เมื่อนักเลงคีย์บอร์ดทะลุมิติเข้ามาในนิยาย

ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ - บทที่13 ตัวปลอม โดย DUR_ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ดราม่า,ไซไฟ,ทะลุมิติ,ดราม่า,นิยายวาย,แฟนตาซี,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ดราม่า,ไซไฟ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทะลุมิติ,ดราม่า,นิยายวาย,แฟนตาซี,#BL

รายละเอียด

เมื่อนักเลงคีย์บอร์ดทะลุมิติเข้ามาในนิยาย

ผู้แต่ง

DUR_

เรื่องย่อ

    ไทป์ที่มีงานอดิเรกเป็นการอดข้าวแล้วเอาเงินไปซื้อนิยายมาอ่าน จนมาถึงนิยายแนวโรแมนติกแฟนตาซีเรื่องล่าสุดที่เขาพึ่งอ่านจบไปหยก ๆ แล้วรู้สึกโคตรที่จะหน่วงกับเรื่องราวของตัวร้ายเลย นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่เขารู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันไม่ยุติธรรมกับตัวร้ายหรือตัวประกอบบ้างตัวเลย เอาจริงความรู้สึกนี้มันก็จะอยู่แค่สองสามวันนั้นแหละ เดี๋ยวก็กลายเป็นปกติเองแต่ตอนนี้คือหน่วงมากนะ "ถ้าได้ทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวร้ายก็คงดี ฉันจะไม่ยอมให้ใครมารังแกเธอเด็ดขาด!!" ไม่ทันขาดคำภาพตรงหน้าของเขาก็เริ่มที่จะมัว ๆ มองเห็นไม่ชัดก่อนจะค่อย ๆ จบสู่ความมืดมิด ไทป์คิดในใจ โอ้กูจะตายแล้วเหรอไม่แปลกใจเท่าไหร่คงจะได้ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายเรื่องนี้... ซึ่งไม่ผิดไทป์เข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้จริง ๆ 

สารบัญ

ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่00 ตัวร้ายไม่มีสิทธิ์,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่1 กรูว่าไม่ใช่ละ,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-ตอนที่2 ความบรรลัยในภายภาคหน้า,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่3 คนแบบนี้พี่เจอมาเยอะแล้ว,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-ตอนที่4 ไม่มีความรู้(โง่),ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่5 คิดจะสู้กับนักเลงคีย์บอร์ดอย่างพี่ยังเร็วไปร้อยปีไอ้หนู,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่6 เด็กน้อย,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่7 ผ่านมาเป็นสิบปี,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่8 ไซฮาร์,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่9 ที่ผ่านมาเหงามากเลย,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่10 ไทป์คือใคร?,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่11 ดาวนับล้านดวงบนท้องฟ้า,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่12 ข้อมูลของโลกทางฝั่งนี้,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-บทที่13 ตัวปลอม,ก็ตัวร้ายไม่ได้ถูกกำหนดให้ถูกรักนิ-วันเกิด ตัวละคร

เนื้อหา

บทที่13 ตัวปลอม





    “ท่านไซฮาร์หน้าตาดีแบบที่ท่านพ่อเคยบอกจริงด้วย”

    “นี่ข้าพึ่งเคยเห็นเขาครั้งแรกเลย ไปเข้าร่วมสงครามตั้งหลายปี ใบหน้างดงามนั่นยังไม่ถูกทำลายช่างปาฎิหารย์ยิ่งนัก”

    เสียงซุบซิบของเหล่าเลดี้ที่มาร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลองชัยชนะของประเทศดังทั่วงาน

    เชอร์รี่ เซล

    บุตรสาวเพียงคนเดียวของตระกลูเซล เจ้าของเส้นผมสีเหลืองทอง นัยน์ตากลมสีชมพูเข้มดุจดั่งดอกไม้

    ไซฮาร์ ไรเนล เขายังไม่มีคู่หมั้น ตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลเราไม่มั่นคงเหมือนแต่ก่อน หากข้าสามารถทำให้ท่านไซฮาร์ตกหลุมรักได้ ตระกูลก็จะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น พวกเศรษฐีก็จะได้กลับมาสนับสนุนตระกูลของพวกเรา

    เชอร์รี่คิดในใจสายตาพลางจ้องมองไปที่ไซฮาร์ที่ยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าขุนนาง

    มันแย่มากเลยนะการที่มองคน ๆ หนึ่งเป็นเพียงเครื่องมือ แต่จะให้ทำอย่างไรได้เล่า สังคมขุนนางมันก็แบบนี้แหละ

    เชอร์รี่ยืนมองเหล่าขุนนางเจ้าตระกลูหลายคนที่ยืนรุมรอมไซฮาร์และกำลังแนะนำลูกสาวของพวกเขาเองให้แก่ไซฮาร์

