เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

พวกมึงลบหลู่กู - ตอนที่ ๒ พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก,ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พวกมึงลบหลู่กู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

อมายา

เรื่องย่อ

"น้องกูก็ตายแล้วนี่ไง พวกมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ หรือต้องให้กู้ตายอีกคน พวกมึงถึงจะพอใจ"


"ใช่ ถ้ามึงตาย แล้วได้สี่คนนั้นกลับมา มึงจะยอมตายมั้ย"


"..."


"เห็นมั้ย ตัวมึงเองยังไม่อยากตายเลย และสี่คนนั้นมันอยากตายเหรอ มึงคิดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความคิดตัวเอง แบบนี้เขาเรียกเห็นแก่ตัวว่ะ"



เพียงเพราะความปากพล่อยและความโผงผางของคนคนหนึ่ง ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน และกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนทุกคนต้องตามสืบเรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่จะได้รอดจากน้ำมือของผีตนนี้

สารบัญ

พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓๐ พวกมึงลบหลู่กู

เนื้อหา

ตอนที่ ๒ พวกมึงลบหลู่กู

ตอนที่ ๒
ปิ่นเห็นว่าสกายเดินออกไป จึงเคลื่อนตัวไปยืนข้าง ๆ น้ำเหนือ ก่อนจะเอ่ยถามออกไป
 “อย่าบอกนะว่ามึงยอมไปกับไอพี่สกายอะ” น้ำเหนือไม่ได้เอ่ยตอบ เพียงแต่พยักหน้าให้ปิ่น ปิ่นก็ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ
“เอาหน่า ถือว่าได้พาน้องไปเที่ยวด้วยไง แค่ไม่กี่วันเอง”
หลังจากที่อาจารย์พูดอวยพรนักศึกษาครบทุกคนแล้ว สกายก็ได้แทรกตัวขึ้นไปบนเวทีทันที และได้พูดประกาศออกไมค์ดังลั่นไปทั่วหอประชุม
“ขอให้น้องทุกคนนั่งอยู่กับที่ก่อนนะครับ”
ไม่กี่นาทีต่อมาในหอประชุมก็เหลือเพียงนักศึกษารุ่นน้องที่ต่างก็นั่งจ้องมองมาที่สกายอย่างแปลกใจ และนักศึกษารุ่นพี่ที่ยืนรายล้อมน้องปีหนึ่งอยู่ด้วย สกายเห็นว่าบรรยากาศในหอประชุมนั้นเริ่มเสียงดังวุ่นวาย จึงได้พูดเปิดประเด็นขึ้นมา
“เอาล่ะ มีใครอยากไปรับน้องนอกสถานที่กันมั้ย เอาง่าย ๆ ก็ไปเที่ยวก่อนกลับมาเรียนจริงจังนั่นแหละ” หลังสกายพูดจบ ภายในหอประชุมก็ถูกความเงียบปกคลุมชั่วขณะ ทุกสายตาเริ่มจับจ้องไปที่หน้าเวที สกายจึงเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งอีกครั้ง
“แต่ถ้าใครไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะ พี่แค่อยากพาพวกเราไปเที่ยวน่ะ” ทางด้านโนอาเห็นสถานการณ์ตรงหน้าไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ จึงได้เดินเข้าไปเสริมคำพูดของสกาย
“ใครจะไปกับพวกพี่ก็นั่งอยู่ก่อนนะ ส่วนใครที่ไม่อยากไปก็...กลับได้เลยครับ” โนอาพูดจบ นักศึกษาปีหนึ่งก็เริ่มทยอยเดินออกกันไปจนเกือบหมดเหลือเพียงแค่สิบกว่าคนที่ยังนั่งอยู่ โนอาและสกายจึงเดินเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่
“น้องที่จะไป พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่หน้าหอประชุมนะครับ” พูดจบ สกายก็ละสายตาจากน้อง ๆ ที่นั่งอยู่และหันไปกำชับรุ่นพี่ “รุ่นพี่ก็ห้ามสายนะครับ”
หลังจากนั้นก็ได้แยกย้ายกันกลับบ้าน เพื่อไปเก็บของ เตรียมตัวที่จะเดินทางไปภาคเหนือในวันพรุ่งนี้
