เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

พวกมึงลบหลู่กู - ตอนที่ ๑๓ พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก,ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พวกมึงลบหลู่กู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

อมายา

เรื่องย่อ

"น้องกูก็ตายแล้วนี่ไง พวกมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ หรือต้องให้กู้ตายอีกคน พวกมึงถึงจะพอใจ"


"ใช่ ถ้ามึงตาย แล้วได้สี่คนนั้นกลับมา มึงจะยอมตายมั้ย"


"..."


"เห็นมั้ย ตัวมึงเองยังไม่อยากตายเลย และสี่คนนั้นมันอยากตายเหรอ มึงคิดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความคิดตัวเอง แบบนี้เขาเรียกเห็นแก่ตัวว่ะ"



เพียงเพราะความปากพล่อยและความโผงผางของคนคนหนึ่ง ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน และกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนทุกคนต้องตามสืบเรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่จะได้รอดจากน้ำมือของผีตนนี้

สารบัญ

พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓๐ พวกมึงลบหลู่กู

เนื้อหา

ตอนที่ ๑๓ พวกมึงลบหลู่กู

ตอนที่ ๑๓
“ทำบ้าไรวะเนี่ยพี่โนอา เดี๋ยวก็ตายห่าหรอก” น้ำเหนือตะคอกถามอย่างเสียงดังลั่นถนน แต่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง
“ไอ้นายมันอยู่ฝั่งนู้น เมื่อกี้มันกวักมือเรียกกู มึงไม่เห็นเหรอไอเหนือ” โนอาพูดพร้อมน้ำตาที่รินไหลอยู่ตลอดอย่างไม่ขาดสาย น้ำเหนือที่ได้เห็นสภาพของโนอาก็อดสงสารไม่ได้ จึงได้ประคองโนอายืนขึ้นและพาไปขึ้นรถตู้ เพื่อกลับโรงแรมพร้อมกัน
เมื่อโนอาก้าวขาขึ้นรถตู้ ทุกคนต่างก็จ้องมองโนอาด้วยสายตาสมเพชเวทนา เพราะโนอานั้นทำตัวเองทั้งหมด ถ้าโนอาไม่ห่วงแต่ภาพลักษณ์ของตัวเอง น้องชายและคนอื่น ๆ คงไม่ต้องจากไปแบบนี้
“พวกมึงไม่ต้องมองกูด้วยสายตาแบบนั้นก็ได้นะ กูรู้ว่ากูผิด” สิ้นคำ ทุกคนต่างก็เบือนหน้าหนีมองไปทางอื่นทันที แต่จู่ ๆ เกลก็พูดโพล่งขึ้นมา
“รู้ตัวก็ดี น่าจะเป็นพี่เนอะ ที่ตายแทนสี่คนนั้น” โนอาเดินขึ้นไม่นั่งข้างสกายด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ
จากนั้นรถตู้ก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้า ๆ แต่ทว่ารถยังเคลื่อนตัวไปได้ไม่เท่าไร รถเมล์ก็เสียหลักพุ่งมาจากฝั่งตรงข้าม แต่คนขับรถตู้นั้นหักพวงมาลัยหลบเข้าไปในซอยข้างหน้าได้ทัน จึงทำให้รถเมล์คันนั้นพุ่งตกลงไปในคลองข้างซอย และจมหายไปครึ่งคัน แต่ยังโชคดีที่รถเมล์คันไม่มีผู้โดยสาร มีเพียงคนขับรถกับกระเป๋ารถเมล์แค่สองคน และก็รอดมาได้ เพราะมีพลเมืองดีลงไปช่วยได้ทัน
“เป็นอะไรกันหรือเปล่าครับ ผมขอโทษด้วยนะครับ” คนขับรถหันกลับมาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดพร้อมกับสีหน้าที่ดูจะเป็นห่วงทุกคนบนรถมาก ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ เรากลับโรงแรมกันเถอะค่ะ” อันดาเอ่ยตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพราะกลัวว่าคนขับรถจะรู้สึกไม่ดีไปมากกว่านี้
