เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

พวกมึงลบหลู่กู - ตอนที่ ๒๘ พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก,ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พวกมึงลบหลู่กู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

อมายา

เรื่องย่อ

"น้องกูก็ตายแล้วนี่ไง พวกมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ หรือต้องให้กู้ตายอีกคน พวกมึงถึงจะพอใจ"


"ใช่ ถ้ามึงตาย แล้วได้สี่คนนั้นกลับมา มึงจะยอมตายมั้ย"


"..."


"เห็นมั้ย ตัวมึงเองยังไม่อยากตายเลย และสี่คนนั้นมันอยากตายเหรอ มึงคิดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความคิดตัวเอง แบบนี้เขาเรียกเห็นแก่ตัวว่ะ"



เพียงเพราะความปากพล่อยและความโผงผางของคนคนหนึ่ง ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน และกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนทุกคนต้องตามสืบเรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่จะได้รอดจากน้ำมือของผีตนนี้

สารบัญ

พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓๐ พวกมึงลบหลู่กู

เนื้อหา

ตอนที่ ๒๘ พวกมึงลบหลู่กู

ตอนที่ ๒๘
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ทั้งสี่คนเล่าเรื่องราวที่ได้ฟังมาจากเหมยและตรัยให้เพื่อน ๆ ฟัง และคราวนี้น้ำเหนือได้ขอร้องกับเพื่อนทุกคนว่าอย่าเพิ่งเล่าเรื่องนี้ให้ลุงสมคิดกับป้าสายใจฟัง เพราะกลัวว่าท่านสองคนจะกังวลใจไปเสียเปล่า และเมื่อถึงเวลานั้น น้ำเหนือจะเป็นคนเล่าทุกอย่างให้ท่านสองคนฟังเอง
จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง อย่างเช่นเคยเหมือนกับทุก ๆ วัน ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ จนถึงรุ่งเช้า น้ำเหนือ อันดา เกล และโนอาได้ขับรถออกมาจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ โดยที่คนทั้งบ้านยังไม่มีใครตื่นขึ้นมาสักคน แต่ถ้าจะให้รอนานกว่านี้ก็เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับเหมยได้ เพราะน้ำเหนือคิดว่า อีกไม่นานครอบครัวของตรัยต้องรู้แน่ ๆ ว่าเหมยกลับมาแล้ว และครอบครัวนั้นจะต้องตามจัดการกับเหมยเป็นแน่
เมื่อมาถึงบ้านของเหมย เห็นรถเก๋งจอดอยู่หนึ่งคันที่หน้าบ้าน ทั้งสี่จึงมองผ่านประตูรั้วเข้าไป เห็นไฟในบ้านเปิดอยู่ น้ำเหนือได้บอกให้เกลไปกดกริ่ง ส่วนตัวเองนั้นจะคอยมองว่ามีใครอยู่กับเหมยในบ้านหรือเปล่า และคนที่เดินออกมาเปิดประตูก็คือตรัยนั่นเอง ทั้งสี่จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเดินตามตรัยเข้าบ้านไป ก็เจอเหมยนั่งรออยู่ที่โซฟา
