ศตวรรษที่ 27 ยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นเทพเจ้า ทุกอย่างสะดวกสบายจนแทบจะเป็นไม่ได้ที่จะก่ออาชญากรรมขึ้น 'ไม่มีทางที่มนุษย์จะก่ออาชญากรรมได้ง่ายๆ' นั่นคือความคิดแสนตื้นเขินของพวกเขา ท่ามกลางอุตสหากรรมบันเทิงแสนฟอนเฟะ เรมี่และเพื่อนๆ ยังคงอุทิศตนให้กับงานภาพยนต์ แม้การทำงานในครั้งนี้ เจอจะปนไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายที่คาดเดาไม่ได้ก็ตาม

Remii - Chapter 2 Another (Act 2) โดย RemyGravity @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไซไฟ,อาชญากรรม,ดราม่า,ระทึกขวัญ,สืบสวนสอบสวน,แนวขายไอเดีย,เสียดสีสังคม,ไซไฟ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Remii

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ,อาชญากรรม,ดราม่า,ระทึกขวัญ,สืบสวนสอบสวน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แนวขายไอเดีย,เสียดสีสังคม,ไซไฟ,แฟนตาซี

รายละเอียด

Remii โดย RemyGravity @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ศตวรรษที่ 27 ยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นเทพเจ้า ทุกอย่างสะดวกสบายจนแทบจะเป็นไม่ได้ที่จะก่ออาชญากรรมขึ้น 'ไม่มีทางที่มนุษย์จะก่ออาชญากรรมได้ง่ายๆ' นั่นคือความคิดแสนตื้นเขินของพวกเขา ท่ามกลางอุตสหากรรมบันเทิงแสนฟอนเฟะ เรมี่และเพื่อนๆ ยังคงอุทิศตนให้กับงานภาพยนต์ แม้การทำงานในครั้งนี้ เจอจะปนไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายที่คาดเดาไม่ได้ก็ตาม

ผู้แต่ง

RemyGravity

เรื่องย่อ

เรื่องย่อ


ในศตวรรษที่ 27 ซึ่งเทคโนโลยีต่างๆ ล้ำหน้าและกลายเป็นของจำเป็นที่ขาดไม่ได้ จนบางครั้งการลุกออกจากเก้าอี้ก็เป็นเรื่องไม่จำเป็น ผู้คนบางส่วนเริ่มด้อยค่าและมองข้ามผลงานที่ถูกสร้างโดยมนุษย์ เพราะเอาแต่ยึดติดกับความสะดวกสบายและผลงานของ AI ผู้คนต่างใช้ชีวิตบทความประมาท ไว้เนื้อเชื่อใจในเทคโนโลยีอย่างเต็มเปี่ยม 

'ไม่มีทางที่มนุษย์จะก่ออาชญากรรมได้ง่ายๆ' นั่นคือความคิดของพวกเขา 

แต่ท่ามกลางความสะดวกสบาย ก็ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ยังเห็นคุณค่าในหยาดเหงื่อของมนุษย์ สื่อบันเทิง ศิลปะและความคิดสร้างสรรค์โดยฝีมือมนุษย์ยังน่าพิศวง แต่วงการบันเทิงกลับไม่ใช่สถานที่สวยงามดั่งใจฝัน มันรายล้อมไปด้วยงูพิษไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย และเทคโนโลยีก็เอื้ออำนวยให้ผู้คนหันมาใช้ 'อิทธิพลสื่อ' แทน 'อาวุธสงคราม' จนสองสามีภรรยาในนามต้องดิ้นรนเอาตัวรอดไปวันๆ

เรมี่ ผู้กำกับหนุ่มที่กำลังหัวเสียกับโปรเจ็คหนังที่มีงบจำกัดและตัวเลือกก็ดูเหมือนจะมีไม่มากนัก เขาต้องจำใจพาลูกทีมและบรรดานักแสดง มุ่งหน้าสู่เขตอนุรักษ์นิยมที่ราวกับจะพาพวกเขาย้อนอดีตกลับไปยังศตวรรษที่ 20 พร้อมกับการเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คดีฆาตกรรมปริศนาบนเกาะปิดตายเกิดขึ้นต่อเนื่องราวกับลูกโซ่โดยที่เทคโนโลยีสุดล้ำสมัยก็ไม่อาจช่วยอะไรได้!? การถ่ายทำยังคงต้องดำเนินต่อไป ท่ามกลางความโกลาหลและความลับอันดำมืดที่ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา...