| วันต่อมา
อันดา ปิ่น และเกลมาถึงสถานที่นัดหมายก่อนคนอื่น ไม่นานนักน้ำเหนือ ต้นกล้า และคิมก็ตามมา ไม่กี่นาทีให้หลังรุ่นน้องและรุ่นพี่คนอื่น ๆ ก็มากันจนครบ เหลือก็เพียงแต่สกายและโนอาที่ยังไร้วี่แวว
ปิ่นยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา พบว่าเลยเวลานัดมาราว ๆ หนึ่งชั่วโมงได้แล้ว แต่สกายกับโนอาก็ยังมาเสียที
“มันนัดเอง แล้วมาสายเอง มันยังมีสมองอยู่มั้ย”
“มีสิครับ แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้งาน” เสียงทุ้มต่ำตอบกลับอย่างทันควัน ก่อนจะพ่นเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น
“กว่าจะหอบสังขารมาได้เนอะ” ปิ่นพูดเหน็บแนม ก่อนจะถามอีกครั้งว่า “แล้วรถล่ะ” พร้อมกับกวาดสายตามองไปที่ถนนด้านหลังสกาย
สกายนิ่งเงียบไม่ได้เอ่ยตอบกลับปิ่นแต่อย่างใด เพียงหมุนตัวกลับไปมองที่ถนน และเห็นว่ารถตู้ขับสามคันเข้ามาจอดตรงหน้าพอดี จึงได้หันกลับไปตอบกลับปิ่นด้วยสีหน้าท่าทางกวนประสาท
“มาแล้วครับ รถที่คุณผู้หญิงต้องการ เชิญค้าบ” พูดจบ สกายก็หันไปแจกแจงว่าใครต้องนั่งรถคันไหนบ้าง โดยรถคันที่หนึ่งจะมีสกาย โนอา อันดา น้ำเหนือ ปิ่น เกล ต้นกล้า คิม เพื่อนของสกายอีกสองคน และรุ่นน้องอีกสี่คนก็คือ จันจ้าว มีนา นาย ผืนป่า ซึ่งรถตู้อีกสองคันก็เช่น เพราะสกายจัดแจงให้ภายในรถต้องมีทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง
จากนั้นรถตู้ก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้า ๆ จนเวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ แต่เมื่อมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ก็พบว่าท้องฟ้านั้นมืดสนิทเสียแล้ว ประกอบกับรถตู้ทั้งสามคนก็ได้แล่นเข้าสู่ภาคเหนือ จังหวัดลำปางพอดี แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นกับรถตู้คันที่หนึ่ง ซึ่งเป็นคันของสกายนั่นเอง
ซึ่งรถตู้ที่สกายนั่งมานั้นได้แวะเที่ยวหลายสถานที่ จึงทำให้ช้ากว่ารถตู้อีกสองคน คนขับรถจึงเลือกใช้ทางลัดเพื่อที่จะไปให้ถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด แต่รถตู้ดันเกิดเหตุยางระเบิดขึ้นมาเสียก่อน ทำให้สกายและคนอื่นบนรถตู้จำเป็นต้องหาที่พักชั่วคราวก่อนหนึ่งคืน แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจุดที่รถตู้ยางระเบิดนั้นอยู่แถวหมู่บ้านเล็กติดภูเขา จึงเป็นเรื่องยากที่จะหาโรงแรมดี ๆ พัก จะเดินออกไปที่ถนนใหญ่ก็ไกลเกินกว่าจะเดินออกไป เลยต้องเดินหาที่พักใกล้ ๆ กับจุดที่รถยางระเบิด
“เอาแต่ของที่จำเป็นไปนะ เดี๋ยวเดินไปหาที่พักแถว ๆ นี้ก่อน” สกายเอ่ยพูดพร้อมกับกำลังก้มมองยางที่ระเบิดก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างหัวเสีย
 “แม่งเอ๊ย!”
ปิ่นที่หยิบของเสร็จแล้วเดินลงมาจากรถตู้ เห็นสกายนั่งมองยางรถตู้อยู่ จึงได้เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยหน่าย
 “พี่กาย มึงพาพวกกูมาลำบากเพื่อไรคะ”
“ก็ใครมันจะ...” สกายอ้าปากพูดได้เพียงเท่านี้ อีกฝ่ายก็แทรกขึ้นว่า
