เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

พวกมึงลบหลู่กู - ตอนที่ ๒๓ พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก,ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พวกมึงลบหลู่กู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

อมายา

เรื่องย่อ

"น้องกูก็ตายแล้วนี่ไง พวกมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ หรือต้องให้กู้ตายอีกคน พวกมึงถึงจะพอใจ"


"ใช่ ถ้ามึงตาย แล้วได้สี่คนนั้นกลับมา มึงจะยอมตายมั้ย"


"..."


"เห็นมั้ย ตัวมึงเองยังไม่อยากตายเลย และสี่คนนั้นมันอยากตายเหรอ มึงคิดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความคิดตัวเอง แบบนี้เขาเรียกเห็นแก่ตัวว่ะ"



เพียงเพราะความปากพล่อยและความโผงผางของคนคนหนึ่ง ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน และกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนทุกคนต้องตามสืบเรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่จะได้รอดจากน้ำมือของผีตนนี้

สารบัญ

พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓๐ พวกมึงลบหลู่กู

เนื้อหา

ตอนที่ ๒๓ พวกมึงลบหลู่กู

ตอนที่ ๒๓
ขณะที่กำลังค้นดูของภายในบ้าน จันจ้าวได้เจอเข้าภาพถ่ายใบหนึ่ง ที่ซ่อนอยู่บนขอบประตู เมื่อมองดูแล้วคาดว่าจะเป็นภาพถ่ายของคณะของนางรำที่เคยอยู่ที่นี่เป็นแน่ เนื่องจากมีผู้คนในภาพถ่ายส่วนใหญ่สวมชุดนางรำ เว้นแต่เพียงสี่คนตรงกลาง ซึ่งก็คือชายหญิงที่ดูจะมีอายุพอสมควรนั่งอยู่ตรงกลาง และมีชายหนุ่มอายุราว ๆ สามสิบ ยืนอยู่ด้านหลังคู่กับหญิงสาวคนหนึ่ง เมื่อมองดูแล้วเหมือนว่าหญิงสาวจะอายุมากกว่าผู้ชาย และถ้าสังเกตดูดี ๆ ผู้ชายจะมีตาละม้ายคล้ายกับชายแก่ แต่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หน้าตาดูจะไม่เหมือนกับใครเลยในสามคน จันจ้าวที่ยืนพินิศพิจารณาอยู่นานสองนาน ก่อนจะรีบเดินไปหาอันดาพร้อมกับภาพถ่ายใบนั้น
“พี่อันดา ดูนี่สิคะ” อันดารับภาพถ่ายมาจากมือของจันจ้าว เมื่อมองดูได้สักพัก อันดาก็ไปสะดุดตากับผู้หญิงสวมชุดนางรำคนหนึ่งในภาพถ่าย ซึ่งมีตาคล้ายกับคนที่เพิ่งเจอเมื่อสักครู่ อันดาจึงได้เรียกน้ำเหนือมาดู เพื่อความแน่ใจ อันดายื่นภาพถ่ายให้น้ำเหนือดู พร้อมกับชี้ไปที่หญิงสาวคนหนึ่งในรูป เมื่อน้ำเหนือมองตามที่อันดาชี้ให้ดู ก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนเงยหน้ามองอันดาและเอ่ยพูดพร้อมกัน
“ผู้หญิงคนนั้น!” จันจ้าวที่ยืนอยู่ด้วย ก็ได้แต่งุนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า และสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นที่ทั้งสองคนพูดถึงคือใคร จึงได้หันหน้าไปถามกับอันดา
“ใครเหรอคะ?”
“จันจ้าวไปบอกทุกคนนะ ว่าเราจะกลับบ้านกัน ตอนนี้เลย เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟังที่บ้าน” หลังจากที่จันจ้าววิ่งออกไป น้ำเหนือที่ยืนดูรูปอยู่ ก็ได้เรียกอันดาให้ดูรูปอีกรอบ เพราะว่าเจอหญิงสาวอีกคนหนึ่งในภาพถ่าย
“นี่พี่ดาหลาหรือเปล่า” น้ำเหนือชี้ไปที่หญิงสาวสองคนที่ยืนอยู่ริมสุด ซึ่งในภาพถ่ายใบนั้นหญิงสาวสองคนนี้จับมือกันด้วย ในหัวของน้ำเหนือและอันดาตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามมากมาย ขณะที่มองดูภาพถ่ายอยู่ ก็มีเสียงเรียกของจันจ้าวอยู่ข้างล่าง น้ำเหนือจึงรีบเก็บภาพถ่ายใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้ และเดินลงไปหาเพื่อน ๆ ทันที จากนั้นก็ตรงกลับบ้าน และเมื่อถึงบ้านก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนฟัง ตั้งแต่เรื่องที่ได้ยินคำพูดของดาหลาเมื่อคืน เรื่องที่เจอหญิงสาวคนหนึ่งที่หน้าบ้าน และเรื่องที่เจอภาพถ่ายด้วย