Remii

Author: RemyGravity


Cover Illustration: Bie Day & Sun Moon


Logo: Blue Shark


Gerne: Sci-Fic, Psychology, Thriller, Mystery



สารบัญ

Remii-Chapter 1 Another (Act 1),Remii-Chapter 2 Another (Act 2),Remii-Chapter 2 Bending (Act 1),Remii-Chapter 2 Bending (Act 2),Remii-Chapter 3 Chain (Act 1),Remii-Chapter 3 Chain (Act 2),Remii-Chapter 4 Doubt (Act 1),Remii-Chapter 4 Doubt (Act 2),Remii-Chapter 5 Edge,Remii-Chapter 6 Frenzy,Remii-Chapter 7 Guilty

เนื้อหา

Chapter 2 Another (Act 2)

 

“พิเศษ โปรโมชัน ซันนี่ไซด์ รีสอร์ท สำหรับครอบครัวในวันหยุดหน้าร้อน ดีลดี ราคาโดน เริ่มต้นเพียง...”

เสียงโฆษณาก้องไปทั่วห้องนั่งเล่น โดยที่เจ้าของบ้านได้แต่หยอกล้อกับแมวตัวโปรด

“นี่ ไม่สนไปเที่ยวบ้างหรือไง”

“ไปสิ แต่ขอปิดงานก่อน”

“พูดแบบนี้ทุกครั้งเลยนะ”

ฉันถอนหายใจ การจะหวังอะไรจากคนบ้างานคงไม่ใช่คำตอบที่ดี หรือบางทีการที่ฉันเป็นแค่ภรรยาในนามคงไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลง สำหรับเขาแล้วเราทั้งคู่ก็คงเป็นเพียงรูมเมทและพาร์ทเนอร์ ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรเกินเลยไปกว่านั้น แต่เราทั้งคู่ต่างก็เป็นครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวของกันและกัน จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้หากจะต้องอยู่ร่วมกันทั้งชีวิต

ห้องนอนของพวกเรานั้นช่างแตกต่าง เรมี่ตกแต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล ไม่ค่อยมีอะไรหวือหวา ผิดกับมิเรย์ที่ชื่นชอบสีฟ้ากับชมพูจนกลายเป็นสีพาสเทล

ปิ๊งป่อง...

เสียงออดหน้าประตูแสนจืดชืด พาให้คนหัวยุ่งต้องลากสังขารลงจากเตียงแคปซูลเป็นครั้งแรกของวัน ทั้ง ๆ ที่กะให้เป็นวันหยุดแต่อะไร ๆ กลับไม่เป็นอย่างใจคิด

“นี่เรมี่ ไหนนัดเอริไว้ไง ทำไมถึงตื่นสายจังล่ะ ห๊า”

หญิงสาวผู้ไว้ผมทรงทวินเทลสีแดงมะฮอกกานี ดูคร่าว ๆ แล้วน่าจะยังเป็นนักศึกษาอยู่ ใบหน้ายับย่นจากความผิดหวังพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย ยามพบว่าคนที่ออกมาเปิดประตูไม่ใช่คนที่ตนหมายตาไว้

“ไม่ยักกะรู้ว่าบ้านนี้มีคนรับใช้”

“คนรับใช้?”

“เอ้า ไปตามเจ้านายมาได้แล้ว เขาสายมากแล้วนะ”

มิเรย์กำหมัดหลวม ๆ ร่างกายสั่นเทาแต่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม เธอยังสามารถเก็บอาการตนเองไว้ได้อย่างแยบยล บทสวดมนต์เพียงหนึ่งที่ทำให้เธอใจเย็นได้คงเป็นคำพูดยืนกรานของเจ้าตัว

‘เอาน่า แค่เรื่องของผลประโยชน์’

เจ้าของบ้านสำรวจแขกผู้มาเยือนตั้งแต่หัวจรดเท้า เช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงตัวปุกปุยที่พองขนใส่คนแปลกหน้าอย่างไม่เป็นมิตร มันเป็นสถานการณ์น่าอึดอัดยามที่ผู้หยิงสองคนและแมวเพศเมียต้องมารอคุณชายผู้ตื่นสายเพียงคนเดียว ราวกับศึกตัดสินเหมือนในหนังยุคเก่า แต่ว่ากันตามตรงคงเป็นการอุปทานมากกว่า มิเรย์คิดกับตนเองพลางเดินไปเทอาหารใส่เครื่องเติมอาหารแมวอัตโนมัติ

