ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ดราม่า,ไซไฟ,ทะลุมิติ,ดราม่า,นิยายวาย,แฟนตาซี,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“ท่านไซฮาร์หน้าตาดีแบบที่ท่านพ่อเคยบอกจริงด้วย”
“นี่ข้าพึ่งเคยเห็นเขาครั้งแรกเลย ไปเข้าร่วมสงครามตั้งหลายปี ใบหน้างดงามนั่นยังไม่ถูกทำลายช่างปาฎิหารย์ยิ่งนัก”
เสียงซุบซิบของเหล่าเลดี้ที่มาร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลองชัยชนะของประเทศดังทั่วงาน
เชอร์รี่ เซล
บุตรสาวเพียงคนเดียวของตระกลูเซล เจ้าของเส้นผมสีเหลืองทอง นัยน์ตากลมสีชมพูเข้มดุจดั่งดอกไม้
ไซฮาร์ ไรเนล เขายังไม่มีคู่หมั้น ตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลเราไม่มั่นคงเหมือนแต่ก่อน หากข้าสามารถทำให้ท่านไซฮาร์ตกหลุมรักได้ ตระกูลก็จะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น พวกเศรษฐีก็จะได้กลับมาสนับสนุนตระกูลของพวกเรา
เชอร์รี่คิดในใจสายตาพลางจ้องมองไปที่ไซฮาร์ที่ยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าขุนนาง
มันแย่มากเลยนะการที่มองคน ๆ หนึ่งเป็นเพียงเครื่องมือ แต่จะให้ทำอย่างไรได้เล่า สังคมขุนนางมันก็แบบนี้แหละ
เชอร์รี่ยืนมองเหล่าขุนนางเจ้าตระกลูหลายคนที่ยืนรุมรอมไซฮาร์และกำลังแนะนำลูกสาวของพวกเขาเองให้แก่ไซฮาร์
ต้องหาจังหวะดี ๆ เข้าแทรก
ตึก ตึก ตึก
องค์รัชทายาท!! เข้าไปจังหวะนี้ไม่ดีแน่
“อ่า ไปทำธุระแป๊ปเดียวก็มีพวกหนอนแมลงมาเกาะติดไซฮาร์ของฉันเต็มไปหมดซะแล้ว”
เฮฟเนอร์พูดขึ้นพลางยกมือขึ้นแตะไปที่ไหล่ของไซฮาร์เบา ๆ รอยยิ้มที่แสดงออกชัดเจนเลยว่าให้ไสหัวไปได้แล้ว
แหงล่ะ ใคร ๆ ก็รู้ว่าองค์รัชทายาทชอบ
ไซฮาร์ ไรเนล มากแค่ไหน
ทุกครั้งที่ เดล เรล ผู้ที่ได้รับหมอบหมายให้เป็นแม่ทัพของศึกสงครามครั้งนี้ เขียนจดหมายมารายงานถึงสถานการณ์ในสนามรบทุกเดือน เขาก็จะชมไซฮาร์ ไรเนล ตลอด ๆ เลยว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งมากและแถมยังช่วยชีวิตแม่ทัพไว้หลายหน ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม เหล่าขุนนางยศน้อยใหญ่จึงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าจะจองตัวไซฮาร์ ไรเนล ให้มาเป็นคู่หมั้นของลูกสาวตัวเอง
ทว่าองค์รัชทายาทก็จะออกตัวตลอดแม้จะไม่ได้พูดตรง ๆ ว่าชอบไซฮาร์ ไรเนล แต่ดูจากการกระทำที่ชัดเจน ทุกคนก็น่าจะรู้ได้ด้วยตัวเอง และถ้าหากใครเข้าหาไซฮาร์ ไรเนล อย่างไม่ระมัดระวังละก็มีหวังโดนรัชทายาทหมายหัวแน่
แต่ไม่เป็นไรยังพอมีหวังไซฮาร์ ไรเนล เขาไม่น่าจะมีรสนิยมแบบนั้น…
ชิ องค์รัชทายาทตัวติดท่านไซฮาร์ตลอดทั้งงานแน่ ๆ ไม่มีจังหวะดี ๆ พอจะให้เข้าแทรกได้บ้างเลย
“...รี่ เซล”
“เชอร์รี่”
“อ๊ะ! โทษที”
“อะไรกัน ทำไมเรียกตั้งหลายรอบแล้ว ไม่ได้ยิน”
ซีย่า ไคเซ็น
“ทะ โทษที”
“เหม่ออะไรอยู่ล่ะ” ซีย่าถามเธอ
“ปะ เปล่า” เธอรีบปฎิเสธทันทีด้วยท่าที่ลุกลี้ลุกลน
“อา ก็ได้ ๆ ”
“ไม่เห็นฮิมเมลเลยแฮะ”
เดย์ลาโน่ ยูโฟเดียม
“ห๊า นายจะถามหาเจ้าหมอนั้นทำไม”
“เปล่า ก็แค่ไม่เห็นเขาเลยน่ะ”
“ไม่มามั้ง”
“บ้าน่า นี่งานเลี้ยงฉลองชัยชนะสงครามเชียวนะ”
“คนไม่เข้าสังคมแบบนั้นมาสิแปลก อีกอย่างคนก็ตั้งเยอะตั้งแยะ ต่อให้จะไม่เห็นใครคนหนึ่งก็ไม่น่าใช่เรื่องแปลกใจอะไร”
“อืม นั้นสินะ”
“ทำหน้า จ๋อยแบบนั้นหมายความว่าไงอะ”
.
.
.
สายตาเหลือบไปเห็นป้ายที่ติดไว้ด้านบนว่า ‘โซนหนังสือเวทมนต์’
จะว่าไปตั้งแต่เราเข้ามาอยู่ในโลกใบนี้ ก็ยังไม่เคยที่จะลองเปิดหนังสือสอนเกี่ยวกับเวทมนตร์เลยสักครั้งเดียว
ฮิมเมลคิดในใจก่อนจะก้าวเท้าสองข้างเดินเข้าไปในโซนหนังสือเวทมนต์ เขาสุ่มหยิบออกมาเล่มหนึ่งก่อนจะกางหนังสื่ออ่าน
อะไรล่ะเนี่ย อ่านไม่รู้เรื่องเลยแฮะ เสียเวลาเปล่าจริง ๆ
ฮิมเมลถอนหายใจออกเบา ๆ พลางปิดหนังสือเล่มหนาลง ก่อนจะค่อย ๆ เก็บมันเข้าที่เดิม
“สนใจทฤษฎีเวทย์มนต์เหรอ”
อิลเลย์ที่โผล่มายืนอยู่หลังฮิมเมลตั้งแต่เมื่อไรแล้วก็ไม่รู้ พูดขึ้น
“ปะ เปล่า”
อิลเลย์ยืนนิ่งเงียบเอาแต่มองหน้าฮิมเมลทำเอาเขาถึงกับอึดอัดไปด้วยเลย
ไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้มั้ง
.
.
.
“ขอบใจ หอของนายคงอยู่ไม่ไกลหรอกใช่ไหม”
“ก็ไกลอยู่ จะให้ผมนอนด้วยไหมล่ะ”
“งั้นเหรอ เอ่อ แต่คนในหอฉันคงจะไม่ให้น่ะนะ”
“บาย ฝันดีนะ” ฮิมเมลพูดพลางยิ้มให้กับอีกฝ่ายก่อนจะปิดประตูห้อง
คนตัวเล็กหันหลังพิงกับประตูห้องใบหน้ามองตรงเข้ามาภายในห้อง
ไม่มีคนเลยแฮะ สงสัยยังไม่กลับกัน
หลังจากนั้นก็ผ่านมาแล้วสามวัน เพราะผมมีคลาสให้เรียนน้อย ถ้าไม่ไปสิงอยู่ในห้องวิทยาศาสตร์ ก็นอนเป็นส่วนหนึ่งกับเตียง ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอิลเลย์ก็ค่อนข้างเป็นไปได้ด้วยดีเลย เพราะเขาเป็นคนคุยง่ายอยู่ คิดว่างั้นนะ
ตอนนั้นผมเองก็คิดว่าเขาเป็นคนที่แบบ แมร่งเวอร์ อ่ะ (จากความเดิมตอนที่10) แค่เดินชนทำไมต้องรีบใช้เวทย์รักษาเลยแต่ตอนนี้ก็เริ่มเข้าใจมากขึ้นแล้วว่าทำไม เพราะในโลกใบนี้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ยารักษาโรค(เช่นพารา) ในโลกนี้น่ะ แค่เป็นไข้ก็สามารถตายได้แล้ว ทำให้เวลาที่บาดเจ็บหรือเป็นอะไร ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ต้องรีบใช้เวทย์รักษา
เอ่อ…จริง ๆ แล้วผมก็งงมากเหมือนกันว่าโลกที่ไม่มีพาร่ายารักษาได้ทุกโรคเขาอยู่กันมาได้ยังไง เลยได้รู้มาจากอิลเลย์อีกทีว่า เวทย์รักษามีอยู่หลายระดับ หากผู้ใช้เป็นจอมเวทย์ระดับ1-2ก็จะสามารถรักษาแผลภายนอกได้เท่านั้น ไม่สามารถรักษาผู้ป่วยที่ป่วยจากการติดเชื้อได้ แต่หากผู้ใช้เป็นจอมเวทย์ระดับ3ขึ้นไปก็จะสามารถรักษาได้ทั้งสอง
แต่…ไม่ต้องเข้าใจก็ได้นะ เพราะผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เหมือนกัน
ว่าแต่…ผมเคยเข้าใจอะไรบ้าง นั้นดิ
จริงสิ ตั้งแต่วันที่กลับมาจากการโดนพักการเรียน ผมก็ยังไม่ได้เห็นหน้าหรือคุยกับเพื่อน ๆ ที่นอนอยู่ในห้องเดียวกันเลย เพราะด้วยความที่คลาสเรียนของผมน้อยมาก แบบโคตรน้อย ผมเลยไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าทุกวัน(แล้วก็ตื่นไม่ไหวด้วย) พอตื่นมาอีกทีทุกคนก็ไม่อยู่ในห้องนอนกันแล้ว ส่วนหลังจากเที่ยงพักทานข้าวประมาณสามชั่วโมงผมก็มุดเข้าใต้ผ้าห่มแล้ว จากนั้นก็ตื่นมากลางดึกอีกทีหนึ่งแต่เพราะนอนมามากกว่าสิบชั่วโมงแล้วเลยนอนไม่หลับ ลำบากจะต้องออกไปเดินเล่นสูดอากาศข้างนอกอีก แต่ผมชอบมากเลยนะ เพราะตอนกลางคืนมันเงียบสงบดีแถมแสงสว่างจากดวงจันทร์และดวงดาวมากมายบนท้องฟ้านั่นเหมาะกับบรรยากาศเย็นเฉียบของช่วงกลางคืนสุด ๆ ถือเป็นเสน่ห์ของมันเลยล่ะ
“นายไม่ใช่ฮิมเมล นายเป็นใครกันแน่”
อิลเลย์ที่นั่งอยู่บนหลังคาหอพัก นัยน์ตามองลงตํ่ามาที่ฮิมเมลที่กำลังนั่งพิงต้นไม้อยู่ด้านล่าง
“ตัวปลอมงั้นเหรอ ต้องรีบกำจัด”