เมื่อนักเลงคีย์บอร์ดทะลุมิติเข้ามาในนิยาย

ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ - บทที่12 ข้อมูลของโลกทางฝั่งนี้ โดย DUR_ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ดราม่า,ไซไฟ,ทะลุมิติ,ดราม่า,นิยายวาย,แฟนตาซี,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ดราม่า,ไซไฟ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทะลุมิติ,ดราม่า,นิยายวาย,แฟนตาซี,#BL

รายละเอียด

ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ โดย DUR_ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อนักเลงคีย์บอร์ดทะลุมิติเข้ามาในนิยาย

ผู้แต่ง

DUR_

เรื่องย่อ

    ไทป์ที่มีงานอดิเรกเป็นการอดข้าวแล้วเอาเงินไปซื้อนิยายมาอ่าน จนมาถึงนิยายแนวโรแมนติกแฟนตาซีเรื่องล่าสุดที่เขาพึ่งอ่านจบไปหยก ๆ แล้วรู้สึกโคตรที่จะหน่วงกับเรื่องราวของตัวร้ายเลย นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่เขารู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันไม่ยุติธรรมกับตัวร้ายหรือตัวประกอบบ้างตัวเลย เอาจริงความรู้สึกนี้มันก็จะอยู่แค่สองสามวันนั้นแหละ เดี๋ยวก็กลายเป็นปกติเองแต่ตอนนี้คือหน่วงมากนะ "ถ้าได้ทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวร้ายก็คงดี ฉันจะไม่ยอมให้ใครมารังแกเธอเด็ดขาด!!" ไม่ทันขาดคำภาพตรงหน้าของเขาก็เริ่มที่จะมัว ๆ มองเห็นไม่ชัดก่อนจะค่อย ๆ จบสู่ความมืดมิด ไทป์คิดในใจ โอ้กูจะตายแล้วเหรอไม่แปลกใจเท่าไหร่คงจะได้ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายเรื่องนี้... ซึ่งไม่ผิดไทป์เข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้จริง ๆ 

สารบัญ

ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่00 ตัวร้ายไม่มีสิทธิ์,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่1 กรูว่าไม่ใช่ละ,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-ตอนที่2 ความบรรลัยในภายภาคหน้า,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่3 คนแบบนี้พี่เจอมาเยอะแล้ว,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-ตอนที่4 ไม่มีความรู้(โง่),ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่5 คิดจะสู้กับนักเลงคีย์บอร์ดอย่างพี่ยังเร็วไปร้อยปีไอ้หนู,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่6 เด็กน้อย,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่7 ผ่านมาเป็นสิบปี,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่8 ไซฮาร์,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่9 ที่ผ่านมาเหงามากเลย,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่10 ไทป์คือใคร?,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่11 ดาวนับล้านดวงบนท้องฟ้า,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่12 ข้อมูลของโลกทางฝั่งนี้,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่13 ตัวปลอม,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-วันเกิด ตัวละคร

เนื้อหา

บทที่12 ข้อมูลของโลกทางฝั่งนี้




    ข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าเรายิ่งรู้ข้อมูลของโลกทางฝั่งนี้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นผลดีมากเท่านั้น
.
.
.

    “ฟังให้ดี ๆ นะลูกแม่ ลูกต้องเป็นเด็กดี อย่าทำให้ท่านดยุคไนเรลโกรธเชียว”

    น็อคทิส ไนเรล
    อายุห้าขวบ สายเลือดรองของตระกูลูไนเรล

    “ฮะแม่” เด็กน้อยตอบผู้เป็นมารดา ดวงตากลมใสซื่อดูไร้พิษภัยของเขายิ่งทำให้ผู้เป็นมารดาอดไม่ได้ที่จะกอดลูกของตนด้วยความรู้สึกอยากที่จะปกป้องเยี่ยงชีวิต

    “เก่งมาก” เธอพูดพลางจุ๊บไปที่หน้าผากของบุตรชายด้วยความรักที่เหลือล้น

    “กินเวลาไปมากแล้วขอรับ” เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าของทั้งคู่ด้วยท่ายืนตามระเบียบของอัศวิน ใบหน้าที่นิ่งเฉยดวงตาคมสีม่วงสง่างาม

    เจฟเฟรย์ ไนเรล
    อายุสิบเอ็ดปี บุตรชายคนที่สามของดยุคไนเรล สายเลือดหลัก

   “ขะ ขออภัยท่านเจฟเฟรย์” ผู้เป็นมารดาของเด็กชายรีบเอ่ยปากขอโทษเจฟเฟรย์ทันทีก่อนจะหันหน้ากลับมามองลูกชายของตนด้วยความหวาดกลัวอีกฝ่ายแต่ก็ยังมีความเป็นห่วงลูกชายอยู่มาก

    มือเรียวที่สั่นเทาจับไปที่ไหล่ของลูกชายด้วยความเป็นห่วงก่อนจะส่งยิ้มอย่างฝืน ๆ ให้

    แม่ขอโทษนะลูก

    “แม่ฮะ ผมไม่เป็นไร”
    .
    .
    .