“โถ่อ้วน อยากกินรสใหม่ละสิ”

“หม่าวววววววววว”

เสียงประตูเลื่อนดังเบา ๆ ปรากฏเป็นร่างของชายหนุ่มหุ่นผอมบาง เขาเดินหาวออกมาจากห้องนอนตนเอง ดวงตาสีมาเจนต้าเหลือบมองแขกผู้มาเยือนด้วยความสงสัย

“นี่ มีความจำเป็นอะไรต้องมาถึงนี่”

เขากล่าวเรียบ ๆ ไม่สนใจความดีดของแขกผู้มาเยือน ผู้ชมเขาไม่หยุดราวกับนางร้ายในละครผู้กำลังปลอกลอกอย่างหวังผล

“ฟังอยู่หรือเปล่า ถามว่ามาที่นี่ทำไม” น้ำเสียงเริ่มแฝงความจริงจัง เมื่อสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าตอบไม่สอดคล้องกับคำถามที่กล่าวไว้

“ก็นัดเอริไว้ไม่ใช่เหรอ ที่ว่าจะพาไปเดทไง”

“เดท? ผมไม่ได้อยากมีความสัมพันธ์อะไรกับไอดอลแบบเธอสักหน่อย”

“ก็ที่บอกว่าซ้อมส่วนตัว”

เอริเริ่มเง้างอน เธอตรงดี่เข้าไปโอบกอดท่อนแขนฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เกรงกลัว ตรงกันข้ามกับมิเรย์ที่หัวหมุนกับการเลือกอาหารเช้าให้ตนเอง สลิปเปอร์กระต่ายลากไปกับพื้นห้องนุ่มอย่างเนือย ๆ ขนมปังนมกับฟองดูชีสถูกส่งเข้าเตาอบอัตโนมัติ มันสามารถตรวจจับประเภทอาหารได้จากการสแกนเพียงครั้งเดียว ก่อนจะอุ่นให้ตามอุณหภูมิที่เหมาะสม 

 

ปี๊ป..

“ข่าวต่อไปนี้รายงานจาก สตูดิโอไฮต์อินวันค่ะ ซึ่งแฟนคลับไอดอลสาว มิไร เซโกะ จำนวนหนึ่งออกมายืนประท้วงหลังจากทางสตูดิโอปิดข่าวสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เบื้องต้น...” เรมี่หย่อนตัวลงกับโซฟา นั่งมองข่าวประจำวันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ข่าวของคุณเซโกะ” เอริพยายามถามไถ่ ทั้งนั่งข้าง ๆ อย่างไม่ถอยห่าง

“อา”

“ทำไมถึงต้องปิดข่าวล่ะ”

“เหตุผลน่ะง่ายนิดเดียว”

“หืม?”

มิเรย์หันมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอค่อย ๆ เดินตรงไปยังโต๊ะอาหารพร้อมด้วยหุ่นกระป๋องที่ยกมื้อเช้ามาเสิร์ฟให้ติด ๆ กัน

“เรื่องผลประโยชน์น่ะสิ ถ้ารู้ว่าการตายเกิดจากการฆาตกรรม โดยฝีมือคนในวงการบันเทิง มันก็จะเกิดเป็นโดมิโน่ กระทบทั้งเอเยนต์ ทั้งค่าย”

“แต่คนทำผิดก็ควรโดนประนามน่ะถูกแล้ว” เอริสวนทันที โดยที่มิเรย์ได้แต่นั่งฟังเงียบ ๆ

“คนทำผิดน่ะ ก็ชื่อดังไม่เบาน่ะสิ”

“แล้วจะให้ทำไงล่ะ”

“ก็คงหาตัวตายตัวแทนล่ะมั้ง จริงอยู่ที่ขบวนการยุติธรรมอาจลงโทษถูกคน แต่ในวงการบันเทิงน่ะ ก็แค่หาแพะรับบาปไป”

“น่ากลัวจังเลย คุณเรมี่คงไม่ทำกับเอริแบบนั้นใช่ไหม”

เรมี่ไม่ได้ตอบอะไร แค่หันไปมองมิเรย์ผู้กำลังดื่มน้ำส้มเงียบ ๆ

“ก็ไม่แน่นะ”

“ใจร้ายยยยยยยยย อย่ามาล้อเล่นกับฉันแบบนั้นสิคะ”

