เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

พวกมึงลบหลู่กู - ตอนที่ ๗ พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก,ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พวกมึงลบหลู่กู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

อมายา

เรื่องย่อ

"น้องกูก็ตายแล้วนี่ไง พวกมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ หรือต้องให้กู้ตายอีกคน พวกมึงถึงจะพอใจ"


"ใช่ ถ้ามึงตาย แล้วได้สี่คนนั้นกลับมา มึงจะยอมตายมั้ย"


"..."


"เห็นมั้ย ตัวมึงเองยังไม่อยากตายเลย และสี่คนนั้นมันอยากตายเหรอ มึงคิดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความคิดตัวเอง แบบนี้เขาเรียกเห็นแก่ตัวว่ะ"



เพียงเพราะความปากพล่อยและความโผงผางของคนคนหนึ่ง ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน และกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนทุกคนต้องตามสืบเรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่จะได้รอดจากน้ำมือของผีตนนี้

สารบัญ

พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓๐ พวกมึงลบหลู่กู

เนื้อหา

ตอนที่ ๗ พวกมึงลบหลู่กู

ตอนที่ ๗
หลังจากเสียงกรีดร้องเงียบไป หลายคนก็เริ่มยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไฟฉายส่องไปที่หน้าของเพื่อนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อันดาก็เปิดไฟฉายสาดส่องสำรวจเพื่อน ๆ คนอื่นว่ายังอยู่ครบมั้ย จากนั้นจึงได้เอ่ยถามออกไปด้วยความเป็นห่วง
“อยู่กันครบนะ ไม่มีใครเป็นไรใช่มั้ย” หลังจากที่ทุกคนตอบรับ อันดาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ทว่าเสียงดนตรีไทยกลับดังขึ้นอีกครั้ง และในคราวนี้เสียงดนตรีไทยไม่ได้ดังออกมาจากลำโพงของห้องประชุมโรงแรม แต่ดังอยู่ภายในห้อง ในเวลาเดียวกันขณะที่ดนตรีไทยดังขึ้น ทุกคนกำลังพูดคุยกันส่งเสียงดังเสียจนไม่มีใครได้ยิน มีเพียงต้นกล้าที่ยืนอยู่เงียบไม่ได้เอ่ยพูดอะไรกับใคร ก็เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ก็ได้ยินว่าเป็นเสียงของดนตรีไทย จึงได้ตะโกนบอกกับคนอื่น ๆ
“ทุกคนเงียบก่อน” เพื่อน ๆ ที่ได้ยินเสียงของต้นกล้า ต่างก็หยุดการกระทำทุกอย่างโดยพร้อมเพรียงกัน และหันไปมองต้นกล้า
“ได้ยินเสียงดนตรีไทยกันมั้ย” ต้นกล้าหันไปเอ่ยถามเพื่อน ๆ ที่ยืนอยู่รวมกันติดกับหน้าเวที และทุกคนก็ได้ยืนเงียบตั้งใจฟังเสียงดนตรีไทยตามที่ต้นกล้าบอก
ไม่กี่วินาทีต่อมา ทุกคนได้หันไปมองอีกครั้งต้นกล้า ก่อนจะพยักหน้าตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกัน ทุกคนเริ่มเคลื่อนตัวมายืนเกาะกลุ่มกันไว้ และได้ใช้แสงสว่างจากไฟฉายโทรศัพท์สาดส่องไปทั่วทุกมุมของห้องประชุม
แต่แล้วในตอนที่ส่องไฟไปทางมุมทางซ้ายของห้องประชุม ก็เจอเข้ากับหญิงสาวสวมชุดนางรำหันหน้าเข้ากำแพงห้อง กำลังร่ายรำด้วยท่าทางที่อ่อนช้อยอยู่ ต้นกล้าเลยถามเพื่อนทุกคนด้วยเสียงสั่น ๆ
“ขะ...เขาเข้ามาตอนไหนวะ”
