เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

พวกมึงลบหลู่กู - ตอนที่ ๑๘ พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก,ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พวกมึงลบหลู่กู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

อมายา

เรื่องย่อ

"น้องกูก็ตายแล้วนี่ไง พวกมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ หรือต้องให้กู้ตายอีกคน พวกมึงถึงจะพอใจ"


"ใช่ ถ้ามึงตาย แล้วได้สี่คนนั้นกลับมา มึงจะยอมตายมั้ย"


"..."


"เห็นมั้ย ตัวมึงเองยังไม่อยากตายเลย และสี่คนนั้นมันอยากตายเหรอ มึงคิดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความคิดตัวเอง แบบนี้เขาเรียกเห็นแก่ตัวว่ะ"



เพียงเพราะความปากพล่อยและความโผงผางของคนคนหนึ่ง ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน และกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนทุกคนต้องตามสืบเรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่จะได้รอดจากน้ำมือของผีตนนี้

สารบัญ

พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓๐ พวกมึงลบหลู่กู

เนื้อหา

ตอนที่ ๑๘ พวกมึงลบหลู่กู

ตอนที่ ๑๘
หลังจากที่ทั้งสี่คนเห็นกลุ่มควันดำลอยอยู่กลางอากาศ ก็รีบวิ่งขึ้นบ้านทันที และไม่ออกจากห้องนอนอีกเลย จนถึงรุ่งเช้า เวลาประมาณเจ็ดโมงเช้า ทั้งสามคนล่ำลาครอบครัวของจันจ้าวแล้วรีบขับรถกลับหอพักทันที เนื่องจากทั้งสามคนมีเรียนแปดโมงเช้า
แต่เมื่อขับรถมาถึงหน้าหอพัก ก็เจอน้ำเหนือและเพื่อนสองคนยืนรออยู่ อันดาจึงขับรถเข้าไปจอด และเดินออกมาหาน้ำเหนือ พร้อมกับเอ่ยถามด้วยความแปลกใจและสงสัย
“มาทำไรกันแต่เช้าเลย” แต่ทว่าน้ำเหนือไม่ได้สนใจคำถามของอันดาเสียเลย แต่ยังเอ่ยถามกลับอันดาเสียอย่างนั้น
“ไปไหนมาเหรอ?” อันดาหันมองหน้าเพื่อนสาวทั้งสองคน ก่อนจะหันกลับมาตอบคำถามของน้ำเหนือ
“อ๋อ...ไปส่งน้องสองคนมา เห็นว่าดึกแล้ว...เลยนอนบ้านจันจ้าวอะ”
“...”
“เป็นไรหรือเปล่า โกรธเหรอที่มารอนาน เราลืมบอกน่ะ”
“...”
“ไม่พูด ก็ไม่พูด งั้นเราไปอาบน้ำเตรียมตัวไปเรียนก่อนแล้วกัน” อันดาหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในตึกหอพักทันที
เพื่อนสาวทั้งสองที่เห็นสถานการณ์ตรงหน้า ก็ได้แต่เกาหัวอย่างงุนงง ว่าทั้งสองคนเป็นอะไรกันแน่ ก่อนจะวิ่งตามอันดาเข้าไปในตึก หลังจากที่สามสาวเข้าไปในตึก ต้นกล้าที่ยืนสังเกตการณ์ และเห็นสถานการณ์ทุกอย่าง ก็เกิดสงสัยในความสัมพันธ์ของน้ำเหนือและอันดา จึงได้ถามออกไป
“มึงสองคนเป็นอะไรกัน”
“เปล่า ไม่ได้เป็นไร กูแค่เป็นห่วง ที่เขาไม่บอกพวกเราก่อนไง เกิดเป็นไรขึ้นมาจะทำไง”
“ไม่บอกพวกเรา หรือเขาไม่บอกมึงกันแน่ ไม่บอกเขาไปวะ ว่ารักเขามาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว” ในเวลาเดียวขณะที่ต้นกล้าและน้ำเหนือกำลังคุยกันอยู่ สกายและโนอาก็เดินตรงมาที่ทั้งสาม ก่อนสกายจะเอ่ยพูดขึ้น
