ศตวรรษที่ 27 ยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นเทพเจ้า ทุกอย่างสะดวกสบายจนแทบจะเป็นไม่ได้ที่จะก่ออาชญากรรมขึ้น 'ไม่มีทางที่มนุษย์จะก่ออาชญากรรมได้ง่ายๆ' นั่นคือความคิดแสนตื้นเขินของพวกเขา ท่ามกลางอุตสหากรรมบันเทิงแสนฟอนเฟะ เรมี่และเพื่อนๆ ยังคงอุทิศตนให้กับงานภาพยนต์ แม้การทำงานในครั้งนี้ เจอจะปนไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายที่คาดเดาไม่ได้ก็ตาม
ไซไฟ,อาชญากรรม,ดราม่า,ระทึกขวัญ,สืบสวนสอบสวน,แนวขายไอเดีย,เสียดสีสังคม,ไซไฟ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Remiiศตวรรษที่ 27 ยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นเทพเจ้า ทุกอย่างสะดวกสบายจนแทบจะเป็นไม่ได้ที่จะก่ออาชญากรรมขึ้น 'ไม่มีทางที่มนุษย์จะก่ออาชญากรรมได้ง่ายๆ' นั่นคือความคิดแสนตื้นเขินของพวกเขา ท่ามกลางอุตสหากรรมบันเทิงแสนฟอนเฟะ เรมี่และเพื่อนๆ ยังคงอุทิศตนให้กับงานภาพยนต์ แม้การทำงานในครั้งนี้ เจอจะปนไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายที่คาดเดาไม่ได้ก็ตาม
เรื่องย่อ
ในศตวรรษที่ 27 ซึ่งเทคโนโลยีต่างๆ ล้ำหน้าและกลายเป็นของจำเป็นที่ขาดไม่ได้ จนบางครั้งการลุกออกจากเก้าอี้ก็เป็นเรื่องไม่จำเป็น ผู้คนบางส่วนเริ่มด้อยค่าและมองข้ามผลงานที่ถูกสร้างโดยมนุษย์ เพราะเอาแต่ยึดติดกับความสะดวกสบายและผลงานของ AI ผู้คนต่างใช้ชีวิตบทความประมาท ไว้เนื้อเชื่อใจในเทคโนโลยีอย่างเต็มเปี่ยม
'ไม่มีทางที่มนุษย์จะก่ออาชญากรรมได้ง่ายๆ' นั่นคือความคิดของพวกเขา
แต่ท่ามกลางความสะดวกสบาย ก็ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ยังเห็นคุณค่าในหยาดเหงื่อของมนุษย์ สื่อบันเทิง ศิลปะและความคิดสร้างสรรค์โดยฝีมือมนุษย์ยังน่าพิศวง แต่วงการบันเทิงกลับไม่ใช่สถานที่สวยงามดั่งใจฝัน มันรายล้อมไปด้วยงูพิษไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย และเทคโนโลยีก็เอื้ออำนวยให้ผู้คนหันมาใช้ 'อิทธิพลสื่อ' แทน 'อาวุธสงคราม' จนสองสามีภรรยาในนามต้องดิ้นรนเอาตัวรอดไปวันๆ
เรมี่ ผู้กำกับหนุ่มที่กำลังหัวเสียกับโปรเจ็คหนังที่มีงบจำกัดและตัวเลือกก็ดูเหมือนจะมีไม่มากนัก เขาต้องจำใจพาลูกทีมและบรรดานักแสดง มุ่งหน้าสู่เขตอนุรักษ์นิยมที่ราวกับจะพาพวกเขาย้อนอดีตกลับไปยังศตวรรษที่ 20 พร้อมกับการเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คดีฆาตกรรมปริศนาบนเกาะปิดตายเกิดขึ้นต่อเนื่องราวกับลูกโซ่โดยที่เทคโนโลยีสุดล้ำสมัยก็ไม่อาจช่วยอะไรได้!? การถ่ายทำยังคงต้องดำเนินต่อไป ท่ามกลางความโกลาหลและความลับอันดำมืดที่ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา...
