าส่วนใหญ่กิจกรรมเราจะไปทำกันที่โดมแห่งนี้ซึ่งเป็นสถานที่รวมตัว พอบ้านพักอยู่ใกล้แบบนี้ผมก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินไกลเหมือนคนอื่น
หลังจากเข้าห้องมาผมก็เก็บข้าวของและเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำชำระล้างความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตั้งแต่เมื่อวานออกไป ก่อนที่สักพักจะได้ยินเสียงเคาะที่หน้าประตูบ้านพัก
“ใครครับ” ผมตะโกนถามกลับไปเพราะไม่คิดว่าจะถูกตามตัวเร็วขนาดนี้ ในเมื่อคุณภูมินทร์เป็นคนบอกเองแท้ๆ ว่าให้เวลาหนึ่งชั่วโมงพักผ่อนกันก่อนแล้วค่อยไปรวมตัวรอมื้อเย็นกันที่โดมประชุม
“คือว่านายท่านให้มาเรียกคุณปุญณ์ไปพบที่บ้านพักครับ” เป็นคุณภูมินทร์นั่นเอง ว่าแต่นายท่านเรียกผมอย่างนั้นเหรอ
“นายท่านคือใครเหรอครับ” คือผมไม่ได้กวนนะครับแต่ว่าตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็เจอแค่คุณภูมินทร์ก็เลยไม่แน่ใจเหมือนกันว่านายท่านที่เขาพูดถึงนั้นหมายถึงใครหรือว่าจะเป็นผู้นำค่าย
“นายท่านคือผู้นำค่ายของเราครับ”
ใช่จริงๆ ด้วย
“อา~ เขาเรียกให้พวกเราไปพบก่อนเวลาสินะครับ”
“เปล่าครับนายท่านเรียกแค่คุณปุญณ์ก่อนครับ”
“เขาเรียกให้ผมไปพบตอนนี้เหรอครับ นึกว่าจะรอเจอกันทีเดียวตอนมื้อเย็นซะอีก” ผมขมวดคิ้วมุ่นด้วยความรู้สึกแปลกใจที่อยู่ๆ ก็ถูกเรียกให้ไปหาในเวลาแบบนี้ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนแท้ๆ
“เชิญครับ” คุณภูมินทร์ไม่ตอบคำถามผมอีก แถมยังเดินนำผมไปทางบ้านพักที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมอย่างรวดเร็วทำให้ผมต้องรีบวิ่งตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
อยากรู้เหมือนกันว่าผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่าถึงได้เรียกหาผมกะทันหันแบบนี้
“เข้ามา” เสียงนุ่มทุ้มละมุนใจดังออกมาจากภายในบ้านพักหลังใหญ่หลังจากที่คุณภูมินทร์เคาะประตูเรียก
“เชิญคุณปุญณ์ครับ” หลังจากได้รับคำอนุญาตคุณภูมินทร์ก็เปิดประตูก่อนจะผายมือเชิญผมให้เข้าไปแค่คนเดียว ผมจึงหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเป็นกังวลแต่เขาก็แค่ยิ้มและพยักหน้าให้ผมเข้าไปโดยไม่พูดอะไรอีก
“ขอบคุณครับ” ผมก็จนปัญญาจะถาม อีกอย่างอยู่บ้านท่านก็ต้องเชื่อฟังท่าน เขาเรียกมาพบก็ต้องไปหาตามคำเชิญแต่โดยดี
ภายในบ้านหลังนี้ดูแล้วใหญ่กว่าบ้านพักของผมอยู่มาก ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวสะอาดตาตัดกับสีน้ำตาลอ่อนชวนให้ความรู้สึกอบอุ่นก่อเกิดขึ้นในใจอย่างบอกไม่ถูก บันไดขึ้นชั้นสองเหมือนจะทำด้วยไม้ มองไกลๆ ดูแล้วรู้สึกสบายตาดีเหลือเกิน ทางด้านซ้ายมือเหมือนจะเป็นห้องรับประทานอาหารมีโต๊ะไม้ตัวใหญ่แนวยาววางอยู่ ตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้หลากหลายสีแต่ไม่มีใครอยู่สักคน พอมองไปทางขวามือจึงพบกับห้องรับแขกซึ่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งไขว่ห้างกอดอก สายตาจ้องทีวีตรงหน้าอยู่ เห็นแค่เสี้ยวหน้าด้านข้างก็จำได้เลยว่าเป็นท่านผู้นำค่ายพี่เคยยื่นบัตรเชิญใบที่เจ็ดใส่มือให้ผมคนนั้นนั่นเอง