จากนั้นรถตู้ก็ค่อย ๆ ถอยหลังออกจากซอย และขับตรงกลับโรงแรมทันที และเมื่อมาถึงโรงแรมอันดาและปิ่นได้พาน้องทั้งสองเข้าไปนอนพักที่ห้อง เพราะอาการของทั้งสองคนยังไม่ค่อยจะดีเสียเท่าไร ส่วนคนอื่น ๆ สกายได้ขอให้ไปคุยกันที่ห้องประชุมของโรงแรม
“อันดากับปิ่น ถ้าไปส่งน้องเสร็จแล้วก็มาเจอกันที่ห้องประชุมนะ จะได้คุยกันทีเดียว”
“ได้ค่ะ งั้นอันดากับปิ่นพาน้องไปพักก่อนนะ” สกายพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะเดินแยกกันไป
ทางด้านสกายและคนอื่นเมื่อเดินมาถึงห้องประชุม ก็ได้เข้าไปนั่งรอโดยที่ไม่มีการพูดคุยอะไรเลยสักคำ เพราะยังคงช็อกกับอุบัติเหตุเมื่อสักครู่อยู่ นั่งรอไม่นานอันดากับปิ่นก็เดินเข้ามา แต่ทว่าจันจ้าวกับผืนป่าก็เดินตามมาด้วย สกายและน้ำเหนือจึงจ้องมองด้วยความสงสัย
“น้องขอมาด้วยน่ะ” สกายมองหน้าปิ่นแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปหาน้องทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังอันดา
“ไหวใช่มั้ย ถ้าไม่ไหวบอกเลยนะ” จันจ้าวและผืนป่าพยักหน้าตอบรับโดยพร้อมเพรียงกัน สกายละสายตาจากน้องทั้งสองคน และหันมองหน้าทุกคนด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะกล่าวคำขอโทษ
“พี่ขอโทษนะ ถ้าไอโนอาไม่บอกว่ามีศาลไม้ พี่คงไม่หาเรื่องพวกทุกคนไปที่นั่น พี่ขอโทษ...” สกายยังพูดไม่ทันจบประโยค โนอาก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์
“แต่มึงเป็นคนพูดท้าทายเองเปล่าวะ โทษกูคนเดียวก็ไม่ถูกหรอกไอ้กาย”
“ก็ใช่ไง กูถึงได้ขอโทษทุกคนอยู่นี่ไง ตัวมึงเองเคยขอโทษคนอื่นบ้างหรือยัง และอีกอย่าง ถ้ามึงไม่บังคับให้ทุกคนเข้าไปตามหาไอ้ธงบ้าบออะไรนั่นน่ะ น้องสองคนก็คงไม่ต้องตายเปล่าวะ เพื่อนอีกสองคนก็ด้วย” โนอาทุบโต๊ะเสียงดังลั่นห้องประชุม พร้อมกับลุกขึ้นยืน
“น้องกูก็ตายแล้วนี่ไง พวกมึงยังไม่พอใจกันอีกเหรอ หรือต้องให้กูตายอีกคน พวกมึงถึงจะพอใจ”
“ใช่ ถ้ามึงตาย แล้วได้สี่คนนั้นกลับมา มึงจะยอมตายมั้ยล่ะ”
“...”
“เห็นมั้ย ตัวมึงเองยังไม่อยากตาย และสี่คนมันอยากตายเหรอ มึงคิดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความคิดตัวเอง แบบนี้เขาเรียกเห็นแก่ตัวว่ะ” โนอาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง และพูดขึ้นด้วยความโมโห
“แล้วทำไมมันต้องเอาชีวิตน้องกูไปด้วย กูไม่ได้ตั้งใจจะทำศาลมันพังซะหน่อย ” สิ้นเสียงของโนอา ทุกคนหันขวับโดยพร้อมเพรียงกัน แต่กว่าที่โนอาจะรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมาก็สายไปเสียแล้ว น้ำเหนือได้พุ่งตัวเข้าไปกระชากคอเสื้อโนอา
“มึงว่าไงนะ”
“กู...คื.อ...กู”
