ผมใช้ความไร้ยางอายเพื่อเอาชีวิตรอด แต่พระเอกเขาบอกว่าผมเป็นคนดีเกินไป

พระเอกเขาบอกว่าผมเป็นคนดีเกินไป - สุสานดารา 2 ใบหน้า โดย ณฬ่อล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ผจญภัย,ลึกลับ,ชาย-ชาย,แฟนตาซี,สยองขวัญ,ทะลุมิติ,CosmicHorror,BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พระเอกเขาบอกว่าผมเป็นคนดีเกินไป

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,ลึกลับ,ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,สยองขวัญ,ทะลุมิติ,CosmicHorror,BL

รายละเอียด

ผมใช้ความไร้ยางอายเพื่อเอาชีวิตรอด แต่พระเอกเขาบอกว่าผมเป็นคนดีเกินไป

ผู้แต่ง

ณฬ่อล

เรื่องย่อ

สารบัญ

พระเอกเขาบอกว่าผมเป็นคนดีเกินไป-โรคระบาดจากความมืด 1 "ทะลุมิติ",พระเอกเขาบอกว่าผมเป็นคนดีเกินไป-โรคระบาดจากความมืด 2 บาปเดียงสา,พระเอกเขาบอกว่าผมเป็นคนดีเกินไป-ในมุมที่นอกเหนือสายตา: เงียบสงบ,พระเอกเขาบอกว่าผมเป็นคนดีเกินไป-โรคระบาดจากความมืด 3 ,พระเอกเขาบอกว่าผมเป็นคนดีเกินไป-โรคระบาดจากความมืด 4 โพรงไม้,พระเอกเขาบอกว่าผมเป็นคนดีเกินไป-โรคระบาดจากความมืด 5 รอยยิ้ม,พระเอกเขาบอกว่าผมเป็นคนดีเกินไป-โรคระบาดจากความมืด 6 "บทนำ",พระเอกเขาบอกว่าผมเป็นคนดีเกินไป-สุสานดารา 1 ประกาศชื่อ,พระเอกเขาบอกว่าผมเป็นคนดีเกินไป-สุสานดารา 2 ใบหน้า,พระเอกเขาบอกว่าผมเป็นคนดีเกินไป-สุสานดารา 3

เนื้อหา

สุสานดารา 2 ใบหน้า

 

 

 

หลังจากนั้นไปสองถึงสามชั่วโมง พวกเรายังคงปักหลักอยู่ที่เดิม ถึงบรรยากาศจะยังไม่เปลี่ยนไปมาก แต่ผมก็มองสังเกตได้ถึงการหันกลับไปมองทางหมู่บ้านซึ่งถี่ขึ้นเรื่อยๆ ของเดนิส

ชายร่างใหญ่ผมสีฟ้าคนนี้...เดนิสไม่ได้บอกว่ากำลังรออะไรอยู่ แต่ผมก็รู้ดีว่าเขากำลังรอการกลับมาของกลุ่มคนที่เดินทางเข้าไปในหมู่บ้าน

ผมมีความคิดไม่กี่อย่างเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของคนกลุ่มนั้น คือหากไม่ใช่เก็บรวบรวมทรัพยากรใดๆ ที่ผมยังไม่รู้จัก ก็ต้องเป็นการฆ่าตัวเอกของเกม...

ฆ่าเลอัส

ตามเนื้อเรื่อง เลอัสจะต้องยังอยู่หมู่บ้าน สภาพจิตใจพังทลายและกำลังขุดดหลุมศพให้กับผู้คนทีละหลุม

ผมไม่รู้ว่าคนพวกนี้รู้เรื่องเกมถึงระดับไหนหรือรู้ได้อย่างไร แต่ดูจากความไม่ลังเลของพวกเขา ผมว่าข้อมูลเหล่านั้นต้องแม่นยำพอสมควร

แต่หากรู้ถึงขั้นนั้น...ทำไมยังถูกผมหลอกง่ายๆ ว่าเลอัสเป็นตัวประกอบ?

คำตอบเดียวที่เหลืออยู่คือ...พวกทะลุมิติเกมเดียวกับผม--พวกที่ออกมาได้ก่อน

ผมไม่ได้ยินเสียงประกาศชื่อของพวกเขาตอนม่านดำสลาย และบริเวณนี้ก็ไม่มีใครอื่นที่ดูป่วยเหมือนผม ดังนั้นเป็นไปได้ว่าตอนนี้คนพวกนั้นอยู่ห่างจากผมพอสมควร...หรือบางทีอาจจะมีกลุ่มแยกพาเดินทางไปก่อนแล้ว

มันแปลว่าต้องมีฐานที่พักชั่วคราวหรืออะไรก็ตามอยู่แถวนี้ สถานที่ซึ่งมีที่พักให้กับคนป่วยและที่ขังตัวละครเพื่อรอประทัปตราทาส

ถือเป็นโชคดีของเลอัสที่จะปลอดภัยไปอีกชั่วคราว และก็เป็นโชคร้ายของผมที่จะไม่สามารถเก็บข้อมูลเรื่องค่าสถานะใดๆ เพื่อเอาไปตอบเดนิสในระหว่างนี้ได้เลย

 

ผมซึ่งได้รับการรับษาจนเริ่มขยับได้เริ่มหันคอมองไปทั่ว

ผมมองไม่เห็นเลอัสจากมุมนี้ และไม่ได้ยินเสียงของเขาด้วย

คงไม่ใช่ว่าสลบหรือถูกทำร้ายอะไรหรอกใช่ไหม...

