เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

พวกมึงลบหลู่กู - ตอนที่ ๒๙ พวกมึงลบหลู่กู โดย อมายา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก,ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พวกมึงลบหลู่กู

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ตลก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,ดราม่า,รักวัยรุ่น

รายละเอียด

เพราะความปากพล่อยของคนคนหนึ่ง ใครหลายคนจึงต้องประสบปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการตามหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

อมายา

เรื่องย่อ

"น้องกูก็ตายแล้วนี่ไง พวกมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ หรือต้องให้กู้ตายอีกคน พวกมึงถึงจะพอใจ"


"ใช่ ถ้ามึงตาย แล้วได้สี่คนนั้นกลับมา มึงจะยอมตายมั้ย"


"..."


"เห็นมั้ย ตัวมึงเองยังไม่อยากตายเลย และสี่คนนั้นมันอยากตายเหรอ มึงคิดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความคิดตัวเอง แบบนี้เขาเรียกเห็นแก่ตัวว่ะ"



เพียงเพราะความปากพล่อยและความโผงผางของคนคนหนึ่ง ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน และกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนทุกคนต้องตามสืบเรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่จะได้รอดจากน้ำมือของผีตนนี้

สารบัญ

พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๑๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๐ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๑ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๒ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๓ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๔ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๕ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๖ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๗ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๘ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๒๙ พวกมึงลบหลู่กู,พวกมึงลบหลู่กู-ตอนที่ ๓๐ พวกมึงลบหลู่กู

