เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด
ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก,ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่ ๑๙
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงก็เข้าสู่ภาคเหนือ ต่อมาราว ๆ เก้าโมงเช้าก็มาถึงจังหวัดลำปาง ไม่นานก็ถึงสถานที่ที่ยางระเบิดในคราวที่แล้ว และจุดที่รถยางระเบิดก็คือหน้า หมู่บ้านกางจ้อง นั่นเอง จากนั้นทั้งสิบคนก็ขนข้าวของสัมภาระลงจากรถตู้ทันที และกะว่าจะที่พักแถวนี้อยู่ก่อน เนื่องจากถ้าเข้าไปพักในเมือง เกรงว่าจะไม่สะดวกในการเดินทางเสียเท่าไร เพราะชินหรือคนขับรถต้องกลับกรุงเทพฯ ไปทำงานของเขาต่อ หลังจากที่ทุกคนเอาของลงจากรถเรียบร้อย ชินก็ขับรถออกไปทันทีโดยไม่ล่ำลาสกายสักคำ ทำเอาสกายนั้นยืนเกาหัวด้วยความงุนงง
“อะไรของเขาวะน่ะ นึกจะไปก็ไปเลย” สกายส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะยกกระเป๋าเข้าไปหลบที่ศาลาริมทาง เนื่องจากเมฆสีดำก่อตัวเป็นรูปร่างน่ากลัว บ่งบอกว่าถึงพายุฝนที่กำลังจะมาในไม่ช้านี้ ถ้ายังยืนอยู่มีหวังฝนตกลงมา เก็บของหลบไม่ทันเป็นแน่
“ต้อนรับได้ดีเลยเนอะ” ปิ่นพูดประชดประชัน
เพราะทันทีที่สกายเดินเข้ามาหลบในศาลา สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา พร้อมกับลมพายุพัดแรงจนต้นไม้โอนเอนไปมา ทั้งสิบคนทำได้เพียงแค่นั่งหลบอยู่ในศาลาเพื่อรอให้ฝนหยุดตก และจึงจะออกไปที่บ้านหลังนั้นได้ เนื่องจากถนนทางเดินเข้าไปที่บ้านหลังนั้นเป็นถนนดินลูกรัง และเป็นทางเดินเล็ก แถมข้าง ๆ เป็นคลองน้ำใหญ่ ถ้าเดินเข้าไปตอนที่ฝนกำลังเทกระหน่ำลงมาอยู่แบบนี้ คงจะมีใครสักคนลื่นและลงไปนอนอยู่ในคลองแน่ ๆ
ฝนตกหนักราว ๆ ชั่วโมง จากนั้นฝนก็ซาลง แต่ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มอยู่ และก็ได้หยุดตกไปเกือบ ๆ เที่ยง ทว่าท้องฟ้าก็ยังคงมืดครึ้มอยู่เช่นเดิม น้ำเหนือเห็นฝนหยุดตกแล้ว จึงได้ชวนเพื่อน ๆ เดินทางไปที่บ้านหลังนั้น เพราะถ้าจะรอให้ฟ้าสว่างก็จะช้าเกินไป
“ไปกันเถอะทุกคน เดี๋ยวฝนจะตกลงมาอีก เราจะไม่ได้อะไรกันนะวันนี้” พูดจบ ก็ยกกระเป๋าเป้ขึ้นใส่หลังตัวเอง ก่อนจะหันหน้าไปหาอันดา
“ไปกัน” อันดาพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มหวานกลับไป และเดินเคียงคู่กับน้ำเหนือนำไปก่อน คนอื่น ๆ ก็รีบแบกกระเป๋าใส่หลัง และเดินตามทั้งสองคนไป
ผ่านไปสักพักก็มาถึงหน้าบ้านไม้หลังเดินที่ทุกคนเคยเข้าไปลบหลู่ ทุกคนกำลังยืนมองเข้าไปในตัวบ้านอยู่ เผื่อว่าจะเจอลุงกับป้าเจ้าของบ้าน จะได้ถามให้รู้แล้วรู้รอด และจะได้รีบแก้ไขเรื่องราวนี้ให้จบสิ้นเสียที ทว่ากลับไม่พบใครในบ้านเลยสักคน มีเพียงแต่ความว่างเปล่า
ขณะที่ทุกคนจ้องมองเข้าไปในตัวบ้าน ก็ชายหญิงสองคนเดินเข้ามาจากด้านหลัง ทำเอาทั้งสิบคนตกใจจนสะดุ้งตัวโยนกันเลยทีเดียว ก่อนจะตั้งสติและมองดูคนสองคนที่เดินเข้ามาให้ดี ก็พบว่าเป็นลุงกับป้าเจ้าของบ้านนั่นเอง ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก สกายที่ยืนอยู่คนสุดท้าย ก็ได้หันไปหาลุงกับป้า
