เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด
ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก,ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่ ๒๑
รุ่งเช้า ณ ห้องนอนของชายหนุ่มหกคน
“เอาไงกันครับวันนี้” สกายเอ่ยพูดขึ้นขณะที่กำลังสวมกางเกงขายาวไปด้วย น้ำเหนือที่เดินเข้ามาพอดี จึงได้เอ่ยตอบ
“เราไปตามหาเจ้าของที่เป็นคณะนางรำกันมั้ย ผมว่าเขาน่าจะรู้อะไรบ้างแหละ”
“เออว่ะ ทำไมกูคิดไม่ได้วะ มึงนี่ฉลาดนะไอเหนือ”
“ธรรมดาว่ะพี่ แฟนสวยนะ”
“มึงนี่เอาใหญ่ ตั้งแต่มีแฟนนี่เปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน”
ในเวลาเดียวกันขณะที่น้ำเหนือและสกายกำลังคุยกันอยู่ จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามาด้วยเสียงเรียกใส ๆ ของหญิงสาวอยู่ที่หน้าห้อง น้ำเหนือที่คิดว่าเป็นอันดา เลยรีบคว้าเสื้อยืดสีขาวพาดบ่าและเปิดประตูออกไปหาอันดาทันที แต่ทว่าคนตรงหน้ากลับไม่ใช่อันดา แต่เป็นจันจ้าวนั่นเอง
“อ่าว พี่น้ำเหนือ พอดีเลย พี่อันดาให้มาเรียกพวกพี่ไปกินข้าวค่ะ”
“ได้...เดี๋ยวพวกพี่ตามไปนะ” น้ำเหนือตอบกลับด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง ก่อนจะสวมเสื้อและเดินตามจันจ้าวไปที่โต๊ะอาหาร ก็เห็นอันดากำลังยกจานกับข้าวมาวางที่โต๊ะอยู่ น้ำเหนือได้แต่มองอันดาด้วยสายตาแห่งความน้อยใจ
ทางด้านอันดาที่ไม่ทันสังเกตว่าน้ำเหนือนั้นผิดปกติไป จึงไม่ได้สนใจน้ำเหนือ และเดินไปยกจานกับข้าวต่อ น้ำเหนือก็ได้แต่นั่งหน้างอคอหักอยู่คนเดียว จนสกายนั้นเดินมาเห็นพอดีเลยถามออกไปด้วยความเป็นห่วง
“เป็นไรวะ หน้างอเป็นปลาทูแม่กลองเลยมึง”
“แฟนไม่สนใจอะพี่”
เพียะ! เสียงฝ่ามือของสกายที่ยกขึ้นมาตบหัวน้ำเหนือ ทันทีที่ได้ฟังคำตอบของน้ำเหนือ
“ไอ้เหนือ ไอควาย มึงเห็นมั้ยเขาทำอะไรอยู่ ไอ้เวร ไร้สาระสิ้นดี”
“พี่ไม่มีแฟน พี่ไม่เข้าใจหรอก”
“ผีเข้ามึงเปล่าไอ้เหนือ กูไม่เคยเห็นมึงเป็นแบบนี้ เชี่ย...ขนลุก”
“เปล่า ไม่ได้ผีเข้า แค่เป็นคนที่มีแฟน” น้ำเหนือลอยหน้าลอยตาใส่สกาย ทำให้สกายโมโหมาก
“กำลังจะมีแล้วเว้ย” สกายตบไปที่ไหล่ของน้ำเหนืออย่างเต็มแรง น้ำเหนือก็ตบไหล่กลับ ไป ๆ มา ๆ ทั้งสองง้างมือกำลังจะต่อยกัน แต่ทว่าคนที่นั่งอยู่ไม่ได้ลุกขึ้นห้ามปรามทั้งสองคนเลย แต่ยังคงนั่งหัวเราะชอบใจอยู่กับที่ตัวเอง
