ผมใช้ความไร้ยางอายเพื่อเอาชีวิตรอด แต่พระเอกเขาบอกว่าผมเป็นคนดีเกินไป
แฟนตาซี,ผจญภัย,ลึกลับ,ชาย-ชาย,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,สยองขวัญ,ทะลุมิติ,CosmicHorror,BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พระเอกเขาบอกว่าผมเป็นคนดีเกินไป
ต่อไป... ถึงเวลาสำรวจตัวเอง
ผมหายใจเข้า เสียงที่ลอดผ่านจมูกดูเหมือนเสียงกรนของแมว ถึงจะยังไม่แน่ใจว่าอวัยวะภายในเป็นอย่างไรแต่ก็คิดว่าคงไม่น่าจะมีอาการดี…
แขนขาผมชาและขยับไม่ได้ ส่วนที่ใช้การได้มีแค่ส่วนคอขึ้นไปเท่านั้น ผิวซีดขาวปนม่วงดำ ร่างกายเน่าเหม็นเหมือนเนื้อเสียแถมยังทั้งอ้วกทั้งกระอักเลือดออกมาไม่หยุด
ต่อให้เป็นแบบนั้น...
“ฉันคิดว่าฉันยังมีโอกาสที่จะรอด” ผมพูดออกมา
ตาผมพร่าเบลอไปหมด แต่นัยน์ตาสีมรกตนั่นยังดูเปล่งประกายแวววาวเหมือนดวงดาว
เมื่อมองใบหน้าของเขา มันเหมือนเลอัสดูพร้อมจะทำทุกอย่างที่ผมบอก
อืม...ดีมาก
ผมดีใจที่เลอัสอยากให้ผมรอดไปด้วยกัน เพราะถ้าเขาเลือกที่จะทิ้งผมทุกอย่างจะยากขึ้นมาก..บางทีผมอาจไม่รอด
จิตวิญญานภายในกรีดร้องหาทางรอด ผมดึงมันไว้เหมือนเส้นด้ายสุดท้าย
ในโลกที่ถูกความมืดกลืนกิน การอยู่ข้างผู้ถูกเลือกจากแสงดูเหมือนจะกลายเป็นทางรอดเดียว
“เอาล่ะ อย่างแรกที่เราต้องทำคือ...” ผมพูดขณะที่เลอัสพยักหน้าซ้ำๆ อย่างรอคอย
“...เปิดกระเป๋า หยิบผ้าห่มออกมา”
“ได้เลย! แล้วไงต่อ?” เลอัสกางผ้าห่มออกอย่างรวดเร็ว
“เอามาห่อตัวฉัน”
“?”
“…มันหนาว”
“…อา”
“…”
หยุดทำหน้าเหมือนโดนหลอกได้ไหม ไอ้เด็กธาตุแสงนี่
“เหมือนที่บอกไป นายมีพลังธาตุแสง” ผมที่ห่อตัวด้วยผ้าห่มจนกลายเป็นดักแด้พูดน้ำเสียงเคร่งขรึม “พลังแห่งแสงมักถูกแสดงออกมาด้วยลักษณะของเวทมนตร์—นั่นคือสิ่งที่ในหนังสือบอกไว้”
เลอัสพยักหน้าหงึกหงักเหมือนนักเรียนฟังอาจารย์
“ดังนั้นวิธีแก้ที่ง่ายที่สุดตอนนี้ของเราคือให้นายใช้เวทมนตร์แสงรักษาฉัน” ทุกอย่างสมเหตุสมผลและฟังดูง่ายมาก...เสียอย่างเดียว
“…แต่ฉันไม่รู้วิธีใช้เวทมนตร์?”
เลอัสไม่รู้วิธีใช้เวทมนตร์
“นายรู้วิธีใช้เวทมนตร์ไหม?”
และผมก็ไม่รู้วิธีใช้เวทมนตร์
“……”
ในเกมมันใช้วิธีกดEน่ะสหาย นายลองเช็คดูซิว่ามีปุ่มอะไรงอกอยู่บนตัวบ้างรึเปล่า
“เอาเถอะ กลับมาที่วิธีพื้นฐาน”
“พื้นฐาน?”
“เราอาจจะต้องแข่งกับเวลาสักหน่อย แต่มีความเป็นไปได้ว่า ถ้าหากพวกเราสามารถออกจากเขตความมืดตรงนี้ได้ก่อนเที่ยงคืน...”
“เขตความมืด...”
เลอัสพยักหน้าหงึกหงักสื่อว่าเข้าใจแจ่มแจ้ง “ก็คือพวกเราแค่หนีออกไปจากที่นี่ก็พอสินะ”
“อืม...”
ฟังดูง่าย แต่อันที่จริงนี่คือวิธีที่เสี่ยงที่สุด
เพราะในเกมไม่มีฉากนี้
มันหมายความว่าผมกำลังทำสิ่งที่ไม่สามารถการันตีความสำเร็จใดๆ ได้เลย เอาชีวิตเลอัสมาล้อเล่น ลากคนที่มีโชคชะตาอันสว่างไสวให้มาอยู่กับคนใกล้ตายอย่างผม
ผมอ้าปากช้าๆ “มัน...อาจจะไม่ได้ผล”
พวกเราอาจจะตายทั้งคู่ ทั้งที่อีกคนหนึ่งควรจะรอด
“ไม่เป็นไร เชื่อฉันสิ”
เลอัสยิ้มสว่างไสว ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงมั่นใจแบบนั้นได้ พวกเราเพิ่งเจอกันไม่ถึงวันเลยด้วยซ้ำ
มองดวงตาสว่างไสวและสะอาดบริสุทธิ์อย่างไม่น่าเป็นไปได้ หัวใจผมเจ็บปวด
ความรู้สึกผิดผสมกับความหงุดหงิดปกคลุมไปทั่วใจผม สุดท้ายแม้กระทั่งน้ำเสียงของตัวเองก็ยังกลายเป็นขุ่นมัว
“นายมันโง่”
“อื้ม! พวกเราไปกันเถอะ”
ร่างที่ขยับไม่ได้ของผมถูกอุ้มขึ้นมา คราวนี้เป็นการอุ้มข้างหน้าเพราะผมไม่มีแรงจะเกาะไหล่เขาด้วยซ้ำ
“นายมันโง่ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย”
“อืม ขอโทษด้วยนะ”
ผมด่าเขา แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้ม