“มากันแล้วเหรอ” เกลมองหน้าเหมยและตรัยสลับกันไปมาด้วยความสงสัย ก่อนจะเอ่ยถาม
“พวกคุณ...รู้ด้วยเหรอว่าเราจะมาเวลานี้”
“รู้สิ...ก็ดาหลามาเข้าฝันบอก ฉันเลยมาเตรียมตัวรอพวกเธอนี่ไง” ทั้งสี่คนยืนมองหน้าอย่างเลิ่กลั่ก ก่อนจะหันไปจ้องมองใบหน้าของเหมยและตรัย จนเหมยและตรัยนั้นทำตัวไม่ถูก
“เลิกมองแบบนี้ได้แล้ว ฉันไม่ใช่นักโทษนะ” ตรัยที่ยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้ของเหมย ก็หลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะกวักมือเรียกให้ทั้งสี่คนเข้าไปนั่งคุยกัน เมื่อสี่คนเดินไปที่โซฟาแล้ว ตรัยก็เปิดประเด็นขึ้นมาในทันที
“เรามาตามหาร่างของดาหลาต่อกันมั้ย ไหน ๆ พวกเธอก็เข้ามาช่วยแล้ว” ทันทีตรัยพูดจบ โนอาก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
“ถึงพวกคุณไม่ชวน พวกผมก็ตามหาพี่ดาหลาอยู่ดีแหละครับ”
“โอเค งั้นผมจะลองเข้าไปหลอกถามแม่พี่สาวแล้วกันนะ ถ้าได้เรื่องยังไง ผมจะโทรตามให้มาเจอกันที่นี่ พวกคุณโอเคมั้ย”
“พวกเราโอเคครับ”
จากนั้นก็ตรัยก็แยกตัวกลับบ้านไปก่อน ส่วนทั้งสี่คนได้นั่งคุยอยู่กับเหมยสักพักใหญ่ จนได้รู้ว่าแม่และพี่สาวของตรัยเป็นคนร้ายลึก ถ้าไม่ชอบใครคนไหนก็สามารถที่จะทำให้คนคนนั้นหายไปได้เลย โดยที่ไม่มีใครสงสัย อย่างเช่น กรณีของดาหลา ที่ไม่มีใครสงสัยเขาทั้งสองคนเลย และทั้งสี่คนก็ได้ขอตัวลากลับบ้านก่อน
| ตรัย
ผ่านไปสักพักตรัยขับรถมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง แต่ยังไม่ขับเข้าไปในบ้าน เพียงเพราะรู้สึกกลัวคำตอบที่จะได้ยินจากปากของคนในครอบครัวในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ตรัยดับเครื่องรถ แต่ยังคงนั่งอยู่ในรถ สายตาจดจ้องมองเข้าในบ้านอย่างเป็นกังวล ตรัยสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่เพื่อรวบรวมสติ ก่อนจะเอื้อมมือไปสตาร์ทเครื่องรถ และขับเข้าไปจอดที่โรงรถข้างตัวบ้าน
ตรัยเปิดประตูรถพร้อมสูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง ก่อนจะปั้นหน้ายิ้มแย้มเดินเข้าบ้านไปหาแม่และพี่สาวของตน เมื่อเดินเข้ามาก็เจอผู้เป็นแม่นั่งอยู่หน้าทีวี ตรัยวางในมือลงที่โต๊ะข้างประตู และเดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับถามหาคนเป็นพี่สาว
“พี่รินดาล่ะครับแม่”
“อยู่บนห้องน่ะ ตรัยมีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ...” ตรัยยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผาก ท่าทางคล้ายกับคนทุกข์ร้อนใจ ผู้เป็นแม่ที่ได้เห็นเช่นนั้น ก็ต้องรีบเอ่ยถามไถ่อาการของลูกชายด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรหรือเปล่าตรัย บอกแม่ได้นะ”
