เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

พวกมึงลบหลู่กู - ตอนที่ ๒๒ พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก,ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พวกมึงลบหลู่กู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

อมายา

เรื่องย่อ

"น้องกูก็ตายแล้วนี่ไง พวกมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ หรือต้องให้กู้ตายอีกคน พวกมึงถึงจะพอใจ"


"ใช่ ถ้ามึงตาย แล้วได้สี่คนนั้นกลับมา มึงจะยอมตายมั้ย"


"..."


"เห็นมั้ย ตัวมึงเองยังไม่อยากตายเลย และสี่คนนั้นมันอยากตายเหรอ มึงคิดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความคิดตัวเอง แบบนี้เขาเรียกเห็นแก่ตัวว่ะ"



เพียงเพราะความปากพล่อยและความโผงผางของคนคนหนึ่ง ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน และกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนทุกคนต้องตามสืบเรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่จะได้รอดจากน้ำมือของผีตนนี้

สารบัญ

พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓๐ พวกมึงลบหลู่กู

เนื้อหา

ตอนที่ ๒๒ พวกมึงลบหลู่กู

ตอนที่ ๒๒
เวลาราว ๆ ห้าโมงเย็น อันดาเห็นว่าเพื่อน ๆ กลับมาแล้ว จึงได้ลุกขึ้นเดินไปหาปิ่นที่เดินเข้าพร้อมกับเกลและจันจ้าว ก่อนจะชวนทั้งสามเข้าห้องนอนไป ปล่อยให้ชายหนุ่มทั้งหกคนยืนงุนงงอยู่ เมื่อสี่สาวปิดประตูไปแล้ว สกายเลยเดินไปหาน้ำเหนือที่นั่งอยู่สวนหลังบ้านกับลุงสมคิมและป้าสายใจ
“เหนือ...กูมีอะไรจะคุยด้วย” ป้าสายใจที่กำลังจะกลับเข้าบ้านพอดี เพราะเห็นว่าฟ้าเริ่มจะมืด จึงได้เอ่ยบอกกับทั้งสองคน
“ตามสบายเลยนะจ๊ะ ป้ากับลุงจะเข้าบ้านพอดี”
“ครับผม” สกายตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะหันกลับมามองที่น้ำเหนือด้วยสีหน้าจริงจัง
“กูว่าอันดากับปิ่นโกรธมึงกับกูอยู่แน่เลยว่ะ เขาไม่คุยกับกูเลยสักคำ”
“ผมก็เหมือนกัน ไปขอโทษเขามั้ย” สกายพยักตอบรับอย่างเห็นด้วย จากนั้นทั้งสองก็เดินกลับเข้ามาในบ้าน เพื่อรอให้อันดากับปิ่นและคนอื่น ๆ ออกมาจากห้อง
ไม่นานปิ่นและคนอื่น ๆ ก็เปิดประตูออกมา น้ำเหนือและสกายที่นั่งรออยู่ก็เงยหน้ามอง พบว่าทั้งสี่คนแค่เข้าไปเปลี่ยนชุดเฉย ๆ แต่สกายดันพูดทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต จนน้ำเหนือนั้นเป็นกังวลร้อนอกร้อนใจ ปิ่นที่เปิดประตูเดินออกมาก่อนคนอื่น ๆ ก็เห็นว่ามีชายหนุ่มสองคนนั่งรออยู่ที่หน้าห้อง
“รออะไรกัน” สกายมองหน้าน้ำเหนืออย่างเลิ่กลั่ก ก่อนจะหันไปตอบปิ่น
“เปล่าครับ แค่หิวข้าวเฉย ๆ น่ะ”
“งั้นก็ไปรอที่อื่น อย่ามาเกะกะขวางทางตรงนี้” ชายหนุ่มทั้งสองคนรีบเดินไปรอที่โซฟาทันที แต่ทว่าสายตายังคงเหลือบมองหญิงสาวทั้งสองคนอยู่ตลอดอย่างไม่คาดสายตา