    ท่านเจฟเฟรย์เขาดูนิ่งมากเลย

    เด็กน้อยอายุห้าขวบนึกในใจ ดวงตาพลางทอดมองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยความไร้เดียงสา

    อยากเจอท่านพี่ไซฮาร์จังเลย

    เมื่อไหร่พี่เขาจะได้กลับมานะ ตอนนี้พี่เขาสบายดีหรือเปล่า

    อยากถามท่านเจฟเฟรย์จัง…แต่น่ากลัว

    ดวงตากลมมองดูหน้านิ่ง ๆ ของอีกฝ่ายพลางตัวสั่นราวกับลูกกระต่ายที่กำลังสั่นกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าหมีตัวใหญ่

    สั่นเหรอหรือว่าหนาว

    เจฟเฟรย์มองดูเด็กน้อยที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่ฝั่งตรงข้าม
    
    ไม่จำเป็นต้องพยายามเข้าใจ

    เจฟเฟรย์คิดในใจว่าอย่างนั้น

    “ข ข้าไม่สิ ผะ ผมต้องเข้าไปในสนามทดสอบจริง ๆ เหรอครับ” เด็กน้อยพูดถามขึ้นด้วยท่าทางหวาดกลัวต่ออีกฝ่าย

    คงจะถามเรา?

    “ก ก่อนหน้านี้ผมได้ยินพวกพี่สาวใช้ในคฤหาสน์เขาพูดกัน…”

    “ก็คงจะเป็นแบบนั้น”

    “ข้าจะรอดกลับมาใช่ไหมขอรับ”

    “คงงั้น”

    ถึงจะดูเย็นชาไปบ้างแต่ก็ยังตอบเราทุกคำถาม

    ความกลัวก่อนหน้านี้เองก็เริ่มจางหายไปแล้วด้วยแฮะ

    “ข้าอยากฟังเรื่องของท่านไซฮาร์ครับ”

    ?

    “อืม จะเอาเรื่องไหน”

    ยังไงเรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่ความลับอะไร

    “อืมม ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับท่านไซฮาร์เลย เลยไม่รู้ว่าจะให้เล่าเรื่องไหน เอาเป็นว่าทุกเรื่องครับ”

    “...”

    “เอาเรื่องที่สุดยอดมาก ๆ …ที่สุดครับ”

    เจฟเฟรย์นิ่งเงียบไปพักใหญ่จนเด็กน้อยนึกสงสัยว่าคงจะไม่อยากเล่าหรือเปล่า พลางเอียงศีรษะเล็กน้อยมองเจฟเฟรย์

    “ตอนเขาอายุแปดขวบเข้ารับการฝึกในเกต แต่เกตดันเปลี่ยนสภาพระหว่างการฝึกเขาจึงจะต้องติดอยู่ในนั้นตัวคนเดียวเกือบหนึ่งปี”

    “คนเดียว หนึ่งปี? แสดงว่าท่านไซฮาร์ก็จะต้องเป็นคนที่สุดยอดมากแน่ ๆ ”

    “...”

    เด็กน้อยยิ้มให้เจฟเฟรย์สักพักก่อนจะเหลือบดวงตาไปเห็นดาบสีเงินที่อยู่ข้างตัวของเจฟเฟรย์

    !!!

    “ดาบของท่านงดงามมากเลยขอรับ แล้วก็ดูเก่งมาก ๆ เลยด้วย รู้เลยครับว่าคนที่ตีดาบเล่มนี้ขึ้นมาจะต้องเป็นคนที่สุดยอดมากแน่ ๆ ”

    น็อคทิสพูดชมด้วยแววตาไร้เดียงสาดั่งเด็กอายุห้าขวบทั่ว ๆ 

    เจฟเฟรย์เหลือบมองน็อคทิสด้วยแววตาที่เย็นยะเยือก และสุดท้ายเขาก็ไม่ตอบอะไรกลับไป

    ตัดภาพมา ณ เวลาปัจจุบัน

     
    “ว่าแต่…นายชื่อะไรนะ”

    ฮิมเมลเอ่ยปากถามอีกฝ่ายระหว่างที่กำลังทำการเทเลพอร์ต

     “...อืม”

    “อิลเลย์”

    “...”

