เมื่อนักเลงคีย์บอร์ดทะลุมิติเข้ามาในนิยาย

ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ - บทที่11 ดาวนับล้านดวงบนท้องฟ้า โดย DUR_ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ดราม่า,ไซไฟ,ทะลุมิติ,ดราม่า,นิยายวาย,แฟนตาซี,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ดราม่า,ไซไฟ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทะลุมิติ,ดราม่า,นิยายวาย,แฟนตาซี,#BL

รายละเอียด

เมื่อนักเลงคีย์บอร์ดทะลุมิติเข้ามาในนิยาย

ผู้แต่ง

DUR_

เรื่องย่อ

    ไทป์ที่มีงานอดิเรกเป็นการอดข้าวแล้วเอาเงินไปซื้อนิยายมาอ่าน จนมาถึงนิยายแนวโรแมนติกแฟนตาซีเรื่องล่าสุดที่เขาพึ่งอ่านจบไปหยก ๆ แล้วรู้สึกโคตรที่จะหน่วงกับเรื่องราวของตัวร้ายเลย นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่เขารู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันไม่ยุติธรรมกับตัวร้ายหรือตัวประกอบบ้างตัวเลย เอาจริงความรู้สึกนี้มันก็จะอยู่แค่สองสามวันนั้นแหละ เดี๋ยวก็กลายเป็นปกติเองแต่ตอนนี้คือหน่วงมากนะ "ถ้าได้ทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวร้ายก็คงดี ฉันจะไม่ยอมให้ใครมารังแกเธอเด็ดขาด!!" ไม่ทันขาดคำภาพตรงหน้าของเขาก็เริ่มที่จะมัว ๆ มองเห็นไม่ชัดก่อนจะค่อย ๆ จบสู่ความมืดมิด ไทป์คิดในใจ โอ้กูจะตายแล้วเหรอไม่แปลกใจเท่าไหร่คงจะได้ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายเรื่องนี้... ซึ่งไม่ผิดไทป์เข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้จริง ๆ 

สารบัญ

ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่00 ตัวร้ายไม่มีสิทธิ์,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่1 กรูว่าไม่ใช่ละ,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-ตอนที่2 ความบรรลัยในภายภาคหน้า,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่3 คนแบบนี้พี่เจอมาเยอะแล้ว,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-ตอนที่4 ไม่มีความรู้(โง่),ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่5 คิดจะสู้กับนักเลงคีย์บอร์ดอย่างพี่ยังเร็วไปร้อยปีไอ้หนู,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่6 เด็กน้อย,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่7 ผ่านมาเป็นสิบปี,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่8 ไซฮาร์,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่9 ที่ผ่านมาเหงามากเลย,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่10 ไทป์คือใคร?,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่11 ดาวนับล้านดวงบนท้องฟ้า,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่12 ข้อมูลของโลกทางฝั่งนี้,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่13 ตัวปลอม,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-วันเกิด ตัวละคร

เนื้อหา

บทที่11 ดาวนับล้านดวงบนท้องฟ้า





    7ปีก่อน

    วังหลวง คืนวันเฉลิมฉลองอายุครบ7พระพรรษาขององค์รัชทยาท เฮฟเนอร์ อีเธอร์

    ฝ่ามือทั้งสองข้างของเฮฟเนอร์จับไปที่ขอบระเบียง เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีดาวนับล้านดวงประดับอยู่บนนั้น

    “สวยมาก ฉันชอบท้องฟ้ายามคํ่าคืนมากเลย…นายล่ะ”

    เฮฟเนอร์เอ่ยปากถาม ไซฮาร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองเลยแม้แต่น้อย

    “ครับ”

    เฮฟเนอร์ยิ้มให้กับคำตอบของไซฮาร์ก่อนจะหลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

    “นายเนี่ย ชอบตอบแบบนี้จัง”

    ก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจะค่อย ๆ เลือนไป

    “ไม่มีอะไรมากหรอกแค่…อืม ผมรู้เรื่องนั้นแล้วนะ”

    ?

    “เรื่องที่ว่านายจะถูกส่งตัวไปเข้าร่วมสงคราม นั่นนาย…”

    เขาพูดไม่จบประโยคก่อนจะนิ่งเงียบไปพักใหญ่

    “งั้นเหรอครับ”

    ไซฮาร์เอ่ยด้วยท่าทางเฉยชาดั่งที่เคยเป็น

    “นายคง…จะเคยได้ยินสินะ ข่าวลือที่ว่าองค์รัชทายาทไม่ได้เรื่องน่ะ”

    “ตอนนี้ฉันเข้าใจมันอย่างแท้จริงแล้วล่ะ ถึงที่ผ่านมาจะหงุดหงิดไปบ้างก็ตาม แต่มันก็เป็นความจริง…ฉันหงุดหงิดมากเลยล่ะ หงุดหงิดยิ่งกว่าตอนไหน ๆ หงุดหงิดที่ตัวเองไม่สามารถที่จะช่วยไม่ให้นายไปเข้าร่วมสงครามได้เลย”