 

“อยู่นิ่งๆ อย่าเกร็งค่ะ” หญิงสาวนักบวชข้างผมพึมพำเสียงดุ ท้าทางมีมาดแบบพี่สาวคนโตดูอบอุ่นอ่อนโยน “ฉันรู้ว่ามันเจ็บมาก แต่มันต้องทนหน่อยนะคะ”

“ครับ พี่มาเรีย” ผมแสดงลักษณะเป็นเด็กดีขึ้นมาทันที รูปลักษ์ของผมตอนนี้คือเด็กผู้ชายอายุสิบกว่าปี พลังด้านการต่อสู้ติดลบ แต่ถ้าเพื่อเรียกความเอ็นดูก็ยังใช้ได้อยู่

หนึ่งคือยังต้องรับความช่วยเหลือจากคนตรงหน้า สองคือผมยังตระหนักว่าตนเองยังมีข้อมูลไม่พอจะใช้ตัดสินใจใดๆ

เมื่อหลุดเข้ามาในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยและไร้อำนาจจะต่อสู้ สิ่งเดียวที่ช่วยผมได้คือข้อมูลและสมองตัวเอง

“ผม...แค่กำลังห่วงเพื่อนคนนั้น...”

“ตัวละครคนนั้น?” มาเรียทวนคำ ผมชะงักกับการเปลี่ยนคำเรียกอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าผู้เล่นที่นี่จะไม่ได้มองคนที่นอกจากตัวเองเป็นมนุษย์

หลังจากเว้นช่วงยาวนาน ในที่สุดผมก็ขมวดคิ้วตอบ

“เขาช่วยชีวิตผมมไว้ครับ”

หญิงสาวผมยาวสีคาราเมลยิ้มลำบากใจ “ขอโทษด้วยนะ พี่ไม่ค่อยรู้ แต่ปกติแล้วพวกเราที่ออกมาจากบทนำจะไม่มีใครสนใจพวกตัวละครอีก”

“ผมไม่เข้าใจ…” ถึงผมจะคุยกับผู้หญิงคนนี้ได้ไม่กี่ชั่วโมง แต่เธอดูเป็นคนจิตใจอ่อนโยน มันผิดธรรมชาติที่คนแบบนี้จะสามารถเรียกสิ่งที่มีรูปร่างเหมือนตัวเองทุกประการว่าไม่ใช่มนุษย์ได้ง่ายดายนัก

มาเรียเอียงคออย่างไร้เดียงสา

“ก็มองพวกเขาแล้วมันน่าขยะแขยงนี่นา”

“…”

ประโยคนี้...

เดนิสและมาเรียพูดเหมือนกัน

ผมตระหนักว่ามีบางสิ่งผิดปกติทันที

 

สุดท้ายหลังจากถามอ้อมไปอ้อมมาอยู่นาน ใช้ภาพลักษณ์ของเด็กช่างถามอย่างเต็มขีด ผมก็รู้ว่าภาพที่ผมมองและภาพที่ผู้เล่นคนอื่นมองไม่เหมือนกัน

ดูเหมือนว่าในช่วงบทนำจะเป็นไม่กี่ช่วงเวลาที่ตัวละครจะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นมนุษย์

แต่หลังจากม่านมืดสลายไป--จบบทนำแล้ว สิ่งที่ผู้เล่นมองเห็นเหล่าตัวละครก็จะเป็นแค่คนใบหน้าขยับไปมาคล้ายหุ่นยนต์ถูกโปรแกรมเท่านั้น

เหมือนตุ๊กตาเลียนแบบสิ่งมีชีวิต

เป็นของไม่มีจริง

ช่วงที่เหล่าตัวละครให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา ถูกเรียกกันเล่นๆ ว่าคือคัทซีน...

เหมือนเกมที่สร้างภาพและฉากอลังการมาไม่กี่ช่วงเพื่อเล่าเนื้อเรื่อง หลังจากจบจากส่วนนั้นแล้ว ทุกอย่างก็จะกลายเป็นตัวละครท่าทางแข็งทื่อตามปกติ

ต่อให้อยู่ๆ วันหนึ่งตุ๊กตาสามารถลุกขึ้นมาเต้นรำและพูดคุยกับเราได้ มีความรู้สึกนึกคิดราวกับมนุษย์ เราก็ไม่มีวันลืมว่าพวกมันล้วนเป็นแค่ตุ๊กตา

นักบวชสาวเล่าว่าเวลาที่ตัวละครพวกนั้นยิ้มหรือหัวเราะ บนใบหน้าพวกเขาจะราวกับหนังเทียมที่ถูกดึงไปมาเพื่อเลียนแบบสีหน้าคน

มีเพียงความรู้สึกน่าขยะแข็งขนลุกซู่เท่านั้นที่สามารถอธิบายได้

ดังนั้นผู้เล่นส่วนใหญ่ ต่อให้ในบทนำจะรักตัวละครคนนั้นมากขนาดไหน หลังบทนำก็ยากจะรักษาความรู้สึกดีๆ ไว้ได้

 

“ดังนั้นแล้ว เดนิสเลยบอกเธอไงล่ะว่าเธอคงยังไม่ได้ดูเพื่อนของเธอให้ชัดเจน” มาเรียกระซิบ

ผมนิ่งเงียบ

นึกถึงช่วงวินาทีสุดท้ายที่เห็นเลอัสก่อนหมอนั่นถูกพาตัวไป...ตอนนั้น...

เลอัสหน้าตาเป็นแบบไหนนะ?

เป็นใบหน้าที่ผมเห็นมาตลอดคืนนั่น หรือใบหน้าของผิวหนังเทียมที่บิดเบี้ยว?

เมื่อคิดแบบนั้น ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกขนลุกขึ้นมา...