เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

พวกมึงลบหลู่กู - ตอนที่ ๕ พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก,ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พวกมึงลบหลู่กู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

อมายา

เรื่องย่อ

"น้องกูก็ตายแล้วนี่ไง พวกมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ หรือต้องให้กู้ตายอีกคน พวกมึงถึงจะพอใจ"


"ใช่ ถ้ามึงตาย แล้วได้สี่คนนั้นกลับมา มึงจะยอมตายมั้ย"


"..."


"เห็นมั้ย ตัวมึงเองยังไม่อยากตายเลย และสี่คนนั้นมันอยากตายเหรอ มึงคิดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความคิดตัวเอง แบบนี้เขาเรียกเห็นแก่ตัวว่ะ"



เพียงเพราะความปากพล่อยและความโผงผางของคนคนหนึ่ง ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน และกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนทุกคนต้องตามสืบเรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่จะได้รอดจากน้ำมือของผีตนนี้

สารบัญ

พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓๐ พวกมึงลบหลู่กู

เนื้อหา

ตอนที่ ๕ พวกมึงลบหลู่กู

ตอนที่ ๕
หลายชั่วโมงต่อมา เวลาตามนาฬิการาว ๆ หกโมงเย็นได้ และก็เป็นเวลาของการทำกิจกรรมตามหาธงสี ซึ่งจะแบ่งได้ทั้งหมดสามกลุ่ม โดยที่กลุ่มที่หนึ่งก็คือกลุ่มของสกาย จะต้องตามธงสีแดง กลุ่มที่สองธงสีขาว กลุ่มที่สามธงสีเหลือง
จากนั้นสกายก็บอกสถานที่ในการทำกิจกรรม ซึ่งก็คือป่าหลังโรงแรมนั่นเอง รวมถึงบอกกฎกติกาต่าง ๆ ในการตามหาธงสีด้วย เมื่ออธิบายจบก็ให้แต่ละกลุ่มแยกย้ายกันไปเริ่มตามหาธงสีได้เลย โดยที่จะมีเวลาถึงเพียงแค่ห้าทุ่มเท่านั้น และถ้ากลุ่มไหนหาไม่เจอหรือหาไม่ครบเจ็ดอันจะต้องถูกทำโทษในวันรุ่งขึ้น
“สองกลุ่มเชิญไปได้เลยครับ” สกายเอ่ยพูดกับสองกลุ่มหลังจากที่นัดหมายเวลาเรียบร้อยแล้ว และจึงหันกลับมาที่กลุ่มของตัวเอง
“ส่วนพวกมึงรอก่อน”
“อะไรอีกวะ วาจาที่มันเอื้อนเอ่ยออกมาแต่ละคำไม่เป็นเรื่องดีสักอย่าง กูล่ะเจ็บหัวกับมันจริง” ปิ่นเอ่ยพูดเบา ๆ ราวกับกระซิบบอกอันดา ทางด้านอันดาที่ได้ยินคำพูดของปิ่นก็ได้แต่ส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดูปนกับความสงสารปิ่นที่ต้องคอยนึกคิดคำด่าทอสกายอยู่ตลอด ขณะที่ทั้งสองคนกำลังหัวร่อต่อกระซิกกันอยู่ สกายก็เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างเสียงดัง
“เอางี้นะ แยกกันไปเป็นคู่ กลุ่มเรามีสิบสี่คนพอดี ธงที่เราต้องตามหามีเจ็ด ถ้างั้นก็คู่ละหนึ่ง โอเคเอาตามนี้” พูดจบ สกายก็เดินตรงดิ่งไปที่อัน แต่ทว่าน้ำเหนือดันเดินมาตัดหน้าเสียก่อน
“อันดาไปกับเรามั้ย” น้ำเหนือตะโกนถามพร้อมโบกไม้โบกมือให้อันดา ซึ่งอันดาก็ตกลงที่จะไปกับน้ำเหนือ สกายจึงต้องเดินกลับไปหาโนอาพร้อมกับสภาพที่หน้างอคอตก เพราะผิดหวังจะแผนตัวเองวางเอาไว้