“คุณปุญญพัฒน์ ธนะกิจอัมพร อดีตหัวหน้าช่างวิศวกรของฝ่ายโยธาจากบริษัทxxx ส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเอ็ดเซนติเมตร น้ำหนักห้าสิบห้ากิโลกรัม อายุสามสิบสองปี ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เดือนก่อนได้ข่าวว่าคุณประมูลได้โครงการใหญ่มาด้วย ยินดีด้วยนะครับ”
“เอ่อ…คะ-ครับ…ขอบคุณครับ” โอ้โหกว่าจะหาสติตัวเองเจอ ไม่คิดว่าท่านผู้นำค่ายจะสืบประวัติของผมมาซะชัดเจนขนาดนี้ เล่นเอาไม่มีอะไรจะพูดต่อเลย
“อายุสามสิบสองปีไม่เคยมีแฟนเลยจริงๆ เหรอครับ”
“ครับ ไม่เคยมีเลยครับ” ผมตอบเสียงแผ่วแม้จะเป็นความจริงก็ตาม แต่เพราะตอนนี้เหมือนผมกำลังถูกมนต์สะกดอยู่ยังไงอย่างนั้นเลยเมื่อท่านผู้นำค่ายตรงหน้าลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากับผม ตาคมที่จ้องมองมาสะกดสายตาของผมจนไม่อาจละไปไหนได้ ใบหน้าหล่อเข้ม สันกรามคม คิ้วหนา ขนตายาว ตัวสูงกว่าผมด้วย นี่มันสเปคของผมชัดๆ เลยนะเนี่ย ยิ่งเขาเดินเข้ามาใกล้ผมก็ยิ่งใจเต้น หรือว่านี่จะเป็นพรหมลิขิตกันนะ!
“รู้ไหมครับว่าการเข้าค่ายครั้งนี้ก่อนจะออกไปต้องมีใบประกาศให้ด้วย”
“…” ผมส่ายหน้าให้เป็นคำตอบของอีกฝ่ายเพราะข้อมูลที่ได้มาไม่มีบอกเลยว่าต้องได้ใบประกาศด้วย แต่ว่ามีใบประกาศก็ดีไม่ใช่เหรอเหมือนเป็นเกียรติบัตรไว้เป็นที่ระลึกด้วย
“ถ้าอยากได้ก็ต้องทำให้ผมพอใจด้วยรู้ไหมครับ”
“ยังไงเหรอครับ”
“รู้ไหมค่ายนี้เขาทำอะไรกัน” คนตัวสูงกว่าเลิกคิ้วถามเหมือนต้องการจะหยั่งเชิงผม รวมถึงสายตาของเขานั้นมันทำให้ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวผม
“หรือว่า…” ค่ายสำหรับคนโสดก็คือสถานที่ให้คนโสดที่ไม่เคยมีรักได้มาสัมผัสการมีเซ็กซ์คลายเหงา พวกเขาคิดว่าคนโสดจะต้องซิงด้วยอย่างนั้นสินะ ถึงว่าละทำไมถึงเฟ้นหาแต่พวกที่โสดมาแต่เกิดเท่านั้น
“อย่างคุณจะทำได้จริงเหรอครับ”
เหมือนผมจะคิดถูกเขาถึงได้ถามแบบนั้น แต่คำถามเมื่อครู่นั่นมันจะหยามกันเกินไปหรือเปล่า! ถึงจะไม่เคยมีแฟนแต่ผมก็เคยซื้อกินอยู่นะขอบอก แถมได้คำชมบ่อยๆ ด้วยว่าผมนั้นกินแซ่บยิ่งกว่าใคร มามองด้วยสายตาดูถูกกันแบบนี้ต่อให้หน้าตาตรงสเปคพี่ก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้หรอกนะ เดี๋ยวจะทำให้รู้ว่าคนโสดที่แกร่งกล้ามันเป็นยังไง
TBC.
คนโสดแบบพี่ปุญณ์ฆ่าได้แต่หยามกันไม่ได้หรอกนะบอกเลย! เดี๋ยวจะได้รู้ว่าของจริงเป็นยังไง ฮ่าๆ
ฝากติดตามงานเรื่องใหม่หลังจากที่ไรท์แอบอู้ไปนานด้วยนะคะ กว่าจะดึงตัวเองกลับมาเขียนงานอีกครั้งเป็นอะไรที่ลำบากจริงๆ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้อาการมันคืออะไร แบบอยากเขียนนิยายต่อนะ บอกและสะกดจิตตัวเองทุกวันว่าให้แต่งนิยายต่อ พล็อตก็ผุดขึ้นเต็มหัว แต่พอเปิดแอปขึ้นมาดันสมองว่าง เขียนไม่ออกซะงั้น
แต่ตอนนี้พลังเริ่มกลับมาแล้ว กำลังพยายามเขียนต่อเรื่อยๆ ฝากเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะ^^