เนื้อหา

ตอนที่ ๒๙ พวกมึงลบหลู่กู

ตอนที่ ๒๙
เมื่อทุกคนมาถึงบ้านไม้ที่เคยโดนผีหลอก น้ำเหนือหันหน้ากลับไปขอกุญแจกับป้าสายใจ แต่ทว่าด้วยความรีบร้อน ทำให้ป้าสายใจลืมหยิบมาด้วย เลยกำลังจะหมุนตัวกลับไปเอากุญแจที่บ้านอีกครั้ง แต่ก็โดนลุงสมคิดดึงแขนเอาไว้เสียก่อน และลุงสมคิดก็หันไปบอกกับน้ำเหนือ ว่าให้พังเข้าไปได้เลย
น้ำเหนือที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รอช้า นำเสียมขุดดินที่ถือมา ฟาดไปที่โซ่คล้องประตู ไม่กี่ครั้งโซ่ก็หลุดร่วงไปกองอยู่ที่พื้น จากนั้นน้ำเหนือและโนอาใช้เท้าถีบประตูคนละฝั่งพร้อมกัน เมื่อประตูถูกเปิดออก น้ำเหนือกับโนอาก็เดินนำเข้าไปที่ศาลไม้หลังบ้านทันที น้ำเหนือยกมือไหว้ศาลหนึ่งครั้ง ก่อนจะยกเท้าถีบไปที่ศาล จนศาลนั้นพังลงไปกองอยู่ที่พื้น ในเวลาเดียวกัน ตรัยกับเหมยก็มาถึงพอดี
จากนั้นชายหนุ่มทั้งเจ็ดคนก็ได้ช่วยกันขุดดินใต้ศาลนั้น จนลึกลงไปพอสมควร ก็เริ่มเจอโครงกระดูกของกระดูกมนุษย์ เมื่อพบชิ้นส่วนแล้ว น้ำเหนือได้บอกให้ทุกคนเลิกขุดและโทรแจ้งตำรวจเข้ามาได้เลย เพราะนี่ถือว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง
ผ่านไปสิบนาที ตำรวจพร้อมแพทย์นิติเวชก็เข้ามาขุดต่อ จนนำโครงกระดูกขึ้นมาได้ แต่ทว่าแพทย์นิติเวชได้เดินมาบอกน้ำเหนือว่า โครงกระดูกของมนุษย์ที่ขุดพบ เหมือนจะมีสองคน ไม่ใช่คนเดียว น้ำเหนือและเพื่อน ๆ ได้แต่คิดว่าถ้าคนหนึ่งคือดาหลา แล้วอีกคนหนึ่งคือใครกัน
เมื่อแพทย์นิติเวชเดินออกไป ตรัยก็ได้เดินตามไปคุยอะไรบางอย่างกับพวกตำรวจและแพทย์นิติเวช ไม่นานตรัยก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าดูเศร้า ๆ น้ำเหนือที่สังเกตเห็นจึงได้เอ่ยถาม
“เป็นไรหรือเปล่าครับคุณตรัย”
“ผมว่า...อีกคนหนึ่ง...คงจะเป็นน้องสาวที่เสียชีวิตไปก่อนที่ดาหลาจะหายตัวไปแค่ไม่กี่เดือนน่ะครับ”
“ยังไงก็เสียใจด้วยนะครับ เอ่อ...ว่าแต่แม่กับพี่สาวอยู่ที่ไหนเหรอครับ”
“คงจะกำลังเก็บของหนีอยู่แหละมั้งครับ แต่ก็คงหนีไปไหนไม่พ้นหรอก ปานนี้ตำรวจคงออกหมายจับแล้ว เพราะว่าผมส่งคลิปเสียงตอนที่เขาสารภาพให้ตำรวจหมดแล้ว”
“โอเคครับ ยังไงก็ขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับ ที่ยอมทำแบบนี้”
แพทย์นิติเวชได้เก็บชิ้นส่วนโครงกระดูกกลับไป เพื่อจะต้องตรวจสอบดีเอ็นเอว่าเจ้าของโครงกระดูกนั้นเป็นใคร ทางด้านตำรวจก็ได้กันพื้นที่เอาไว้ก่อน เผื่อว่าจะสืบหาอะไรเพิ่มเติม จากนั้นทุกคนก็ได้แยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ทุกคนก็เลือกที่จะไปรวมตัวกันอยู่บ้านของลุงสมคิดและป้าสายใจ เพื่อจะปรึกษาหารือว่าจะเอาอย่างไรต่อ
เมื่อทุกคนได้คุยกันเรียบร้อยแล้ว ก็ตกลงกันจะทำพิธีตามศาสนาให้ทั้งสองคนที่เสียชีวิตไป แต่ก็คงต้องรอให้ทางตำรวจส่งโครงกระดูกของทั้งสองคนกลับก่อน ถึงจะทำพิธีได้ แต่ในระหว่างนี้ทุกคนก็ได้ช่วยกันเตรียมอย่างเต็มที่ เพื่อชดเชยให้กับดาหลาและน้องสาวของตรัยที่ต้องมาจากไปเพียงเพราะคนเห็นแก่ตัวอย่างรินดา
