เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

พวกมึงลบหลู่กู - ตอนที่ ๓ พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก,ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พวกมึงลบหลู่กู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

อมายา

เรื่องย่อ

"น้องกูก็ตายแล้วนี่ไง พวกมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ หรือต้องให้กู้ตายอีกคน พวกมึงถึงจะพอใจ"


"ใช่ ถ้ามึงตาย แล้วได้สี่คนนั้นกลับมา มึงจะยอมตายมั้ย"


"..."


"เห็นมั้ย ตัวมึงเองยังไม่อยากตายเลย และสี่คนนั้นมันอยากตายเหรอ มึงคิดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความคิดตัวเอง แบบนี้เขาเรียกเห็นแก่ตัวว่ะ"



เพียงเพราะความปากพล่อยและความโผงผางของคนคนหนึ่ง ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน และกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนทุกคนต้องตามสืบเรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่จะได้รอดจากน้ำมือของผีตนนี้

สารบัญ

พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓๐ พวกมึงลบหลู่กู

เนื้อหา

ตอนที่ ๓ พวกมึงลบหลู่กู

ตอนที่ ๓
หลังจากที่ลุงกับป้าเดินจากไปจนสุดสายตา รุ่นพี่ทั้งแปดคนที่ยืนเรียงกันอยู่ด้านก็หมุนตัวหันกลับไปมองที่ตัวบ้าน และได้เพ่งพินิศบ้านไม้ตรงหน้า พบว่าเป็นบ้านไม้ทรงไทยชั้นเดียว ใต้ถุนบ้านยกสูง ที่ดูเก่าและทรุดโทรมเอามาก ๆ สกายเห็นว่าไม่มีใครก้าวขาเดินเข้าไปเสียที จึงได้ร้องทัก
“พวกมึงจะยืนมองกันอีกนานมั้ยครับ” พูดจบ สกายก็ก้าวขาข้ามประตูรั้วเข้าไปเป็นคนแรก
วินาทีนั้นที่สกายก้าวขาเข้าไปในเขตบ้านหลังนั้น ก็เกิดลมพัดกรรโชกแรงพาเอาใบไม้แห้ง ทรายและฝุ่นละอองปลิวว่อนไปทั่ว ทว่าสกายกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยแม้แต่น้อย ยังคงก้าวขาเดินต่อไปจนเกือบจะถึงบันไดทางขึ้นแต่ จู่ ๆ สกายรู้สึกว่าด้านหลังตัวเองนั้นเงียบเกินไปราวกับว่าเดินมาคนเดียว
สกายตัดสินใจหยุดเดินและหันหลังกลับไปมองก็พบว่าเป็นอย่างตัวเองคิดเอาไว้ เพราะในตอนนี้ทุกคนยังคงยืนอยู่ที่นอกรั้วหน้าบ้าน สกายจึงตะโกน พลางกวักมือเรียกให้ทุกคนเข้ามา
“โคตรรักกูเลยพวกมึง ปล่อยกูเข้ามาคนเดียว” ทุกคนที่ยืนอยู่เห็นสกายหน้าซีดเป็นไก่ต้มก็ได้ระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น ก่อนจะเดินตามเข้าไปหาสกาย จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดไปพร้อมกันอย่างช้า ๆ
เมื่อเดินขึ้นมาถึง ทุกคนก็ตกตะลึงอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นตรงหน้า เพราะบริเวณบนบ้านนั้นสะอาดมาก และเป็นโถงกลางบ้านโล่ง ๆ มีเพียงโอ่งตั้งอยู่สองใบ และเมื่อกวาดสายตาดูรอบ ๆ ก็เห็นว่ามีห้องเรียงติดต่อกันลักษณะคล้ายตัวยู โดยที่ด้านซ้ายจะมีหนึ่งห้อง ตรงกลางสามห้องและทางด้านขวาอีกหนึ่งห้อง ซึ่งในความคิดของทุกคน ก่อนจะเดินขึ้นมา บ้านคงคร่ำเครอะ เลอะเทอะเป็นแน่ แต่เมื่อเห็นแล้วกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะบริเวณบนบ้านนั้นดูสะอาดสะอ้านราวกับว่ามีคนคอยดูแลทำความสะอาดอยู่ทุกวัน