    “ขอโทษนะที่ฉันช่วยอะไรนายไม่ได้เลย”

    ฉันมันไร้ความสามารถเอง

    นํ้าอุ่น ๆ สีใสคลอหน่วงในดวงตาของเฮฟเนอร์ แสดงให้เห็นว่าเขาเจ็บใจมากแค่ไหนที่ตัวเองไม่มีอำนาจมากพอจะช่วยไซฮาร์

    “ไม่ต้องขอโทษขอรับ ต่อให้เป็นกษัตริย์ก็คงยากที่จะห้ามผมไม่ให้ไปร่วมสงครามได้เพราะตระกลูของผมเป็นผู้ตัดสินใจเองขอรับ”

    “ฉัน…”

    เฮฟเนอร์หันมามองไซฮาร์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเกินจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด

    “แล้วก็เรื่องคำนินทา พระองค์ไม่จำเป็นที่จะต้องไปใส่ใจทุกคนบนโลกหรอกขอรับ เพราะยังมีคนที่รักพระองค์อยู่”

    “รัก…หึ" เขาแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

    "ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่เคยยินดีกับการเกิดมาของฉันเลยแม้แต่น้อย ฉันเกิดมาจากความผิดพลาดของพวกเขาทั้งคู่ เรื่องนั้นฉันรู้ดีพวกท่านไม่เคยอยากที่จะแต่งงานกันเลยแต่เป็นเพราะฉัน เพราะฉันที่เป็นสายเลือดแท้ ๆ ของท่านพ่ออยู่ในท้องของแม่แล้ว ทั้งคู่จึงถูกบังคับให้ต้องทำแบบนั้น”

    ความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามา นํ้าตาที่ไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้างของเฮฟเนอร์

    “ครับ ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเท่าไหร่ เพราะผมรักพระองค์ขอรับ”

    ไซฮาร์พูดขึ้นแบบนั้นอย่างหน้าตาเฉย ใบหน้านิ่ง ๆ ที่ไม่ขยับแม้แต่ปลายคิ้ว

    แต่ดูเหมือนเฮฟเนอร์จะหวั่นไหวมากซะจนแดงฉ่าไปทั้งตัวเพราะความเขิน

    วินาทีนั้น ต่อให้คำพูดของอีกฝ่ายจะเป็นเพียงคำโกหก เขาก็ไม่สน
    .
    .
    .

    ถ้าวันนั้น นายไม่พูดแบบนั้นฉันก็คงจะไม่หลงนายหัวปักหัวปําขนาดนี้

    ตอนนั้น เช้าของอีกวันนายก็ถูกส่งตัวไปร่วมสงครามทันทีเลย

    ตอนนั้นถึงจะเป็นห่วงนายมากแต่ก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้ จึงได้แต่เชื่อมั่นในตัวของนายว่านายจะสามารถรอดปลอดภัยกลับมาได้ จากนั้นผมก็ทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการอ่านหนังสือและแอบฝึกเวทย์มนต์ด้วยตนเอง เพื่อที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าแข็งแกร่งมากแค่ไหน ใช่ครับเป้าหมายของผมคือเอาหน้าเพราะถ้าทำแบบนั้นพวกขุนนางก็จะได้มาสนับสนุนผมแทนที่จะเป็นพี่น้องคนอื่น ๆ ของผม โอกาสที่ผมจะได้ขึ้นครองบัลลังก์ก็มีมากขึ้นตามไปด้วย

    และความพยายามของผมก็ไม่ศูนย์เปล่าเพราะตอนผมอายุสิบขวบผมสามารถเข้าเรียนที่อคาเดมี่ได้ด้วยคะแนนสอบอันดับหนึ่งของรุ่นจากนั้นการสอบวัดระดับของทุกครึ่งปีผมก็ได้ที่หนึ่งของรุ่นตลอดมา

    อย่างที่บอกเป้าหมายของผมคือการได้ครอบครองบัลลังก์

    ไซฮาร์ต่อให้นายจะมองผมเป็นเพียงแค่หมากในมือ แต่ผมก็จะขอเป็นหมากที่มีประโยชน์มากที่สุดสำหรับนาย

    นกอีกาตัวสีดำสนิทบินมาเกาะที่ระเบียงห้องของเฮฟเนอร์

    ?

    เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาจึงลุกขึ้นเดินไปที่หน้าระเบียงทันที

    เฮฟเนอร์ค่อย ๆ ยื่นมือไปแกะกระดาษขนาดเล็กที่ถูกม้วนติดกับขาของอีกามากางดู

    คงจะเป็นข่าวจาก…

    เฮฟเนอร์ตาโตทันทีเมื่อเปิดดูข้อความสั้น ๆ ที่ถูกเขียนไว้ในนั้น

    [ชนะสงคราม ไซฮาร์กลับมา]

    “...”