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังเถียงกันอยู่ อันดาและปิ่นก็เดินออกมาจากห้องครัว พร้อมกับจากข้าวพอดี ก็ได้เห็นภาพที่ทั้งสองคนกำลังง้างมือจะต่อยกัน อันดาและปิ่นจึงรีบวางจานข้าวลง และเดินไปยืนอยู่ที่หลังเก้าอี้ของทั้งสองคน แต่ทั้งสองคนไม่ได้สนใจอะไรเลย เอาแต่เถียงกันไปมาอยู่เช่นนั้น จึงไม่สังเกตว่าอันดาและปิ่นยืนอยู่ข้างหลัง จนปิ่นเริ่มทนไม่ไหว เลยพูดปรามออกไป
“อีกนานมั้ย”
“ใครมายุ่งวะ อยากโดนอีกเหรอ” สกายพูดจบ ก็หันขวับไปมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง น้ำเหนือก็เช่นเดียวกัน จึงได้เห็นว่าอันดาและปิ่นนั้นยืนมองอย่างคาดโทษอยู่ ทั้งสองคนค่อย ๆ ยกมือไหว้โดยพร้อมเพรียงกัน ปิ่นจึงได้เอ่ยพูดด้วยเสียงแข็ง แต่อันดากลับยืนมองหน้านิ่ง ๆ แต่ทว่าความโกรธในแพร่ไปทั่วทั้งใบหน้า
“จะกินกันมั้ยข้าว ไม่กินก็ออกไปรอข้างนอก” สกายรีบหันหน้ากลับเข้าโต๊ะอาหารทันที พร้อมกับตอบด้วยเสียงแผ่วเบาราวกระซิบพูด
“กินครับ” สิ้นเสียง อันดาและปิ่นก็เดินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้ามทั้งสองคน จากนั้นทั้งสองคนก็นั่งกินข้าวด้วยความสงบเสงี่ยมเรียบร้อยราวกับเด็กน้อยที่เพิ่งโดนแม่ดุ
ระหว่างที่กำลังกินข้าวกันอยู่ ป้าสายใจกับลุงสมคิดก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี อันดาจึงหันหน้าไปชวนท่านทั้งสองคนมากินข้าวด้วยกัน ลุงสมคิดกับป้าสายใจเลยเดินมาร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน
ทว่าลุงสมคิดกลับสังเกตเห็นว่าสถานการณ์ดูจะเงียบผิดปกติ และเหมือนจะตึงเครียดมาก ๆ เสียด้วย ลุงสมคิดได้สะกิดแขนป้าสายใจให้มองดูกลุ่มเด็กนักศึกษาตรงหน้า ป้าสายใจได้สังเกตมองตามที่ลุงสมคิดบอก ก็พบว่าเงียบผิดปกติจริง ๆ ลุงสมคิดจึงตัดสินใจเอ่ยถามออกไป
“เป็นอะไรกันหรือเปล่า ทำไมดูเงียบ ๆ เมื่อกี้ยังได้ยินเสียงคุยกันอยู่ หรือเกรงใจข้าสองคน” ไม่มีใครเอ่ยปากตอบคำถามของลุงสมคิด อันดาจึงได้เป็นตัวแทนตอบคำถามของลุงสมคิด
“ก็ส่วนหนึ่งค่ะคุณลุง แต่อีกส่วน...” อันดานิ่งเงียบ ไม่ได้พูดต่อ แต่สายตาจ้องมองไปที่น้ำเหนือและสกาย
“ลุงเข้าใจแล้วล่ะ กินกันต่อเถอะ”
หลังจากที่ทุกคนกินข้าวเสร็จแล้ว อันดากับปิ่นรับหน้าที่เก็บกวาดและล้างจาน ส่วนคนอื่นได้ไปนั่งคุยกับลุงสมคิดและป้าสายใจที่สวนหลังบ้านหมดแล้ว เว้นแต่เพียงสองชายหนุ่มที่ยังคงนั่งมองหญิงสาวสองคนที่กำลังล้างจานอยู่
อันดากำลังจะหันไปเช็ดโต๊ะอาหาร ก็เจอเข้ากับสองหนุ่มที่ยังอยู่ พร้อมกับสีหน้าสำนึกผิด แต่เธอก็ไม่ได้สนใจที่พูดอะไรด้วย จนเช็ดโต๊ะเสร็จก็หันไปช่วยปิ่นล้างจานต่อ อันดาจึงได้เอ่ยพูดขึ้นขณะที่มือกำลังล้างจานอยู่ด้วย