ที่สกายแบ่งให้ไปกันเป็นคู่ ก็เพื่อที่ตัวเองจะได้อยู่กับอันดา หญิงสาวที่สกายนั้นหลงรักตั้งแต่แรกเห็น แต่แล้วก็ดันมีคู่แข่งอย่างน้ำเหนือเข้ามาเสียได้ ทำให้การจีบอันดานั้นยากขึ้นกว่าเดิม จากนั้นก็แยกกันไปกับคู่ตัวเอง โดยที่น้ำเหนือไปกับอันดา ปิ่นกับเกล สกายกับโนอา รามกับจอม ต้นกล้ากับคิม ในส่วนของรุ่นน้องก็จะเป็นผืนป่ากับจันจ้าว และนายกับมีนา
ทุกคู่แยกกันไปตามหาคนละทาง เพราะจะได้หาธงสีให้ครบก่อนที่จะหมดเวลา ทว่าคนที่ซ่อนธงเอาไว้นั้นทำได้แนบเนียนเสียจนหากันแทบไม่เจอ จนเวลาล่วงเลยไปถึงสามทุ่ม คู่ของน้ำเหนือกับอันดา และคู่ปิ่นกับเกลนั้นเจอธงแล้ว จึงได้มารออยู่ที่ทางออก
คล้อยหลังไม่กี่วินาทีอีกสามคู่ก็เดินออกมาจากป่าพร้อมกับธงสีแดงในมือ จึงจะเหลือเพียงอีกหนึ่งคู่ที่ยังไม่ออกมา ซึ่งก็คือจันจ้าวกับผืนป่า เกลได้ยกมือถือขึ้นมาดูเวลาก็เห็นว่าเพิ่งสามทุ่มกว่า ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมง จึงเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงและเดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ อันดา
เวลาล่วงเลยไปจนสี่ทุ่มครึ่ง แต่ก็ยังไม่วี่แววของรุ่นน้องทั้งสองคน อันดาจึงได้เอ่ยพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“จะห้าทุ่มแล้วนะ น้องมันยังหาไม่เจออีกเหรอ” พูดจบ อันดาทำท่าจะลุกเดินเข้าไปในป่าอีกครั้ง แต่ก็โดนน้ำเหนือดึงแขนเอาไว้เสียก่อน
“ใจเย็น ๆ เดี๋ยวน้องก็ออกมา” อันดาจึงถอยหลังกลับไปนั่งลงที่เดินพร้อมกับสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างยิ่ง
| จันจ้าวผืนป่า
ทางด้านของผืนป่าและจันจ้าว ขณะที่กำลังเดินตามหาไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่มีจุดหมายปลายทาง แต่ทว่าจู่ ๆ จันจ้าวก็เหมือนจะมองเห็นธงสีแดงอยู่ที่สุดทางเดิน จึงหยุดเดินและเพ่งพินิศไปยังสุดทางเดิน ก็พบว่าเป็นธงสีแดงจริง ๆ จึงได้ร้องทักด้วยความดีใจสุดขีด
“เฮ้ย นั่นไงธงสีแดง เย่!” ผืนป่าที่ได้ยินว่าเจอธงสีแดงแล้ว จึงได้เอ่ยถามอย่างมีหวัง
“ไหน ๆ อยู่ไหน” จันจ้าวหันกลับมาสบตาผืนป่า ก่อนจะเผยรอยยิ้มอันมีความสุขออกมาพร้อมกับชี้นิ้วไปที่สุดทางเดิน
“อยู่ตรงนั้น” ผืนป่ามองตามนิ้วของจันจ้าวไปก็เห็นธงสีแดงปักอยู่จริง แต่ก่อนที่จะเดินไปเอาธง ผืนป่าได้ยกมือขึ้นมาเพื่อดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ พบว่าใกล้จะห้าทุ่มแล้ว จึงได้หันไปบอกจันจ้าวด้วยท่าทีร้อนรน
 “เรารีบไปเอาธงกันเหอะ จะห้าทุ่มแล้ว” จากนั้นทั้งคู่วิ่งตรงดิ่งไปยังธงสีแดงที่ปักอยู่ตรงสุดทางเดิน ทว่าทั้งต้องหยุดชะงักไปเสียก่อน เนื่องจากว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งปรากกฎตัวอยู่ตรงที่ธงสีแดงปักอยู่
ทั้งสองค่อย ๆ หันหน้ามองกันและกลอกตามองหน้ากันไปมา ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปมองหญิงสาวคนนั้น พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเพื่อรวบรวมสติ จากนั้นผืนป่าแบมือส่งให้จันจ้าวจับ
