เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

พวกมึงลบหลู่กู - ตอนที่ ๒๕ พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก,ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พวกมึงลบหลู่กู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

อมายา

เรื่องย่อ

"น้องกูก็ตายแล้วนี่ไง พวกมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ หรือต้องให้กู้ตายอีกคน พวกมึงถึงจะพอใจ"


"ใช่ ถ้ามึงตาย แล้วได้สี่คนนั้นกลับมา มึงจะยอมตายมั้ย"


"..."


"เห็นมั้ย ตัวมึงเองยังไม่อยากตายเลย และสี่คนนั้นมันอยากตายเหรอ มึงคิดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความคิดตัวเอง แบบนี้เขาเรียกเห็นแก่ตัวว่ะ"



เพียงเพราะความปากพล่อยและความโผงผางของคนคนหนึ่ง ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน และกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนทุกคนต้องตามสืบเรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่จะได้รอดจากน้ำมือของผีตนนี้

สารบัญ

พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓๐ พวกมึงลบหลู่กู

เนื้อหา

ตอนที่ ๒๕ พวกมึงลบหลู่กู

ตอนที่ ๒๕
เมื่อกลับมาถึงบ้าน น้ำเหนือได้เรียกทุกคนเข้าไปคุยกันในห้อง แต่หลังจากที่ทุกคนเดินเข้าไปในห้องแล้ว ลุงสมคิดกับป้าสายใจก็เดินเข้ามาพอดี ทำให้เห็นทุกคนเดินเข้าไปอยู่ในห้องเดียวกัน ก็ได้แต่สงสัยว่าพวกเด็ก ๆ จะทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงคุยกันข้างนอกไม่ได้ แต่ลุงสมคิดก็ได้แต่พูดปลอบใจป้าสายใจออกไป
“เอาเถอะ เด็ก ๆ เขามาช่วยเรา เขาจะทำอะไรก็ปล่อยเขาเถอะ”
“แต่ฉันกลัว...เด็ก ๆ จะไปเจอคนบ้านนั้นน่ะสิจ๊ะ พี่ก็รู้ว่าคนบ้านนั้นเป็นยังไง”
“อย่าเพิ่งคิดมากไปเลย พี่ว่าเด็กพวกนี้...ดูคนออก” พูดจบ ลุงสมคิดก็เดินขึ้นชั้นสองไป เหลือเพียงแต่ป้าสายใจที่ยังคงยืนมองไปที่ประตูห้องที่ทุกคนเดินเข้าไป ด้วยความเป็นห่วงกลัวทุกคนจะเกิดอันตราย ก่อนจะเดินตามลุงสมคิดขึ้นบ้านไป
ทางด้านของทั้งสิบคนที่เข้ามานั่งรวมกันอยู่ในห้องแล้ว น้ำเหนือก็ลุกเดินไปล็อกประตูทันทีและกลับมานั่งข้าง ๆ อันดา พร้อมกับเปิดประเด็นขึ้นมาทันทีที่หย่อนก้นลงถึงเก้าอี้
“เราเจอคุณลัดดาแล้ว ต่อไปเราต้องตามหาคนชื่อเหมยต่อ” สกายบุคคลที่มีแต่ความสงสัยอยู่ในหัวเต็มไปหมด ได้เอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ก็เจอคุณลัดดาแล้ว จะตามหาคนชื่อเหมยอีกทำไม” ปิ่นที่ยืนพิงกำแพงอยู่ ก็เดินอ้อมไปข้างหลัง ก่อนจะทิ้งฝ่ามือลงที่หัวสกาย พร้อมกับพูดใส่สกายด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