ผ่านไปสักพัก จันจ้าวและเกลได้เดินไปเก็บผักที่สวนหลังบ้าน ทำให้ภายในครัวจะเหลือเพียงแค่อันดาและปิ่น สกายที่เห็นเช่นนั้นจึงสบโอกาสชวนน้ำเหนือเดินเข้าไปหาหญิงสาวสองคนที่กำลังทำอาหารอยู่ เดินมาถึงน้ำเหนือค่อย ๆ เดินเข้าไปโอบกอดอันดาจากด้านหลัง พร้อมกับเอ่ยคำขอโทษ
“เหนือขอโทษนะครับอันดา สัญญาว่าจะไม่ทะเลาะพี่สกายอีกแล้วครับ”
“...”
“จะไม่ทะเลาะกันอีกแล้วจริง ๆ นะ ตอนนี้รักกันมากเลยด้วย”
“...”
“จะไม่คุยกับเราจริง ๆ เหรอ” อันดายังคงทำอาหารต่อไปอย่างเงียบ ๆ ไม่พูดไม่ตอบคำถามของน้ำเหนือเช่นเคย ไม่นานน้ำเหนือก็ปล่อยกอดออกจากอันดา ก่อนจะหันไปกอดสกายและหอมแก้มไปหนึ่ง พร้อมกันเรียกให้อันดาดูการกระทำของตน
“นี่เห็นมั้ย เรากับพี่สกายรักกันจะตาย เนอะพี่สกาย” สกายตกใจ มองหน้าอย่างคาดโทษ ก่อนจะหันไปพูดเสริมน้ำเหนือ
“อือ...จริง อย่างที่ไอ้เหนือว่าเลยครับ” ปิ่นและอันดายังคงทำอาหารต่อ โดยไม่สนใจชายหนุ่มทั้งสองคนที่กำลังยืนกอดกันอยู่ จนเกลและจันจ้าวเดินกลับเข้ามาเห็น จึงได้พูดแซวทั้งสองคน
“อ่าว...เหนือ มึงเลิกกับอันดา มาคบกับพี่สกายแล้วเหรอวะ” น้ำเหนือและสกายรีบปล่อยกอดจากกันทันที ทางด้านเกลและจันจ้าวที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่นห้องครัว
น้ำเหนือและสกายต้องเดินคอตกออกไปอย่างผิดหวังที่ง้อหญิงสาวทั้งสองคนไม่สำเร็จ แต่ทว่าสองชายหนุ่มไม่รู้อะไรเลย ว่าหญิงสาวกำลังแกล้งทั้งคู่อยู่ เพราะในตอนที่อันดาดึงผู้หญิงทุกคนเข้าไปในห้องนอน อันดาได้บอกกับทุกคนว่าจะแกล้งน้ำเหนือและสกาย โดยที่ไม่ว่าทั้งสองคนจะขอโทษหรือง้อด้วยวิธีไหนก็ตาม อันดาและปิ่นก็จะไม่พูดด้วย เนื่องจากอยากจะดัดนิสัยที่ชอบทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ผ่านไปครู่ใหญ่ทั้งสี่คนก็ทำอาหารจนเสร็จ และได้ยกออกมาวางที่โต๊ะเช่นเดิม อันดาได้ให้จันจ้าวไปเรียกพวกผู้ชายมากินข้าว ส่วนตัวอันดาจะขึ้นไปตามลุงสมคิดกับป้าสายใจที่ชั้นสองเอง ไม่นานทุกคนก็มานั่งที่โต๊ะจนครบทุกคน ขณะที่ทุกคนกำลังตักข้าวเข้าปาก จู่ ๆ ป้าสายใจก็ร้องไห้ออกมา ทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็งุนงงไปตาม ๆ กัน ก่อนที่ป้าสายใจจะเอ่ยพูดพร้อมกับน้ำตาที่อาบแก้มทั้งสองข้าง
“ป้าขอบคุณพวกหนูทุกคนมาก ๆ เลยนะที่เข้ามาในชีวิตลุงกับป้า ทำให้ชีวิตลุงกับป้ามีชีวิตชีวากลางเมื่อก่อนมาก ๆ ตั้งแต่ที่ดาหลาหายตัวไป” อันดายกมือขึ้นมาปาดน้ำให้ป้าสายใจ และเอ่ยพูดกับป้าสายใจด้วยรอยยิ้มสดใส
“ป้าอย่าร้องสิคะ เดี๋ยวพวกหนูร้องตามกันหมดนะเนี่ย” อันดาพูดจบ ก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเฮฮาของทุกคน ตลอดการนั่งกินข้าว บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสุขที่เปี่ยมล้นอยู่ในใจของคู่สามีภรรยาที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ
เวลาล่วงเลยไปจนเกือบสามทุ่ม ลุงสมคิดกับป้าสายใจได้ขอตัวขึ้นไปนอนก่อน ทำให้ที่โต๊ะอาหารเหลือเพียงแค่หนุ่มสาววัยรุ่นทั้งสิบคน สกายจึงเอ่ยเปิดประเด็นขึ้นมา ทำให้ทุกคนที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานต้องเงียบและหันมองสกาย
