โชคชะตาพรากหลายๆสิ่ง หลายๆอย่างไปจากเขา น้ำตาที่ไหลรินผลักดันให้เขาต้องเติบโต ออกค้นหาอดีตที่ไม่เคยนึกถึง อดีตที่เคยทิ้งไว้ข้างหลัง สู่บทสรุปการต่อสู้เพื่อกุมโชคชะตานี้ไว้เอง
แฟนตาซี,ผจญภัย,ลึกลับ,ชาย-ชาย,สงคราม,สงคราม,ผจญภัย,ลึกลับ,ต่างโลก,นิยายวาย,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,ดราม่า,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Alexazia: War of Fate's Conquerors สงครามผู้พิชิตโชคชะตาโชคชะตาพรากหลายๆสิ่ง หลายๆอย่างไปจากเขา น้ำตาที่ไหลรินผลักดันให้เขาต้องเติบโต ออกค้นหาอดีตที่ไม่เคยนึกถึง อดีตที่เคยทิ้งไว้ข้างหลัง สู่บทสรุปการต่อสู้เพื่อกุมโชคชะตานี้ไว้เอง
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายวาย ชาย x ชาย
บทที่ 51
ท่ามกลางสมรภูมิทุ่งสงครามที่ราบเรียบเต็มไปด้วยเศษซากและกลิ่นคาวน้ำสีแดงสด เสียงของความเงียบงันกลับมากระหน่ำทิ่มแทงไปทั่วทุกอณูบริเวณ ท่ามกลางหมอกบางที่ลอยเอื่อยรอบข้าง รอยเชือดเฉือนที่กวัดไกวไปตามพื้นที่ทุกสัดส่วน ร่างกายที่เปรอะเปื้อนด้วยเศษดินและเลือด ผสมกับเหงื่อที่ไหลชโลมไปทั้งใบหน้าและร่างกาย
เสื้อผ้าเงางามเสมือนเกราะป้องกันกลับกลายเป็นเพียงหลักฐานความหยิ่งยโส ร่องรอยที่ขาดวิ่นและรอยเปื้อนฝุ่นถูกประดับแทนที่สิ่งสวยงามเดิม
หนึ่งลมหายใจเบาบางและหนึ่งลมหายใจที่ขาดวิ่นหลงเหลือไว้เพียงการคาดเดาของสถานที่แห่งนี้ที่อาจเกิดการต่อสู้อันดุเดือด เศษซากพังทลาย แอ่งน้ำและเศษเลือดที่สะบัดกระเด็นไปไกล รอยฉีกขาดของเมฆหมอกที่ถูกรีดเค้นเอาพลังงานบางส่วนไป
ทั้งหมดมันยังเหมือนพึ่งจะผ่านมา เสียงกรีดร้องหรือพื้นดินที่ร่วมรบ ล้มลงบนพื้นดินเกลือกกลั้วไปมาบนดินโคลนโสโครก
ภาพที่จะบีบเคล้นหัวใจปรากฏขึ้น...
ลมพัดแผ่วเบา พัดเอาเสียงหวีดหวิวคร่ำครวญถึงความอาวรณ์ที่หลงเหลืออยู่ ดวงอาทิตย์ที่สาดสะท้อนหนึ่งใบหน้างามและหนึ่งใบหน้าที่มอมแมมพาดไว้บนพื้นดินใต้ฝ่าเท้าที่ยังคงอุ่นไปด้วยแสงสีส้มเสมือนเปลวไฟที่กำลังแผ่ดความอบอุ่นไปทุกบริเวณของอเล็คซาเซีย
ภายในใจของชารอน ...ในวินาทีที่ฉันมองเห็นมีฟฟ์ ความรู้สึกโกรธและความผิดหวังมันถาโถมฉันอีกครั้ง ความเหนื่อยล้าและเรี่ยวแรงที่เคยเต้นแผ่พลังงานไปทั่วร่างกาย ทั้งหมดมันเหมือนหายไปทันที...เรียวขาที่อ่อนแรงมันทำให้ฉันล้มลง
สายตาที่กำลังจดจ้องไปข้างหน้า มันเป็นความเงียบ... เป็นความเงียบที่ดังมาก ๆ สำหรับฉัน
เสียงเคลื่อนตัวของหัวหน้าโซลเจอร์ไม่อาจทลายภวังค์ของชารอนได้ หูที่มีแผลเป็นถูกทาบไว้ที่หัวใจของชายหนุ่ม... สีหน้าที่แสดงออกมาทำให้เชอรีลอบทำความเข้าใจ ในขณะเดียวกันเชอรีก็สอดส่องไปถึงสถานที่แห่งนี้พลางหาอะไรบางอย่าง
สีหน้าที่ไม่น่าทำความเข้าใจได้ของหัวหน้าโซลเจอร์ ทำให้เชอรีต้องกล่าวอะไรบางอย่างออกไป
“เขาตายไหม” คำพูดที่อาจเป็นดั่งตัวตนของเชอรี ทว่ากลับทำให้ใบหน้าที่เฉยเมยของชารอนที่อยู่ด้านหลัง กลับสายตาและดวงตาสีเขียวจดจ้องไปยังเชอรี ภวังค์มากมายที่อยู่ในหัวของเธอมันมากมายเกินกว่าจะอธิบายเป็นคำพูดได้
‘...’ การตอบกลับทั้งหมดในหัวของชารอนมีเพียงความรู้สึกเศร้าและโกรธ
“ชารอน!!” เสียงตะโกนของหัวหน้าโซลเจอร์ทำให้ทั้งเชอรีและชารอนสะดุ้ง “เธออย่าพึ่งบ้าได้ไหม!!” …” พวกเขากำลังจะตาย เธอเลิกโทษตัวเองและมาช่วยฉันเดี๋ยวนี้!!” คำพูดที่ไม่อ่อนโยนเลยของชายหนุ่มที่ผ่านสนามรบมากมาย ภายใต้ความเข้าใจถึงความเป็นไป ในความคิดของหัวหน้าโซลเจอร์...เขานั้นทราบว่าชารอนยังเป็นเพียงเด็กนักสำหรับโลกใบนี้
แต่เธอจำเป็นต้องโตได้แล้ว!!
“เอาอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินออกมา!!” เสียงของหัวหน้าโซลเจอร์ทำให้ความคิดของชารอนกระจัดกระเจิง ความรู้สึกต่าง ๆ ถูกฝังกลบเอาไว้ภายใต้พื้นดินที่พังทลาย เรี่ยวแรงที่ไม่ทราบที่มาถูกรีดเค้นส่งตัวเองตรงไปหาร่างทั้งสอง มือเรียวกวัดไกวกับการจัดหาอุปกรณ์ฉุกเฉินเพื่อการยื้อชีวิต...
เชอรีที่ถึงแม้จะไม่มีความรู้มากนักสำหรับเรื่องอุปกรณ์ แต่ก็ย่างกายเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อสำรวจอะไรบางอย่าง
ภายในห้วงความคิดและสายตาที่จดจ้องของชารอน ความคิดและความสับสนที่ถูกจัดเรียงใหม่มากมายกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง หูที่มีรอยแผลทาบลงไปที่หน้าอกของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา พลางเอามือแนบไปบริเวณปลายจมูกสวย
“ลมหายใจเบามาก คุณเชอรีช่วยชารอนจัดการทีนะครับ” คำกล่าวที่ยังไม่ใช่คำที่รอคอย
มือที่ถูกชำระล้างให้สะอาดพลางหยิบอุปกรณ์มาตรวจและช่วยเหลือชายหนุ่มอย่างกวัดไกว ทว่าความรู้สึกยังคงจับจ้องไปที่น้องมีฟฟ์ของเธอ
‘อึก...อา’
“ทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่” คำพูดและเสียงลมหายใจเล็ก ๆ ที่ได้ยินเป็นเครื่องยืนยันที่ทำให้ชารอนรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ความวิตกกังวลที่ถูกปลดลงทำให้เธอสามารถกลับมาให้ความสนใจร่างกายข้างหน้ามากกว่า
“ไม่อยากขัดนะ แต่...” เชอรีกล่าวเสียงเบา
“แล้วนี่คือเลือดใคร...” เรียกสติของทั้งสองคนก่อนหน้านี้ให้เงยหน้าขึ้นมาสังเกตสิ่งรอบกาย
“เอ่ออ...” คำถามที่ยังไร้คำตอบในตอนนี้ ทั้งหมดล้วนยังไม่ต้องการคำตอบ
กล่องโลหะขนาดเล็กสลักด้วยกลไกและฟันเฟืองเล็ก ๆ หลอดแก้วใสที่มีสีแดงสดเกาะอยู่ด้านใน รอยคาบของเหลวที่ถูกส่งผ่านกลไกบางอย่าง เป็นกลไกที่ไม่เคยเห็น...