Remii
Author: RemyGravity
Cover Illustration: Bie Day & Sun Moon
Logo: Blue Shark
Gerne: Sci-Fic, Psychology, Thriller, Mystery
เย็นย่ำค่ำมืดแสงไฟจากตัวอาคารส่องสว่างไปทั่วบริเวณ เสื่อทาตามิเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับพวกเขา ทั้งแจกันดอกไม้ ภาพวาดด้วยสีน้ำมัน โต๊ะไม้ทรงกลมขนาดใหญ่ หม้อไฟเสียงฉ่าที่ยังใช้ไฟลุกวาว อาหารสด ๆ จากทะเล ไม่ว่าซาชิมิและปูนิ่มเผาฉ่ำวาว ก็เป็นของที่บางคนถึงกับอ้าปากค้าง
“อะไรกันเนี่ย อร่อยสุด ๆ ไปเลยนะ”
พวกกองถ่ายพากันตาเป็นประกาย บางคนก็โซ้ยราวกับคนตายอดตายอยาก
“แตกต่างจากที่กินที่บ้านสุด ๆ เลย สดมากกกกกกก”
“นุ่มมากกกกกกกกกกกกกกก มีกลิ่นคาวที่ไม่เคยได้กลิ่นด้วยแหะ”
“แต่ฉันเคยกินแบบนี้นะ แต่ราคาก็แพงใช่เล่น”
“คุณเอริ คุณวิเวียน ชอบไหมคะ” นาโอะพยายามถาม
“อื้อ ชอบมาก” เอริตอบทั้งเคี้ยวตุ้ย ๆ
“เลม่อน นายไม่ค่อยทานอะไรเลยนะ” ป็อปเอ่ยถาม
“กินบ่อยน่ะสิ เลยเฉย ๆ น่ะ” เลม่อนตอบรับ ในมือก็จิบชาอย่างสบายอารมณ์
“ดีจังวะ พวกมีเงินเนี่ย”
“จะว่าไป ที่นี่มีบ่อน้ำพุร้อนด้วยนะจ๊ะ” หญิงชราในชุดกิโมโนขาวเอ่ยขึ้น เธอค่อย ๆ เสิร์ฟทาโกะวาซาบิอย่างถนุถนอม
“เห น่าสนใจมาก ๆ เลย”
“เฮ้ คุณผู้กำกับ ไปลงอ่างกันหลังดื่มเสร็จไหม” ไนน์ ผู้กำกับศิลป์ประจำกองเอ่ยขึ้น แม้จะเป็นตอนกินข้าวก็ยังไม่วายสวมหูฟัง เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว
“อา ก็ได้อยู่หรอก”
เรมี่จิบชาเย็นเงียบ ๆ รู้สึกชื่นชอบชาข้าวคั่วของที่นี่เป็นพิเศษ ผู้คนล้อมรอบซ้ายขวาต่างพากันรื่นเริงกับอาหารเลิศรส ทว่าก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาค้างคาใจ
“พวกเอ็กซ์ตร้าไปทานห้องไหนกัน”
“อ้อ อยู่อีกห้องน่ะ” ตากล้องหนุ่มตอบเบา ๆ ทั้งในมือยังถือแก้วเบียร์สด
ประตูเลื่อนออกเบา ๆ เผยให้เห็นบรรดาสตาฟ เด็กฝึกงานและเอ็กซ์ตร้า ที่กองกันในอีกห้องใหญ่ ห้องนี้ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากอีกห้อง เห็นแต่จะเป็นอาหารที่ดูจะจืดชืดและเต็มไปด้วยของเกรดต่ำซะส่วนใหญ่ ไม่มีของทะเลสด ๆ อย่างมากก็ข้าว ซุปมิโสะ กุ้งทอด หรือกระทั่งหม้อไฟชุดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเห็ดและหมูซะมากกว่า
“คุณผู้กำกับทานด้วยกันไหมคะ”
เรมี่นิ่งเงียบ สมองพร่าเบลอจากสิ่งที่ตาเห็น มือขวากำหมัดหลวม ๆ ราวกับซ่อนความคับแค้นใจ