“ทุกคนได้เรื่องว่าไงกันบ้างอะ” น้ำเหนือที่นั่งอยู่ได้เอ่ยตอบเป็นคนแรก
“ผมกับอันดาพอได้เรื่องมาอยู่ แต่เดี๋ยวให้อันดาเล่าให้ฟังแล้วกัน” จากนั้นอันดาก็ได้เล่าเรื่องราวที่ได้ฟังมาจากป้าส้มให้ทุกคนได้ฟัง เมื่อทุกคนได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็มีตกใจและอึ้งเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าดาหลาจะเจอเรื่องแบบนี้ และต้องแบกรับเอาไว้คนเดียวมาโดยตลอด พออันดาเล่าจบ ก็ได้ถามในส่วนของคนอื่น ๆ ว่ามีใครเจอหรือได้อะไรมาบ้าง แต่ก็ไม่มีใครได้เรื่องอะไรเพิ่มเติมกลับมาเลย และอย่างที่บอก ชาวบ้านส่วนใหญ่ดูจะกลัวการพูดถึงดาหลามาก จึงไม่มีใครอยากพูดถึง
“พรุ่งนี้เราไปที่บ้านไม้หลังนั้นกันเถอะ เผื่อจะเจออะไรบ้าง วันนี้ก็พอแค่นี้แล้วกันนะ แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ” พูดจบ อันดาก็ลุกเก็บของและเดินเข้าห้องไปทันที ส่วนคนอื่นก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำนอน
น้ำเหนือที่กำลังจะอ้าปากเรียกอันดา แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะอันดาเดินเข้าห้องปิดประตูไปเสียก่อน ทำได้เพียงแค่หน้าหงอย คอตกอยู่ที่โต๊ะอาหารคนเดียว เนื่องจากสกายนั้นเพิ่งเดินตามไปง้อปิ่นที่โซฟาหน้าทีวี น้ำเหนือจึงต้องนั่งอยู่เพียงคนเดียว แต่แล้วจู่ ๆ อันดาก็เปิดประตูห้องออกมาอย่างเบามือ ทำให้น้ำเหนือนั้นไม่ได้ยิน และไม่รู้ว่าอันดาเดินมายืนอยู่ด้านหลัง เนื่องจากน้ำเหนือนั่งหันหลังให้ห้องนอนของอันดา อันดาเดินไปนั่งข้าง ๆ แตน้ำเหนือคิดว่าเป็นสกาย จึงได้เอ่ยถาม
“ง้อได้แล้วเหรอพี่ ปิ่นมันยอมคุยแล้วไง๊” อันดาเห็นว่าน้ำเหนือเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นสกาย จึงได้แกล้งดัดเสียงพูดให้คล้ายกับเสียงผู้ชาย เพื่อแกล้งน้ำเหนือ
“ได้แล้ว”
“เฮ้ย! อันดา...หายโกรธเราหรือยังอะ”
“อือ นานแล้ว แค่อยากแกล้งเล่นเฉย ๆ เห็นชอบทะเลาะกันดีนัก”
“โห่...เสียใจอะ” อันดาจับหน้าน้ำเหนือให้เงยหน้ามองเธอ ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“โอ๋ ๆ น๊า” น้ำเหนือได้แต่ส่งยิ้มหวานให้อันดา ก่อนจะสังเกตเห็นว่าอันดาหอบเสื้อผ้าออกมาด้วย
“จะไปอาบน้ำเหรอ ให้เราไปรอมั้ย ดึกแล้ว” อันดาเพียงพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะเดินนำน้ำเหนือไปที่ห้องน้ำ น้ำเหนือที่ยืนรอเล่นโทรศัพท์รออยู่ที่หน้าห้องน้ำ ก็รู้สึกว่าสถานการณ์คุ้น ๆ น้ำเหนือเลยเก็บโทรศัพท์และกวาดสายตามองสำรวจไปรอบ ๆ จนสายตาได้ไปหยุดอยู่ที่รั้วหน้าบ้านเช่นเดิม ก็เจอเข้ากับผีดาหลายืนมองเข้ามาที่ตัวเองอยู่ น้ำเหนือกำลังจะเคาะประตูเรียกอันดา แต่ทว่าผีดาหลากลับพูดอะไรบางอย่างออกมา และถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลกันพอสมควร แต่เสียงพูดนั้นได้แว่วมาตามลม ทำให้น้ำเหนือพอจะรู้ได้ว่าผีดาหลาพูดอะไรกับตน
