ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ดราม่า,ไซไฟ,ทะลุมิติ,ดราม่า,นิยายวาย,แฟนตาซี,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ในบรรดาคนที่ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยาย จะมีใครสู้ชีวิตเท่าผมบ้างเนี่ย
สภาพผมตอนนี้
-ไม่มีความรู้(โง่)
-ไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง(เพราะไม่ได้อ่าน)
-ใช้ดาบไม่เป็น(ดาบหนัก)
-ใช้เวทย์มนต์ไม่ได้
ตอนนี้ข้อมูลที่ผมมีแทบจะเอามาใช้ประโยคอะไรไม่ได้เลย
คิดว่ายังไงในเรื่องก็น่าจะเล่าถึงการพัฒนาด้านเวทย์มนต์อย่างรวดเร็วของอาซาหนึ่งในฮาเร็มของเฮเลน่า เพราะมีฉากหนึ่งตอนท้าย ๆ ของเรื่องที่เขาใช้เวทย์มนต์ต่อสู้กับทหารกองกำลังปฏิวัตินับร้อยซึ่งเขาสามารถเอาชนะได้ด้วยตัวคนเดียว ทั้ง ๆ ที่ตอนต้นเรื่องเขาเป็นคนที่อ่อนแอแทบจะที่สุดในรุ่นเลยด้วนซํา ถ้าจะให้สมเหตุสมผลหน่อยก็คงจะโชคดีบังเอิญไปเจอไอเทมดี ๆ เข้า
หรืออาจจะเป็นเพราะพรสรรค์ก็ได้
แต่ถ้าเราอ่านก็น่าจะได้เคล็ดลับดี ๆ มาบ้างแหละ
ไอ้xxxเอ้ย
นักเขียนเองก็เคยสปอยตอนจบไว้ด้วยว่าเรื่องนี้จะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง นั้นก็หมายความว่าเป็นตอนจบที่ไม่แฮปปี้เอนดิ้งสำหรับเฮเซียลูกสาวผมน่ะสิ ไม่โดนประหารก็โดนเนรเทศออกนอกประเทศไป แต่มีความเป็นไปได้สูงเลยที่เธอจะต้องตาย
เดาทางไม่ยากหรอกสำหรับนักเขียนหน้าเงินที่หวังแต่จะเอาใจกระแส ซึ่งถ้าเป็นผมเองก็คงจะทำแบบนั้น
ชะตาชีวิตของตัวละครทุกตัวขึ้นอยู่กับปลายปากกาของนักเขียนผู้ที่สร้างตัวละครพวกนี้ขึ้นเองกับมือ
จากที่ผมศึกษามาในอคาเดมี่ไม่ได้มีเพียงแค่ภาควิชาดาบกับภาควิชาเวทย์มนต์ แต่ยังมีภาควิชาด้านการปกครองอีกด้วยภาควิชานี้จะเรียนเกี่ยวกับการปกครองประเทศการคำนวนภาษีของแต่ละปี การแบ่งงบประมาณ พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นภาควิชาที่คนที่เรียนจะต้องหัวไวในระดับหนึ่งเลย แต่ผมคิดว่ายังไงก็ง่ายกว่าดาบกับเวทย์มนต์แน่นอน
แถมภาควิชานี้คนที่เรียนยังมีน้อยของโคตรจะน้อยเลยด้วย มีประมาณ4-5คนต่อรุ่น นี่แสดงให้เห็นเด่นชัดเลยว่าคนในโลกนี้ไม่ได้มองว่าตำแหน่งพวกนี้สำคัญเลยทั้ง ๆ ที่มันโคตรจะสำคัญ ถึงจะข้อมูลไม่มากแต่ก็แน่ใจได้เลยว่าสายนี้เงินดีสุด ๆ
ทะลุมิติเข้ามาหาเงิน
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก วันนี้ผมก็จะต้องเข้าไปเรียนที่อคาเดมี่ แน่นอนว่าพวกเราทุกคนจะต้องนอนหอใน ฟิลเหมือนตอนเข้ามหาลัยปี1อ่ะ
“ก็หวังว่ารูมเมตจะไม่ใช่พวกประสาทแดกชอบแหกปากโวยวายทำเสียงดังอ่ะนะ”
.
.
.
“วะฮะฮะฮะฮ่า”
“โอ๊ยย ไม่ไหวแล้ว อะฮ่าฮ่าฮ่า”
“ระวัง”
ฟุ่บ
หมอนสีขาวล้วนใบใหญ่บินเข้ามากระแทกที่ใบหน้าของฮิมเมลเต็ม ๆ
“อะฮ่าฮ่าฮา โทษทีนะโทษที”
คนที่น่าจะเป็นเจ้าของหมอนใบใหญ่กล่าวขึ้นพรางเดินเข้ามาใกล้ฮิมเมลก่อนจะก้มลงหยิบหมอนที่อยู่กับพื้นขึ้นมาก่อนจะกล่าวขึ้นต่อ
“เหลือเตียงนั้นแค่ที่เดียวแล้วล่ะที่ว่างน่ะ”
“เอ่อ อืม”
“ยินดีต้อนรับนะ”
“ขะ ขอบใจมาก”
ฮิมเมลพูดพรางก้มหัวขอบคุณเป็นมารยาทก่อนจะก้าวขาขึ้นเดินตรงไปที่เตียงชั้นสองที่ว่างอยู่
“นายชื่ออะไรเหรอ”
ฮิมเมลที่กำลังยุ่งกับการจัดเตียงนอนอยู่เมื่อได้ยินเสียงคนซึ่งคาดการว่าน่าจะพูดกับตนอยู่เขาจึงหันไปหาต้นเสียงก่อนจะพบกับนายหนุ่มเส้นผมสีฟ้าอ่อนที่โผล่หน้าขึ้นมาจากเตียงล่าง
“ผมชื่อไครอนนะ ไครอน อาราเพิล”
“ผมฮิมเมล แอสเธอร์ครับ”
“คนของตระกลูแอสเธอร์นี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
พูดจบไครอนก็ยิ้มให้ฮิมเมลทำเอาเขาถึงกับชะงักเพราะรอยยิ้นของไครอนนั้นมันช่างดูใสซื่อบริสุทธิ์ซะเหลือเกิน
หมอนี่น่ารักชะมัดเลย ทำไมสมัยเราเรียนไม่มีแบบนี้บ้าง