น้ำเหนือและอันดาตัดสินใจจะกลับไปถามป้าส้มเกี่ยวกับคนทั้งหมดในภาพถ่าย เนื่องจากว่าในภาพถ่ายมีป้าส้มอยู่ด้วย ทั้งสองคิดว่าป้าส้มคงจะรู้อะไรอยู่บ้างเกี่ยวกับคนพวกนี้ น้ำเหนือได้บอกให้เพื่อน ๆ รออยู่ที่บ้าน เดี๋ยวตนกับอันดาจะไปหาป้าส้มเอง เนื่องจากถ้าไปกันหมดเลยทั้งสิบคน ก็เกรงใจป้าส้ม กลัวว่าจะไปรบกวนป้าส้มมากเกินไป เมื่อน้ำเหนือบอกกับเพื่อน ๆ เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนได้ออกจากบ้านและตรงไปที่บ้านของป้าส้มทันที
เมื่อมาถึงบ้านป้าส้ม น้ำเหนือตะโกนเรียกอยู่ครู่ใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครออกมาและไม่มีเสียงตอบรับจากคนในบ้านเลย อันดาเห็นว่าเรียกอยู่นานแล้ว เลยคิดว่าจะชวนน้ำเหนือกลับก่อน แล้วค่อยมาใหม่วันในวันพรุ่งนี้ แต่ทว่าป้าส้มก็ออกมาจากหลังบ้านพอดี และได้ตะโกนเรียกทั้งคู่เอาไว้ จากนั้นก็วางตะกร้าผักในมือและรีบเดินมาเปิดประตูให้ทั้งคู่ทันที
“โทษทีนะจ๊ะ พอดีป้าเข้าสวนหลังบ้านน่ะ มันอยู่ไกล เลยไม่ค่อยได้ยินเสียงใครเรียกหรอก มา เข้ามาก่อน”
“ไม่เป็นไรค่ะป้า” อันดาตอบ พร้อมกับเดินแทรกตัวเข้าไป และเดินไปนั่งรอที่แคร่หน้าบ้านป้าส้ม เนื่องจากป้าส้มขอตัวไปล้างผักสักครู่ ไม่นานป้าส้มก็เดินออกมานั่งที่แคร่ข้าง ๆ กับทั้งคู่
“มีอะไรกันหรือเปล่าจ๊ะ” น้ำเหนือรีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อจะเอาภาพถ่ายออกมาให้ป้าส้มดู เมื่อป้าส้มได้เห็นภาพถ่ายใบนั้น แกไม่ได้มีอาการตกใจใด ๆ เพียงแต่มองภาพถ่ายด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะถามทั้งคู่อีกครั้ง
“ไปเจอมาจากที่บ้านหลังนั้นเหรอจ๊ะ”
“ใช่ครับ ผมอยากรู้ว่าสี่คนที่ยืนอยู่ตรงกลาง และก็คนที่ยืนอยู่ริมสุดน่ะครับ พวกเขาคือใครเหรอครับ”
“อยากรู้จริง ๆ เหรอ แล้ว...มันจะช่วยให้ตามหาดาหลาเจอมั้ย”
“ผมคิดว่าน่าจะพอช่วยได้บ้างนะครับ”
“โอเค ป้าบอกก็ได้...”
ป้าส้มชี้ไปที่คนแรกก็คือชายแก่ชื่อว่าคมสัน ได้เสียชีวิตไปยี่สิบกว่าปีแล้ว ถัดไปคือหญิงแก่ชื่อว่าลัดดา เป็นภรรยาของนายคมสันนั่นเอง ต่อมาคือชายหญิงที่ยืนอยู่ด้วยกันด้านหลังของนายคมสันและนางลัดดา ป้าส้มเองก็ไม่แน่ใจว่าผู้ชายนั้นเป็นใครกันแน่ แต่คิดว่าน่าจะคือลูกชายแท้ ๆ ของนางลัดดากับนายคมสัน และผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็คือรินดา ลูกสาวบุญธรรมของนางลัดดาและนายคมสันนั่นเอง จู่ ๆ ป้าส้มก็เงียบไปเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยความตื่นเต้น
“อ๋อ ผู้ชายคนนี้น่าจะชื่อตรัยนะ ที่บอกว่าเป็นแฟนดาหลาน่ะ ป้าเคยได้ยินแต่ชื่อ แต่ไม่เคยเห็นหน้า เลยไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร คิดว่าคงใช่” อันดาละสายตาจากป้าส้ม และมองไปที่ภาพถ่าย ก่อนชี้นิ้วไปที่หญิงสาวสองคนที่ยืนอยู่ริมสุด
“แล้ว...คนนี้ล่ะคะ”
“คนนี้ชื่อเหมย เป็นเพื่อนสนิทกับดาหลาน่ะ ก็เหมยนี่แหละที่แย่งแฟนดาหลา ป้าเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเหมยจะทำได้ลง”