“นี่พี่ มึงไม่ถามสักครั้งได้มั้ย สงสัยแม่งทุกอย่าง”
“โทษครับผม”
“พอ ๆ เลิกทะเลาะกันก่อน ที่เราต้องตามหาคนชื่อเหมยอีก เพราะเหมยเป็นตัวการสำคัญที่น่าจะรู้อะไรบางอย่างอยู่” จู่ ๆ ผืนป่าก็ยกมือขึ้นเล็กน้อย และได้เอ่ยถามน้ำเหนือ
“เอ่อ...แล้วเราจะไปหากันที่ไหนเหรอครับ”
“ที่เดิม!” ทุกคนได้แต่จ้องมองใบหน้าอันหล่อเหลาด้วยความงุนงง เนื่องจากหามาสองวันแล้วก็ยังไม่เจอคนที่ชื่อเหมยเลยสักคน น้ำเหนือเห็นสีหน้าของที่เต็มไปด้วยความงุนงง เลยพูดอธิบายชี้แจงเพิ่ม
“เดี๋ยวลูกชายของคุณลัดดากำลังจะกลับมา เหมยคงไม่ไปไหนไกลหรอก เพราะทั้งสองคนเป็นแฟนกัน ยังไงก็ต้องมาหากันอยู่ดี” สกายตบไปที่ตักตัวเอง ก่อนเอ่ยปากชมน้ำเหนือ
“บ๊ะ! มึงนี่มันฉลาดจริง ๆ เลยเว้ยไอ้เหนือน้องรัก”
“ธรรมดา” น้ำเหนือขยิบตาให้สกายหนึ่งที ทว่าทั้งคู่กลับไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมีสายตาพิฆาตสองคู่จ้องมองอยู่ ก่อนที่ปิ่นจะพูดขึ้นด้วยความเหนื่อยใจกับทั้งคู่อีกครั้ง
“เล่นได้ตลอดเวลาจริง ๆ กูล่ะเหนื่อยใจ”
เมื่อคุยกันจบ ทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง กลุ่มหญิงสาวก็ไปช่วยกันทำกับข้าว ส่วนกลุ่มชายหนุ่มก็ไปช่วยกันล้างรถให้ลุงสมคิด เพราะตอนที่น้ำเหนือขับไปส่งเพื่อน ๆ ตามหมู่บ้าน เป็นช่วงที่ฝนตกหนักจนน้ำท่วมขังบนนถนน แถมยังเป็นถนนลูกรัง ทำให้รถเปรอะเปื้อนไปทั้งคัน ในขณะที่กำลังช่วยกันล้าง จู่ ๆ โนอาก็พูดขึ้นมา ทั้งที่ก่อนหน้าแทบจะไม่พูดหรือออกความเห็นอะไรเลย
“เออ...พวกมึงรู้สึกกันมั้ย ว่าช่วงนี้...พี่ดาหลาหายไปเลย ไม่ได้ตามพวกเราเหมือนช่วงแรก ๆ” ชายหนุ่มอีกห้าคนต่างก็หยุดการกระทำทุกอย่าง และได้คิดตามคำพูดของโนอา ไม่นานสกายก็เอ่ยพูดเสียงดัง
“เออ...กูสังเกตนานละ ตั้งแต่วันที่พวกเราพูดว่าจะช่วยลุงกับป้า” สกายมองหน้าโนอาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปคุยกับน้ำเหนือ
“ใช่มั้ยไอเหนือ ตอนนั้น...พี่ดาหลาก็แค่ออกมาให้มึงเห็น แต่ไม่ได้ทำอะไรมึงกับอันดาใช่ป่ะ”
“เขาคงรับรู้ได้แหละมั้ง ว่าเรามาช่วยเขา เขาเลยไม่ได้มายุ่งกับเรา”
“คงงั้น ล้างรถต่อเถอะ กูหิวข้าวแล้ว”
ผ่านไปราว ๆ หนึ่งชั่วโมงได้ กลุ่มชายหนุ่มก็ล้างรถจนเสร็จเรียบร้อย เงาวับเหมือนใหม่กันเลยทีเดียว จากนั้นก็พากันเดินไปล้างเนื้อล้างตัว ก่อนจะเดินจะเข้าไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร ไม่นานกลุ่มหญิงสาวก็ยกอาหารออกมา สกายที่ได้กลิ่นหอมของอาหาร ทำให้ทนรอไม่ไหว กำลังเอื้อมมือไปหยิบอาหารในจานเข้าปาก แต่ทว่ามือยังไม่ถึงชิ้นอาหารเลย แต่ปิ่นดันเดินออกมาเห็นเสียก่อน ทางด้านปิ่นที่เดินออกมา ก็เห็นสกายกำลังจะหยิบอาหารพอดี จึงเดินดิ่งเข้าไปตีมือสกาย พร้อมกับพูดดุเสียงแข็ง