“โห่ ป้ากับลุงเองเหรอครับ พวกผมตกใจหมด”
“ป้าขอโทษจ้ะ แล้วพวกหนูมาทำอะไรกันเหรอ”
“พวกผมมาหาลุงกับป้าแหละครับ” ลุงกับป้าหันมองหน้ากันครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองทุกคนคน แต่จู่ ๆ น้ำเหนือก็เดินแทรกตัวไปยืนต่อหน้าป้ากับลุง
“ที่บ้านหลังนี้มีอะไรกันแน่ครับ ทำให้ป้าถึงให้พวกผมเข้ามานอนที่นี่ครับ” ป้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะทำตัวปกติเช่นเดิม พร้อมกับตอบกลับน้ำเหนือด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ไม่มีอะไรนะจ๊ะ ป้าแค่สงสารพวกหนูเฉย ๆ”
“จะไม่มีได้ไงครับ พวกผมเจอกันทุกคน เพื่อนผมก็ตายไปตั้งสี่คนแล้วนะครับป้า ป้าบอกพวกเราเถอะนะครับ”
“ใช่ค่ะ ป้าบอกพวกเรามาเถอะนะคะ” อันดาแทรกตัวมายืนเคียงข้างน้ำเหนือ และได้เสริมคำพูดของน้ำเหนือ ทั้งสองยังคงจ้องมองหน้าลุงและป้าเจ้าของอย่างไม่ลดละ จนกว่าจะได้คำตอบจากปากของลุงกับป้า ทว่าป้ากลับยืนนิ่งเงียบ ไม่ยอมปริปากพูดแม้แต่คำเดียว แต่เหมือนว่าลุงจะทนไม่ไหวที่ป้าไม่ยอมพูดเสียที จึงตัดสินใจเอ่ยพูดออกมาเอง
“ถ้าอย่างนั้นไปคุยกันที่บ้านลุงเถอะ เดี๋ยวลุงจะเล่าให้ฟังเอง”
จากนั้นลุงก็เดินนำทั้งสิบคนกลับไปทางหมู่กางจ้อง ที่ทั้งสิบคนเพิ่งเดินมาเมื่อสักครู่ ลุงกับป้าเดินเข้าไปในหมู่บ้านจนเกือบจะท้ายหมู่บ้าน ก็ได้มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านไม้หลังใหญ่หลังหนึ่ง ลุงกับป้าเดินเข้าในในบ้าน ทั้งสิบคนเดินตามเข้าไปก็เจอเข้าภาพถ่ายของนางรำคนหนึ่ง
น้ำเหนือกับจันจ้าวที่เคยเห็นใบหน้าของผีนางรำ ก็ต้องตกใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้เห็นภาพถ่ายที่ติดอยู่กับผนังบ้านของลุงกับป้า ทั้งสองคนจึงหันมองหน้าแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปที่ภาพถ่ายใบนั้น ทั้งสองคนจดจ่อสายตาไปที่ภาพถ่ายอย่างไม่ละสายตา เพื่อนคนอื่น ๆ เอ่ยเรียกทั้งสองคนอยู่นาน กว่าจะได้สติกลับมา
“หนูรู้จักเหรอจ๊ะ” ป้าเอ่ยถามพร้อมกับขอบตาเริ่มแดงคล้ายคนจะร้องไห้
“ถ้าผมบอก...ป้าจะเชื่อมั้ยครับ”
“จ้ะ”
“ผีนางรำที่พวกผมเจอ...หน้าเขาเหมือนคนในรูปนี้เลยครับ” ป้าตาเบิกโพลง ทรุดตัวลงไปกองกับพื้นทันทีที่ได้ยินคำตอบของน้ำเหนือ พร้อมกับปล่อยโฮออกมา จนลุงต้องเข้าไปกอดปลอบ และพาป้าขึ้นไปนอนพักที่ชั้นสอง ก่อนจะเดินกลับลงมาหาทุกคนที่ชั้นล่าง
“มานั่งก่อน เดี๋ยวลุงจะเล่าให้ฟัง ว่าคนในรูปเป็นใคร” ทั้งสิบคนเดินไปนั่งเก้าอี้ข้าง ๆ ลุง และสกายก็ได้เอ่ยถามเป็นคนแรก
“เขาเป็นใครเหรอครับ”
“ลูกสาวลุงเองชื่อ...” ลุงได้เล่าต่อว่าลูกสาวชื่อ ดาหลา เป็นนางรำอยู่คณะนางรำใกล้ ๆ หมู่บ้าน หรือก็คือที่บ้านไม้หลังนั้นที่ทุกคนได้เข้าไปนอนเมื่อหลายวันก่อน ดาหลาเป็นคนที่รำสวยมาก และยังมีใบหน้าสวยหวานละไมดั่งนางในวรรณคดี ผิวขาวผ่องนวลเนียนไร้ที่ติ ดาหลาไม่ค่อยได้กลับบ้านเสียเท่าไร เพราะต้องอยู่ซ้อมรำที่คณะตลอด แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งคณะนางรำก็ประกาศเลิกกิจการและขายบ้านหลังไม้หลังนั้น แต่ว่าดาหลาไม่ได้กลับมาที่บ้าน