ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ดราม่า,ไซไฟ,ทะลุมิติ,ดราม่า,นิยายวาย,แฟนตาซี,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แน่นนอนว่าไทป์เองก็เป็นนักเลงคีย์บอร์ด เขา
ไม่มีวันที่จะยอมให้พวกชาวเน็ตมาด่าลูกสาวของเขาโดยที่ไม่โดนเขาด่ากลับไม่ได้หรอก ถึงแม้จะมีคนเดียวแต่เขาเองมันก็เลือดนักสู้ซะด้วยสิ
ทุกวันหยุดเขาแทบที่จะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการคอมเม้นต์ตอบกลับพวกชาวเน็ตที่เข้ามาด่าเฮเซียไป จนเขาโดนแบนไปหลายแอคเคานต์แล้วแต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหา
เซ็งชิบ ต้องมาเถียงกับพวกประสาทแดกในเน็ตอยู่ทุกวัน
ไทป์พูดกับตัวเองในใจคิ้วทั้งสองข้างพรางขมวดเข้าหากัน
จริง ๆ จะให้เมินไปเลยก็ได้นะ แต่มันก็ขัดใจไทป์ซะเหลือเกิน ทำให้เขาจะต้องแวะเข้าไปเถียงกับพวกนั้นอยู่ทุกวัน
“แทนนายเป็นประธานนักเรียนไม่ใช่หรือยังไง ไปเรียนสายแบบนี้ได้เหรอ”
“ไม่เป็นไรหรอก ผมจัดการแล้ว”
สายตาของไทป์เหลือบมองตามนักเรียนชายสองคนที่กำลังเดินเข้าร้านสะดวกซื้อสวนทางกันกับเขาที่กำลังเดินออก
ชุดแบบนั่น มาจากโรงเรียนดังที่อยู่ไม่ไกลจากนี่สินะ
เดินสวนกับลูกเศรษฐีด้วยเป็นบุญยิ่ง
น่าอิจฉาจริง ๆ เลยนะ…
อ๊ะ!!
ไทป์ที่เดินคิดอะไรเพลินซะจนลืมดูไฟจราจรทางม้าลาย เมื่อนึกขึ้นได้ก็รีบเดินถอยหลังกลับมาที่ฟุตบาททันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไฟจราจรที่เป็นท่าคนยืนนิ่งพร้อมกับไฟสีแดง
โชคดีไปที่ไทป์พึ่งก้าวขาลงบนพื้นถนนไปเพียงแค่ไม่กี่ก้าวบวกกับที่ยังไม่มีรถผ่านมา ไม่งั้นมีหวังได้ไปต่างโลกแน่ ต่างโลกเหรอ…ก็อยากลองไปอยู่นะ
จากไฟสีแดงที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวท่าคนเดินไทป์ก็เดินข้ามถนนทันที ไม่ทันที่จะพ้นอีกฝั่งก็มีเสียงที่ไทป์ไม่อยากได้ยินที่สุดเวลาเดินข้ามถนนดังขึ้นติดต่อกันและกำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
ปิ๊ด ปิ๊ด ปิ๊ด ปิ๊ดดดดด
!!!!
ตึงง…
ดวงตาที่พร่ามัวซะจนมองเห็นภาพตรงหน้าไม่ชัด
อะไรอ่ะ รถสิบล้อ… มึงอีกแล้วเหรอ เครื่องมือส่งคนไปต่างโลกที่พี่เจแปนเขาฮิตกัน
กูเองก็จะไปแล้วเหรอต่างโลกน่ะ ยังไม่ได้เตรียมใจไว้เลย ถึงจะอยากลองไปแต่ก็ไม่ใช่ตอนนี้โว้ยย ยังมีอีกตั้งหลายคอมเม้นต์เลยที่ยังเถียงไม่ชนะ แบบนี้มันจะไปตายตาหลับได้ยังไงกัน
.
.
.
ดวงตาที่ค่อย ๆ ลืมขึ้นมองหลอดไฟยาวที่ติดอยู่บนผนังสีขาวล้วน
โรงพยาบาลเหรอ?