“ขอบคุณมากเลยนะคะป้าส้ม พวกหนูขอตัวกลับก่อนดีกว่าค่ะ ใกล้จะมืดแล้วด้วย เดี๋ยวเพื่อน ๆ จะเป็นห่วงเอา”
“ได้จ้ะ เดินทางปลอดภัยนะ มีอะไรก็มาถามได้เลย ป้าช่วยเต็มที่เลย ขอแค่ให้เจอดาหลาก็พอ”
“ได้ค่ะ”
จากนั้นทั้งสองก็เดินตรงกลับบ้านทันที เพราะว่าฟ้าใกล้จะมืดสนิทแล้ว แต่ก็ยังโชคดีที่บ้านป้าส้มไม่ค่อยไกลจะบ้านของลุงสมคิดเสียเท่าไร จึงเดินแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว เมื่อมาถึงบ้านก็เจอเพื่อนนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารพอดี ทั้งสองคนเลยไปนั่งที่โต๊ะพร้อมกับวางภาพถ่ายใบนั้นลงกลางโต๊ะ และน้ำเหนือก็ได้พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“เราต้องตามหาครอบครัวนี้ กับผู้หญิงคนนี้ให้เจอ”
“ใครวะ” สกายหันมองหน้าน้ำเหนือ พร้อมกับถามด้วยความสงสัย
“ถ้าเจอเมื่อไร...เดี๋ยวก็รู้ว่าเป็นใครกันแน่” ทุกคนจ้องมองน้ำเหนือและอันดาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยถามออกไป เพราะคิดว่าทั้งสองคนคงคิดมาดีแล้ว เลยเลือกที่จะทำตามที่ทั้งสองคนบอก
เมื่อคุยกันจบ ทุกคนก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อจนอิ่ม ก็ได้แยกย้ายกันไปอาบน้ำ เพื่อรอเวลาเข้านอน เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องแยกย้ายกันเดินทางไปต่างหมู่บ้าน เพราะน้ำเหนือคิดว่าเหมยคงไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้านนี้แล้ว แต่ก็คงไม่ได้ไปไกลจากที่นี่เสียเท่าไร ผ่านไปราว ๆ สองชั่วโมงทุกคนก็เข้านอน ทำให้บ้านนั้นสงบเงียบ จนลุงสมคิดกับป้าสายใจรู้สึกว่าผิดปกติเกินไป จึงเดินลงมาดูเด็ก ๆ เพราะว่าทุกวันจะมีเสียงคุยกัน และหัวเราะเสียงดังลั่นบ้าน แต่วันนี้กลับเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุย
“เด็ก ๆ คงนอนกันแล้วแหละมั้ง สงสัยจะเหนื่อย”
“คงงั้นแหละจ้ะพี่ เรากลับขึ้นข้างบนกันเถอะ”
เวลาล่วงเลยไปจนรุ่งเช้า น้ำเหนือได้ขอยืมรถของลุงสมคิด ซึ่งลุงสมคิดเองก็ให้ยืม โดยที่ไม่ถามอะไรสักคำ จากนั้นน้ำเหนือได้ขับไปส่งเพื่อน ๆ ตามหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ เพื่อจะตามหาเหมยก่อน ส่วนตัวน้ำเหนือและอันดาได้กลับไปหาที่หมู่บ้านเช่นเดิม เพราะทราบมาว่าเหมยมีบ้านอยู่ที่นั่นเหมือนกัน แต่ทว่าเมื่อมาถึง กลับเจอเพียงความว่างเปล่า แต่สภาพบ้านเหมือนเพิ่งถูกทำความสะอาดไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ น้ำเหนือจึงคิดว่าเหมยน่าจะเพิ่งหนีไป จึงโทรบอกกับเพื่อน ๆ ให้หาตามบ้านคนจนครบทุกหลัง
เมื่อถึงเวลาใกล้จะสี่โมง น้ำเหนือและอันดาได้ขับรถไปรับตามสถานที่ ที่ได้ไปส่งเพื่อน ๆ ไว้เมื่อตอนเช้า พอได้ถามไถ่เพื่อน ก็พบว่าไม่มีใครเจอเหมยเลย เมื่อกลับมาถึงบ้าน น้ำเหนือครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเอ่ยบอกสิ่งที่คิดอยู่ให้กับเพื่อน ๆ
“กูว่าเราเปลี่ยนไปตามหาคุณลัดดากันดีกว่า คงจะได้อะไรมากกว่าตามหาคนชื่อเหมย” สกายที่ยังคงมีแต่ความสงสัยอยู่ภายในใจ ก็ได้เอ่ยถามอีกครั้ง
“ใครอีกวะ” น้ำเหนือหยิบภาพถ่ายขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับบอกว่าคนภาพถ่ายชื่ออะไรบ้าง แต่ยังไม่ได้บอกว่าทั้งสี่คนในภาพถ่ายเป็นใคร มาจากไหน
“พรุ่งนี้เจอกันเวลาเดิม ที่หน้าบ้าน โอเคมั้ย”
“โอเค!” ทุกคนตอบรับโดยพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะเดินแยกย้ายไปทำอาหารและอาบน้ำ