“เออจริง ทำให้มันชัดเจนหน่อยดิ วันนั้นอุตส่าห์บอกชอบเขาไปแล้ว”
“พี่ได้ยินด้วยเหรอ”
“ครับ กูยืนแอบอยู่เสาข้างหลังมึงนานแล้ว มึงไม่เห็นจริงดิ” น้ำเหนือส่ายปฏิเสธสกายเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองถนนด้วยแววตาที่คาดเดาได้ยากว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในหัว
“เออพวกมึง เมื่อวานตอนกำลังกลับบ้านกูเจอ...”
“ใช่ ใช่มั้ย” โนอาเอ่ยถามสีหน้าตื่นกลัว ชายหนุ่มสี่คนรวมถึงโนอาก็ได้พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน สกายที่เห็นว่าทุกคนเจอเหมือนกัน จึงได้คิดถึงหญิงสาวทั้งสามคน และรุ่นน้องอีกสองว่าจะเจอเหมือนกันมั้ย
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังยืนคุยกัน อันดาและเพื่อนก็เดินลงมา แต่อันดากลับเดินผ่านหน้าน้ำเหนือไปโดยที่ไม่สนใจอะไร จนมาถึงถนน อันดาหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ เพื่อรอข้ามถนนไปฝั่งมหาวิทยาลัย ทว่าน้ำเหนือที่เดินตามมา ได้จับมืออันดาและจูงมืออันดาข้ามถนนไปจนถึงทางเข้ามหาวิทยาลัย
“ปล่อยได้แล้ว เราจะไปเรียน”
“เดี๋ยวสิ คุยกันก่อน เมื่อกี้ขอโทษ...ที่เงียบใส่”
“...”
“อันดา” ทันทีที่น้ำเหนือเอ่ยเรียกชื่อ อันดาก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา เห็นว่าเลยเวลามาเยอะแล้ว จึงได้เงยหน้ามองน้ำเหนือ
“เหนือ ไว้ค่อยคุยกันนะ สายแล้ว ไปเรียนกันก่อน” อันดาคว้าแขนน้ำเหนือ และวิ่งตรงไปที่ห้องเรียนทันที น้ำเหนือที่โดนลากมา ก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แค่วิ่งตามอันดาไปจนมาถึงหน้าห้องเรียน มาถึงก็พบว่าอาจารย์ที่สอนวิชานี้ยังไม่มา อันดาจึงได้ยืนพักด้วยความเหนื่อยหอบ
“เฮ้อ โชคดีนะที่อาจารย์ยังไม่เข้า โอ๊ยเหนื่อย”
“งั้นเข้าไปนั่งก่อนมั้ย เดี๋ยวไม่มีที่นั่งนะ”
“ไปสิ เหนือเดินนำไปเลย” เนื่องจากทั้งแปดคนมาสายเลยทำให้ต้องแยกกันนั่ง ตามที่ที่ยังว่างอยู่ โดยที่น้ำเหนือนั่งกับอันดาอยู่ที่มุมห้อง คิมและต้นกล้านั่งด้านหน้าสุดติดกับโต๊ะอาจารย์ ส่วนสกาย ปิ่น เกล และโนอานั่งอยู่ท้ายสุดของห้อง
ล่วงเลยไปจนถึงเลิกเรียน เวลาราว ๆ บ่ายโมงครึ่ง น้ำเหนือและอันดาเดินออกมาจากห้องก่อนเพื่อนคนอื่น ๆ จึงได้เจอเข้ากับจันจ้าวและผืนป่าที่นั่งรออยู่หน้าห้อง ทางด้านจันจ้าวที่เห็นอันดาและน้ำเหนือเดินออกมา ก็รีบลุกพรวดพราดเดินตรงไปหาทั้งสองคนทันที พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“พี่อันดา หนูว่าพวกเรามีเรื่องต้องคุยกันแล้วแหละ” อันดากับน้ำเหนือมองหน้ากัน เพราะรู้สึกได้ว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ ๆ