“เอ๋ มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าคะ”
หญิงสาวท่าทางอิดโรยกล่าวถามเป็นภาษาอังกฤษตามปกติ ในศตวรรษที่ 27 เช่นนี้ ไม่ว่าจะผู้คนชนชั้นใดหรือห่างไกลเทคโนโลยีแค่ไหนก็สามารถเรียนรู้ภาษากลางได้ ชายหนุ่มเหลือบมองเงียบ ๆ ก่อนจะจัดการสั่งเมนูดี ๆ ให้กับทีมงานอีกสามสิบกว่าคน เขารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลยแม้แต่น้อยที่พวกจัดการบัญชีมักดูแลทีมงานเยี่ยงการแบ่งชนชั้นกลาย ๆ
“น่าอร่อยจัง”
“ว้าว พวกผมกินได้จริง ๆ เหรอ”
“เห ไม่ได้อยู่ในเมนูของเอ็กซ์ตร้านี่นา ผู้กำกับเลี้ยงเหรอ”
“อื้อ กินให้อร่อยเลยนะ”
ภาพของสมาชิกเบื้องหน้าที่พากันตื่นตากับเมนูซาชิมิสดใหม่ ทำให้หัวใจของผู้นำกองชุ่มชื่นขึ้นมาบ้าง ไม่นึกฝันว่าจะพึ่งรู้สึกตัวถึงเรื่องไม่ชอบธรรมที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวเอาป่านนี้ และถึงจะบอกว่างบในกองครั้งนี้น้อยยังไง แต่ก็ไม่ได้น้อยถึงขนาดจะต้องมาตัดค่าอาหารออก
“เพราะยังไงค่าตัวของยัยเอริก็โคตรถูกเลยนี่นะ ฮะ ๆ ”
หัวเราะกับตัวเองพลางเดินไปนั่งระเบียงด้านนอกเงียบ ๆ มองออกไปยังสวนเซนที่มืดสลัว บอนไซต้นใหญ่ตั้งตระหง่าน หากหย่อนเท้าลงไปก็จะสัมผัสกับทรายกรวดสีขาว ลมเย็น ๆ พัดมาตามธรรมชาติ พาให้คนที่จมจ่อมในโลกเทคโนโลยีถึงกับตกใจ โดยปกติแล้วสายลมในเมืองใหญ่จะไม่เป็นเช่นนี้ หากอธิบายง่าย ๆ ก็คงเป็นความแตกต่างระหว่างเครื่องปรับอากาศกับความเย็นตามธรรมชาติ
“ผู้กำกับคะ”
“ครับ?”
เหลียวหลังไปตามเสียง ก่อนจะพบว่าบรรดานักศึกษาฝึกงานทั้งหญิงชาย ต่างพากันกล่าวขอบคุณโดยพร้อมเพรียง
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ขอบคุณมากนะครับ”
“อื้อ ไม่เป็นไรหรอก”
ดวงหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย เขารู้สึกเขินอายจนต้องถูจมูกนิด ๆ กลบเกลื่อน หญิงสาวเรือนผมสีบลอนด์อ่อนนั่งถัดจากตัวผู้กำกับหนุ่มไปสองคน เธอดูท่าทางอิดโรยและไม่อยากอาหารเท่าไร ร่างสูงจึงตัดสินใจเข้าไปทักทายด้วยตนเอง
“ไม่กินเหรอครับ”
“อะ..”
ซาชิมิแซลม่อนถูกตักใส่จานเล็กและหยิบยื่นให้ผู้สนทนาอย่างเป็นมิตร มือขาวอมชมพูรับมาเงียบ ๆ พร้อมกล่าวขอบคุณตามมารยาท สีหน้าของเธอดูกังวลกับอะไรบางอย่าง
“ชื่ออะไรเหรอ”
“มาเรียโรสค่ะ เรียกมาเรียก็ได้ค่ะ”
“งั้นเหรอ”
เหลือบมองข้าวของข้าง ๆ ตัวหญิงสาว ทั้งแท็บเล็ต โน้ตบุ๊คและหนังสือ
“หืม?”
“คะ?”