สองคนจับมือกันแล้วเชิดหน้ามองตรงไปยังหญิงสาวคนนั้น ก่อนจะค่อย ๆ ยกเท้าก้าวไปที่ข้างโดยพร้อมเพรียงกัน ครั้นเมื่อทั้งคู่ก้าวขาไปได้เพียงแค่สามก้าวเท่านั้น ก็ต้องหยุดชะงักไปอีกครั้ง เพราะว่าหญิงสาวคนนั้นยกมือขึ้นมาพร้อมกับฟ้อนท่ารำอันอ่อนช้อย หญิงสาวคนนั้นร่ายรำอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ และเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งว่า
“ไม่อยากได้ธงแล้วเหรอ” สิ้นคำ หญิงสาวก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหญิงสาว ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่กก่อนจะวิ่งหนีกระเจิงออกมาจากป่าทั้งที่ยังไม่ได้ธงออกมา เมื่อวิ่งออกมาจนถึงทางเข้าป่าก็เจอคนอื่น ๆ ในกลุ่มนั่งรออยู่แล้ว ทางด้านอันดาที่เห็นทั้งสองวิ่งหน้าตาตื่นออกมาก็ลุกพรวดพราดไปถามไถ่ทันที
“เฮ้ย เป็นไรกันทำไม่วิ่งหน้าตาตื่นมาเลยแบบนี้ล่ะ”
ทั้งสองยังคงพูดอะไรไม่ออก ด้วยความที่วิ่งออกมาไกล ทำให้เหนื่อยและหายใจไม่ทัน แต่ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเหนื่อยหอบอยู่นั่น สกายที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ก็พบว่ารุ่นน้องทั้งสองคนนั้นไม่เอาธงออกมาด้วย จึงได้ปรี่เข้าไปพ่นคำด่าทอใส่ผืนป่าและจันจ้าวทันที
“แล้วธงอะ มึงสองรู้มั้ยว่าเขานั่งรอมึงกันตั้งนาน แต่มึงสองคนไม่ได้เอาธงออกมาด้วยเนี่ยนะ คนอื่นเขาเดือดร้อนโดนลงโทษเพราะมึงสองคนเลยรู้ป่ะ”
“อ่าวพี่ ก็มันไปเอาไม่ได้”
“แล้วยังไง คนอื่นเขายังเอาออกมาได้ ไม่มีปัญญาก็พูดมาเหอะ”
“...”
“พ่อแม่มึงไม่สอนเหรอว่าอย่างสร้างปัญหาให้คนอื่น”
น้ำเหนือที่ยืนมองอยู่ เมื่อได้ประโยคสุดท้ายของสกาย ก็รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดี จึงได้เข้าไปจับแขนสกายก่อนจะเอ่ยปรามออกไป
“พี่กาย พูดเกินไปหรือเปล่า เรื่องแค่นี้เอง ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไมอ่า”
ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกจากปากสกาย แต่ทว่าสายตาของสกายนั้นกลับจดจ้องไปที่ผืนป่าอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะสะบัดมือของน้ำเหนือออกจากแขน และเดินจากไปทันที
ทุกคนยืนอยู่ได้แต่งุนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า และได้มองตามแผ่นหลังของสกายไปจนลับสายตา จึงได้หันกลับมามองที่รุ่นน้องทั้งสองอย่างผืนป่าและจันจ้าว จากนั้นอันดาและน้ำเหนือก็เข้าไปช่วยประคองร่างกายของจันจ้าวและผืนป่า เนื่องจากในตอนนี้ทั้งสองคนพร้อมจะเป็นลมล้มฟุบได้ตลอดเวลา
“ไป ๆ แยกย้าย ๆ ห้องใครห้องมัน เก็บธงให้ดี พรุ่งนี้เจอกันตอนเช้า” โนอาเอ่ยพูดอย่าเร่งรีบ ก่อนจะเดินตามน้ำเหนือและอันไป
ทางด้านของอันดาหลังจากที่ส่งรุ่นน้องสองคนกลับห้องเรียบร้อยแล้ว แต่ภายในใจกลับยังสงสัยว่าทำไมรุ่นน้องทั้งสองคนถึงได้วิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากป่าเช่นนั้น จนเผลอหลุดพูดออกมาคนเดียว “เจออะไรกันมานะ”