“ช่วยฉันด้วย เขากำลังจะกลับมาแล้ว” จากนั้นผีดาหลาค่อย ๆ เลือนหายไป
อันดาที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นน้ำเหนือยืนตาค้างมองตรงไปยังหน้าบ้าน อันดาจึงเดินเข้าไปจับแขนน้ำเหนือเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง
“เป็นอะไรหรือเปล่าเหนือ เห็นอีกแล้วเหรอ”
“อือ...ใช่ พี่ดาหลาบอกว่า ช่วยฉันด้วย เขาจะกลับมาแล้ว”
“เขา? ใครเหรอ”
“ไม่รู้เหมือนกัน ไว้คุยกันพรุ่งนี้ดีกว่าเนอะ วันนี้เข้าบ้านก่อนเถอะ” ทั้งสองคนเดินกลับเข้าบ้านไป ก็พบว่าเพื่อน ๆ นั้นเข้านอนกันหมดแล้ว ทั้งสองคนเลยแยกย้ายกันเข้าห้องตัวเองไป
รุ่งเช้า น้ำเหนือและอันดาตื่นก่อนคนอื่น ทั้งสองรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะออกไปที่บ้านไม้หลังนั้น และอันดาได้ขอให้ป้าสายใจบอกกับเพื่อน ๆ ว่าให้ตามไปที่หลังได้เลย จากนั้นน้ำเหนือและอันดาก็ตรงไปบ้านหลังนั้นทันที และที่ทั้งสองคนต้องรีบไปก่อนคนอื่น ๆ ก็เป็นเพราะคำพูดของดาหลาที่น้ำเหนือได้ยินเมื่อคืน
แต่เมื่อทั้งสองคนเดินมาถึงทางเข้าของบ้านหลังนั้น ก็เจอรถยนต์สีดำดูหรูหราเป็นอย่างมากจอดอยู่ แต่ทั้งสองคนไม่ได้สนใจอะไร และได้ผ่านรถยนต์คันนั้นเข้าไปตามทางเดิน ผ่านไปไม่นานทั้งสองคนก็เดินมาถึงบ้านไม้ แต่ทว่ากลับเจอหญิงสาวหน้าตาสวยยืนอยู่ที่หน้าบ้าน พร้อมกับมีสีหน้าที่ดูจะเศร้าสร้อยเป็นอย่างมาก อันดาและน้ำเหนือเลยเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวคนนั้น
“สวัสดีค่ะ”
“...” หญิงสาวคนนั้นยังคงเหม่อมองเข้าไปในบ้าน ราวกับไม่รู้ว่ามีคนอีกสองคนยืนอยู่
“เอ่อ คุณคะ มาหาใครหรือเปล่าคะ บ้านนี้ไม่มีใครอยู่หรอกนะคะ”
“ฉันรู้ แล้วพวกเธอเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่”
“พวกหนูมาตามคำพูดของพี่ดาหลาน่ะค่ะ แล้วพี่ล่ะคะ” ที่อันดาพูดออกไปเช่นนั้น เพียงเพราะอยากจะลองเชิงว่าหญิงสาวคนนี้จะเป็นคนที่ดาหลาพูดถึงหรือไม่ แต่ทว่าหญิงสาวคนนั้นกลับมีอาการลุกลี้ลุกลน มองซ้ายมองขวา คล้ายกับคนหวาดระแวง กลัวอะไรบางอย่างอยู่ มือไม้อ่อนแรง ข้าวของที่ถืออยู่ก็ตกลงไปอยู่ที่พื้น อันดาและน้ำเหนือที่ได้สีหน้าท่าทางของหญิงสาวคนนั้น ก็รู้ได้ทันว่าต้องเป็นคนที่ดาหลาพูดถึงแน่นอน อันดาจึงตัดสินใจเอ่ยถามออกไป เพื่อเช็กความแน่ใจ
“คุณรู้จักกับพี่ดาหลาใช่มั้ยคะ”
“ปะ...เปล่า พูดอะไรของเธอ ฉันไม่รู้จัก” พูดจบ หญิงสาวคนนั้นก็หมุนตัวรีบเดินออกไปขึ้นรถทันที อันดาได้เอ่ยพูดกับน้ำเหนือ ทั้งที่สายตายังคงจ้องมองตามหญิงสาวคนนั้นจะรถของเธอขับออกไป
“เราว่าใช่คนนี้แหละ” พูดจบ อันดาก็หันหน้ากลับมามองที่น้ำเหนือ ก็เห็นน้ำเหนือยืนตะลึงอยู่
“เป็นไรเปล่าเนี่ย ทำไม่ทำหน้างั้นอะ”
“ร้ายนะเรา ยิงคำถามซะเหวอไปเลย” อันดาได้เพียงแต่ยิ้มแห้งใส่น้ำเหนือ ในเวลาเดียวเพื่อน ๆ ก็ตามมาพอดี จากนั้นก็ชวนเข้าไปตรวจดูสิ่งของภายในบ้าน เผื่อจะเจออะไรที่พอจะช่วยได้บ้าง