เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

พวกมึงลบหลู่กู - ตอนที่ ๑๑ พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก,ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พวกมึงลบหลู่กู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

อมายา

เรื่องย่อ

"น้องกูก็ตายแล้วนี่ไง พวกมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ หรือต้องให้กู้ตายอีกคน พวกมึงถึงจะพอใจ"


"ใช่ ถ้ามึงตาย แล้วได้สี่คนนั้นกลับมา มึงจะยอมตายมั้ย"


"..."


"เห็นมั้ย ตัวมึงเองยังไม่อยากตายเลย และสี่คนนั้นมันอยากตายเหรอ มึงคิดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความคิดตัวเอง แบบนี้เขาเรียกเห็นแก่ตัวว่ะ"



เพียงเพราะความปากพล่อยและความโผงผางของคนคนหนึ่ง ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน และกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนทุกคนต้องตามสืบเรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่จะได้รอดจากน้ำมือของผีตนนี้

สารบัญ

พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓๐ พวกมึงลบหลู่กู

เนื้อหา

ตอนที่ ๑๑ พวกมึงลบหลู่กู

ตอนที่ ๑๑
สกายที่เห็นสภาพของโนอาแล้ว ก็อดสงสารไม่ได้ สกายจึงค่อย ๆ หย่อนตัวลงไปจากเก้าอี้และโผล่เข้ากอดโนอาเอาไว้ ไม่นานโนอาก็เริ่มสงบลงแต่ยังคงถามหาน้องอยู่เช่นนั้น จนทำให้ปิ่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นั้นเกิดความสงสัยจึงได้กระซิบถามสกาย
“พี่กาย ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ตอนแรกก็ไม่เห็นจะสนใจอะไรตอนที่น้อง ๆ หายไป”
“ก็ไอนายน่ะเป็นน้องชายแท้ ๆ ของไอ้โนอา มันเหลือกันอยู่แค่สองคน พ่อแม่มันตายหมดแล้ว”
“หา จริงป่ะเนี่ย” สกายเพียงแค่พยักหน้าตอบรับ ก่อนจะหันกลับไปมองโนอาต่อ ปิ่นที่ได้ยินเช่นนั้นแล้ว ก็ตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะได้สติกลับมาและหันไปกระซิบบอกน้ำเหนือและอันดา
“มึงสองคนรู้มั้ย...ว่านายเป็นน้องชายแท้ ๆ ของพี่โนอาอะ” ทั้งสองได้ยินคำบอกเล่าของปิ่น ก็อ้าปากค้างนิ่งไปครู่ใหญ่ ขณะที่น้ำและอันดากำลังอึ้งกับคำพูดของปิ่นอยู่ พยาบาลสาวก็เดินตรงเข้ามาหาอันดา และบอกอันดาว่า
“รบกวนญาติเอาชุดใหม่มาให้หน่อยได้มั้ยคะ พอดีชุดเก่าของผู้ตายขาดหมดแล้วน่ะคะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวกลับไปเอามาให้นะคะ” ทว่าระหว่างที่อันดากำลังคุยกับพยาบาลสาวอยู่ โนอาก็พพุ่งตัวเข้าไปหาพยาบาลสาวทันที และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“น้องผมอยู่ที่ไหนเหรอครับ ผมขอไปหาน้องผมหน่อยได้มั้ย” พยาบาลสาวเงยหน้ามองทุกคนที่ยืนอยู่ ก่อนจะตอบรับคำขอของโนอา และพาโนอาเดินไปยังห้องที่เก็บร่างของนายเอาไว้
หลังจากที่โนอาเดินไปกับพยาบาลสาวแล้ว สกายจึงได้หมุนตัวกลับไปหาปิ่นและอัน
“เดี๋ยวพี่ไม่เอาชุดของนายให้นะ มีใครจะเอาอะไรมั้ย พี่จะได้เอามาทีเดียวเลย” ทุกคนส่ายหน้าปฏิเสธออกไป สกายกำลังจะหมุนตัวไปหยิบกุญแจที่วางอยู่ จู่ ๆ รามก็เอ่ยแทรกขึ้นมา
“เดี๋ยวกูกับไอจอมไปเอาให้เอง มึงพักอยู่นี่แหละ”
“เอางั้นเหรอ”
“เออ ให้พวกกูได้ช่วยบ้างดิวะ” สกายมองหน้ารามและจอมสลับกันไปมา เพราะรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วสกายก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกไป เพียงแต่ส่งกุญแจรถให้ทั้งสองคนไป