“ฮะฮะ ๆ ก็ถ้าเธอทำเงินได้มาก ก็ค่อยว่ากันนะ”

“ว่าแต่ นายรู้อะไรใช่ไหม”

เสียงเย็นถามขึ้น ดวงตาคมจับจ้องไปยังผู้กำกับหนุ่มด้วยความคาดคั้น

“หึ ไม่รู้หรอก ก็รู้เท่า ๆ ที่เขาอยากให้รู้นั่นแหละ”

“ไม่เชื่อ ผู้กำกับแบบคุณรู้ทุกอย่างแหละ บอกมานะว่าใครเป็นฆาตกร”

“บอกแล้วไงว่าไม่รู้ รู้ก็คงเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแล้ว”

“ถ้าบอกเอริ เอริจะให้รางวัลเลยนะ”

“เห ถ้าสักพันล้านละว่าไง”

เรมี่ตอบสบาย ๆ เขาเอื้อมมือไปด้านหลังเอริผู้เบียดเสียดร่างกายตัวเองจนแทบจะกลืนกิน ก่อนจะหยิบบางอย่างออกมาราวกับมายากล สองนิ้วคีบชิ้นส่วนทรงกลมขนาดเท่าเหรียญในศตวรรษที่ 20

“อันตรายนะเนี่ย นักร้องสาวคนนี้”

“อ๊ะ!”

“เครื่องดักฟังแบบแมนนวลซะด้วย มีอะไรจะสารภาพไหม?”

“อึก...”

“เด็กคนนี้...”

หญิงสาวเบิกตาโต ขนมปังที่จิ้มชีสทิ้งไว้หล่นลงบนจานสีขาว ภาพตรงหน้าที่รูมเมทหนุ่มกับนักร้องเกิร์ลกรุ๊ปกำลังเผชิญหน้ากันคล้ายการสอบสวน พาให้ใจแทบจะหยุดเต้น วันหยุดที่ควรจะสงบสุขที่สุดกลับกระสับกระส่ายเพราะเรื่องไม่คาดฝัน สีหน้าของผู้กระทำผิดเริ่มกรอกตารุกริกหาทางหนีทีไล่

“ทำไมกัน ตกอับอะไรขนาดนั้น จะขายวิญญาณให้พวกสกปรก”

ชายหนุ่มพูดพลางคว้าท่อนแขนคนอายุน้อยกว่าตน

“คุณจะไปรู้อะไร ผู้กำกับน่ะ ใคร ๆ ก็ก้มหัวให้ เป็นผู้เลือก ไม่ต้องกระเสือกระสนดิ้นรนทำผลงานอะไร!”

 

เพี๊ยะ!

เรือนผมสีบลอนด์ลอยเคว้งไปตามแรงกระทบ ดวงหน้าหวานหันเอียงไปด้านตรงข้ามกับทิศทางของฝ่ามือ ราวกับโลกทั้งใบหยุดนิ่ง เป็นฉากหนึ่งของละครที่ผู้ชมจ้องมองอย่างไม่วางตา

“ค่าตัวเธอเวลาออกรายการหนึ่งเท่าไรกัน เธอเคยล้มละลายจนต้องกู้หนี้ยืมสินมาสร้างผลงานชิ้นต่อไปเพื่อความอยู่รอดหรือยัง คนโง่ที่อยากประสบความสำเร็จจนทำลายคนอื่นได้ ไม่สมควรยืนบนแสงหรอกนะ”

เอริทาบใบหน้าตัวเอง ดวงตากลมโตยังคงจ้องมองด้วยความไม่เข้าใจ

“เพื่อจะได้เป็นที่สนใจ เพื่อจะได้เป็นที่รัก มันก็ยากพอ ๆ กับคนทำงานเบื้องหลังทุกคนนั่นแหละ ในกองถ่ายน่ะ ยิ่งต้องแบกแสงมากเท่าไร ความเสียสละก็ต้องมีมากขึ้นเท่านั้น มีทั้งคนที่ต้องอดหลับอดนอนมาเพื่อเตรียมเวทีให้เธอ ฝ่ายการตลาดก็ต้องทำงานบนความเครียดเพื่อเดิมพันปากท้องของคนนับร้อย คิดว่าฉันอยู่ตรงจุดนี้ได้ ไไม่ต้องผ่านอะไรมาเลยหรือไงกัน” อยากเป็นดวงดาวพราวฟ้าและเป็นฮีโร่ในโซเชียล เลยหาคนย่ำยียัดเยียดความผิด นั่นไม่ต่างอะไรจากเดรัจฉานเลย”

 

“เรมี่...”