“คืออะไร มึงก็พูดออกมาดิวะ อ้ำอึ้งทำเหี้ยไร” ทุกคนที่มองอยู่ ต่างก็ตกใจไปตาม ๆ กัน แต่ที่ตกใจมากกว่าคนอื่นก็คือสกาย เพราะว่าไม่เคยเห็นน้ำเหนือในมุมที่โมโหขนาดนี้มาก่อน สกายจึงค่อย ๆ ถอยหลังไปยืนข้าง ๆ ปิ่น และได้กระซิบถาม
“พี่ต้องเข้าไปห้ามมั้ยวะ”
“พี่อยากโดนอีกคน...ก็เข้าไปเลย” สกายส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันที่ปิ่นและสกายกำลังกระซิบคุยกันอยู่ น้ำเหนือได้เอ่ยถามโนอาอีกครั้งด้วยน้ำราบเรียบราวกับว่ากำลังกดความโกรธเอาไว้อยู่
“กูถาม...ว่า...เมื่อกี้มึงพูดว่ายังไง” โนอายังคงนิ่งเงียบ ไม่ยอมหลุดปากพูดอะไรออกมาอีก ทำให้น้ำเหนือระเบิดความโกรธออกมา พร้อมกับเอ่ยถามอีกครั้ง ทว่าคราวนี้น้ำเสียงราบเรียบได้แปรเปลี่ยนเป็นการตะคอก
“เมื่อกี้มึงพูดว่าไง!” โนอาสะดุ้งเล็กน้อย พร้อมกับจ้องมองไปที่ใบหน้าของน้ำเหนือด้วยความตกใจและกลัว
“ก็...”
“ก็อะไร!”
“ก็ตอนแรกที่ไอกายมันไปพูดท้าทาย กูเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น กูกลัวเสียฟอร์มที่เป็นคนเปิดประเด็นเรื่องศาล กูกับพวกไอจอมไอราม แล้วก็ไอนายกับมีนา ลงไปท้าทายกันอีกรอบ แต่เผลอไปทำศาลล้ม...แต่กูก็ตั้งแบบเดิมแล้วนะเว้ย ไม่คิดว่ามันจะตามมาถึงที่นี่” โนอาพูดจบ น้ำเหนือก็คลายมือออกจากคอเสื้อโนอา และต่อยไปที่มุมปากของโนอาอย่างเต็มแรง ทำให้โนอานั้นร่วงลงไปกองที่พื้น พร้อมกับเลือดกบปาก สกายที่เห็นเช่นนั้นจึงได้รีบวิ่งเข้ามาดึงน้ำเหนือออกจากโนอาเสียก่อน ที่โนอาจะเจ็บหนักไปมากกว่านี้
“มึงแม่ง ไอฉิบหายเอ๊ย ทำเหี้ยไรไม่คิด มึงเห็นหรือยัง ผลที่ตามมามันเป็นยังไง” พูดจบ น้ำเหนือก็สะบัดมือสกายออกและพุ่งเข้าไปต่อยหน้าโนอาอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างไม่สบอารมณ์ อันดาที่เห็นว่าน้ำเหนือเดินออกไปแล้ว จึงได้รีบวิ่งตามไป
ทางด้านของโนอา ขณะที่กำลังจะลุกขึ้น ก็โดนสกายต่อยไปที่หน้าอีกหนึ่งครั้งจนร่วงลงไปกองกับพื้นเช่นเดิม ก่อนจะถามอย่างไม่สำนึกกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป
“อะไรอีกวะ แค่นี้ยังไม่พอหรือไง”
“มันไม่พอหรอกไอ้โนอา กับสิ่งที่มึงลากคนอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เชิญมึงแก้ปัญหาเอาเองแล้วกันนะ กูไม่มีเพื่อนแบบนี้ว่ะ” สกายเดินไปคว้าแขนปิ่นและเดินออกจากประชุมตามน้ำเหนือไป ส่วนคนอื่นก็มองโนอาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอือมระอาและผิดหวัง ก่อนจะเดินตามสกายออกไป
“กูผิดขนาดนั้นเลยเหรอวะ” โนอาพูดงึมงำอยู่คนเดียว พร้อมกับยกมือขึ้นมาเช็ดเลือกที่มุมริมฝีปาก จากนั้นโนอาค่อย ๆ ประคองตัวเองลุกขึ้นยืน และเดินไปนั่งที่ขอบเวทีและได้กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง ไม่นานก็เริ่มมีหยาดน้ำใส ๆ รินไหลออกมาจากดวงตา
“พี่ขอโทษนะไอนาย พี่ไม่น่าทำแบบนั้นเลยว่ะ พี่น่าจะคิดถึงแกให้มากกว่านี้ พี่ขอโทษจริง ๆ ไว้พี่จะรีบกลับไปหานะ” พูดจบโนอาก็ก้มหน้าลงพร้อมกับมีหยาดน้ำตาร่วงสู่พื้นเม็ดแล้วเม็ดเล่า