“ไป ๆ แยกย้ายกันไปทำธุรส่วนตัวได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้านะครับ” พูดจบสกายก็หยิบกระเป๋าและเดินตรงไปที่ห้องห้องหนึ่งทางด้านซ้ายของตัวบ้าน ส่วนคนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกันไปตามห้องที่เหลือ
หลังจากที่แยกย้ายกันไปแล้ว โนอาและเพื่อนอีกสองคน ซึ่งก็คือรามกับจอม ทั้งสามคนได้ชวนกันไปเดินสำรวจรอบ ๆ บ้าน ทั้งสามเลือกที่จะเดินลงมาข้างล่างบริเวณใต้ถุนบ้านเป็นที่แรก และโนอาก็กวาดสายตามองสำรวจไปรอบ ๆ จนไปสะดุดเข้าศาลไม้ที่ตั้งอยู่หลังบ้าน ซึ่งถ้าไม่สังเกตก็แทบจะไม่เห็นเลยว่ามีศาลไม้ตั้งอยู่ โนอาที่เห็นเช่นนั้นก็กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนอีกสองว่า
 “พวกมึงกูมีอะไรสนุก ๆ ให้ทำแล้ว” พูดจบโนอาก็ถอยหลังกลับออกมาจากใต้ถุนบ้านและเดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อบอกให้เพื่อนสนิทอย่างสกายได้รับรู้
เมื่อเดินขึ้นมาถึงบนบ้านโนอาสอดส่ายมองหาสกาย ก็เห็นว่าสกายเพิ่งเดินออกมาจากห้องพอดี โนอาจึงเดินตรงดิ่งไปหาสกายทันที พร้อมกับกระซิบข้างหูบอกสกาย
“กูเจอศาลไม้หลังบ้าน” โนอาพูดด้วยโทนเสียงที่ปกติแต่ทว่าแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ร้ายลึก
“ที่ไหน ไปดิ กำลังเบื่อ ๆ พอดี”
“เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่ง ไหน ๆ ก็มาแล้ว ชวนไปให้หมดเลยดีกว่า” โนอาพูดจบ สกายก็ยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ก่อนจะเอ่ยชวนคนอื่น ๆ ที่กำลังนั่งคุยกันอยู่
“เฮ้ย ไปทำไรสนุก ๆ กันเถอะพวกเรา” สิ้นคำพูดของสกาย ทุกสายตาต่างจดจ้องไปยังชายหนุ่มทั้งสองคนที่ยืนอยู่
“พวกมึงจะเล่นอะไรกันอีกเนี่ยพี่” ปิ่นเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ พลางส่ายหน้าด้วยความเบื่อหน่าย สกายที่ไม่อยากต่อปากหลากคำกับปิ่น จึงได้หันไปออกคำสั่งกับรุ่นน้องปีหนึ่งทั้งสี่คน
“รุ่นพี่ไม่อยากไป ไม่เป็นไร แต่รุ่นน้องต้องไปทุกคนนะครับ” เมื่อสกายพูดจบ ก็มีรุ่นน้องคนหนึ่งพูดสวนกลับอย่างทันควัน
“ไป ๆ ผมไปครับพี่สกาย”
รุ่นน้องอย่างจันจ้าวกับมีนาก็ได้กลอกตามองหน้ากันไปมา ก่อนที่จันจ้าวจะหันไปหยิกแขนนาย และพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาราวกระซิบว่า
 “แกไปคนเดียวเหอะ พวกเราไม่ไปหรอก” แต่ว่า ต่อให้เสียงของจันจ้าวจะเบาเพียงไหน สกายและโนอาก็ได้ยินอยู่ดี จึงได้พูดข่มขวัญจันจ้าวและรุ่นน้องคนอื่นออกไปว่า
 “ถ้าไม่ไป พี่ให้หารถกลับเองนะครับ” จันจ้าวทำได้แค่เพียงถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ
“ไปกันให้หมดนี่นั่นแหละ รู้งี้ไม่น่ามาตั้งแต่แรกเลย” ปิ่นเอ่ยพูดอย่างรำคาญ ก่อนจะลุกยืนและเอ่ยพูดกับสกายอีกครั้ง
“จะไป ไม่ไป”
จากนั้นทุกคนก็เดินลงมาข้างล่างพร้อมกัน โดยที่สกายและโนอาเป็นคนเดินนำไปที่ศาลหลัง และจะต้องเดินผ่านใต้ถุนบ้านไป ซึ่งใต้ถุนบ้านจะเป็นพื้นที่โล่ง ๆ เดินไม่กี่วินาทีก็ทะลุมาถึงหลังบ้านจุดที่ศาลไม้ตั้งอยู่ ภายในศาลไม้มีเพียงตุ๊กตานางรำคล้ายกับโขนตัวนางอยู่หนึ่งตัว
เมื่อมาถึง สกายและโนอาได้หยุดยืนอยู่หน้าศาล หันหน้าสบตากัน ก่อนจะปากพล่อยพูดในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดออกมา
“ถ้ามีอยู่จริง ช่วยออกมาทำให้รู้ ให้เห็นหน่อยนะค้าบคุณนางรำสุดสวย” สกายพูดจบก็ระเบิดเสียงหัวเราะมาดังลั่นไปทั่วบ้าน