ถึงจะนึกอยากลุกขึ้นไปห้ามปราม แต่ตอนนี้มิเรย์รู้ดีกว่าใคร ว่ารูมเมทผู้มีสถานะเป็นสามีแค่ใบสมรส กำลังเดือดดาลยากยับยั้ง

“ขอโทษค่ะ”

“คิดง่ายเกินไปแล้วมั้ง”

ปิ๊ป...

ชั่วพริบตาที่ไม่ทันได้หายใจทั่วท้อง นิ้วยาวก็กดส่งข้อความหนึ่งออกไป แพร่กระจายสู่วงกว้างราวกับใยแมงมุมถักทอ เน็ตเวิร์กที่เชื่อมผู้คนให้อยู่ข้างกัน เป็นดั่งดาบสองคม และปลายกระบอกปืนสุดเลือดเย็น

 

“อะไรกัน เอริจังบุกไปหาผู้ชายเลยเหรอ”

“เหย คนนี้ที่ว่าใช้ร่างกายแลกเส้นสาย นี่เรื่องจริงป้ะ”

“แก ภาพจากกล้องวงจรปิดเลย ตัวจริงแน่ ๆ ”

“เดี๋ยว ๆ คนนี้ไม่ใช่คบกับคนนอกวงการอยู่เหรอ อุบาทว์สุดอะ”

“ก็ว่าอยู่ว่าร้องเพลงโคตรห่วย ทำไมได้เป็นเซนเตอร์”

“โอ้ย ไปเล่นกับเรมี่ คนนั้นเขามีเมียแล้วไม่ใช่เร้อ”

 

“อะไรกัน ตั้งแต่เมื่อไหร่”

เอริเสียงแผ่ว ร่างบางค่อย ๆ ยันตัวเองลุกขึ้นช้า ๆ ดวงตาเบิกโพลนไร้แววตาดั่งคนสิ้นสติ

“อยากจะอยู่ในวงการนี้ก็ต้องเหลี่ยมคมเยอะกว่านี้ แต่เรื่องบางเรื่องน่ะ คำขอโทษมันใช้ไม่ได้ผล”

ขนมปังชิ้นใหญ่ที่ถูกจุ่มด้วยฟองดูใกล้ชืดถูกหยิบเข้าปากผู้กำกับหนุ่ม ความร้อนจากขนมปังเริ่มจางหาย ไม่ต่างจากจิตใจผู้ลิ้มลองนัก

“โหดร้าย ในเมื่อขอโทษไปแล้ว ทำไมคุณถึงไม่หยุด แบบนี้อนาคตของเอริ แฟนคลับของเอริ”

เอริเริ่มโวยวายยามเห็นคำประนามบนแพลตฟอร์มตนเอง ใบหน้าบิดเบี้ยวพร้อมกับน้ำตาหยดผล่อย

“คนมันเลี้ยงไม่เชื่องนี่นา ขนาดเคยได้งานดี ๆ จากผมไปแท้ ๆ ”

“งานมันก็ส่วนงานไม่ใช่รึไง ฮึก..”

“นี่ล่ะนะ มนุษย์”

ขนมปังถูกจุ่มฟองดูอีกครั้ง เขาเริ่มคร้านจะต่อปากต่อคำกับคนเห็นแก่ตัว จนหลงลืมว่าครั้งหนึ่งที่ไร้โอกาส ได้รับความช่วยเหลือผลักดันจากใครบ้าง

“สุภาษิตโบราณ เขาเรียกเซเลปแบบนี้ว่าวัวลืมตีนละมั้ง ว่าแต่ ไม่กินต่อเหรอ”

เสียงนุ่มกล่าวถาม คนที่เอาแต่นั่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าจนลืมทาน เขาเลียนิ้วไปมาราวกับต้องการดื่มด่ำชีสข้น ๆ

“อะ อือ...เด็กคนนั้น”

“ถ้าปล่อยไปเพราะคำว่าขอโทษง่าย ๆ แบบนั้น เดี๋ยวก็ตามราวีไม่เลิกเองละ คนแบบนี้อยู่ได้เพราะการไล่ด่าคนอื่นนั่นแหละ”