    “อิลเลย์ เนริส”

    “โอเค ฉันฮิมเมล แอสเธอร์”

    เขาหลับตาทั้งสองข้างพลางยิ้มให้กับฮิมเมล

    โบราณว่าไว้อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า แต่นี่รู้ชื่อกันแล้วก็ไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า(ได้แหละ)

    ฮิมเมลนึกในใจพลางยิ้มเจื่อนออกมา

    ช่างแม่x นี่ก็เอือมตัวเองแล้วเหมือนกัน



    สุดยอดไปเลยแฮะ เพียงไม่กี่วินาทีก็มาโผล่อีกที่นึงแล้ว

    อิลเลย์ย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อให้เท้าของฮิมเมลสามารถแตะถึงกับพื้นได้

   “ขอบใจ ๆ ”

    ฮิมเมลพูดขอบคุณอย่างลวก ๆ สายตาทอดมองไปรอบ ๆ ตัว

    ตรงนั้น คนเยอะจัง

    “นายไม่เคยมาสินะ” อิลเลย์พูดขึ้นกับฮิมเมล

    “อืม” เขาตอบกลับอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะมัวแต่ไปสนใจ ฝูงชนตรงหน้าที่เหมือนกำลังมุงดูอะไรกันสักอย่างอยู่

    ตรงนั้นคนเยอะจัง

    “ปกติคนก็ไม่เยอะขนาดนี้หรอก แต่เพราะจะมีขบวนของทหารที่ไปออกรบและนำชัยชนะกลับมา เดินผ่านทางนี้น่ะ”

    “อืม ชนะสงคราม”

    “ใช่”

    “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมฉันไม่รู้อะไรเลยล่ะเนี่ย” 

    “มันกระทันหันน่ะ อย่างม้าเร็วของราชวงศ์ก็คงพึ่งจะคาบข่าวมาถึงแค่หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้”

    “งี้นี่เอง แล้วนายรู้ได้ไง” ฮิมเมลถามขึ้น พอเป็นพิธีเพราะในใจเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น

    “อ๊ะ คือว่า…เรื่องนั้น”

    “เฮ้!” เสียงปริศนาพูดขึ้นแทรกตัดบทสนทนาของทั้งสองคน

    “ไง” เจ้าของเส้นผมสีส้มดวงตาสีเหลืองสวย มุมปากทั้งสองข้างหยกยิ้มอย่างเริงร่า

    ใครอีกล่ะเนี่ย

    “พวกนายเองก็แอบหนีมาเที่ยวเหมือนกันเหรอ”

    “...”

    “อืม” อิลเลย์ตอบกลับสั้น ๆ โดยที่ไม่ได้หันหน้าไปมองอีกฝ่ายเลยด้วยซํ้าไป

    “อย่างนี้นี่เอง ก็…หวัดดีทั้งคู่นะ ฉันชื่อเอโนวา เลียม ทั้งคู่อาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ได้ คือท่านพ่อของฉันพึ่งจะได้รับยศขุนนางเมื่อไม่นานมานี้น่ะ บ้านของพวกเราเปิดร้านขายเครื่องเพชรให้กับขุนนางน่ะ”

    ลืมไปเลยแฮะ ยศของท่านพ่อก็ไม่ได้สูงมากพวกเขาคงจะไม่อยากคุยกับเรา

    “ขะ ขอโทษที่พูดมากนะ”

    “ไม่ ๆ ไม่เลย ฉันฮิมเมล แอสเธอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก”

    “คะ ครับ”

    หมอนี่น่ารักแฮะ สมกับวัยจริง ๆ 

    ฮิมเมลคิดในใจพลางยิ้มให้กับอีกฝ่ายเพื่อลดความระแวงที่อีกฝ่ายมีต่อตนไปในตัว

    “ถึงวันนี้คนจะเยอะไปหน่อย แต่พวกเราไปเดินเล่นในเมืองด้วยกันเถอะนะครับ”

    เอ่ยปากชวนไปแล้ว ชวนไปแล้ว โดนปฎิเสธแหง แน่ล่ะ พึ่งเจอกันเองนี่

    “ฉันโอเคนะ เอ่อ…หมายถึงได้น่ะ” ฮิมเมลตอบสายตาพลางเหลือบมองไปที่อิมเลย์

    “ครับ” เอโนวายิ้มดีใจ

    “แต่พวกเราพึ่งรู้จักหมอนั้นเองนะ”

    เขาไม่โอเคเหรอ? “ไม่ได้เหรอ” ฮิมเมลถามอิมเลย์ด้วยสีหน้าและแววตาที่ประหาดใจ ก่อนจะพูดต่อ

    “พวกเราเองก็พึ่งจะรู้จักกันน่ะ”

    อิลเลย์ช็อกกับคำพูดของฮิมเมล เขายืนตัวแข็งไปสักพักก่อนจะกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง

    “น่ะ…นั่นสินะ”

    “อืม”

    .
    .
    .

    “อ๊ากกก มีคนมายืนนัวเนียกันอยู่ตรงนี้ด้วย”

    อ๊ะ!!!

    รู้ว่าตกใจแต่จะตะโกนทำไม นั้นไงเขาหันมามองแล้ว ชิบxายล่ะ พวกเราน่าจะโดนพี่ผู้ชายคนนั้นต่อยสักหมัด

    หนีโว้ยยย

    ไม่ทันล่ะ

    ฮิมเมลวิ่งหนีพลางยื่นมือไปคว้าแขนของอิลเลย์ที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดหนีโดยสัญชาตญาณพร้อมกับพูดขอโทษ สองคนที่กำลังยืนคร่อมกำแพงในตรอกซอยเล็ก ๆ นั่น

    “แฮ่ก…แฮ่ก แฮ่ก” ฮิมเมลหอบหายใจถี่ระรัวด้วยความเหนื่อยจากการวิ่ง หลังมือบางยกขึ้นเช็ดเหงื่อที่ไหลตรงแก้ม

    หมอนั่นจะรอดไหมนะ ช่วยไม่ได้ก็เป็นคนทิ้งระยะห่างเองเราเลยไม่ได้พาวิ่งหนีมาด้วย

    “นายโอเค๊” ฮิมเมลถามพลางเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่า

    อิลเลย์ไม่ตอบอะไร เขาเอาแต่เหม่อมองแขนของตัวเองตรงที่ฮิมเมลจับเมื่อกี้

    “ขอโทษล่ะกัน ว่าแต่พอจะมีร้านหนังสือมือสองบ้างหรือเปล่าฉันอยากไปน่ะ ขอรบกวนหน่อยน้า”

    ตอนนี้เองก็เย็นมากแล้วต้องรีบ

    “พะ พอจะรู้จักอยู่บ้าง เดี๋ยวฉันนำทางเอง”

    “ขอบคุณ”



    ใหญ่ชะมัดเลย ฮิมเมลคิดในใจพลางเงยหน้าขึ้นมอง กองทัพหนังสือหนาตรงหน้าที่ถูกรายเรียงอย่างเป็นระเบียบตรงผนังทางเดินยาวทั้งสองด้านถูกเรียงไปด้วยหนังสือเล่มหนาตามผนังไปจรดเพดาน

    “เชิญเลยครับ”

    ชายวัยชราเจ้าของเสียงที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะขนาดเล็กหรือจุดคิดเงินพูดขึ้น ผมหงอกขาวใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรยิ่งทำให้ฮิมเมลรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยกับชายชราที่คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้านคนนี้

    ฮิมเมลยิ้มตอบให้เป็นมารยาทก่อนจะเดินเข้าไปดูรอบ ๆ ภายในร้าน

    ข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าเรายิ่งรู้ข้อมูลของโลกทางฝั่งนี้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นผลดีมากเท่านั้น

    หลายเดือนตอนอยู่คฤหาสน์แอสเธอร์ เราก็อ่านและท่องจำกฎหมายของที่นี่ได้หมดแล้ว บวกกับอ่านประวัติศาสตร์ของประเทศนี้มาได้นิดหน่อย

    ดีนะ ทะลุมิติเข้ามาในนิยายไทย ถ้าเข้ามาในนิยายอินเตอร์นี่วุ่นเลยสื่อสารกับโลกทางฝั่งนี้ไม่ได้

    ฮิมเมลคิดใจในพลางยิ้มเจื่อนออกมา