“อย่าเพิ่ง รอลุงกับป้าลงมาก่อน”
“ครับ รอลุงกับป้าครับ” สกายรีบชักมือกลับมา และนั่งรออย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ไม่นานลุงสมคิดกับป้าสายใจก็เดินลงมานั่งที่โต๊ะ และลุงสมคิดก็สังเกตเห็นท่าทีของสกายแปลกไป จึงได้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นไรหรือเปล่าหนุ่ม ปกติไม่เห็นเรียบร้อยแบบนี้” สกายค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปใกล้กับลุงสมคิด ก่อนจะกระซิบบอกสาเหตุที่ต้องนั่งเรียบร้อย
“คนนั้นไงครับ ทำให้ผมต้องเรียบร้อยแบบนี้” พูดพร้อมกับแอบชี้นิ้วไปทางปิ่นที่ยืนอยู่ในครัว ลุงสมคิดที่เห็นเช่นนั้น ก็ได้แต่นั่งหัวเราะสกายด้วยความเอ็นดู
“มีแววกลัวเมียนะเรา” ป้าสายใจกระซิบแซวสกาย
“นิดหน่อยครับป้า ฮ่า ๆ” ทั้งสามคนนั่งหัวเราะคิกคัก จนคนอื่น ๆ นั้นงุนงงไปตาม ๆ กันว่าทั้งสามคนหัวเราะชอบใจอะไรกัน แต่เมื่อปิ่นเดินมา ทั้งสามคนก็หยุดหัวเราะ แต่ยังคงนั่งอมยิ้มกลั้นขำกันอยู่
“เป็นอะไรกันหรือเปล่าคะ”
“เปล่าจ้ะ ๆ กินข้าวกันเถอะ พวกหนูจะได้ไปพักผ่อน”
ไม่ว่าจะเป็นมื้อไหน ๆ บนโต๊ะอาหารก็ยังคงเต็มไปด้วยความสุข สนุก เฮฮา การที่เด็กนักศึกษาทั้งสิบคนเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ก็ดูเหมือนว่าคู่สามีภรรยาจะมีแต่รอยยิ้มในทุก ๆ วัน จนไม่อาจจะคิดภาพในตอนที่เด็กนักศึกษากลุ่มนี้กลับไปเรียนเสียเลย
เมื่อกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายไปอาบน้ำ และได้มานั่งคุยพักใหญ่ ก่อนจะเข้านอน ช่วงนี้ทุกคนมักจะเข้านอนกันไว เนื่องจากต้องตื่นกันแต่เช้าตรู่ เพราะยังต้องออกไปตามหาเหมย และต้องคอยไปดูที่บ้านของนางลัดดาว่าตรัยกลับมาแล้วหรือยัง
รุ่งเช้า น้ำเหนือทำเช่นเดิม คือการขับรถส่งเพื่อน ๆ ตามหมู่บ้านใกล้ ๆ เพื่อตามหาเหมย แต่ก็ยังไร้วี่แววของเหมย น้ำเหนือและเพื่อนได้ออกตามหาเหมยอยู่ร่วมอาทิตย์ได้ แต่ก็ต้องผิดหวังเช่นเคย จนทุกคนเริ่มถอดใจ น้ำเหนือที่เห็นว่าเพื่อน ๆ เริ่มท้อและไม่อยากจะทำต่อกันแล้ว เลยได้เสนอความคิดกับเพื่อน ๆ ว่าจะขอตามหาเหมยอีกหนึ่งวัน ถ้าไม่เจอ ก็จะหยุดตามหา และรอให้ลูกชายของนางลัดดากลับมาทีเดียว ซึ่งเพื่อน ๆ ก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของน้ำเหนือ