“น่ากลัวจังเลยนะ วงการบันเทิงน่ะ”

“มนุษย์เราน่ะ ใจดีด้วยแล้ว ก็จะได้รับแต่ความเอาเปรียบกลับ ไม่ตอกฝาโลงพวกอสรพิษก็มีแต่ทางเราที่จะตาย” มิเรย์พยักหน้าเบา ๆ เธอเหลือบมองร่างของแขกผู้มาเยือนที่วิ่งร้องไห้ออกจากห้องไป แววตาโกรธแค้นนั่นยังคงตราตรึง ทว่าก็ไม่สามารถช่วยเหลือหรือแม้จะนึกอภัยได้ ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติก่อนที่มื้อเช้าสุดแปลกจะจบลงด้วยความรู้สึกพิลึกพิลั่นกว่าที่เคย

 

ในห้องทำงานคับแคบ เฟอร์นิเจอร์ด้านในมีเพียงโต๊ะสีขาวมินิมอล เก้าอี้รูปทรงไข่พอดีกับสรีระ หน้าจอดิสเพลย์ลอยเคว้ง พร้อมกับคีย์แพทต่างคีย์บอร์ด แสงจากหน้าต่างด้านหลังแยงลูกตาเบา ๆ แต่ไม่นานระบบปรับบรรยากาศก็ย้อมฟิล์มกระจกให้เป็นสีฟ้าอ่อน ป้องกันแสงยูวีตามธรรมชาติ

ผู้กำกับหนุ่มเอนหลังกับเบาะพิง รู้สึกเหนื่อยจากการใช้สมองคำนวณอะไรมากมาย บัดเจ็ตสำหรับซีรีส์ล่าสุดนั้นต่ำเตี้ย พาให้หงุดหงิดจนไม่กล้าระบายที่ไหน ในศตวรรษที่ 27 ซึ่งเทคโนโลยีรันชีวิตมนุษย์ทุกภาคส่วน ก็ยังมีบางอย่างที่ไม่มีวันทำแทนกันได้ราวกับตลกร้าย จิตแพทย์ยังต้องรับเคสวันละเกือบร้อยคน แม้จะพยายามปลูกฝังคำตอบดี ๆ ให้พวกหุ่นกระป๋อง แต่มนุษย์เราก็มีระบบป้องกันจิตใจตนเองจากสิ่งแปลกปลอมอยู่แล้ว

กล่าวได้ว่า ถ้าไม่ใช่การสัมผัสหรือถูกเติมเต็มจากมนุษย์ด้วยกัน ไม่มีทางที่จะประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน และต่อให้คนเราจะสามารถดำดิ่งสู่โลกเวอร์ชวล อย่างไร การทำภาพยนต์ที่มนุษย์ต้องการสัมผัสแค่ แสง สี เสียง ก็ยังมีอิทธิพลต่อการบริโภคสื่อบันเทิงอย่างมากในยุคนี้

ระบบ เวอร์ชวล เวิร์ล แม้จะเสมือนจริงเช่นไร แต่ลองจินตนาการยามขาสองข้าง ต้องเดินทางเข้าสู่สนามรบจริง ๆ สิ ความตึงเครียดแบบนั้น ไม่มีทางผ่อนคลายจิตใจมนุษย์ได้ หรือกระทั่งฉากหนึ่งของหนังรักที่เราได้ไปยืนมองใกล้ ๆ ด้วยตาตัวเอง ได้เห็นบทสนทนาหอมหวานและน้ำตาไหลพรากของสาวสวยหนุ่มหล่อใกล้ ๆ แค่คิดก็รู้สึกผิดแปลกไม่น้อย และนั่นคือเหตุผลที่สื่อประเภทที่ได้มองด้วยตาในระยะห่าง ยังได้รับความนิยม

รูปถ่ายของดาราทั้งตัวท็อปและหน้าใหม่ปรากฏบนหน้าจอ ดูเหมือนโมเดลลิ่งรอบนี้จะทำงานได้ดีแม้ค่าตัวจะต่ำต้อยแค่ไหนก็ตาม

 

‘คาโกเมะ คาโกะเมะ จงหมุนไป’

มิเรย์ผงกหัวขึ้นจากโต๊ะทำงาน ลูบหน้าเบา ๆ ราวกับพยายามเรียกสติตน ยามแว่วเสียงประหลาดกระทบหู

หรือบางทีเธออาจจะแค่หูฝาดไปเท่านั้น