เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

พวกมึงลบหลู่กู - ตอนที่ ๒๖ พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก,ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พวกมึงลบหลู่กู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

อมายา

เรื่องย่อ

"น้องกูก็ตายแล้วนี่ไง พวกมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ หรือต้องให้กู้ตายอีกคน พวกมึงถึงจะพอใจ"


"ใช่ ถ้ามึงตาย แล้วได้สี่คนนั้นกลับมา มึงจะยอมตายมั้ย"


"..."


"เห็นมั้ย ตัวมึงเองยังไม่อยากตายเลย และสี่คนนั้นมันอยากตายเหรอ มึงคิดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความคิดตัวเอง แบบนี้เขาเรียกเห็นแก่ตัวว่ะ"



เพียงเพราะความปากพล่อยและความโผงผางของคนคนหนึ่ง ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน และกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนทุกคนต้องตามสืบเรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่จะได้รอดจากน้ำมือของผีตนนี้

สารบัญ

พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓๐ พวกมึงลบหลู่กู

เนื้อหา

ตอนที่ ๒๖ พวกมึงลบหลู่กู

ตอนที่ ๒๖
ชายร่างหนาในชุดสูทสีน้ำตาลเข้ม สูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบปลาย ๆ พร้อมกับใบหน้าอันหล่อเหลาสไตล์ไทย ทรงผมปล่อยธรรมชาติ คิ้วเข้มดกดำ ดวงตาคมบ่งบอกถึงความสุขุม ปิดท้ายด้วยจมูกโด่งเป็นสันเป็นคม กำลังเปิดประตูเข้ามา และไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนอยู่เหมยด้วย จึงได้ส่งเสียงพูดขณะที่กำลังหันไปปิดประตูรั้ว
“เหมย พี่กลับมาแล้ว รอนานมั้ย”
หลังจากที่ชายร่างหนาปิดประตูรั้วบ้านเรียบร้อย จึงหมุนตัวกำลังจะเดินเข้าไปหญิงสาวที่รัก แต่กลับต้องพบว่ามีใครก็ไม่รู้สี่คนยืนล้อมรอบหญิงอันเป็นที่รักอยู่ ชายร่างหนารีบเดินปรี่เข้าไปทันที ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พวกคุณเป็นใคร มายุ่งอะไรกับเหมย” โนอาที่ยืนมองชายร่างหนาตรงหน้า ก็ได้แต่ส่ายหน้าให้กับการกระทำของเขา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“กับพี่ดาหลา เคยคิดจะปกป้องแบบนี้บ้างมั้ย” เหมยและชายร่างหนาได้แต่มองหน้ากันด้วยความตกใจเล็กน้อยที่ได้ชื่อดาหลา ส่วนเพื่อนทั้งสามคนของโนอาก็ตกใจไม่ต่างกับสองคนนั้น เพราะไม่คิดว่าจะมีคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากของคนอย่างโนอาได้ น้ำเหนือที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยถามขึ้น
“คุณคงคือ...คุณตรัยสินะ”
“ใช่ ผมเอง แล้วพวกคุณเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงรู้จัก...”