    ต้องหาจังหวะดี ๆ เข้าแทรก

    ตึก ตึก ตึก

    องค์รัชทายาท!! เข้าไปจังหวะนี้ไม่ดีแน่

    “อ่า ไปทำธุระแป๊ปเดียวก็มีพวกหนอนแมลงมาเกาะติดไซฮาร์ของฉันเต็มไปหมดซะแล้ว”

    เฮฟเนอร์พูดขึ้นพลางยกมือขึ้นแตะไปที่ไหล่ของไซฮาร์เบา ๆ รอยยิ้มที่แสดงออกชัดเจนเลยว่าให้ไสหัวไปได้แล้ว

    แหงล่ะ ใคร ๆ ก็รู้ว่าองค์รัชทายาทชอบ
    ไซฮาร์ ไรเนล มากแค่ไหน

    ทุกครั้งที่ เดล เรล ผู้ที่ได้รับหมอบหมายให้เป็นแม่ทัพของศึกสงครามครั้งนี้ เขียนจดหมายมารายงานถึงสถานการณ์ในสนามรบทุกเดือน เขาก็จะชมไซฮาร์ ไรเนล ตลอด ๆ เลยว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งมากและแถมยังช่วยชีวิตแม่ทัพไว้หลายหน ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม เหล่าขุนนางยศน้อยใหญ่จึงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าจะจองตัวไซฮาร์ ไรเนล ให้มาเป็นคู่หมั้นของลูกสาวตัวเอง

    ทว่าองค์รัชทายาทก็จะออกตัวตลอดแม้จะไม่ได้พูดตรง ๆ ว่าชอบไซฮาร์ ไรเนล แต่ดูจากการกระทำที่ชัดเจน ทุกคนก็น่าจะรู้ได้ด้วยตัวเอง และถ้าหากใครเข้าหาไซฮาร์ ไรเนล อย่างไม่ระมัดระวังละก็มีหวังโดนรัชทายาทหมายหัวแน่

    แต่ไม่เป็นไรยังพอมีหวังไซฮาร์ ไรเนล เขาไม่น่าจะมีรสนิยมแบบนั้น…

    ชิ องค์รัชทายาทตัวติดท่านไซฮาร์ตลอดทั้งงานแน่ ๆ ไม่มีจังหวะดี ๆ พอจะให้เข้าแทรกได้บ้างเลย

    “...รี่ เซล”

    “เชอร์รี่”

    “อ๊ะ! โทษที”

    “อะไรกัน ทำไมเรียกตั้งหลายรอบแล้ว ไม่ได้ยิน”

    ซีย่า ไคเซ็น

    “ทะ โทษที”

    “เหม่ออะไรอยู่ล่ะ” ซีย่าถามเธอ

    “ปะ เปล่า” เธอรีบปฎิเสธทันทีด้วยท่าที่ลุกลี้ลุกลน

    “อา ก็ได้ ๆ ”

    “ไม่เห็นฮิมเมลเลยแฮะ”

    เดย์ลาโน่ ยูโฟเดียม

    “ห๊า นายจะถามหาเจ้าหมอนั้นทำไม”

    “เปล่า ก็แค่ไม่เห็นเขาเลยน่ะ”

    “ไม่มามั้ง”

    “บ้าน่า นี่งานเลี้ยงฉลองชัยชนะสงครามเชียวนะ”

    “คนไม่เข้าสังคมแบบนั้นมาสิแปลก อีกอย่างคนก็ตั้งเยอะตั้งแยะ ต่อให้จะไม่เห็นใครคนหนึ่งก็ไม่น่าใช่เรื่องแปลกใจอะไร”

    “อืม นั้นสินะ”

    “ทำหน้า จ๋อยแบบนั้นหมายความว่าไงอะ”

    .
    .
    .

    สายตาเหลือบไปเห็นป้ายที่ติดไว้ด้านบนว่า ‘โซนหนังสือเวทมนต์’ 

    จะว่าไปตั้งแต่เราเข้ามาอยู่ในโลกใบนี้ ก็ยังไม่เคยที่จะลองเปิดหนังสือสอนเกี่ยวกับเวทมนตร์เลยสักครั้งเดียว

    ฮิมเมลคิดในใจก่อนจะก้าวเท้าสองข้างเดินเข้าไปในโซนหนังสือเวทมนต์ เขาสุ่มหยิบออกมาเล่มหนึ่งก่อนจะกางหนังสื่ออ่าน

    อะไรล่ะเนี่ย อ่านไม่รู้เรื่องเลยแฮะ เสียเวลาเปล่าจริง ๆ 

    ฮิมเมลถอนหายใจออกเบา ๆ พลางปิดหนังสือเล่มหนาลง ก่อนจะค่อย ๆ เก็บมันเข้าที่เดิม

   “สนใจทฤษฎีเวทย์มนต์เหรอ”

    อิลเลย์ที่โผล่มายืนอยู่หลังฮิมเมลตั้งแต่เมื่อไรแล้วก็ไม่รู้ พูดขึ้น

    “ปะ เปล่า”

    อิลเลย์ยืนนิ่งเงียบเอาแต่มองหน้าฮิมเมลทำเอาเขาถึงกับอึดอัดไปด้วยเลย

    ไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้มั้ง

    .
    .
    .