สายตาของทุกคนในตอนนี้ต่างก็จดจ่อไปที่หญิงสาวคนนั้น จู่ ๆ หญิงสาวกลับหยุดรำ และยืนนิ่งอยู่กับที่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ หมุนหัวกลับมามองหน้าทุกคน แต่ทว่าร่างกายของหญิงสาวยังคงหันเข้ากำแพงอยู่
เมื่อได้เห็นเช่นนั้นแล้ว ต่างก็กรีดร้องโวยวายวิ่งหนีกระเจิงกันไปคนละทิศคนละทาง ในขณะที่กำลังวิ่งหนีออกมาจากห้องประชุม หญิงสาวได้ตะโกนตามหลังว่า “พวกมึงลบหลู่กู” ตามมาด้วยเสียงหัวเราะอย่างสะใจ
หลังจากที่วิ่งหนีกระเจิงกันไปคนละทาง แต่สกายกับโนอาดันวิ่งไปทางเดียวกัน ผีนางรำจึงเลือกที่จะตามทั้งคู่ไป สกายและโนอาวิ่งไปเรื่อย ๆ จนไม่รู้ตอนนี้นั้นตัวเองอยู่ตรงไหนกันแน่ สกายจึงได้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ
“เราวิ่งมาที่ไหนวะเนี่ยไอโนอา” โนอาทำได้เพียงส่ายหน้าด้วยความไม่รู้ จากนั้นก็หันซ้ายหันขวากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบกำแพงสูง ซึ่งก็คือหลังโรงแรมนั่นเอง
“ฉิบหาย แล้วเราจะไปหลบอยู่ไหนก่อนวะเนี่ย” โนอาพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล สกายจึงได้กวาดสายตามองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ก่อนจะพบว่ามีห้องน้ำเก่าตั้งอยู่
“นั่นไง เข้าไปหลบก่อนป่ะ เดี๋ยวอีกสักพักค่อยโทรบอกพวกนั้นมารับ” โนอาพยักหน้าตอบรับ
ทั้งสองคนเดินตรงไปที่ห้องน้ำเก่า และพบว่ามีทั้งหมดสิบสามห้อง ทั้งสองเลือกที่จะเข้าไปหลบที่ห้องด้านใน เพราะคิดว่าปลอดภัยที่สุด เมื่อเข้าไปหลบแล้วทั้งสองจึงล็อกประตูด้วย แต่ทั้งสองคนไม่รู้เลยว่าห้องน้ำที่เพิ่งเข้านั้นมีเลขติดอยู่ตรงประตู นั่นคือก็เลข สิบสาม
“มึงจองโรงแรมยังไงของมึงวะไอกาย แม่งมีผีด้วย เชี่ยโคตรหลอน” โนอาเอ่ยพูด พลางยกมือขึ้นมาลูกแขนทั้งสองข้าง
“กูจะไปรู้มั้ยวะ ก็เห็นแม่งถูกดีนี่หว่า แถมยังสวยด้วย” สกายเอ่ยตอบด้วยท่าทีหวาดระแวงมองซ้ายทีขวาที
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ก็มีเสียงสวบ ๆ ดังมาจากหน้าห้องน้ำที่ทั้งสองคนหลบอยู่ สกายที่ได้ยินเสียงจึงยกมือขึ้นมาปิดปากโนอาเอาไว้ จากนั้นก็แนบหูไปกับประตูเพื่อฟังเสียงภายนอก จึงได้รู้ว่าเป็นเสียงเดินย่ำบนกิ่งไม้ หรือใบไม้แห้งนั่นเอง
ด้วยความที่เป็นห้องน้ำเก่าของโรงแรม เลยมีพวกเศษกิ่งไม้แห้ง ใบไม้แห้งปลิวเข้ามาภายในห้องน้ำ จึงทำให้เวลาที่มีคนเดินเข้ามาก็จะส่งเสียงดังสวบ ๆ เหมือนกับตอนที่ทั้งสองคนเดินเข้า
โนอายกมือขึ้นมา และจับไปที่มือของสกายข้างที่ปิดปากตนเอาไว้ จากนั้นก็ค่อยเลื่อน ๆ มือสกายลงมาไว้ที่คาง พร้อมกับส่งเสียงถามออกไปเบา ๆ
“เสียงคนเดินเหรอวะ” สกายพยักหน้าตอบรับทั้งที่สายตายังจดจ่อไปที่ประตูอย่างไม่วางตา
แต่แล้วประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกต่อหน้าต่อตาทั้งสองคน ทว่ากลับไม่พบใครอยู่หน้าห้องน้ำ โนอาได้บอกให้สกายออกไปดู แต่สกายนั้นไม่ยอมออกไป ทั้งสองได้พูดเกี่ยงกันไปมาจนได้ยินเสียงเดินอีกครั้ง
“มึงได้ยินเหมือนกูใช่มั้ยเพื่อนรัก” สกายเอ่ยพูดเสียงสั่น ๆ เพราะความหวาดกลัวสุดขีด