“ผม...แค่คิดถึงดาหลาน่ะครับ” ขณะที่นางลัดดากำลังจะอ้าปากตอบกลับลูกชาย จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดแทรกดังมาจากบันได
“จะไปคิดถึงมันทำไม มันเป็นคนทิ้งเธอไปนะ พี่บอกไม่รู้กี่ครั้งแล้ว”
“ก็ผมรักเขานี่ครับ ผมไม่เคยเลิกรักเขา และผมก็จะรักเพียงแค่ดาหลาคนเดียวตลอดไป” ผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ได้เอ่ยห้ามปรามที่สองพี่น้องนั้นทะเลาะกัน
“ใจเย็น ๆ กันนะลูก” แต่ทั้งสองคนก็ยังคงเถียงกันไปมา อย่างไม่ท่าทีว่าจะยอมกันเสียเลย จนนางลัดดานั้นทนไม่ไหว ได้หลุดพูดอะไรบางออกมา
“มันตายไปแล้ว มันไม่กลับมาหาแกหรอก” แต่ตรัยได้ยินไม่ชัด จึงได้หยุดการกระทำตรงหน้า และหันไปหานางลัดดา พร้อมกับเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“แม่ว่าไงนะครับเมื่อกี้”
“แม่...เอ่อ...แม่...” รินดาที่เห็นนางลัดดาอ้ำอึ้ง ไม่ยอมพูดเสียที เธอจึงตัดสินใจเป็นคนพูดออกไปเองเสียเลย
“ก็อีดาหลามันตายไปแล้วไง มันตายไปแล้ว แกได้ยินมั้ยตรัย มันตายไปแล้ว”
“พี่รู้ได้ไง ว่าดาหลาตายแล้ว เมื่อวานผมยังเจอเขาอยู่เลย” เมื่อตรัยพูดจบ รินดามีสีหน้าที่ดูจะตกใจกับคำพูดของตรัยอยู่ไม่น้อย ก่อนจะเดินถอยหลังไปจนล้มลงไปนั่งที่โซฟา พร้อมกับพูดพึมพำออกมา
“ไม่จริง มันตายแล้ว แกจะเห็นมันได้ยังไง”
“ทำไมผมจะเห็นดาหลาไม่ได้ล่ะ”
“ก็ฉันเป็นฆ่ามันกับมือตัวเอง มันตายคามือฉัน ไม่มีทางที่แกจะเจอมันหรอก” รินดาหลุดพูดออกมาด้วยท่าทีหวาดระแวง กวาดสายมองไปมองมารอบ ๆ
“พี่ว่าไงนะ พี่ฆ่าดาหลาเหรอ” รินดาที่เพิ่งได้สติกลับมา ก็รู้ตัวว่าตัวได้หลุดพูดความจริงออกไปหมดแล้ว ทว่ารินดากลับมีท่าทีที่ดูจะไม่สำนึกเสียเลย แถมยังลอยหน้าลอยตาบอกว่าไม่มีใครเอาผิดตัวเองได้ เพราะว่ารินดาและนางลัดดาได้ช่วยกันทำลายหลักฐานไปหมดแล้ว
“พี่กับแม่คิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ” ตรัยพูดจบ ก็ยกมือถือที่กำลังอัดเสียงอยู่ ออกมาให้รินดาและนางลัดดาดู ทั้งสองเห็นแบบนั้น ก็ตกใจและรีบวิ่งเข้าไปแย่งโทรศัพท์จากมือของตรัยมา เพื่อจะลบคลิปเสียงนั้นทิ้งไป เพราะสิ่งที่รินดาได้พูดออกมา ตรัยได้อัดเสียงเอาไว้หมดแล้ว แต่ก็สู้แรงของผู้ชายอย่างตรัยไม่ไหว
“แกเอามานี่นะ แกอยากให้ฉันกับแม่ติดคุกเพราะอีผู้หญิงคนเดียวนั่นเหรอ”
“ใช่! แต่ก่อนจะที่พี่กับแม่จะติดคุก ผมขอถามอะไรหน่อยสิ พี่ทำแบบนี้ทำไม พี่ฆ่าดาหลาทำไม”
“ทำไมฉันจะฆ่ามันไม่ได้ มันแย่งคนที่ฉันรักไป มันรู้อยู่แก่ใจ...ว่าฉันรักแก แต่มันก็ยังเข้ามายุ่ง”