ร่างบางค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งด้วยความสะลึมสะลือ
กูยังไม่ตายอีกเหรอวะ หนังเหนียวจริง ๆ นะมึงเนี่ย
ในขณะที่ไทป์กำลังคุยอยู่กับตัวเองในใจเสียงเปิดประตูจากด้านนอกก็ดังขึ้น
แอ๊ดด…
ดวงตากลมทอดมองไปตามต้นเสียง
ชายหนุ่มใส่แว่นในชุดกาวน์ที่เดินเข้ามายืนข้างเตียงไทป์ก่อนจะกล่าวขึ้น
?
“หมอ ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ…คุณเป็นโรคพิษสุนัขบ้า”
ห้ะ!!
“เดี๋ยว ๆ ขออีกรอบ”
กูเนี่ยนะเป็นพิษสุนัขบ้า กูโดนรถชนมานะเว้ย ไม่ใช่ละๆ
“กูโดนรถชนจะเป็นพิษสุนัขบ้าได้ยังไง”
แล้วทำไมแว่นมึงเรืองแสงงั้นอ่ะเพื่อน
“ไม่ต้องห่วงหมอจะรักษาให้เองนะ”
พูดจบเขาก็เอาเข็มใหญ่เท่าแขนไทป์ขึ้นมาจากไหนก็ไม่รู้หวังจะฉีดมันให้กับไทป์
“ฮิฮิฮิฮิ”
“เห้ยเดี๋ยวหมอมึงใจเย็น”
“ม่ายย…”
เฮี้ยไรวะเนี่ยย!!
.
.
.
!!!
จู่ ๆ ไทป์ก็รู้สึกเหมือนเปียก ๆ แฉะ ๆ ที่ขา ใบหน้าค่อย ๆ ก้มลงมอง
“ขออภัยเพคะ”
หญิงสาวในชุดเมดที่กำลังนั่งลงอยู่ที่พื้นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย พูดขอโทษเขาซํ้า ๆ อยู่อย่างนั้น
ไทป์หันหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ สถานที่แปลก ๆ กับผู้หญิงแปลกหน้าในชุดเมคอีกหลายคนที่กำลังมองมาทางนี้
อะไรวะ ฝันในฝันเหรอ ช่างแม่งมันละกันตอนนี้กูอายมากมองมาทำไมทางนี้กันเยอะแยะ
“โปรดอภัยด้วยเพคะ”
ไอ้นี่ก็เหมือนกันขอโทษทำไมซํ้า ๆ แถมยังใช้คำศัพท์ที่ยุ่งยากอีกต่างหาก
เดี๋ยวนะ… หรือนี่คือต่างโลก หรือยังไงวะเฮี้ยสับสนว่ะ
“ใครก็ได้ช่วยตอบกูที!”
ไทป์ตะโกนออกมาสุดเสียงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน
‘ใช่แล้ว นี่คือต่างโลก’
???
“เสียงนี่มัน เสียงไอ้หมอคนเหมือนกี้ไม่ใช่เหรอ”
‘ใช่แล้ว ผมคือหมอคนนั้นเองครับ’
“ไอ้เฮี้ยหลอนหูมึงตามกูมาถึงนี่เลยเหรอ”
“มึงออกไป!”
“พะ เพคะ”
หญิงสาวในชุดเมคที่เอาแต่ขอโทษเขาซํ้า ๆ เมื่อกี้ขานรับด้วยความตกอกตกใจ
“ไม่ได้หมายถึงเธอนะ”
‘อ้าวไหนบอกใครก็ได้’
“เอ่อ ใครก็ได้แหละที่ไม่ใช่มึง”
“ออกไปดิ๊”
“ระ รับทราบเพคะ”
หญิงสาวในชุดเมคที่ยืนอยู่แถวนั้นต่างขานรับพร้อมกันก่อนจะรีบออกไปให้ห่างจากจุดนี้กัน
“โอ้ย เดี๋ยวใจเย็น”
“อาา~”
“เฮี้ยอะไรวะเนี่ยยย”
ไทป์พูดพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นหยิกไปที่หัวของตัวเอง
นี่กูพิมพ์ด่ากับคนในเน็ตจนหลอนไปแล้วเหรอวะ
“เสียสติไปแล้วหรือลูกชายคนนั้นของท่านเคาท์น่ะ”
เด็กหนุ่มหน้าตาดีอายุราว ๆ 7-8ขวบแต่งตัวดูมีฐานะที่กำลังมองจากระยะไกล