เธอหันมองคนอุทานเบาทั้งยังคีบปลาส้มชิ้นหนา สัมผัสได้ว่าคนด้านข้างมีปัญหาบางอย่างกับตนเอง
“อ่านหนังสือของมิเรย์ด้วยเหรอ”
“ค่ะ”
“แปลกจังนะ ที่ชาวต่างชาติจะสนใจหนังสือของเธอคนนี้น่ะ”
“พอรู้ว่าผ่านออดิชันเอ็กซ์ตร้าของเรื่องนี้ เลยอยากศึกษาหลาย ๆ อย่างไว้น่ะค่ะ พอรู้ว่าคุณมิเรย์เขียนหนังสือและมีหลายเรื่องที่คุณเรมี่นำมาทำภาพยนต์แล้วประสบความสำเร็จ เลยคิดว่าควรจะลองหามาอ่านไว้บ้าง"
"ขยันมากเลย เป็นเกียรติมากเลยครับ”
“ขอบคุณมากนะคะ ฉันเอง ก็จะตั้งใจทำมันให้เต็มที่ค่ะ”
ความทะเยอทะยานและความพยายามนั้นเป็นของหายาก หากให้เปรียบเมียบความเลอค่าแล้ว เด็กคนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากเพชรเม็ดงามที่กำลังไต่เต้าในวงการบันเทิงมีผู้คนอยู่แค่สองแบบ นั่นคือสู้จนสุดใจหรือพวกเอะอะถอดใจ ขึ้นอยู่กับว่าสุดท้ายแล้วจะเลือกเป็นคนอย่างไร
“แต่คุณเรมี่เนี่ย ดูเหมือนจะเป็นที่รักของภรรยาจริง ๆ นะคะ”
“ห๊า พูดอะไร!”
“ก็ มันฟ้องอยู่ในทุกตัวอักษรไม่ใช่เหรอคะ”
“ขอร้องละ ออย่าจับเชื่อมโยงกันเองได้ไห”
“ค่า”
เวลาผ่านไปไม่นาน สมาชิกกองถ่ายชายก็เดินผ่านห้องสตาฟไป คนแล้วคนเล่าต่างยิ้มน้อยใหญ่ ดูดื่มด่ำกับการได้แช่น้ำจากบ่อน้ำร้อนและได้สวมชุดฮากามะสบายตัว บางคนทั้งชีวิตการทำงานไม่เคยได้สัมผัสความร่มรื่นเช่นนี้ เพราะสเปรย์ทำความสะอาดร่างกายหรือกระทั่งห้องฆ่าเชื้ออัตโนมัติก็เพียงพอ ผิดกับเรมี่ที่รู้สึกเหนื่อยจนต้องใช้น้ำชำระร่างกายทุกวัน และต้องอยู่คนเดียวด้วย สารภาพตามตรงก็ยังไม่คุ้นชินกับการแช่บ่อรวมอยู่ดี
“คุณเรมี่ไม่ไปอาบน้ำเหรอครับ”
สตาฟหนุ่มถามขึ้นโดยที่กำลังจะออกไปเตรียมตัวแช่น้ำเช่นเดียวกับทุกคน
“ไปกันก่อนได้เลย”
เขาพูดทั้งปัดมือไปด้วย อีกมือก็ใช้กล้องฟิล์มส่องดวงจันทร์เต็มดวงเหนือหัว
“ดวงจันทร์สวยจัง ถ่ายเก็บไปให้คนนั้นดูหน่อยดีกว่า”
ติ๊ก...
ติ๊ก...
ติ๊ก...
ยามห้องเงียบสงัดเสียงนาฬิกาแว่วมาจากผนังห้องด้านบน มันไม่คุ้นหูสำหรับคนที่คุ้นชินกับอะไร ๆ ที่เป็นดิจิทัล ทว่าก็มีเสียงปริศนาแทรกขึ้น
“คนไหนนะ”
“เฮ้ย!”
อุทานดังลั่นคล้ายคนเสียสติ วิเวียนปรากฏตัวเหนือความคาดหมาย ความใกล้ชิดของทั้งคู่ทำเอาฝ่ายชายสะดุ้งตัวโยน ยิ่งเจ้าตัวชุดฮากามะสีม่วงอ่อน อวดทรวดทรงจนหน้าร้อนผ่าว ไม่ว่าจะเนินอกพ้นร่มผ้า ต้นขาอ่อนที่พาให้ใจหวิว
“เดี๋ยว ใกล้ไปแล้ว คุณ!”
“เห็นอยู่คนเดียว เลยมานั่งเป็นเพื่อน ไม่ต้องรังเกียจกันขนาดนั้นก็ได้”
เธอหัวเราะเบา ๆ พร้อมใช้มือทัดปอยผมเกะกะตา ดูรวม ๆ แล้วมันช่างมีเสน่ห์ยั่วเย้าจนคนได้เห็นต้องขยับหนีให้ไกล เรมี่ไม่มีกะจิตกะใจจะต่อปากต่อคำ เพราะสำหรับเขาแล้วผู้หญิง ไม่ว่าจะคนไหนก็เดาใจยากทั้งนั้น
เสียงรินน้ำดังขึ้นใกล้ ๆ มือขาวนวนเนียนค่อย ๆ เลื่อนแก้วเหล้าให้กับคนที่เอาแต่หมกมุ่นกับการถ่ายภาพ
“ให้ผม”
“สังเกตมาสักพักแล้วว่าไม่แตะต้องแอลกอฮอล์เลยนะคะ”
“ยุ่งน่า แค่ดื่มสักแก้วก็พอใจใช่ไหม”
ตวาดเล็กน้อยพลางคว้าไปดื่มอย่างหัวเสีย รู้สึกถึงความกดดันอ่อน ๆ ที่ยากรับมือ
“ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้วนะคะ”
สองมือค่อย ๆ เอื้อมมาใกล้ ๆ เข้าโอบกอดจนกายแนบชิด ผู้กำกับหนุ่มนิ่งค้าง นึกอยากผลักออกไปให้ไกลตัวโดยไวแต่กลิ่นเนื้อสาวโชยแตะจมูกก็พาลให้สมองปิดตัว สภาพตอนนี้หากใครมาเห็นเข้าคงดูไม่จืด
“เดี๋ยว ๆ ผมแต่ง-“
“หนู ไม่ไปอาบน้ำเหรอจ๊ะ? เดี๋ยวบ่อออนเซนจะปิดก่อนนะ”
เสียงหญิงชราขัดขา ดั่งพระเจ้ามาโปรด เรมี่ลุกจากพื้นโดยไว ก่อนพยายามเดินเฉไฉ แถความไปเรื่อย
“นั่นสิน้า ผมนี่ก็จริง ๆ เลยน้า ดันงีบเพลินไปหน่อย รบกวนคุณวิเวียนมาปลุก แย่เลยน้า ขอบคุณมากนะครับคุณยาย เรียกแบบนี้จะเสียมารยาทไปไหมครับ คุณยังดูสาวอยู่เลย”
“จ้า ๆ ไม่เป็นไรหรอก หนูก็ยอเก่งจนดิฉันเขินเลย หุหุ”
“ฮะ ๆ งั้นเหรอครับ แต่ว่า ผมมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อยได้ไหมครับ?”
“เอ๋?”
“ก็แบบ แบบ... ผมเป็นผู้กำกับครับ เอ่อ ถ้าที่นี่ต้องใช้นามบัตรสินะครับ แหะ ๆ พอดีพกติดตัวมา”
“โอ้ ตายจริง ถ้างั้นมีอะไรให้ดิฉันช่วยหรือคะ?”
“ก็ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ คุณยายคนสวย” ขยิบตาให้หนึ่งครั้ง สกิลการแถยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง
เรมี่มุดน้ำเล่นด้วยความสบายใจ แค่ให้คุณยายเจ้าของเรียวกังเฝ้าสักพักก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง เพราะถ้ายัยนั่นรู้ว่าเขาตั้งใจให้คนอื่นอาบก่อนเพื่อจะได้ยึดบ่อละก็ หากเกิดข่าวฉาวขึ้นมา คนคนนั้นคงไม่ยอมใจเย็นแน่ ๆ
นอกจากจะตายก่อนวัยอันควรแล้ว สภาพศพคงไม่สวยเท่าไหร่นัก เรมี่คิดแบบนั้น
“ฮ่า ความอุ่นจากธรรมชาตินี่มันแตกต่างจากอ่างที่บ้านจริง ๆ นะ”
หินสีเทาเรียงรายประดับรอบ ทั้งกำแพงไม้ไผ่สลับระดับราวงานศิลปะ ไออุ่นจากน้ำและควันอ่อน ๆ ตัดกับอุณหภูมิอากาศเหนือพื้นดินที่เย็นตัวลงตามกาลเวลา
“ให้อยู่แบบนี้เป็นปีก็ได้ ฮ่า ๆ ” พูดพลางเอนหลังพิงโขดหิน ปล่อยอารมณ์ผ่อนคลายสบายใจ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“เสียงอะไรน่ะ”