และจากวันนั้นก็ไม่มีใครเจอดาหลาอีกเลย จนถึงทุกวันนี้ แต่ตลอดที่ตามหาดาหลา ก็มักจะมีคนบอกว่าเจอดาหลาอยู่ที่บ้านหลังนั้นบ่อยครั้ง แต่ไม่ได้เจอแบบเป็นคนปกติ ป้าไม่เชื่อว่าลูกสาวจะเสียชีวิตไปแล้วมาหลอกคนแถวนั้น จนได้มาเจอกลุ่มของน้ำเหนือที่รถยางระเบิดอยู่หน้าหมู่บ้าน ประกอบกับกำลังหาที่พักอยู่ด้วย ป้าจึงอยากลองดูว่าจะเจอดาหลาเหมือนที่คนอื่นพูดกันหรือไม่ แต่ก็ไม่กล้ากลับมาถามทุกคน เพราะกลัวคำตอบที่จะได้ยิน ลุงเล่ามาถึงตรงนี้ก็หยุดเงียบ และนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“เรื่องที่ลุงรู้ก็มีแค่นี้ แต่ลุงทำใจได้นานแล้วแหละ ว่าดาหลาคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แต่ว่าลุงก็ไม่เคยเจอหรอกนะ ได้ยินแต่คนอื่นเขาพูดกัน” ทุกคนจ้องมองหน้าลุงด้วยความสงสารที่ต้องมาเจอเรื่องราวแบบนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จู่ ๆ ลุงก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“เออแล้วนี่พักที่ไหนกันล่ะ”
“ยังไม่มีเลยครับลุง กะว่าจะหาแถวนี้แหละครับ” น้ำเหนือตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่แฝงไปด้วยความกังวล เนื่องจากอีกไปกี่ชั่วโมงก็จะมืดแล้ว ไม่รู้จะหาที่นอนได้หรือไม่ แต่เหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างน้ำเหนือและเพื่อน ๆ อยู่ไม่น้อยเมื่อลุงได้เอ่ยปากชวน
“งั้นนอนกันที่นี่แล้วกัน แถวนี้ไม่มีหรอก จะมีก็แต่บ้านหลังนั้นนั่นแหละ” สกายรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันทีทันใด จากนั้นลุงก็ได้หันไปถามน้ำเหนืออีกว่า
“เออแล้วที่มานี่ มาทำอะไรกันอีกล่ะ หรือเพราะ...ดาหลา” น้ำเหนือได้แต่พยักหน้าตอบรับเบา ๆ
“งั้นก็ตามสบายนะ ห้องนอนอยู่ซ้ายมือนะ มีสองห้อง” พูดจบ ลุงก็เดินขึ้นบ้านไปทันที ทุกคนก็ได้เดินเอากระเป๋าไปเก็บในห้อง และเนื่องจากว่าฟ้ายังไม่มืด เลยตกลงกันว่าจะออกไปถามกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ด้วยเผื่อว่าจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมมาบ้าง
หลังจากที่เก็บของเสร็จ น้ำเหนือก็ได้บอกให้ทุกคนแยกกันไปเป็นคู่เช่นเดิม และขอให้กลับมาเจอกันก่อนห้าโมงเย็นเท่านั้น เพราะกลัวว่าถ้ามืดไปมากกว่านี้อาจจะเกิดอันตรายอะไรขึ้นอีก
“ใครจะไปกับใครก็แบ่งกันไปนะ ส่วนกูจะไปกับอันดา” สกายที่เดินออกมาจากห้อง ก็ได้ยินคำพูดของน้ำเหนือ จึงได้พูดแซวออกไป
“แหม ข้าวใหม่ปลามันก็แบบนี้แหละเนอะทุกคน” ทุกคนได้แต่ยืนหัวเราะกับคำพูดของสกาย ปิ่นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ได้พูดแซวคำพูดของสกายต่อ
“แหม เราก็คำพูดโบราณเชียวนะ เออแต่ลืมไป พี่แก่แล้วนี่เนอะ” ปิ่นแลบลิ้นใส่สกาย และวิ่งหนีไปใส่รองเท้ารอที่หน้าบ้าน ส่วนคนอื่น ๆ ก็เดินตามหลังมา และก็ได้แยกกันไปคนละทาง
ทั้งสิบคนได้แยกกันเป็นคู่ ซึ่งก็คือ น้ำเหนืออันดา สกายปิ่น เกลโนอา ต้นกล้าคิม และจันจ้าวกับผืนป่า คู่ของน้ำเหนือและสกายนั้นเดินไปทางเดียวกัน แต่ได้แยกกันไปถามคนละบ้าน ส่วนคู่อื่นก็เดินแยกกันไปอีกทางหนึ่ง