“ผมเป็นน้องพี่นะ!”
“แล้วไง ฉันเป็นแค่ลูกบุญธรรม ฉันจะรักแกมันก็ไม่ผิดนิ”
“พี่แม่ง...โคตรน่าขยะแขยงเลยรู้ตัวมั้ย”
จากนั้นรินดาพยายามจะเข้าไปแย่งโทรศัพท์จากตรัยอีกครั้ง ขณะที่กำลังยื้อแย่งกันอยู่ ตรัยก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ยังไม่รู้เลยร่างของดาหลาอยู่ที่ไหน ตรัยจึงคิดที่จะหลอกเอาคำตอบจากรินดาอีกครั้ง ตรัยผลักรินดาลงไปที่โซฟา พร้อมกับยื่นข้อเสนอให้
“ถ้าพี่อยากได้มาก พี่ก็บอกความจริงทั้งหมดมา แล้วผมจะยอมให้ก็ได้”
“แน่ใจนะ...”
วันนั้นก่อนที่ทุกคนจะคิดว่าดาหลาหายตัวไป หลังจากที่ดาหลากับตรัยทะเลาะกันอย่างหนักหน่วงที่บ้านพักของดาหลา รินดาและนางลัดดาก็ได้ยืนแอบดูอยู่ใกล้ ๆ บ้านพักของดาหลานั่งเอง เมื่อได้เห็นว่าตรัยเผลอทำร้ายดาหลา รินดาก็ยิ้มมีความสุขออกมา ก่อนจะเห็นว่าตรัยเดินออกไป ปล่อยให้ดาหลายืนร้องไห้อยู่คนเดียว รินดาจึงชวนนางลัดดาเข้าไปหาดาหลา ในตอนแรกรินดากะว่าจะเข้าไปเยาะเย้ยดาหลาเพียงเท่านั้น แต่โดนดาหลาพ่นคำด่าทอใส่ จนเกิดบันดาลโทสะขึ้นมา เดินไปหยิบก้อนหินก้อนใหญ่มาหนึ่งก้อน และเดินไปฟาดใส่หัวดาหลา จนดาหลาสลบไป แต่ด้วยความโกรธที่สะสมมานานตั้งแต่โดนแย่งคนรักไป รินดาเดินเข้าไปใกล้ร่างของดาหลา และใช้หินก้อนทุบไปที่หัวของดาหลาซ้ำไปซ้ำมา จนดาหลาเสียชีวิตในที่สุด นางลัดดาที่ยืนดูอยู่ก็ตกใจมากที่เห็นการกระทำของลูกสาวตัวเอง ขณะที่กำลังยืนอึ้งอยู่ รินดาก็ได้กวักมือเรียกให้ไปช่วยลากร่างของดาหลาไปฝังที่หลังบ้านหรือใต้ศาลของดาหลานั่นเอง ในตอนแรกนางลัดดาไม่ยอมไปช่วย แต่ก็โดนรินดาขู่ว่าจะส่งตัวเองตามดาหลาไป เช่นนั้นนางลัดดาจึงต้องจำใจเข้าไปช่วยรินดาทำลายหลักฐานทุกอย่าง และแสร้งทำเป็นว่าดาหลาหายตัวไป
“ฉันบอกแกแล้ว ที่นี่แกจะลบได้หรือยัง”
“พี่ไม่น่าโง่ขนาดนี้นะ ไว้ผมจะไปเยี่ยมที่เรือนจำแล้วกันนะ”
ตรัยรีบวิ่งออกมาขึ้นรถ และขับตรงไปที่บ้านของเหมยทันที ระหว่างทางตรัยก็ได้โทรตามทั้งสี่คนให้ไปเจอกันที่บ้านไม้หลังนั้นทันที พร้อมกับบอกว่าร่างของดาหลาฝังอยู่ที่ใต้ศาลไม้หลังบ้าน ให้ทั้งสี่คนเข้าไปขุดหาร่างดาหลาก่อน เพราะว่าตรัยจะแวะเข้าไปรับเหมยก่อน
ในเวลาเดียวทางด้านของพวกน้ำเหนือ หลังจากได้รับโทรศัพท์จากตรัย น้ำเหนือก็พาเพื่อนทุกคนเดินตรงไปที่บ้านหลังไม้หลังนั้นทันที แต่คราวนี้ลุงสมคิดและป้าสายใจได้ขอตามมาด้วย ในตอนแรกน้ำเหนือได้ห้ามเอาไว้ รอให้ทุกอย่างจบสิ้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยพาลุงกับป้าไปหาดาหลา แต่ลุงสมคิดกับป้าสายใจไม่ยอมท่าเดียว น้ำเหนือจึงจำใจต้องพาท่านทั้งสองคนมาด้วย