เวลาผ่านไปสามวัน ตำรวจก็ได้ส่งโครงกระดูกของทั้งสองกลับมาที่บ้านของลุงสมคิดและป้าสายใจ เพราะท่านทั้งสองได้ขอเอาไว้ว่าอยากจะให้ดาหลานั้นกลับมาอยู่ที่บ้านเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะไปเกิด ซึ่งตรัยเองก็ได้ขอให้เอาโครงกระดูกของน้องสาวตนไว้ที่นี่ด้วยเลย เพราะน้องสาวของตรัยเองก็เกิดและโตอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้เหมือนกัน
ระหว่างที่จัดงานศพให้ทั้งสองคน น้ำเหนือและคนอื่น ๆ ได้ฝันเห็นดาหลาและน้องสาวของตรัยยืนคู่กันอยู่ ทั้งสองเพียงแค่ยิ้มให้ แต่ทุกคนกลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นใจดีมีเมตตาของดาหลา ผ่านไปครู่หนึ่ง ดาหลาได้ยกมือขึ้นโบกลาทุกคน และค่อย ๆ จางหายไปพร้อมกับน้องสาวของตรัย
หลังจากที่ฌาปนกิจทั้งสองคนแล้ว ทุกคนได้ช่วยกันเก็บกวาดที่วัดและบ้านของลุงสมคิดกับป้าสายใจ ตลอดเวลาระหว่างมีงานสวดอภิธรรม ทุกคนก็ได้เฝ้ารอโทรศัพท์จากตำรวจ เพราะหวังว่าตำรวจจะจับสองแม่ลูกนั้นได้ไว ๆ จะได้ไม่ไปทำร้ายใครอีก จนเวลาผ่านไปสี่วัน ก็ยังไร้วี่แววของตำรวจ
ตรัยจึงได้ชวนน้ำเหนือ สกาย และโนอา ไปดูที่บ้านของตัวเอง เผื่อว่าสองคนยังอยู่ที่นั่น เพราะตอนนี้ทั้งสองไม่สามารถหนีไปไหนได้แม้กระทั่งออกนอกประเทศก็ยังไม่ได้ เนื่องจากหมายจับได้ออกมาแล้ว และยังเป็นคดีที่คนทั่วประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
เมื่อทั้งสี่คนมาถึง ก็พบว่าประตูไม่ได้ล็อก ตรัยจึงเดินนำเข้าไปจนถึงประตูในบ้าน และค่อย ๆ ยื่นมือไปดึงประตูเปิดทีละบาน ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ ตรัยจึงเดินเข้าไปในข้างอย่างไม่ทันระวัง ก็ไปสะดุดเข้าอะไรบางอย่าง ก่อนจะพบว่าเป็นร่างที่ไร้ลมหายใจของนางลัดดาหรือผู้เป็นแม่นั่นเอง
“แม่!”
ตรัยทรุดลงไปที่พื้น พร้อมกับโอบกอดร่างของแม่เอาไว้ในอ้อมอกตัวเอง และน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างพรั่งพรูไม่ขาดสาย ในเวลาเดียวกันขณะที่ทุกคนกำลังสนใจมองไปที่ตรัยและแม่ของเขา รินดาก็วิ่งออกมาจากห้องน้ำและแทงไปที่ท้องของน้ำเหนือ
“เฮ้ยไอ้เหนือ!” สกายมองไล่สำรวจน้ำเหนือตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะพบว่าที่หน้าท้องของน้ำเหนือ ค่อย ๆ มีเลือดไหลออกมา เมื่อเงยมองหน้าน้ำเหนือพบว่าปากเริ่มซีด ก่อนจะทรุดลงไปกองที่พื้น รินดาที่ยืนมองอยู่ก็ระเบิดหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
“พวกมึงต้องตายกันให้หมด รวมถึงอีแก่นี่ด้วย” ตรัยค่อยวางร่างไร้ลมหายใจของนางลัดดาลง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหารินดาด้วยท่าทีที่ไม่เกรงกลัวมืดในมือของรินดาเสียเลย รินดาเห็นเช่นนั้น ก็ค่อย ๆ เดินถอยหลังไปจนติดกำแพง ตรัยได้ตะโกนบอกให้โนอาเอาเชือกมาให้ จากนั้นก็มัดมือ มัดขาของรินดาเอาไว้ พร้อมกับโทรแจ้งตำรวจ