แต่แล้วในวันสุดท้าย ก่อนที่ทุกคนจะยุติการตามหาเหมย เกลและโนอาก็ได้เจอเข้ากับหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งเป็นหมู่บ้านใกล้ ๆ กับนางลัดดานั่นเอง เกลได้ทำการแอบถ่ายหญิงสาวคนนั้นให้อันดาและน้ำเหนือดู เมื่อทั้งสองคนได้ดูรูปก็รู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวคนนั้นคือเหมยแน่นอน
น้ำเหนือรีบขับรถตรงไปที่หมู่บ้านนั้นทันที ก็เจอเกลกับโนอายืนรออยู่ที่หน้าหมู่บ้าน น้ำเหนือได้จอดรับทั้งสองคน และตรงไปที่บ้านของเหมยทันที ก่อนที่เหมยจะรู้ตัวและหนีไปอีกครั้ง แต่เมื่อมาถึง บ้านของเหมยนั้นปิดประตูและล็อกกุญแจอยู่ ทว่ามองเข้าไปในบ้าน กลับเห็นว่ามีคนเดินวนไปวนมาอยู่ภายในบ้าน น้ำเหนือยืนเท้าเอวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปที่ประตูรั้วหน้าบ้านและกดกริ่ง แต่เมื่อกดกริ่งแล้ว น้ำเหนือได้บอกทั้งสามคนนั้นก้มลง เพื่อที่เหมยจะได้ไม่รู้ว่าใครกดกริ่งที่หน้าบ้าน
และแผนการของน้ำเหนือ ก็ได้ผลจริง ๆ เพราะเหมยเดินออกมาเปิดประตูด้วยใบหน้าที่เต็มไปรอยยิ้มแห่งความสุขราวกับว่าเป็นคนที่รออยู่มากดกริ่ง แต่เมื่อเหมยเปิดประตูออกมาน้ำเหนือและโนอาก็แทรกตัวเข้าไปในเขตบ้านทันที ส่วนอันดาและเกลก็ยืนดักอยู่ที่หน้าประตูรั้วด้านนอก เหมยที่เห็นหน้าน้ำเหนือและอันดาก็รู้ได้ทันทีว่าทั้งคู่ตามหาตัวเองทำไม แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และได้เอ่ยถามน้ำเหนือด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความกลัวและกังวล
“พวกแกเข้ามาทำไม”
“ผมว่าคุณน่าจะรู้นะ ว่าพวกผมมาทำไม”
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น พวกแกออกไปได้แล้ว”
“พวกผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าคุณจะพูดความจริงออกมา”
“ความจริงอะไร ฉันไม่มีความจริงอะไรทั้งนั้น ออกไปได้แล้ว”
“หรือจะให้พี่ดาหลามาถามดีล่ะครับ”
เมื่อเหมยได้ยินชื่อของดาหลา ก็เริ่มมีอาการหวาดระแวง ย่อตัวเหมือนหลบอะไร แถมยังมองซ้ายทีขวาที พร้อมกับขยับปากพึมพำอะไรบางอย่าง แต่ทั้งสี่คนนั้นฟังไม่ออกว่าเหมยพึมพำอะไร ไม่นานเหมยก็กลับมายืนในท่าปกติ และยังไม่ยอมพูดความจริงอะไรออกมา แต่กลับเดินไปนั่งที่โต๊ะม้าหิน สายตามองตรงไปที่ประตูรั้วบ้าน ก่อนจะเอ่ยพูดทั้งที่สายยังจดจ่อไปที่ประตูรั้วหน้าบ้าน
“ถ้าอยากจะรู้...ก็รอให้เขามาบอกแล้วกันนะ”
“ใครครับ”
เหมยนิ่งเงียบเช่นเดิม สายตายังคงมองไปที่เดิม แต่แล้วขณะที่ทั้งสี่คนกำลังจ้องมองเหมยอยู่ ก็มีเสียงคนเปิดประตูเข้ามา ทั้งสี่คนจึงหันไปจ้องที่ประตูรั้ว เพราะอยากรู้ใครกันที่เหมยพูดถึง