“มานั่งรออะไร ทำไมไม่ไปนั่งคุยกับคนอื่นที่สวน”
“ไม่เป็นไรครับ รอไปพร้อมกัน”
“ไม่ต้อง!” เมื่อได้ยินน้ำเสียงของอันดา น้ำเหนือรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ครับ” และได้หันไปกระซิบกระซาบกับสกาย
“ไปดิ รอไร เดี๋ยวก็โดนอีกหรอก” ทั้งสองรีบลุกพรวดพราดและเดินออกไปนั่งรวมกับคนอื่น ๆ ที่สวนหลังบ้าน
ผ่านไปไม่นาน อันดาและปิ่นก็เดินไปนั่งร่วมวงด้วย ก่อนจะมองดูเวลา เห็นว่าสิบโมงกว่าแล้ว จึงได้เอ่ยชวนทุกคนออกไปหาข้อมูลเรื่องราวของดาหลาอีกครั้ง ทั้งหมดจึงได้ขอตัวและเดินออกมารวมกันที่หน้าประตูรั้วบ้าน เมื่อมายืนรวมกันแล้ว ปิ่นจึงได้พูดขึ้นด้วยเสียงเรียบนิ่ง
“จะเอายังไง คิดกันมาหรือยัง” สกายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบยกมือขึ้นมาพร้อมพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า
“คิดมาแล้วครับ” คนอื่นยกเว้นปิ่นและอันดา ได้หลุดขำออกมา เพราะตลกกับการกระทำของสกายที่ดูจะกลัวปิ่นเอามาก ๆ
“ยังไง”
“พี่คุยกับไอเหนือ ว่าจะตามหาเจ้าของที่เป็นคณะนางรำครับ”
“อือ เอาตามนั้นแหละ ไปแยกย้าย”
อันดาเห็นว่ามีบ้านหลังหนึ่งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปจากบ้านของลุงสมคิดและป้าสายใจ อันดาเดินนำน้ำเหนือไปทางท้ายหมู่ ก็เจอบ้านหลังหนึ่ง และมีหญิงวัยกลางคนกำลังกวาดหน้าบ้านอยู่ อันดาจึงได้เอ่ยเรียกหญิงวัยกลางคน
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ พอดีเรามีเรื่องจะสอบถามนิดหน่อย พอจะมีเวลามั้ยคะ” หญิงวัยกลางคนวางไม้กวาดลง และเดินมาเปิดประตูรั้ว เพื่อคุยกับทั้งสองคน
“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะหนู”
“หนูมีเรื่องจะสอบถามคุณป้าหน่อยได้มั้ยคะ แต่ถ้าไม่สะดวกไม่เป็นไรนะคะ”
“ได้จ้ะ ๆ เข้ามาก่อน” หญิงวัยกลางคนเปิดประตูให้กว้างขึ้น เพื่อให้ทั้งสองเดินผ่านเข้าไปในบ้านได้
“เชิญนั่งก่อนจ้ะ...ว่าแต่มีเรื่องอะไรกันเหรอจ๊ะ”
“คุณป้า...พอจะทราบเรื่องเกี่ยวกับคนที่ชื่อดาหลามั้ยคะ” หญิงวัยกลางคนมีอาการตกใจเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาทำตัวปกติเช่นเดิม
“พวกหนูอยากรู้เรื่องดาหลาไปทำไมเหรอจ้ะ”
“พวกหนูกำลังตามหาเขาอยู่น่ะค่ะ”
“ป้าก็พอรู้อยู่บ้างน่ะ พอดีป้าเคยทำงานที่คณะนั้น...ที่ดาหลาเคยเป็นนางรำอยู่น่ะ”
“คุณป้าพอจะเล่าให้ฟังได้มั้ยคะ ว่าทำไมพี่ดาหลาถึงหายตัวไป”
“ได้จ้ะ...”