ไม่กี่นาทีต่อมาบรรยากาศรอบข้างถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัด เงียบเสียจนได้ยินเสียงลมพัดใบไม้พลิ้วไหวไปมา แต่จู่ ๆ อากาศก็เย็นยะเยือกราวกับยืนอยู่ในห้องเย็นเก็บอาหาร ทำให้ทุกคนที่ยืนอยู่ต่างก็ยกมือขึ้นมาลูบแขนสองข้างของตัวเอง ด้วยเพราะสะท้านความหนาวเย็น สกายเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงได้หันสายตากลับมามองเพื่อนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยติดตลกออกมา
“เห็นมั้ย ไม่มีอะไรสักหน่อย ก็แค่ศาลไม้เก่า ๆ ไอ้โนอาแม่งพาคนอื่นเสียเวลา”
ทุกคนก็กลับขึ้นบนบ้านเพื่อเตรียมตัวจะเข้านอน เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาราว ๆ ตีหนึ่งได้ และในวันพรุ่งนี้ต้องเดินไปขึ้นรถแต่เช้าตรู่ หลังจากที่แยกย้ายกันเข้านอน ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา จู่ ๆ สกายก็ได้ยินเสียงดนตรีไทยลอยมาตามลมเบา ๆ จึงได้หันไปปลุกเพื่อนที่นอนหลับอยู่ข้างกัน
“เฮ้ยไอราม ไอ้ราม”
“อื้อ อะไรของมึงวะ คนจะหลับจะนอน” รามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“มึงตื่นก่อนครับ” สกายยกมือขึ้นมาและตบไปที่หัวของรามเพื่อเรียกสติ ก่อนจะบอกให้รามฟังเสียงอะไรบางอย่างที่ตัวเองได้ยินเมื่อสักครู่
“มึงฟังตั้งใจฟังนะ ว่าได้ยินเสียงเดียวกับกูหรือเปล่า” สิ้นเสียงของสกาย ทั้งคู่ก็จดจ้องไปที่ประตูห้องพร้อมกับเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ สักพักรามก็หันหน้ากลับมามองสกายอย่างตกใจ เพราะได้ยินเสียงอย่างที่สกายบอก
“มึงได้ยินเหมือนกูใช่มั้ยไอราม” สกายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ตื่นกลัว ก่อนจะละสายตาประตูและหันไปมองรามที่ตอนนี้ก็ตื่นเต็มตาแล้วเช่นกันทั้งสองคนพยักให้กันและเอ่ยพูดออกมาพร้อมกันด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“ดนตรีไทย!” จากนั้นทั้งคู่หันไปปลุกเพื่อนอีกสองคน ซึ่งก็คือ โนอาและจอม เมื่อเพื่อนรักอีกสองคนลืมตาตื่นขึ้นมา สกายก็กระซิบบอกให้โนอาและจอมตั้งใจฟังเสียงที่ตนเพิ่งได้ยินไปเมื่อสักครู่
“มึงสองคนตั้งใจฟังนะ กูกับไอรามได้ยินชัดเจนเลย” ทั้งสองจึงเงี่ยหูฟังอย่างไม่สบอารมณ์ เนื่องจากโดนปลุกขึ้นกลางดึก แต่เมื่อตั้งใจฟังอย่างที่สกายว่า ก็ได้ยินเสียงเสียงนั้นจริง โนอาจึงเอ่ยบอกสกายอย่างไม่คิดอะไร
“ก็แค่เสียงดนตรีไทย มึงจะอะไรหนักหนาวะเนี่ย กูจะนอน” โนอากำลังทิ้งตัวลงนอนเช่นเดิม แต่ก็ต้องหยุดชะงักเสียก่อน เพราะได้ยินคำพูดของสกายที่บอกว่า
“แล้วเสียงมันมาจากไหนล่ะไอควาย แถวนี้มันไม่มีบ้านคน มีบ้านหลังนี้หลังเดียว มึงจำไม่ได้ไงไอ้โง่” โนอาจากที่สะลึมสะลืออยู่ก็ตาสว่างขึ้นมาทันทีทันใด
“เออว่ะ แล้วเสียงมาจากไหน” โนอาทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เหมือนว่าจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงได้เอ่ยบอกสกาย
“ก็แค่ออกไปดูไง มึงจะโง่ทำไม” สกายตบหัวโนอาไปหนึ่งอย่างเต็มแรง ก่อนจะตอบกลับอย่างลมเสีย
“มึงก็เพิ่งคิดได้เมื่อกี้แหละไอโง่”
รามกับจอมที่นั่งมองทั้งสองคนทะเลาะเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ และได้พูดแทรกขึ้น
“มึงสองคนจะทะเลาะกันอีกนานมั้ย เดี๋ยวกูไปเปิดเอง” รามพูดจบก็ลุกพรวดพราดขึ้นไปเปิดประตูทันที ไม่ได้รอให้อีกสามคนลุกตามเสียก่อน