จากนั้นทั้งสองคนหันมองหน้าสบตากัน พร้อมกับขยิบตาให้อย่างรู้กัน ไม่กี่วินาทีต่อมาทั้งสองคนก็โหวกเหวกโวยวายพร้อมกับสับขาวิ่งออกมาจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องหยุดชะงักอยู่ที่หน้าห้องน้ำ เพราะผีนางรำพุ่งตัวเข้ามาบีบคอสกายเอาไว้ ตัวของสกายค่อย ๆ ลอยสูงขึ้นจนเท้าพ้นจากพื้น
“พวกมึงลบหลู่กู พวกมึงทุกคนต้องตาย”
สกายทำได้เพียงยกมือไหว้เพื่อขอโทษ เพราะไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำพูดออกมาจากปากได้แม้แต่คำเดียว เนื่องจากถูกผีนางรำบีบคอเอาไว้ ด้านโนอาที่เห็นสกายถูกผีนางรำบีบคอ ก็ได้วิ่งหนีออกมาแต่ไม่ไกลมากเท่าไร จากนั้นก็ได้โทรขอความช่วยเหลือจากน้ำเหนือและเพื่อน ๆ
หลังจากวางสายจากน้ำเหนือแล้ว โนอาก็ยืนรออย่างร้อนรนด้วยความเป็นห่วงเพื่อน แต่ถ้าจะให้กลับไปช่วยเพื่อนในตอนนี้ ก็เกรงว่าคงจะต้องหมดลมหายไปเสียทั้งคู่ ไม่นานนักน้ำเหนือ ต้นกล้า คิม และผืนป่าก็มาถึง โนอาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ห้องน้ำ ห้องน้ำเก่า ทางนั้น” จากนั้นก็วิ่งนำคนอื่นไปที่ห้องน้ำทันที
เมื่อมาถึงห้องน้ำก็เจอผีนางรำกำลังบีบคอสกายอยู่ ผืนป่าก็พูดโพล่งออกมา
“นี่แหละ นางรำคนนี้แหละ ที่ผมเจอในป่า” ทุกคนหันขวับมองหน้าผืนป่าทันที จนลืมไปว่าตอนนี้ต้องสนใจสกายก่อน เพราะสกายดูเหมือนใกล้จะไม่ไหวและ ผืนป่าเลยพูดเรียกสติน้ำเหนือและคนอื่น
“พี่อย่าเพิ่งมองหน้าผม ช่วยพี่เขาก่อน” สิ้นเสียงคำพูดของผืนป่า ทุกคนก็หันความสนใจไปที่สกายทันที พบว่าตอนนี้สกายนั้นแน่นิ่งไปเสียแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีลมหายใจอยู่หรือเหล่า น้ำเหนือจึงก้าวเข้าไปอย่างช้า ๆ จนใกล้กับผีนางรำพอประมาณ ก่อนจะพูดเจรจากับผีนางรำ
“ผมรู้ว่าพวกผิดที่ไปลบหลู่คุณ แต่เดี๋ยวพวกผมจะเข้าไปขอขมาที่ศาลนะครับ”
“พวกมึงทุกคนต้องตาย” สิ้นคำ ผีนางรำก็หายไปทันที
หลังจากที่ผีนางรำหายไป สกายก็ร่วงไปกองอยู่ที่พื้น โนอาและผืนป่าจึงรีบวิ่งเข้าไปประคองร่างของสกายให้ยืนขึ้น และพาสกายกลับไปที่ห้องพักทันที เมื่อมาถึงห้องพัก ก็เจออันดาและจันจ้าวที่นั่งรออยู่เพียงแค่สองคน เพราะคนอื่น ๆ นั้นแยกย้ายกลับห้องตัวเองไปหมดแล้ว
ทันทีที่โนอากับผืนป่าวางร่างของสกายลงที่เตียง อันดากับจันจ้าวก็เข้าไปช่วยเช็ดตัวและทำแผลให้สกายทันที เนื่องจากมีรอยนิ้วมือที่คอและมีเลือดออกซิบ ๆ กว่าที่สถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติก็เกือบจะสามทุ่มเสียแล้ว เสียงทุ้มต่ำก็เอ่ยขึ้น
“อันดากับจันจ้าวไปพักเถอะ ไว้คุยกันพรุ่งนี้เช้า” พูดจบ น้ำเหนือก็เดินเข้าห้องน้ำไปทันที อันดาได้แต่ยืนมองตามแผ่นหลังของน้ำเหนือไป จนน้ำเหนือปิดประตูห้องน้ำไป อันดาจึงหันกลับมาที่ต้นกล้าและคิม
“งั้นเราไปก่อนนะ ถ้าพี่สกายมีไข้ตัวร้อน ก็คอยเช็ดตัวให้ด้วยล่ะ” จากนั้นอันดาก็เอากล่องยาไปเก็บ และเดินไปเรียกจันจ้าวกลับห้องพักพร้อมกัน เนื่องจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ถ้าอยู่คนเดียวอาจจะอันตรายเกินไป จึงจำเป็นจะต้องนอนรวมกันไปก่อน โดยที่แยกชายหญิงคนละห้อง