“ไม่สำคัญหรอก...ว่าพวกเรารู้จักพี่ดาหลาได้ยังไง ที่สำคัญคือคุณสองคนทำอะไรพี่ดาหลากันแน่” ตรัยและเหมยเริ่มมีอาการลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะรีบพูดปฏิเสธทันที
“พวกเราสองคนไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย อย่ามาพูดจาพล่อย ๆ แบบนี้นะ”
“ก็ได้ครับ พวกผมจะให้เวลาคุณถึงพรุ่งนี้ ผมจะกลับมาเอาคำตอบ”
“...”
“อ้อ...แล้วถ้าพวกคุณสองคนคิดจะหนี...ก็แล้วแต่นะครับ เพราะผมไม่รู้ว่าพี่ดาหลาจะทำยังไงกับพวกคุณ” พูดจบ น้ำเหนือก็ชวนเพื่อนทั้งสามกลับบ้านทันที ปล่อยให้ทั้งสองคนนั้นได้คิดทบทวนต่อไป
แต่เมื่อน้ำเหนือและเพื่อน ๆ ออกมาแล้ว ก็ได้ยืนแอบฟังอยู่ที่ข้างรั้วบ้าน เพราะอยากจะรู้ว่าสองคนนั้นจะคุยกันถึงดาหลาหรือเปล่า และแล้วก็เป็นจริงอย่างที่คิด เพราะสองคนนั้นพูดถึงดาหลาจริง ๆ ต่างคนต่างก็บอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนทำ ก่อนจะได้ยินเสียงร้องไห้เจ็บปวดของผู้หญิงดังออกมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าข้างในนั้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงได้มีเสียงร้องไห้ดังออกมา ทว่าทั้งสี่คนก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคิดว่าดาหลาคงเจอหนักกกว่า แค่เสียงร้องไห้เพียงเท่านี้ ยังเทียบไม่ได้กับที่ดาหลาต้องเจอเลยสักนิด
แต่จู่ขณะที่ทั้งสี่คนกำลังตัดสินใจจะกลับกันแล้ว ก็ได้ยินคำพูดของเหมยตะโกนใส่ตรัยว่า “แม่พี่ตรัยหรือเปล่าที่เป็นคนทำอะ” ทั้งสี่คนได้แต่ยืนมองหน้ากันพร้อมกับคิ้วที่ขมวดกันเป็นปม ในเวลาเดียวกัน โนอาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินตรงมาที่ประตูรั้ว
“เฮ้ย! มีคนเดินมา เรากลับกันก่อนเถอะ”
ทั้งสี่คนรีบวิ่งไปที่รถทันที แต่ก็ยังไม่ได้จะขับออกไปในทันที กลับยังคงสอดส่องดูการกระทำของทั้งคู่ต่อ ก็ได้รู้ว่าเสียงร้องเจ็บปวดเมื่อสักครู่ คงจะเป็นฝีมือของตรัย เพราะเหมยที่วิ่งตามตรัยออกมา บริเวณใบหน้ามีแต่รอยแดงที่แก้ม และที่ริมฝีปากก็ยังมีเลือดออกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเหมยก็ยังคนรั้งตรัยให้อยู่กับเธอก่อน ทั้งสี่คนในรถได้ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะตัดสินใจขับรถออกมาและไปรับเพื่อน ๆ คนอื่นต่อ
เมื่อกลับมาถึงบ้านทั้งสี่คนก็ได้เล่าเรื่องที่ได้เจอมาให้เพื่อนคนอื่นฟัง รวมถึงลุงสมคิดและป้าสายใจด้วย เมื่อท่านทั้งสองคนได้ยินว่าครอบครัวนั้นกลับมาแล้ว ก็มีสีหน้าเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย จู่ ๆ ป้าสายใจก็เอ่ยพูดกับทั้งสิบคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พวกหนูไม่ต้องตามหาดาหลาแล้วก็ได้นะ ป้าเป็นห่วงพวกหนูจังเลยจ้ะ”
“ลุงก็คิดเหมือนป้านะ พวกหนูพอแค่นี้เถอะ เกิดอะไรขึ้นมา มันจะไม่คุ้มนะ” เช่นเคย สกายได้เอ่ยถามเป็นคนแรกเสมอ
“ทำไมล่ะครับลุงกับป้า อีกนิดเดียวเราก็เจอพี่ดาหลาแล้วนะ”
“ป้าไม่อยากให้พวกหนูเป็นอะไรไปอีกน่ะจ้ะ”
ทางด้านของน้ำเหนือและอันดารู้ว่าลุงสมคิมกับป้าสายใจต้องการจะสื่ออะไร เพราะน้ำเหนือกับอันดาก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับท่านทั้งสองคน ที่ว่าครอบครัวของตรัยเหมือนกำลังปกปิดอะไรบางอย่างอยู่ โดยเฉพาะนางลัดดา อันดาเลยพูดปลอบใจลุงสมคิดกับป้าสมใจไปก่อน
“ให้พวกเราตามหาพี่ดาหลาต่อเถอะนะคะ พวกเราสัญญาว่าจะระวังตัวค่ะ ถ้ารู้สึกไม่ปลอดภัย พวกเราจะถอยทันที นะคะคุณป้า คุณลุง” ป้าสายใจมองหน้าอันดาอย่างครุ่นคิด ก่อนจะจำใจเอ่ยตอบตกลงออกไป
“ก็ได้จ้ะ พวกหนูทุกคนต้องสัญญานะว่าจะต้องระวังตัวดี ๆ”
“ค่ะ/ครับ”
“ไป งั้นไปกินข้าวกัน ป้าทำไว้เรียบร้อยแล้วจ้ะ”
หลังจากกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย ก็ได้แยกย้ายกันไปพักผ่อน เพราะเหนื่อยกันมาตลอดหลายวัน หลังจากคนอื่น ๆ แยกย้ายกันไปพักตามที่ต่าง ๆ ภายในบ้าน น้ำเหนือเองก็ได้มานั่งอยู่สวนหลังบ้านคนเดียว สายตามองทอดออกไปยังท้องฟ้าอันกว้างไกล พร้อมกับเสียงความคิดในหัว ที่ว่าถึงแม้จะเหนื่อย จะท้อจนเกือบจะถอย แต่สุดท้ายแล้วความพยายามของตัวเองและเพื่อน ๆ ก็ได้ผลที่ดีพอสมควร และต่อจากนี้สถานการณ์คงจะอันตรายมากยิ่งขึ้นแน่นอน
อันดาที่เพิ่งเก็บกวาดห้องครัวเสร็จ ก็เดินออกมาหาน้ำเหนือ และก็เห็นว่าน้ำเหนือนั้นหลับอยู่ที่เก้าอี้นอนของลุงสมคิด อันดาเผยรอยยิ้มเอ็นดูออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ และยกมือขึ้นและใช้นิ้วจิ้มไปที่แก้มของเขาเบา ๆ พร้อมกับจ้องมองชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่ ด้วยสายตาสื่อถึงความรักอันลึกซึ้งที่มีให้กับชายหนุ่มตรงหน้า จากนั้นอันดาก็ใช้ริมฝีปากแตะที่แก้มของน้ำเหนือเบา ๆ
ทว่าอันดากลับไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว น้ำเหนือนั้นไม่ได้หลับจริง ๆ เพราะรู้ว่าอันดาต้องเดินมาหาตัวเองแน่นอน และก็เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือสิ่งที่อันดาทำ เมื่อเห็นว่าอันดากำลังจะเดินกลับเข้าบ้าน น้ำเหนือได้คว้าแขนอันดาและดึงเธอมาลงมานั่งที่ตัก มือข้างหนึ่งโอบเอว อีกข้างเชยคางของเธอขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจูบอย่างนุ่มนวล อันดาตกใจ รีบถอนจูบออกมา และยืนตรงมองหน้าน้ำเหนืออย่างไม่วางตา แต่ทว่าใจกลับเต้นแรง จนอันดาเริ่มหน้าแดงด้วยความเขินอาย น้ำเหนือที่เห็นเช่นนั้น ก็ได้หลุดหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูหญิงสาวคนตรงหน้า ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเขินอายเอามาก ๆ น้ำเหนือจึงพูดแซวออกไปเบา ๆ
“ทำเขาก่อน พอเขาทำคืนก็มาเขินเองเนี่ยนะ”
“ก็...ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวเลย”
“งั้น...ตอนนี้ตั้งตัวได้แล้ว ก็...อีกรอบมั้ยล่ะ”
“ไม่ต้องเลย!”
“โอเค ๆ มานั่งนี่มา” น้ำเหนือตบไปตรงที่ว่างข้างตัวเองเบา ๆ เพื่อเชื้อเชิญอันดา
เมื่ออันดาเดินไปนั่งข้าง ๆ แล้ว น้ำเหนือได้แบมือส่งให้อันดาจับ อันดาก็ค่อย ๆ ยกมือขึ้นมาจับ จากนั้นน้ำเหนือก็กุมมืออันดาเอาไว้ สายตามองออกไปยังท้องฟ้าที่ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังใกล้จะตกเต็มที่แล้ว จู่ ๆ น้ำเหนือก็ขานชื่อแฟนสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มวลอ่อนโยน
“อันดา”
“ฮะ”
“รู้ใช่มั้ย ว่าหลังจากนี้มันจะอันตรายมากกว่าเดิม ถ้าเกิดเราเป็นอะไรไป อันดาต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะ รู้มั้ย” อันดาหันขวับมองน้ำเหนือทันที แต่สายตาของน้ำเหนือยังคงมองไปที่ท้องฟ้าอยู่
“ไม่เอาอะ เราอยากให้เหนือดูแลเรามากกว่า สัญญากับเราได้มั้ย ไม่ว่าเหนือจะทำอะไร เหนือต้องบอกเราก่อน”
“อื้อ ได้สิ” สิ้นเสียงตอบกลับของน้ำเหนือ อันดาเคลื่อนตัวเข้าไปนั่งใกล้ ๆ น้ำเหนือและซบใบหน้าลงบนอกของเขา ทำให้รู้สึกได้ถึงอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของน้ำเหนือ และทั้งสองคนก็ได้นั่งมองพระอาทิตย์ตกไปด้วยกัน
ผ่านไปอีกหนึ่งวัน รุ่งเช้าน้ำเหนือ อันดา โนอา และเกล ได้เตรียมตัวออกไปหาเหมยและตรัย เพื่อเอาคำตอบที่ได้บอกเอาไว้เมื่อวาน และในวันนี้น้ำเหนือได้บอกให้เพื่อน ๆ ที่เหลือ พักผ่อนอยู่ที่บ้านก่อน เพราะถ้าไปกันหมดทั้งสิบคน ก็เหมือนจะไปคุกคามเขาได้ เดี๋ยวจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต
ทั้งสี่คนออกเดินทางไปที่บ้านของเหมยในช่วงเวลาประมาณแปดโมงกว่า ๆ เมื่อมาถึงก็เจอเหมยนั่งรออยู่ที่หน้าบ้าน แต่สีหน้าของเหมยดูซูมและโทรมไปมากกว่าเมื่อวานหลายเท่าตัว สภาพที่ทั้งสี่ได้เห็นในตอนนี้คือ ขอบตาดำคล้ำ ปากซีดเซียว ดูไม่มีเรี่ยวแรง เพราะแค่จะเดินมาเปิดประตูให้ทั้งสี่ยังไม่แรงจะย่างกราย ทั้งสี่คนจึงต้องเปิดประตูเข้าไปเอง
สี่คนเดินตรงเข้าไปหาเหมยทันที และได้ถามไถ่ว่าทำไมเหมยถึงมีสภาพเป็นแบบนี้ ทั้งที่เมื่อวานยังดี ๆ อยู่ ก็ได้คำตอบกลับมาว่า เธอนั้นโดนผีดาหลาหลอกทั้งคืน ทำให้เธอนั้นไม่ได้นอนเลย เพราะไม่ว่าเธอจะหลับตาลงเมื่อใด ก็จะเห็นแต่ภาพใบหน้าของดาหลาที่บวมเป่งผิดรูป ดวงตาถลนโปนพร้อมจะหลุดออก แถมผิวหนังยังเต็มไปด้วยรูที่มีแมลงชอนไชเข้าออก