“โอเคจ้ะ งั้นรอเพื่อนพี่ออกมาก่อน...แล้วเดี๋ยวเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่าเนอะ” พูดจบ อันดาก็หันกลับไปมองที่ประตูห้อง เพื่อจะดูว่าเพื่อน ๆ ออกมาแล้วหรือยัง และก็เห็นว่าเพื่อน ๆ กำลังเดินออกมาพอดี จึงชวนน้องทั้งสองคนเดินเข้าไปหาคงจะไวกว่า เพราะตอนนี้ทั้งปิ่น สกาย เกล และต้นกล้ามัวแต่คุยกับเพื่อนคนอื่น ๆ ในขณะอยู่ จนไม่สังเกตเห็นว่ามีคนยืนรออยู่ อันดาจึงตัดสินใจเอ่ยเรียกทั้งสี่คน
“นี่...ทั้งสี่คน ไปกันเถอะ น้องสองคนมีอะไรจะคุยด้วย” ต้นกล้าหันมองหน้าอันดา และกำลังจะอ้าปากบ่นอันดา แต่น้ำเหนือเดินตามหลังอันดามาพอดี ต้นกล้าที่กำลังจะอ้าปาก ก็ต้องค่อย ๆ ปิดปากไปอย่างสงบเสงี่ยม ก่อนจะหันไปบอกกับสามคนที่ยังคงยืนคุยอยู่อย่างไม่สนใจ พร้อมกับชี้นิ้วไปทางน้ำเหนือ
“พวกมึงเลิกคุยก่อนดิ้ เห็นมันเนี่ย...พี่คนข้างหลังเขาจะแดกหัวอยู่แล้ว ไป”
จากนั้นอันดาก็เดินนำไปที่ศาลาหน้าตึกขณะ แต่ระหว่างที่อันดาเดินอยู่คนเดียวหน้าสุด น้ำเหนือก็รีบวิ่งไปเดินเคียงคู่กับอันดา อันดาที่เห็นน้ำเหนือวิ่งมาอยู่ข้าง ๆ ก็นึกได้ว่าน้ำเหนือมีอะไรจะคุยกับเธอเมื่อเช้าที่ผ่าน จึงได้หยุดเดินและหันไปถามน้ำเหนือ
“เออ เมื่อเช้าเหนือจะคุยอะไรกับเราเหรอ”
“เอ่อ...คือ..ว่า”
“ว่าอะไร?” น้ำเหนือหมุนตัวหันมองหน้าอันดา ก่อนจะหลับตาลง และตะโกนออกมา
“เป็นแฟนกันนะอันดา” เพื่อน ๆ และน้องทั้งสองที่เดินตามมา รวมถึงคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้น ต่างก็หยุด ยืนมองและลุ้นไปกับน้ำเหนือ ว่าจะสมหวังหรือไม่
“ฮะ อะไรเนี่ย ไม่สบายเหรอเหนือ” น้ำเหนือยังคงหลับตาปี๋อยู่ ไม่กล้าสบตาอันดา อันดาที่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างเอ็นดู และคิดว่าจะแกล้งน้ำเหนือเสียหน่อย
“ฮึ ไม่อ่ะ” น้ำเหนือที่ได้ยินคำตอบ ก็รีบตาขึ้นทันที ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหงอย ๆ พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง
“อ่าว ทำไมล่ะ เราชอบอันดามาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วนะ” อันดาค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะเอ่ยตอบ
“ไม่ปฏิเสธไงต่างหากล่ะ” น้ำเหนือกระโดดดีใจโผล่เข้ากอดอันดาทันที ส่วนคนที่ยืนมองอยู่แถวนั้นต่างก็ร้องโห่แซวด้วยความยินดี และดีใจไปกับน้ำเหนือ
“เหนือ...พอแล้ว เราหายใจไม่ออก”
“ขอโทษ...ดีใจมากไปหน่อย” อันดาได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู ที่เห็นน้ำเหนือทำตัวเหมือนเด็กแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนจะเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่ค่อยแสดงออกเสียเท่าไร หลังจากที่ดีใจกันมากพอแล้ว ก็เดินต่อไปที่ศาลา และเมื่อหย่อนก้นนั่งลงได้ไม่ถึงเสี้ยววินาที จันจ้าวก็พูดทันที
“แม่หนูบอกว่า เมื่อคืนเขายืนอยู่หน้าบ้านตลอดเลยนะพี่อันดา” กลุ่มชายหนุ่มที่เกิดความสงสัยว่าใครกันที่ยืนอยู่หน้าบ้านจันจ้าวตลอดทั้งคืนเช่นนี้ สกายจึงเป็นตัวแทนเอ่ยถามความสงสัยนี้