    “ขอบใจ หอของนายคงอยู่ไม่ไกลหรอกใช่ไหม”

    “ก็ไกลอยู่ จะให้ผมนอนด้วยไหมล่ะ”

    “งั้นเหรอ เอ่อ แต่คนในหอฉันคงจะไม่ให้น่ะนะ”

    “บาย ฝันดีนะ” ฮิมเมลพูดพลางยิ้มให้กับอีกฝ่ายก่อนจะปิดประตูห้อง

    คนตัวเล็กหันหลังพิงกับประตูห้องใบหน้ามองตรงเข้ามาภายในห้อง

    ไม่มีคนเลยแฮะ สงสัยยังไม่กลับกัน



    หลังจากนั้นก็ผ่านมาแล้วสามวัน เพราะผมมีคลาสให้เรียนน้อย ถ้าไม่ไปสิงอยู่ในห้องวิทยาศาสตร์ ก็นอนเป็นส่วนหนึ่งกับเตียง ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอิลเลย์ก็ค่อนข้างเป็นไปได้ด้วยดีเลย เพราะเขาเป็นคนคุยง่ายอยู่ คิดว่างั้นนะ

    ตอนนั้นผมเองก็คิดว่าเขาเป็นคนที่แบบ แมร่งเวอร์ อ่ะ (จากความเดิมตอนที่10) แค่เดินชนทำไมต้องรีบใช้เวทย์รักษาเลยแต่ตอนนี้ก็เริ่มเข้าใจมากขึ้นแล้วว่าทำไม เพราะในโลกใบนี้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ยารักษาโรค(เช่นพารา) ในโลกนี้น่ะ แค่เป็นไข้ก็สามารถตายได้แล้ว ทำให้เวลาที่บาดเจ็บหรือเป็นอะไร ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ต้องรีบใช้เวทย์รักษา

    เอ่อ…จริง ๆ แล้วผมก็งงมากเหมือนกันว่าโลกที่ไม่มีพาร่ายารักษาได้ทุกโรคเขาอยู่กันมาได้ยังไง เลยได้รู้มาจากอิลเลย์อีกทีว่า เวทย์รักษามีอยู่หลายระดับ หากผู้ใช้เป็นจอมเวทย์ระดับ1-2ก็จะสามารถรักษาแผลภายนอกได้เท่านั้น ไม่สามารถรักษาผู้ป่วยที่ป่วยจากการติดเชื้อได้ แต่หากผู้ใช้เป็นจอมเวทย์ระดับ3ขึ้นไปก็จะสามารถรักษาได้ทั้งสอง

    แต่…ไม่ต้องเข้าใจก็ได้นะ เพราะผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เหมือนกัน

    ว่าแต่…ผมเคยเข้าใจอะไรบ้าง นั้นดิ

    จริงสิ ตั้งแต่วันที่กลับมาจากการโดนพักการเรียน ผมก็ยังไม่ได้เห็นหน้าหรือคุยกับเพื่อน ๆ ที่นอนอยู่ในห้องเดียวกันเลย เพราะด้วยความที่คลาสเรียนของผมน้อยมาก แบบโคตรน้อย ผมเลยไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าทุกวัน(แล้วก็ตื่นไม่ไหวด้วย) พอตื่นมาอีกทีทุกคนก็ไม่อยู่ในห้องนอนกันแล้ว ส่วนหลังจากเที่ยงพักทานข้าวประมาณสามชั่วโมงผมก็มุดเข้าใต้ผ้าห่มแล้ว จากนั้นก็ตื่นมากลางดึกอีกทีหนึ่งแต่เพราะนอนมามากกว่าสิบชั่วโมงแล้วเลยนอนไม่หลับ ลำบากจะต้องออกไปเดินเล่นสูดอากาศข้างนอกอีก แต่ผมชอบมากเลยนะ เพราะตอนกลางคืนมันเงียบสงบดีแถมแสงสว่างจากดวงจันทร์และดวงดาวมากมายบนท้องฟ้านั่นเหมาะกับบรรยากาศเย็นเฉียบของช่วงกลางคืนสุด ๆ ถือเป็นเสน่ห์ของมันเลยล่ะ



    “นายไม่ใช่ฮิมเมล นายเป็นใครกันแน่”

    อิลเลย์ที่นั่งอยู่บนหลังคาหอพัก นัยน์ตามองลงตํ่ามาที่ฮิมเมลที่กำลังนั่งพิงต้นไม้อยู่ด้านล่าง 

    “ตัวปลอมงั้นเหรอ ต้องรีบกำจัด”