หญิงวัยกลางคนได้เล่าว่า ในตอนที่เธอเข้ามาทำงานเป็นแม่บ้านคอยดูเรื่องชุด และเครื่องรำต่าง ๆ ของดาหลา หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นคนดูแลดาหลานั่นเอง ทำให้ได้รับรู้เรื่องราวชีวิตของดาหลามาอยู่บ้าง หญิงวัยกลางคนหรือที่คนในคณะนางรำเรียกกันป้าส้ม ป้าส้มได้รู้มาว่าดาหลามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกเจ้าของคณะ ซึ่งทางป้าส้มเองก็ไม่เคยเห็นหน้าคร่าตาของชายคนนั้นเลยสักครั้ง มีแต่ดาหลาคอยมาเล่าปรับทุกข์ให้ฟังว่า แฟนหนุ่มไม่ค่อยใจเธอเท่าไร แถมยังแอบไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเกินเลยกับเพื่อนสนิทของเธออีกด้วย จนครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าดาหลา ดาหลาได้มาเล่าให้ป้าส้มฟังว่า พี่สาวของแฟนหนุ่มของเธอได้มาบอกให้เธอเลิกยุ่งกับแฟนหนุ่ม เพราะแฟนหนุ่มของเธอกำลังจะแต่งงานกับเพื่อนสนิทของเธอ ซึ่งวันนั้นดาหลาร้องห่มร้องไห้ปานจะขาดใจตาย แต่ป้าส้มก็ทำได้แค่นั่งปลอบใจดาหลาอยู่ข้าง ๆ ดาหลาได้พูดจาเป็นลางไม่ค่อยดีเสียเท่าไร เธอบอกกับป้าส้มว่า “จะไปแล้วนะ” แต่ในตอนนั้นป้าส้มไม่ได้สนใจคำพูดของดาหลา จนวันรุ่งขึ้นดาหลาไม่ได้มาซ้อมรำเหมือนทุก ๆ วัน ซึ่งมันผิดปกติมาก เพราะดาหลาเป็นคนที่ไม่เคยขาดซ้อมเลยแม้แต่วันเดียว เพราะรักในการร่ายรำเป็นอย่างมาก จนมาถึงทุกวันนี้ตัวป้าส้มเองก็ยังไม่รู้ดาหลาหายตัวไปไหน ในตอนแรกป้าส้มก็คิดว่าดาหลาคงจะเสียใจเลยหนีไปพักใจอยู่ต่างจังหวัด แต่ดาหลาก็ไม่กลับมาเสียที ป้าส้มเลยไปถามหากับพ่อแม่ของดาหลา ก็พบว่าดาหลายังไม่เคยกลับมาที่บ้านแล้วแม้แต่ครั้งเดียว ตั้งแต่วันที่ไม่ได้มาซ้อมรำ เล่ามาถึงตรงนี้ป้าส้มขอบตาเริ่มแดง น้ำตาคลอเบ้า อันดาขยับตัวเข้าไปใกล้ป้าส้มพร้อมกับกุมมือของป้าส้มเอาไว้
“ไม่เป็นไรนะคะป้า พวกหนูจะช่วยตามหาพี่ดาหลาให้เองนะคะ ป้าพักผ่อนเถอะค่ะ พวกหนูขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่เล่าให้ฟังด้วยนะคะ” ป้าส้มยิ้มให้อันดา ก่อนจะเดินนำไปส่งอันและน้ำเหนือที่หน้าประตู
เมื่อออกมาจากบ้านของป้าส้มแล้ว อันดาได้ยืนรอให้ป้าส้มกลับเข้าบ้านไปเสียก่อน จึงค่อยเดินกลับบ้าน ไม่นานก็เดินมาถึงบ้าน เนื่องจากว่าบ้านป้าส้มและบ้านลุงสมคิดกับป้าสายใจอยู่ไม่ห่างกันมากนัก จึงเดินไม่กี่นาทีก็ถึงกันแล้ว แต่เพื่อนคนอื่น ๆ ยังไม่ได้กลับมา ทั้งสองคนเลยมานั่งคุยเล่นกับลุงสมคิดและป้าสายใจที่สวนหลังบ้านรอคนอื่น ๆ กลับมา