“มึงไม่ต้องพูดค่ะ รีบหยิบของแล้วไปหาที่ซุกหัวนอนก่อนมั้ย อาลัยอาวรณ์จริง ๆ กับอีแค่ยางรถระเบิดเนี่ย”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังเตรียมตัวจะเดินออกไปหาที่พัก ก็มีลุงกับป้าเดินตรงเข้ามาหาน้ำเหนือและอันดาที่ยืนอยู่ท้ายรถ พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
 “แม่หนู...พ่อหนุ่มรถเสียกันเหรอจ๊ะ” สายตาของอันดาและน้ำเหนือต่างก็มองไปที่จุดเดียวกันนั่นคือลุงกับป้าที่ยืนอยู่ตรงหน้า อันดาจึงเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ใช่แล้วค่ะคุณป้า รถยางระเบิดน่ะค่ะ” จากนั้นลุงกับป้าก็คลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตรให้อันดาและน้ำเหนือ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
“แล้วจะไปพักที่ไหนกัน แถวนี้ไม่มีโรงแรมเลยนะแม่หนู” สิ้นคำของป้า อันดากับน้ำเหนือก็กลอกตามองหน้ากันไปมา ก่อนจะหันไปถามป้าอีกครั้ง
“เอ่อ...แล้วแถวนี้พอจะมีที่พักบ้างมั้ยคะคุณป้า” ป้าเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา พร้อมกับเอ่ยตอบอันดา
 “มีสิจ๊ะ บ้านป้าเอง แต่ป้าไม่ได้อยู่บ้านหลังนั้นหรอกนะ แม่หนูสนใจมั้ยล่ะ” อันดาฉีกยิ้มด้วยความดีใจ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงแห่งความสุข
“เดี๋ยวหนูขอไปถามเพื่อนก่อนนะคะ” พูดจบ อันดาก็วิ่งหน้าตาตื่นไปหาสกายและคนอื่น ๆ ที่หน้ารถ
“ทุกคนเราหาที่พักได้แล้ว สนใจมั้ย”
ทุกคนที่กำลังคุยกันอยู่ ต่างก็หยุดนิ่งและมุ่งความสนใจมาที่อันดา ปิ่นเลยเอ่ยถามก่อนใคร
“ที่ไหน” อันดาจ้องมองหน้าปิ่น ก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับตอบปิ่นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“บ้านคนแถวนี้แหละ ไปเร็วป้าเขารอนานแล้ว”
หลังจากที่ทุกคนหยิบของและเดินตามอันดาก็เจอลุงกับป้ายืนรอ จากนั้นทุกคนเดินตามลุงกับป้าไปทางถนนลูกรังด้านหลังรถ แต่เมื่อเดินมาได้สักพัก จากที่เดินกันเป็นกลุ่มก็สลับเดินเรียงหนึ่ง เนื่องจากว่าทางเดินเริ่มแคบลงเรื่อย ๆ ประกอบกับบรรยากาศรอบข้างที่ โอบล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ และด้วยความที่เป็นชนบท ทำให้ไม่มีไฟรายทางเลยแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงแสงจันทร์ที่ช่วยสาดส่องให้เห็นถนนทางเดิน
บรรยากาศในช่วงเวลาประมาณราว ๆ ห้าทุ่มที่อากาศเย็นยะเยือกจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว แถมยังมีหมอกลงจัดจนมองแทบไม่เห็นทางเดินข้างหน้า โนอาที่เริ่มรู้สึกกลัวกับบรรยากาศรอบข้าง จึงได้ตัดสินใจตะโกนถามป้า
“ป้าครับ อีกไกลมั้ยครับ” ป้ายิ้มกว้างและตอบกลับโนอา
 “เดินข้ามสะพานคลองข้างหน้านี่ก็ถึงแล้วจ้ะพ่อหนุ่ม”
ไม่กี่นาทีต่อมาลุงกับป้า ก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านไม้หลังหนึ่งที่ดูคล้ายกับบ้านในสมัยก่อน แถมยังดูทรุดโทรมเอามาก ๆ ราวกับว่าไม่เคยมีใครอยู่ที่นี่มาก่อน ทุกคนยืนนิ่งอยู่กับที่ เพื่อจะรอให้เจ้าของบ้านนั้นเข้าไปก่อน แต่ทว่าลุงกับป้าไม่ยอมก้าวขาเข้าไปภายในเขตบ้านเลย เพียงแต่บอกให้อันดาและน้ำเหนือพาเพื่อน ๆ เข้าไปได้เลย และลุงกับป้าก็ได้โบกมือลากลุ่มนักศึกษาทั้งสิบสี่คน พร้อมกับรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย