เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

พวกมึงลบหลู่กู - ตอนที่ ๒๗ พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก,ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พวกมึงลบหลู่กู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

อมายา

เรื่องย่อ

"น้องกูก็ตายแล้วนี่ไง พวกมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ หรือต้องให้กู้ตายอีกคน พวกมึงถึงจะพอใจ"


"ใช่ ถ้ามึงตาย แล้วได้สี่คนนั้นกลับมา มึงจะยอมตายมั้ย"


"..."


"เห็นมั้ย ตัวมึงเองยังไม่อยากตายเลย และสี่คนนั้นมันอยากตายเหรอ มึงคิดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความคิดตัวเอง แบบนี้เขาเรียกเห็นแก่ตัวว่ะ"



เพียงเพราะความปากพล่อยและความโผงผางของคนคนหนึ่ง ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน และกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนทุกคนต้องตามสืบเรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่จะได้รอดจากน้ำมือของผีตนนี้

สารบัญ

พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓๐ พวกมึงลบหลู่กู

เนื้อหา

ตอนที่ ๒๗ พวกมึงลบหลู่กู

ตอนที่ ๒๗
“ก็ถูกแล้วนิ ไปทำเขาไว้ก่อน แย่งของเขามา ก็ไม่แปลกที่เขาจะมาทวงคืน” เกลพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งออกมาเบา ๆ แต่เหมยก็ยังได้ยินอยู่ดี เหมยหันไปจ้องเขม็งใส่เกล ก่อนจะเอ่ยพูดพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ
“ฉันไม่แย่งนะ ไม่รู้จริง...ก็อย่างเที่ยวพูดไปทั่ว” เกลและเพื่อนอีกสามได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับคำพูดของเหมย น้ำเหนือที่ได้ยินเช่นนั้น ก็เดินไปนั่งที่โต๊ะม้าหินฝั่งตรงข้ามกับเหมย และได้จ้องมองใบหน้าของเหมยอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะอ้าปากถามถึงความจริง
“พวกผมมาเอาคำตอบจากคุณ”
“...”
“คุณตรัยจะมาที่นี่หรือเปล่าครับ”
“มา”
“ได้ครับ งั้นไว้รอเล่าทีเดียวพร้อมกันเลยดีกว่า”
จากนั้นก็นั่งรอตรัยราว ๆ หนึ่งชั่วโมงได้ แต่ก็ยังไร้วี่แวว เวลาผ่านไปจนแล้วจนเล่า และฟ้าก็เริ่มจะมืดเสียแล้วด้วย น้ำเหนือที่กลัวว่าถ้ากลับในตอนที่ฟ้ามืดสนิทแล้ว อาจจะเกิดอันตรายกับตัวเองและเพื่อน ๆ ได้ จึงตัดสินว่ากลับบ้านกันก่อน แล้วจะมาใหม่ในวันพรุ่งนี้ ทว่าขณะที่ทุกคนกำลังจะลุกขึ้นจากโต๊ะม้าหิน ตรัยก็เปิดประตูรั้วเข้ามาพอดี พร้อมกับกล่าวคำขอโทษแก่ทุกคน
“โทษทีนะ ติดงานนิดหน่อยน่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณพร้อมจะบอกความจริงกับพวกเราแล้วใช่มั้ย” น้ำเหนือเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง ตรัยนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับสีหน้าจริงจัง
“ผมไม่มีความจริงอะไรจะบอกกับพวกคุณหรอกนะ ที่ผมมา...เพราะเป็นห่วงเหมยเท่านั้นแหละ”
“ได้ครับ งั้นผมจะเล่าในส่วนที่ผมต้องเจอก่อนแล้วกัน แล้วคุณค่อยตัดสินใจว่าจะบอกความจริงกับพวกผมหรือเปล่า”
น้ำเหนือได้เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่ได้ประสบพบเจอมา จากการที่โดนผีดาหลาตามหลอกหลอนจนถึงแก่ชีวิต และน้ำเหนือยังบอกกับตรัยและเหมยอีกว่าได้สูญเสียเพื่อน ๆ และน้องอันเป็นที่รักไปถึงสี่คน เพียงเพราะไปพูดท้าทายและเผลอทำศาลพัง ทางด้านตรัยและเหมยต่างก็รู้ดีว่าการที่โดนดาหลาตามหลอกหลอนมันทรมานแค่ไหน และยิ่งทั้งคู่มาได้ยินว่ามีคนเสียชีวิตเพราะดาหลาอีก ทั้งสองคนจึงตัดสินใจที่จะบอกเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง
“ผมจะเล่าให้พวกคุณฟังก็ได้”
“แน่ใจนะครับ”
“อือ ผมเล่าเลยนะ...”
ตรัยได้เล่าว่า...เมื่อแปดปีก่อน ดาหลาและเหมยได้เข้ามาเป็นนางรำฝึกหัดที่คณะของแม่เขา ซึ่งในตอนนั้นดาหลาและเหมยอายุเพียงยี่สิบปี ดาหลามีใบหน้าสวยราวกับนางในวรรณคดี เรียกได้ว่าใครเห็นเป็นต้องหลงรัก และก็เป็นดั่งที่คนอื่น ๆ เขาว่ากัน เพราะครั้งแรกที่ตรัยได้เห็นใบหน้าของดาหลาก็ต้องตกหลุมรักตั้งแรกเห็น ซึ่งในตอนนั้นตรัยอายุห่างกับดาหลาหลายปีพอสมควร ตรัยจึงได้เลิกคิดที่จะจีบดาหลา เพราะอายุที่ห่างกัน และดาหลาก็ยังเด็กเกินไปสำหรับเขาในตอนนั้น แต่ทว่าหลังจากที่ตรัยได้เจอดาหลาแล้ว ก็ทำให้คิดถึงแต่ดาหลาอยู่ตลอด จนตัดสินใจจะจีบดาหลา ตรัยตามจีบดาหลาอยู่ราว ๆ หนึ่งปีได้ ดาหลาถึงยอมตกลงเป็นแฟนด้วย แต่ทุกอย่างใช่ว่าผ่านไปง่าย ๆ เพราะแม่และพี่สาวของตรัยนั้นไม่ชอบดาหลาเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองคนจึงจำใจต้องแอบคบกันมาตลอด จนเวลาไปผ่านสามปีแม่และพี่สาวของตรัยได้รู้เข้า ว่าทั้งสองคนแอบคบหากันอยู่ จากนั้นมาแม่และพี่สาวก็จะคอยกลั่นแกล้งดาหลาอยู่ตลอด แต่แล้วจู่ ๆ วันหนึ่งดาหลาได้มาขอเลิกกับตรัย แต่ตรัยไม่ยอม และขอให้ดาหลาอดทนไปก่อน และวันนั้นตรัยกับดาหลาก็ได้ทะเลาะกันหนักมาก เพราะขณะที่กำลังคุยกันเรื่องแม่และพี่สาวของอยู่ เหมยได้ส่งรูปภาพที่ตัวเองนอนเปลื้องผ้ากอดกันกับตรัยอยู่บนเตียงมาหาให้ดาหลา และขณะที่ทะเลาะกันตรัยขาดสติเผลอทำร้ายดาหลา แต่เมื่อได้สติกลับมา ตรัยก็รีบกล่าวคำขอโทษและเดินออกมาจากบ้านพักของดาหลาทันที และตั้งแต่วันนั้นตรัยก็ไม่เจอดาหลาอีกเลย จนมาโดนมาได้ยินว่าคนอื่นในคณะโดนผีดาหลาตามหลอกหลอน ถึงได้คิดว่าดาหลาคงเสียชีวิตไปแล้ว แต่เมื่อตรัยไปถามพ่อกับแม่ของดาหลา ก็พบว่าดาหลายังไม่เคยกลับมาที่บ้านเลยตั้งแต่วันนั้น ตรัยจึงคิดว่าดาหลาต้องหายตัวไปแน่นอน ตรัยเฝ้าตามหาดาหลาอยู่ตลอดเป็นปี แต่ก็ไม่พบ ตรัยทำใจอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้ จึงได้ขอย้ายไปทำธุรกิจอยู่ที่ต่างประเทศ
เมื่อตรัยเล่าเรื่องราวจบ น้ำเหนือกับอันดาหันมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ เพราะเรื่องราวของตรัย กับของนางลัดดาหรือแม่ของตรัยนั้นช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เนื่องจากในตอนนั้นนางลัดดาบอกว่าตัวเองชอบและเอ็นดูดาหลามาก แต่เมื่อได้ฟังเรื่องของตรัยกลับไม่ใช่แบบนั้นเสียเลย น้ำเหนือได้ละสายตาอันดา และได้หันไปถามกับเหมย
“แล้วทำไม คุณถึงทำกับเพื่อนตัวเองแบบนั้นล่ะ”
“ฉันเปล่านะ ถ้างั้นฉันขอเล่าในมุมของฉันบ้างแล้วกัน...”
เหมยเล่าว่า...ตัวเองและดาหลาเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เรียนประถม เพราะเมื่อก่อนบ้านทั้งสองคนอยู่ใกล้กัน แถมพ่อแม่ของทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนกันอีก จึงพลอยทำให้เหมยและดาหลาสนิทกันไปด้วย จนวันหนึ่งที่ทั้งสองเข้ามาที่คณะของนางรำของแม่ตรัย ซึ่งในตอนนั้นมีคนเข้ามาสมัครเป็นนางรำเยอะมาก แต่มีเพียงแค่เหมยและดาหลาที่ผ่านเข้าไปเป็นนางรำ แต่ตลอดการเป็นนางรำของทั้งสองคน มักจะโดนคนในคณะและเจ้าของคณะหรือแม่และพี่สาวของตรัยกลั่นแกล้ง รังแกอยู่ตลอด จะขอกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ก็ไม่ได้ ถูกดุด่าสารพัดแต่ทั้งสองคนก็ทนมาโดยตลอด เพราะรักในการเป็นนางรำมาก แต่แล้ววันหนึ่งพ่อแม่ของเหมยเข้าโรงพยาบาลเพราะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่แม่และพี่สาวของตรัยรู้ว่าดาหลาแอบคบกับลูกชายของตน ประกอบกับในตอนนั้นเหมยได้ขอออกไปดูพ่อและแม่ที่โรงพยาบาล พี่สาวของตรัยจึงได้ยื่นข้อเสนอให้เหมย โดยการที่จะจ้างให้เหมยจัดฉากว่าตัวเองนั้นมีอะไรกันกับตรัย เหมยที่ไม่มีทางเลือก จึงได้ยอมรับข้อเสนอนั้นไป โดยไม่คิดไตร่ตรองให้ดีเสียก่อนว่าดาหลาจะรู้สึกเช่นไร ผ่านไปไม่กี่วันพี่สาวของตรัยได้ส่งข้อความมาบอกให้เข้าไปที่บ้านได้เลย เพราะวางยาสลบตรัยไปแล้ว เหมยก็รีบเข้าไปและทำตามที่พี่สาวของตรัยบอกทุกอย่าง จนเรียบร้อย เหมยก็ได้ออกไปเยี่ยมพ่อแม่ตามที่หวังเอาไว้ แต่จู่ ๆ ขณะที่เหมยกำลังดูแลพ่อแม่อยู่ที่โรงพยาบาล พี่สาวของตรัยได้ส่งข้อความมาบอกว่าส่งรูปนั้นให้ดาหลาได้เลย เหมยก็ทำตามที่บอก และได้ปิดเครื่องโทรศัพท์ไป จึงทำให้ไม่รู้เลยว่าดาหลาได้โทรหาเป็นหลายร้อยสาย เหมยเองก็ไม่คิดว่าจะเรื่องราวจะใหญ่โตจนดาหลานั้นหายไป ตั้งแต่ที่ดาหลาหายตัวไป เธอไม่กล้าสู้หน้าพ่อแม่ของดาหลาเลย และเธอก็ไม่เคยเจอดาหลาเหมือนคนอื่น ๆ เลยไม่เชื่อว่าดาหลาจะเสียชีวิตไปแล้ว จนเมื่อคืนนี้ที่เธอได้เห็นสภาพของดาหลาในฝัน
เมื่อได้ฟังเรื่องราวของทั้งสองแล้ว น้ำเหนือและอันดาก็ยิ่งขมวดคิ้วเป็นปมหนักกว่าเดิม เพราะไม่รู้จะเลือกเชื่อคำพูดของใครคนไหนดี เพราะเรื่องราวนั้นช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ตรัยเองก็ไม่ต่างกับน้ำเหนือและอันดา เพราะไม่คิดว่าพี่สาวและแม่ของตัวเองจะเป็นคนแบบนี้ ทว่าขณะที่น้ำเหนือและกำลังมองหน้ากันอยู่ โนอาได้หันไปเอ่ยถามเหมย
“ถ้าคุณโดนจ้างมา และทำไมตอนนี้ถึงยังติดต่อกันอยู่กันอยู่ล่ะครับ”
“ก็ผมเอ็นดูเหมย เพราะเหมยเหมือนน้องสาวผมที่...เสียชีวิตไปแล้วน่ะครับ”
“และทำไมเมื่อเช้าคุณเหมยถึงพูดแบบนั้น...” โนอาอ้าปากพูดได้เพียงเท่านี้ เหมยก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
“ก็พอฉันบอกความจริง แล้วฟังกันมั้ยล่ะ แล้วอีกอย่างนะ ฉันช่วยพี่ตรัยตามหาดาหลาตลอด จนวันที่พี่ตรัยไปอยู่ต่างประเทศ ฉันก็เลยย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ตอนนี้ก็คงต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นอีกแล้วแหละมั้ง เพราะไม่รู้ว่าแม่กับพี่สาวของพี่ตรัยจะมาจัดการฉันเมื่อไรก็ไม่รู้”
“งั้นเอาเบอร์พวกผมไว้ก็ได้นะครับ เผื่อเกิดอะไรขึ้น ก็โทรหาได้ครับ” เหมยหันมองหน้าตรัยแวบหนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ส่งให้โนอากดเบอร์เอาไว้ ไม่นานโนอาก็ส่งโทรศัพท์คืนให้เหมย เหมยจึงได้เอ่ยถาม
“แล้วไม่กลับบ้านกันเหรอ มืดมากแล้วนะ แล้วมายังไงกัน ให้พี่ตรัยไปส่งมั้ย” อันดารีบโบกมือปฏิเสธทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราเอารถยนต์มา จอดอยู่ที่ข้างรั้วบ้านนี่เองค่ะ งั้นพวกเราขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะคะ ไว้พรุ่งนี้จะมาใหม่ค่ะ”
“โอเค เดินทางปลอดภัยแล้วกัน” เหมยละสายตาจากทั้งสี่คน และได้หันสายตาไปที่ตรัย ก่อนจะเอ่ยปากไล่ให้ตรัยกลับบ้านไปก่อนที่แม่และพี่สาวจะสงสัยไปมากกว่านี้
“พี่ก็รีบกลับได้แล้ว เดี๋ยวเขาจะรู้ซะก่อนว่าหนูกลับมาที่นี่แล้ว”
“อือ ๆ งั้นพี่กลับก่อน ดูแลตัวเองด้วยล่ะ” เมื่อทุกคนกลับไปหมดแล้ว เหมยก็ปิดล็อกบ้านทันที