ขณะที่ทุกคนกำลังช่วยกันจับรินดามัดเอาไว้กับเสาบ้าน น้ำเหนือก็เหมือนจะทนพิษบาดแผลไม่ไหว จึงสลบไปวูบหนึ่ง สกายที่เห็นเช่นนั้นก็รีบละมือจากรินดา และวิ่งไปหาน้ำเหนือทันที พร้อมกับตบหน้าน้ำเหนือเบา ๆ เพื่อเรียกสติให้น้ำเหนือลืมตาตื่นขึ้นมาก่อน และก็ได้ผลจริง ๆ น้ำเหนือลืมตาตื่นขึ้นมา พร้อมกับเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบามากเสียจนแทบไม่ได้ยิน
“ถ้าผมไม่รอด ฝากอันดาด้วยนะพี่”
“ไม่ ไม่ กูไม่รับฝาก มึงมาดูแลแฟนมึงเองเลย กูไม่รักดูแลใครทั้งนั้น”
“...”
“เหนือ ไอ้เหนือ ไอ้เหนือ มึงตื่นก่อนดิวะ กูจะร้องไห้แล้วนะเว้ย มึงอย่าเล่นแบบนี้” โนอาและตรัยที่จัดการกับรินดาเรียบร้อยแล้ว ก็รีบวิ่งมาหาน้ำเหนือทันที ก็เห็นว่าน้ำเหนือหมดสติไปแล้ว ส่วนสกายก็นั่งร้องไห้อยู่ข้าง ๆ ตรัยจึงรีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรตามตำรวจและรถพยาบาลที่ตอนนี้ยังมาไม่ถึงเสียที
“สกาย โนอา อุ้มเหนือไปขึ้นรถ ตำรวจแม่งช้าชิบหาย”
“ครับ” สกายอุ้มน้ำเหนือพาดบ่าและรีบเดินตามตรัยไปที่รถ จากนั้นก็ตรงไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล น้ำเหนือถึงส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที ทางด้านสกาย โนอา และตรัย ได้แต่เดินวนไปวนมาด้วยความกังวล และเป็นห่วงน้ำเหนือที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน จู่ ๆ สกายก็ฉุกคิดมาได้ว่าตอนที่ออกมาจากบ้านลุงสมคิด ยังไม่ได้บอกกลุ่มหญิงสาวเลยสักคน ตอนนี้คงเป็นห่วงแย่แล้ว จึงได้รีบยกโทรศัพท์ไปบอกทันที
“ฮาโหลปิ่น”
[อยู่ไหนกันเนี่ย ออกไปก็ไม่บอกกันเลย]
“ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”
[ไปทำอะไร พี่เป็นอะไร]
“เปล่าไม่ใช่พี่ แต่เป็นไอเหนือ” สกายได้ยินเหมือนมีเสียงคนแย่งโทรศัพท์ไปจากปิ่น ก่อนจะมีเสียงสั่นเครือเอ่ยพูดออกมา
[นะ...เหนือ ตอนนี้เหนืออยู่ที่โรงพยาบาลไหนเหรอพี่สกาย]
“โรงพยาบาล xxx” หลังจากที่ปลายสายกดวางไปแล้ว สกายได้แต่คิดว่าตัวเองทำถูกแล้วใช่มั้ย ที่บอกเรื่องนี้ ถ้าน้ำเหนือตื่นมาตนจะโดนอะไรหรือเปล่า แต่ก็ได้สะบัดความคิดในหัวออกไป และเดินออกไปรอกลุ่มของหญิงสาวที่หน้าโรงพยาบาล
ผ่านไปไม่นาน สกายก็เห็นรถของลุงสมคิดขับเข้ามาจอดที่หน้าโรงพยาบาล อันดารีบเปิดประตูออกมาทั้งที่รถยังจอดไม่สนิท จนเกือบจะล้มหน้ากระแทกพื้น เมื่อวิ่งมาถึง ก็รีบบอกให้สกายพาไปหาน้ำเหนือทันที
เมื่อสกายพาอันดาเดินมาถึง ก็เจอพยาบาลกำลังเข็นเตียงของน้ำเหนือออกมาพอดี อันดารีบวิ่งไปที่เตียงของน้ำเหนือทันที พร้อมกับเอ่ยถามหมอถึงอาการของน้ำเหนือ ก็พบว่าน้ำเหนือพ้นขีดอันตรายแล้ว ตอนนี้กำลังย้ายไปที่ห้องพักฟื้น ส่วนคนอื่น ๆ รวมทั้งลุงสมคิดและป้าสายที่เพิ่งเดินมาถึง ได้ยินว่าน้ำเหนือปลอดภัย ก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นทุกคนก็เดินตามพยาบาลที่เข็นเตียงน้ำเหนือไปจนถึงห้องพักฟื้น