ความปรารถนาของเขาที่อยากให้อีกฝ่ายมีความสุข ไม่ใช่เพียงแค่เห็นรอยยิ้มสดใสก็เพียงพอ แต่เขาต้องการให้ตัวเองเป็นที่มาของความสุขนั้นต่างหาก
ชาย-ชาย,ไทย,รัก,พารานอมอล,ฟีลกู๊ด,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วันที่ฝนตกแดดออกมักจะเป็นวันที่ต้องมีเหตุสุดวิสัยอยู่เสมอ เขาได้ทำการพิสูจน์มาแล้วโดยวิธีการทางสถิติ
วันนี้ก็คงต้องจดเพิ่มลงไปอีกหนึ่งวัน
“คุณฮุ่น! คุณฮุ่นคะ! ป้ากำลังจะขึ้นไปตามอยู่พอดีเลย! ค-คือ-คือว่าลูกค้าเขามาบอกว่าเขาได้ยันต์ไปผิดค่ะ”
ป้าสุณีย์ลูกจ้างเก่าแก่ประจำร้านละล่ำละลักพูดพร้อมยื่นยันต์สีเหลืองสดที่ยับยู่ยี่จากการถูกขยำมาให้ทันทีที่เห็นหลานชายเถ้าแก่ของร้านก้าวลงจากบันไดสู่พื้นชั้นหนึ่งของบ้าน เดาว่าป้าน่าจะโดนมาหนักพอสมควร ทำให้เขารู้สึกผิดเล็กน้อยที่ปล่อยให้ป้าออกหน้ารับแทนอยู่นานเพราะตัวเองนับสต๊อกสินค้าไม่เสร็จเสียที
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จ แต่เป็นเพราะได้ยินเสียงโวยวายที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ เลยตระหนักได้ว่าหน้าร้านกำลังเกิดปัญหาใหญ่จึงต้องลงมาดูด้วยตัวเอง
เพียงแค่มองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าแผ่นกระดาษสีเหลืองที่อยู่ในมือนี้คือยันต์ปัดเป่าป้องกันภัย หรือชื่อเล่นก็คือ ‘ยันต์กันผี’ และก็แน่ใจว่าเป็นยันต์ที่อากู๋ของเขาปลุกเสกตามธรรมเนียมและพิธีที่ถูกต้องของซินแสแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
แล้วสิ่งที่ผิดคืออะไรกัน
“คือเขา–เขาบอกด้วยว่าจะฟ้องเรียกค่าเสียหายค่ะคุณฮุ่น”
ใครมันจะยอมเดินเท้าตากแดดตากฝนเข้ามาในซอยลึกเป็นหลักกิโลเมตรถ้าไม่มีเป้าหมายในใจที่หนักแน่นมั่นคงพอ
เขาพยายามนึกสมมติฐานมาหลายข้อ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็นึกไม่ออกว่ายันต์กันผีเพียงหนึ่งแผ่นที่ปลุกเสกมาอย่างดีนี้ไปสร้างความเสียหายแบบใดให้ ถึงขนาดที่ต้องบากบั่นเข้ามาฟาดคนขายด้วยตัวเองถึงร้านตั้งแต่เช้าแบบนี้
“ไม่เป็นไรครับป้าสุ เดี๋ยวผมคุยเอง” ฮุ่นยิ้มให้ป้าเผื่อจะช่วยเยียวยาจิตใจของป้าได้บ้าง ส่วนตัวเองกลับร้องไห้อยู่ภายในใจเพราะกำลังจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เกลียดที่สุดที่มีชื่อว่า ‘ปัญหา’ แถมวันนี้ยังเดินทางมาหาเองถึงที่เสียด้วย
นอกจากเรื่องเหตุสุดวิสัยที่มักจะโผล่มากับวันที่ฝนตกแดดออกอยู่เสมอ ยังมีอีกเรื่องที่ฮุ่นสงสัยแต่หาคำตอบไม่ได้ก็คือ ในช่วงที่เขาเป็นเวรเฝ้าร้าน ลูกค้าก็มักจะมีเรื่องราวหรือคำถามแปลก ๆ ที่หาคำอธิบายได้ยากมาให้ได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ ถึงจะไม่เคยทำสถิติแต่เท่าที่นึกได้ตอนนี้ก็น่าจะนับได้เป็นจำนวนหลายสิบ
ที่ไม่คิดจะนับจำนวนเป็นเพราะว่าเรื่องราวเหล่านั้น มันเกิดขึ้นและจบลงในแชทของแอปพลิเคชัน ตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ก็ปล่อยเบลอไปบ้าง หรือไม่ก็ให้กู๋มาตอบลูกค้าแทนบ้าง เพราะถึงอย่างไรเรื่องการเคลมของก็มีแอปพลิเคชันเป็นตัวกลางคอยจัดการให้อยู่แล้ว
มานึกอีกที นับจากเปลี่ยนช่องทางการจำหน่ายหลักมาเป็นแบบออนไลน์เมื่อประมาณสองปีก่อน ถ้าไม่นับลูกค้าที่มาหาอากู๋เพื่อใช้บริการซินแส จำนวนครั้งการที่ฮุ่นต้องคุยกับลูกค้าซึ่งหน้าแทบจะนับนิ้วได้ ทำให้การออกรับหน้าในครั้งนี้จึงสร้างความกังวลใจให้มนุษย์ Introvert อย่างเขามากพอสมควร
แต่ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบค้ำคออยู่ เขาจึงไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากเตรียมตัวเตรียมใจด้วยการสูดหายใจลึก ๆ เข้าปอด ใจหนึ่งก็อยากจะคว้ายาดมหลอดสีเขียวมากำไว้ในมือเป็นกำลังใจ แต่คิดอีกทีน่าจะดูไม่เหมาะสมนักก็เลยตัดใจวางมันไว้ที่เดิม ก่อนที่จะเปิดประตูกระจกกั้นระหว่างพื้นที่หน้าร้านกับหลังร้าน
“สวัสดีค–”
“คุณคือเจ้าของร้านใช่ไหม!? ผมจะฟ้องพวกคุณให้หมด!!”
เสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้นกลบเสียงเขาจนหมดสิ้น
ภายนอกเขายังดูนิ่งสงบอยู่แต่ภายในใจเขารู้สึกประหม่าจนเหงื่อออกมือจนรู้สึกได้ถึงความชื้น
“คุณลูกค้าใจเย็นก่อนนะครับ พวกเรายินดีชดใช้ให้ครับ แต่อย่างน้อยก็ขอทราบปัญหาหน่อยได้ไหมครับ?”
ฮุ่นเปิดโหมด Auto Pilot ในหัว ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแบบไม่ต้องพยายาม เพราะเขาถูกฝึกฝนมาแบบนี้เพื่อรับมือกับลูกค้าโดยเฉพาะ เนื่องจาก ‘ลูกค้าคือพระเจ้า’ เป็นหลักปฏิบัติของการทำธุรกิจของครอบครัวเขา ดังนั้น การพินอบพิเทาเอาใจลูกค้าจึงอยู่ในสายเลือดของเขามาโดยตลอด
และฮุ่นก็เรียนรู้ด้วยว่าการปล่อยให้คนที่กำลังโมโหพูดไปเรื่อยโดยที่ไม่ไปขัด จะทำให้อีกฝ่ายหยุดพูดไวกว่า เพราะพวกเขาจะเหนื่อยไปเอง สิ่งที่ต้องทำมีเพียงแค่ยืนแสดงท่าทีรับฟัง และรอจนกว่าจะได้ยินคีย์เวิร์ดที่จำเป็นต่อการคัดสรรวิธีการแก้ปัญหา พอลูกค้าเริ่มเหนื่อยก็จะเริ่มตกผลึกในการกระทำของตัวเอง และมีเหตุผลขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง จากนั้นก็เลือกพูดในสิ่งที่ลูกค้าต้องการไม่กี่ประโยคเท่านั้นก็สามารถคลี่คลายปัญหาได้โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยยากตะล่อมลูกค้า
อย่างน้อยก็ในตอนนั้น ภายหลังจากนั้นค่อยว่ากันใหม่อีกที
แต่ลูกค้าส่วนมาก หลังจากได้รับข้อเสนอเรื่องการชดใช้ในทันทีที่เริ่มคุยกันก็จะลดโทสะลงไปได้ระดับหนึ่ง
การใช้ข้อเสนอนั้นกับลูกค้าท่านนี้ นอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้แล้ว แถมผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้ามอีกต่างหาก กลายเป็นว่าฮุ่นไปกระตุกหนวดเสือเพิ่มอีกหนึ่งเส้นและทำให้มันโกรธขึ้นอีกระดับ
“ชดใช้?” ชายหนุ่มทวนคำจบก็ตบโต๊ะไม้กลมที่อยู่ใกล้มือที่สุดอย่างแรง เกิดเสียงดังปึงดังกังวานไปทั่วห้อง
“คุณจะชดใช้ยังไงหมด! ยันต์อะไรของคุณมันทำให้ชีวิตผมพังพินาศไปหมดแล้ว! มีแต่ความฉิบหาย! คุณเข้าใจไหม!? ไม่มีอะไรดีสักอย่าง มีแต่เรื่องแย่ ๆ !!”
ฮุ่นไม่ได้สนใจการกระทำรุนแรงเหล่านั้นเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเสียงสะอื้นที่ดังตามหลังประโยคเหล่านั้นมาติด ๆ ดึงเอาความสนใจไปจากเขาจนหมดสิ้น จนถึงกับต้องดึงแว่นตาลงจากกลางศีรษะมาใส่ให้ถูกที่ถูกทาง เพราะอยากมองให้แน่ใจว่าสิ่งที่คิดมันถูกต้องหรือเปล่า
“สิ่งที่ผมเสียไปทั้งหมด คุณเอาคืนมาได้หรือไง? ที่บอกว่าจะชดใช้ให้... โกหก ทุกคนโกหก มีแต่เรื่องโกหก... ทำไมกัน...”
ระบบ Auto Pilot ของฮุ่นปิดการทำงานลงทันทีที่เห็นหยดน้ำใสพรั่งพรูออกมาจากชายหนุ่มตรงหน้า และมันก็ไม่ตอบสนองอีกต่อไปแล้ว
เขาเตรียมใจมาเพื่อรับแรงกระแทกสารพัดที่จะมาจากการเคลมสินค้า ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม เขาก็คิดว่าตัวเองเอาอยู่ แต่ไอ้เรื่องอะไรก็ได้ที่ว่านั่น แน่นอนว่าเขาไม่ได้รวมคำว่า ‘น้ำตา’ อยู่ในนั้น
จบเรื่องนี้คงต้องเริ่มนับหนึ่งในหมวดหมู่ปัญหาจากการเคลมสินค้าเลยแล้วล่ะ
----