ทางด้านของรามและจอม หลังจากที่รับกุญแจรถตู้มาจากสกายก็ตรงไปที่ลานจอดรถ และขับรถออกไปทันที เนื่องจากทางโรงพยาบาลต้องรีบส่งร่างของนายกลับไปที่กรุงเทพฯ เพื่อทำพิธีตามศาสนา
โครม!!
สิ้นเสียงนั้นคนก็วิ่งกรูกันออกไปออกดูที่หน้าโรงพยาบาล ซึ่งสกาย น้ำเหนือ อันดาและปิ่นก็ได้ยินเสียงนั้นเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เนื่องจากใจยังคงจดจ่ออยู่ที่ห้องฉุกเฉิน
ทว่าจู่ ๆ มีชาวบ้านวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมกับตะโกนเรียกหมอและพยาบาลลั่นโรงพยาบาล ว่ามีรถตู้ถูกรถสิบล้อพุ่งชน สกายที่เผลอได้ยิน ก็หันขวับไปมองที่ชาวบ้านคนนั้นทันที ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปถาม
“พี่ครับ รถตู้ที่ว่านี่สีอะไร ทะเบียนอะไรนะครับ พี่พอจะเห็นมั้ย”
“สีขาวน่ะน้อง แต่ทะเบียนพี่ไม่แน่ใจ เพราะสภาพยับมาก” ชาวบ้านคนนั้นกำลังจะเดินออกไป แต่ก็หันกลับมาที่สกายราวกับฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
“เอ้อน้อง พี่เห็นว่าตราโรงแรมอะไรสักอย่างด้วยนะ เป็นภาษาอังกฤษอ่ะ” สกายที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ก่อนจะกล่าวขอบคุณชาวบ้านคนนั้นและเดินกลับไปหาน้ำเหนือ
“ไอเหนือ กูว่าเราไปดูรถชนที่หน้าโรงพยาบาลกันหน่อยมั้ย” สกายเอ่ยชวนด้วยสีหน้าเป็นกังวล ทว่าปิ่นนั้นสังเกตเห็นสีหน้าของสกายจึงได้ถามออกไปอย่างเป็นห่วง
“เป็นไรหรือเปล่าพี่ ทำไม่ทำหน้างั้นล่ะ”
“มีคนบอกว่ารถตู้โดนรถสิบล้อชนยับเลย พี่กลัวจะเป็นไอ้สองคนนั้น”
“งั้นไปดูกันเหอะ” ปิ่นเอ่ยพูด ก่อนจะเดินนำไปที่หน้าโรงพยาบาล
เมื่อทั้งสี่คนมาถึงหน้าโรงพยาบาล เห็นว่ามีคนมุงดูเต็มพื้นที่หน้าโรงพยาบาลจนทำให้มองไม่เห็นเหตุการณ์ ว่าเป็นรถตู้ของรามกับจอมใช่หรือใหม่
สกายด้วยความร้อนใจจึงได้เดินแทรกตัวเข้าไปจนได้เห็นภาพที่คาดไม่ถึง สกายยืนนิ่งอยู่กับที่ครู่หนึ่งพร้อมกับสายตาที่จดจ้องไปยังร่างไร้วิญญาณของรามและจอม ที่นอนแน่นิ่งรอให้อาสากู้ภัยนำผ้าขาวมาคลุม สกายทรุดตัวลงไปกองที่พื้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองกับภาพตรงหน้าที่เห็น
ทางด้านของน้ำเหนือ อันดา และปิ่นที่เพิ่งจะแทรกผ่านฝูงชนเข้ามาได้ ก็เห็นสกายนั้นทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้นแล้ว และสายตายังคงมองไปที่เหตุการณ์รถชนตรงหน้า ทั้งสามจึงได้มองตามสายตาของสกายไป ก็ต้องตกใจอย่างสุดขีด เนื่องจากสภาพของรามและจอมตอนนี้ช่างไม่น่าดูเสียเท่าไร
สภาพร่างกายของรามและจอม แขนขาต่างก็หักผิดรูปทั้งคู่ ทว่าในความเป็นจริง ถึงแม้รถตู้ที่โดนชนจะพังเละขนาดไหน ก็ไม่มีทางที่แขนขาของทั้งสองจะหักผิดแปลกเช่นนี้ได้
ดวงตาของสกายเริ่มมีหยาดน้ำตาไหลพรั่งพรูไม่ขาดสาย จนน้ำเหนือและปิ่นต้องเข้าไปพยุงสกายให้ยืนขึ้น และพาตัวสกายออกมาจากตรงนั้นเสียก่อน
เมื่อเดินฝ่าฝูงชนออกมาได้ สกายก็ปล่อยโฮออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปิ่นที่ไม่เคยเห็นสกายร้องไห้มาก่อน เมื่อได้เห็นแล้วก็อดที่จะสงสารไม่ได้ จึงได้เข้าไปสวมกอดสกายเอาไว้ จนเวลาไปผ่านราว ๆ หนึ่งชั่วโมงได้ สกายเริ่มสงบลง ในเวลาเดียวกันโนอาก็กลับมาจากที่ไปดูร่างของน้องชาย ก็ได้เห็นสภาพของสกายที่ดูไม่ต่างจากตนเสียเท่าไร จึงได้เอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย
“มึงเป็นอะไร สกาย”
“ไอรามกับไอจอม...มันตายแล้วโนอา” สกายปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง โนอาที่ได้ยินเช่นนั้นก็หยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ว่างอยู่ สกายเห็นว่าโนอาดูปกติราวกับไม่ได้เสียใจที่เสียเพื่อนทั้งสองไป
“มึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอวะไอ้โนอา มึงจะเสียใจแค่เฉพาะน้องมึงเหรอ” พูดจบ สกายขยับตัวลุกขึ้นและเดินออกไปทันที
ลึก ๆ แล้วโนอาก็เสียใจอยู่ไม่น้อยที่ต้องสูญเสียคนที่รักไปถึงสามคนพร้อม ๆ กัน โดยไม่ทันตั้งตัว ถึงแม้ไม่มีสักหยดน้ำตา แต่ภายในอกกลับตีบตันอย่างรู้สึกผิด นึกโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลา ที่ทำอะไรไม่คิดเช่นนี้ แต่แล้วในขณะที่ทุกคนกำลังเสียใจเรื่องรามกับจอมอยู่ ก็ได้รับรู้ข่าวร้ายเพิ่มเข้าอีก รุ่นน้องที่ยังอยู่ในห้องฉุกเฉินซึ่งก็คือมีนา ได้เสียชีวิตลงแล้วในเวลาสี่โมงเย็น
“ทำไมน้อง ๆ ต้องมาเจออะไรแบบนี้ เพราะพวกเราแท้ ๆ เลยอะ” หยาดน้ำใส ๆ เริ่มรินไหลจากดวงตากลมโตของอันดา น้ำเหนือทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบที่ไหล่อันดาเบา ๆ พร้อมกับพูดปลอบใจด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความเสียใจมากมายภายในใจ
“เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะ” อันดาค่อย ๆ เงยหน้ามองน้ำเหนือที่ตอนน้ำก็มีน้ำตาคลอเช่นกัน อันดาโผล่เข้าสวมกอดน้ำเหนือ และปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง
หลังจากนั้นน้ำเหนือและอันดา ก็ไปดำเนินการทำเรื่องส่งร่างของทั้งสี่คนกลับไปที่กรุงเทพฯ เสียก่อน แล้วจึงจะตามไปทำพิธีตามศาสนาที่หลัง ซึ่งมีนาเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง น้ำเหนือและอันดาจึงจะเป็นเจ้าภาพจัดงานศพให้มีนาทั้งหมด ส่วนนายก็ยังมีพี่ชายอยู่ซึ่งก็คือโนอานั่นเอง และอีกสองคนก็คือรามและจอม ทั้งสองคนเป็นเด็กกำพร้าเช่นเดียวกับมีนา สกายจึงอาสารับหน้าที่จัดงานศพให้ทั้งสองคนเอง
เมื่อทำเรื่องส่งร่างทั้งสี่คนกลับกรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว น้ำเหนือจึงได้ชวนทุกคนไปเยี่ยมจันจ้าวและผืนป่า แต่เมื่อน้ำเหนือเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าจันจ้าวนั้นฟื้นแล้ว และก็เห็นว่าจันจ้าวนั่งมองออกไปยังนอกหน้าต่างพร้อมมีหยาดน้ำใส ๆ รินไหลอยู่ตลอด อันดาเห็นเช่นนั้นจึงได้แทรกตัวผ่านน้ำเหนือเข้าไป
“ร้องไห้ทำไม กลัวเหรอ มานี่มา” อันดาดึงตัวจันจ้าวเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ไม่กี่นาทีจันจ้าวก็เงียบสงบลง
“เรื่องเพื่อนหนูทั้งสองคน ไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ยคะ...พี่อันดา” จันจ้าวเอ่ยถามด้วยความไม่อยากเชื่อกับสิ่งได้ยินมาจากพยาบาลเมื่อสักครู่ อันดาทำได้เพียงดึงจันจ้าวเข้ามากอดอีกครั้ง จากนั้นก็ร้องไห้โฮออกมาพร้อมกัน จนเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายนาที ทุกอย่างเริ่มกลับเป็นปกติ น้ำเหนือจึงตัดสินใจเอ่ยถามถึงเรื่องที่ทั้งสี่คนเจอในป่าเมื่อคืน
“จันจ้าว พี่ของถามอะไรหน่อยได้ หนูไม่อยากเล่าตอนนี้ก็ไม่เป็นไรนะ ไว้รอหนูพร้อมก่อนก็ได้ครับ” จันจ้าวส่ายหน้า ก่อนจะตอบกลับน้ำเหนือ
“พร้อมค่ะ หนูพร้อม”