“ใครเหรอ?”
“ผีนางรำไงพี่ เขายังตามพวกเราอยู่นะ พวกพี่ไม่เจอกันเหรอ หนูกับพวกพี่อันดายังเจอเลยนะ” สกายมองหน้าน้ำเหนือและโนอาสลับกัน ก่อนจะหันหน้ากลับมามองจัน ทว่าจู่ ๆ สกายก็เอ่ยพูดขึ้นมา
“เชี่ย! งั้นแสดงว่าเขาไม่ยอมรับคำขอโทษเหรอวะ” ปิ่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ตอบกลับคำถามของสกายอย่างไม่สบอารมณ์ พร้อมเหลือบมองโนอาที่นั่งนิ่งเงียบอยู่
“ไปทำเขาขนาดนั้น เขาคงจะให้อภัยอยู่หรอกคุณพี่สกาย”
“แล้วเราจะทำไงกันดีวะ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ มีหวังได้ตามสี่คนนั้นไปแน่” ทันทีที่สกายพูดจบ อันดาก็พูดโพล่งขึ้นมาทันที
“เราต้องกลับไปที่นั่น” น้ำเหนือที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พูดแทรกขึ้นมาทันที
“แบบนั้นมันจะยิ่งอันตรายหรือเปล่าอันดา”
“แต่ถ้าเราปล่อยไว้แบบนี้ เราก็ต้องตายกันหมดเลยนะเหนือ” น้ำเหนือครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้
“เรามีเรียนออนไลน์กันพอดี งั้นพวกเราไปตามหาลุงกับป้าเจ้าของบ้านกันดีกว่า”
“เอาตามที่ไอเหนือว่าเลยก็ได้ กูว่านะ...ลุงกับป้าต้องรู้อะไรบ้างแหละ” สกายเสริมคำพูดของน้ำเหนือ
“งั้นเดินทางคืนนี้เลยแล้วกันนะ” จากนั้นน้ำเหนือก็ได้นัดแนะเวลากับทุกคน โดยจะออกเดินทางเวลาเที่ยงคืน และเดินทางโดยรถตู้ของบ้านสกายซึ่งคนขับก็คือชินอีกเช่นเคย แต่จู่ ๆ ขณะที่น้ำเหนือกำลังนัดเวลาอยู่ จันจ้าวก็พูดแทรกขึ้นมา
“แต่บ้านหนูอยู่ไกลมากเลยนะพี่ ถ้ากลับไปแล้วมาอีกรอบคงไม่น่าไหว” ทุกคนนิ่งเงียบและคิดว่าจะเอายังดี เพราะว่าทางไปบ้านของจันจ้าวและผืนป่านั้นคนละทางที่จะไปจังหวัดลำปาง และถ้าวนรถไปรับน้องทั้งสองก็อ้อมไกลมาก ๆ ทำให้เสียเวลาเพิ่มไปอีก ทว่าอันดาก็ได้เสนอทางออกให้กับน้องสองคน
“งั้นเดี๋ยวคุยกันจบตรงนี้ พี่พาเราสองคนไปเก็บของ แล้วจันจ้าวมานอนห้องพี่ก่อน ส่วนผืนป่าไปนอนห้องพี่เหนือได้มั้ย” จันจ้าวและผืนป่าหันหน้าคุยกัน ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยตอบอันดา
“ได้ครับ เอาตามที่พี่อันดาว่าเลยก็ได้ครับ”
ผ่านไปสักพักก็ได้แยกย้ายกันไปเก็บของ อันดาขอให้เพื่อนสาวทั้งสองช่วยเก็บของให้ ส่วนตัวเองนั้นจะพาน้องทั้งสองไปเก็บของที่บ้าน แต่จู่ ๆ น้ำเหนือก็เดินเข้ามาหา และได้ขออาสาขับรถพาน้องสองคนไปเก็บของให้ ซึ่งอันดาก็ตกลง จากนั้นก็แยกย้ายกันไปเก็บของเตรียมตัวเดินทางในเที่ยงคืนนี้
เวลาล่วงเลยไปจนราว ๆ ห้าทุ่มครึ่ง โนอาและกลุ่มของน้ำเหนือก็ได้มายืนรอที่หน้าหอพักของอันดาแล้ว ไม่นานหญิงสาวสี่คนก็เดินลงมา เหลือเพียงแค่สกายกับรถตู้ที่ต้องใช้ในการเดินทางครั้งนี้ ไม่นานนักรถตู้ก็ขับเข้ามาจอดตรงหน้าทั้งเก้าคน ชินได้เปิดประตูรถลงมาช่วยเก้าคนยกกระเป๋าเก็บที่หลังรถ เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็ออกรถและมุ่งหน้าสู่จังหวัดลำปางโดยทันที