    เขายิ้มออกมาอย่างกับคนโรคจิตจนต้องเอามือขึ้นมาปิดบัง

    “คิก คิก คิก”

    “ต่อจากนี้ ไม่ให้ไปไหนแล้วนะเด็กดี”



    เสียงฮือฮาอย่างล้นหลามจากชาวเมือง ทุกคนต่างออกมาต้อนรับร่วมแสดงความยินดีที่ชนะสงครามมาได้

    ระหว่างทางเดินมีผู้คนมารุมรอมมากมายชุลมุนวุ่นวายไปหมด เพราะงั้นต่อให้มีใครหายไปคนหนึ่งก็คงจะไม่ถูกสังเกตเห็น

    ไซฮาร์ถูกดึงเข้าไปในฝูงชนอย่างกระทันหัน และไม่ต้องสืบเลยว่าใครเป็นคนดึงเขา

    คนตัวเล็กถูกดันให้ยืนชิดกำแพงในตรอกซอยเล็ก ๆ ส่วนคนตัวสูงกว่าก็ยืนคร่อมเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ก้มหน้าลงสูดดมไปตามซอกคอ ดวงตาพลางเหลือกขึ้นมองใบหน้าของอีกฝ่าย

    ไซฮาร์ยืนนิ่งไม่ขัดขืนอะไร ก่อนเฮฟเนอร์จะเอ่ยปากทักทายขึ้นก่อน

    “ยินดีต้อนรับกลับนะ ตกใจหรือเปล่า”

    “...”

    “คิดว่าไม่นะขอรับ” อีกฝ่ายตอบด้วยใบหน้านิ่งเฉย

    “งั้นเหรอ เก่งจัง”

    มือหนาที่กอดเอวอีกฝ่ายเอาไว้ค่อย ๆ ลูบไล้ลงไป ก่อนจะเอ่ยปากบ่น

    “ชุดนาย…จะเอามือเข้าไปไงล่ะเนี่ย”

    “แล้วจะเอามือเข้าไปทำไมล่ะขอรับ”

    เขามองคนตัวเล็กกว่า อมยิ้มด้วยความเอ็นดู

    “ลองเดาดูสิ”

    เฮฟเนอร์กระซิบที่ข้างหูของคนตัวเล็กกว่าอย่างแผ่วเบา

    “กระหม่อมพูดได้ไหมขอรับ” ไซฮาร์ถามขึ้น

    “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” คนตัวสูงตอบพลางหอมไปมาที่หน้าผากของอีกฝ่าย

    “ท่านแพรวพราวมากขอรับ”

    “แพรวพราว?” คนตัวสูงหลุดขำอย่างเอ็นดูสักพักก่อนจะตอบกลับไป

    “เรื่องบนนั้นฉันแพรวพราวกว่าอีกนะ”

    ไซฮาร์ทำหน้านิ่งดั่งเช่นเคยก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาหวังจะดันอีกฝ่ายออก

    “น่าจะหายคิดถึงได้แล้วนะขอรับ”

    “รู้ได้ไงว่าฉันคิดถึงนายมาก”

    “จดหมาย”

    จดหมายทุกฉบับที่เฮฟเนอร์เขียนส่งให้ไซฮาร์ จะมีความว่า ‘คิดถึงมาก’ ทุกฉบับ

    “อ่านด้วยเหรอ ทั้งหมดเลยหรือเปล่า แค่นายอ่านสักฉบับฉันก็ดีใจแทบตายล่ะ” เขาหอมไปทั่วแก้มของอีกฝ่าย

    “พอได้แล้ว…”

    เด็กหนุ่มอายุราว ๆ สิบขวบสามคนในชุดอคาเดมี่ที่บังเอิญเดินผ่านหน้าซอยมาและหันเข้ามาเห็น

    “มีคนมานัวเนียกันตรงนี้ด้วย” ก่อนหนึ่งในนั้นเด็กชายเจ้าของเส้นผมสีส้มจะพูดขึ้น

    เด็กอีกสองคนหันหน้าไปทางอื่นและวิ่งหนีไป

    เฮฟเนอร์และไซฮาร์หันไปมองเด็กคนนั้นพร้อมกันโดยที่ไม่มีท่าที่ตกใจเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่เฮฟเนอร์จะหรี่ตามองตํ่าไปที่เด็กคนนั้นพร้อมกับปล่อยออร่าออกมาเพื่อข่มขู่

    “ขะ ขอโทษครับ” เด็กชายคนนั้นพูดขอโทษอย่างหวาดกลัวก่อนจะรีบวิ่งหนีไป

    “ไม่เป็นไรนะ” คนตัวสูงพูดปลอมริมฝีปากพลางสัมผัสไปที่เส้นผมของอีกฝ่าย

    “พอครับ” คนตัวบางยืนกรานคำเดิม

    “เข้าใจแล้ว ๆ ” เขารีบรับทราบทันทีเพราะกลัวอีกฝ่ายจะโกรธเอา