สายตาดำมืดที่มองกวาดไปทั่วบริเวณ สายเลือดที่สาดกระเด็นเป็นทางยาว หรือรอยเชือดเฉือนตามร่องรอยอาคาร ทั้งหมดสร้างแรงกระเพื่อมบางอย่างให้เชอรี
ในความสว่างไสวของสมรภูมิรบซึ่งยังคงมีกลิ่นคาวและดินแฉะคละคลุ้งไปทั่ว หัวหน้าโซลเจอร์พลางหยิบอาวุธคมข้างกายออกมา มีดสั้นที่เหมาะสมและเป็นเอกลักษณ์ถูกหยิบออกจากปอกที่สวมใส่ อาภรณ์ที่สง่างามของชายหนุ่มที่ลมหายใจโรยรินถูกถากถ่างทิ้งไปราวกับเกราะป้องกันอ่อน ๆ ที่ถูกปลดระวาง เศษผ้าที่เปื้อนฝุ่นและเลือด รอยขาดวิ่นกระจายไปทั่วบริเวณตั้งแต่ไหล่จรดเอว ผ้าบางส่วนถูกฉีกขาดจนเห็นแผลลึกที่ยังมีเลือดซึมเบาบาง
เสียงมีดที่ตัดผ่านเนื้อผ้าดังขึ้นเบา ๆ ขณะที่น้ำสะอาดถูกส่งมาโดยชารอนถูกชโลมราดลบรอยเปื้อนเลือดและดินออกจากร่างกายเผยให้เห็นถึงมัดกล้ามเนื้อที่สั่นและเย็นชืดเข้ามาในสายตา รอยฟกช้ำสีม่วงคล้ำที่กระจายรอยไปเป็นทางทั่วทั้งตัว รอยแผลแนวยาวจุดเล็ก ๆ และรอยเฉือนมากมายจากเศษแก้วเศษกระจกลึก คาดว่าระหว่างการต่อสู้จะมีเศษซากและการถล่มของอาคารเข้ามามีบทบาทในสมรภูมิเป็นอย่างมาก
รอยแผลและเลือดที่แข็งตัว บางจุดยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาช้า ๆ ใบหน้าที่มีแผลเป็นยังคงหลับตาพริมสว่างการหลับใหลพริบตาหนึ่ง ดวงตาถึงแม้จะหนักอึ้งราวความเหนื่อยล้าที่ถาโถม ทว่าลมหายใจยังโรยรินจนน่าใจหาย
สายรัดหนังสีเข้มถูกหยิบออกจากกระเป๋าฉุกเฉิน มารัดเอาไว้ที่แขนพร้อมสายท่อเล็ก ๆ ที่มีลูกกลมสำหรับการบีบอัด ถูกส่งต่อให้ชารอน
ภายใต้ใบหน้าที่เงอะงะถูกส่งหน้าที่มาก็ทำการช่วยเหลืออยากลนลาน
สิ่งประดิษฐ์ขนาดเล็กกะทัดรัดถูกหยิบชิ้นส่วนมากมายออกจากกระเป๋าใบเดิม ท่อและฟันเฟืองที่ชารอนไม่เข้าใจ...ทั้งหมดถูกติดตั้งโดยหัวหน้าโซลเจอร์อย่างรวดเร็ว ราวกับเขาถูกฝึกอย่างชำนาญมาเพื่อช่วยชีพโดยเฉพาะ
เครื่องพลังงานขนาดพอเหมาะถูกตั้งไว้ด้านนอก แท่งโลหะทองเหลืองเก่าที่มีคราบเลอะเทอะเล็กน้อยจากการวางบนพื้น ลูกสูบที่มีขนาดเล็กกว่าถูกพับราวกับพัด วางไว้บนหน้าอกของชายหนุ่มที่กำลังจะหมดลมหายใจเหนือรอยแผลฟกช้ำเล็กน้อย
พลังงานที่ถูกจุดโดยถ่านหินคอลส่งผ่านไอน้ำเข้ากับตัวเครื่องกลไก การแผ่ดขยายครอบคลุมพื้นที่เครื่องสูบด้านนอกทำให้มีแรงลมแผ่วเบาพองตัวช้า ๆ โดยจะถูกกรองความร้อนและส่งเข้าออกผ่านท่อ ทำให้ลูกสูบเย็นตัวลงเล็กน้อย
“กดมันไว้” หัวหน้าโซลเจอร์จ้องไปยังใบหน้าชารอนช้า ๆ ด้วยความราบเรียบราวกับเธอจะอ่านใจเขาไม่ได้ ความนิ่งงันของชารอนให้หัวหน้าโซลเจอร์กระทำบางอย่าง...
แขนหนาที่จับเอาฝ่ามือเล็กของชารอนทับไว้เหนือลูกสูบเล็ก
“กดมันไว้ อย่าปล่อยนะ...ทนหน่อยมันอาจจะร้อน” ใบหน้าเคร่งเครียดของหัวหน้าโซลเจอร์ทำให้ชารอนปฏิเสธมันไม่ได้พลางกดไว้แน่น
กลไกเล็ก ๆ ที่ถูกติดตั้งเอาไว้ ฟันเฟืองชิ้นเล็กมากมายกำลังขับเคลื่อนปาฏิหาริย์ที่พวกเขาจะสร้างขึ้นเอง หลอดเข็มยาหนึ่งถูกดีดเอาฟองอากาศเล็กออกจากหลอดแก้ว นิ้วหนาที่พลางคลำหากล้ามแน่นที่กำลังเต้น
โลหะที่สะอาดสะอ้านถูกสอดแหวกภายใต้ชั้นกล้ามแน่น ส่งเอาสารพลังงานบริสุทธิ์บางอย่างเข้าสู่เส้นเลือด สายตาคมที่หันมาจ้องชารอนคล้ายส่งสัญญาณบางอย่าง
กระบวนการของกลไกถูกเร่งการทำงาน ลูกสูบที่มีอากาศภายในถูกบีบเคล้นส่งแรงบีบรัดและขยายตัวภายใต้ฝ่ามือเล็ก ชารอนจึงต้องใช้ทั้งสองมือเพื่อกดมันไว้ที่ตำแหน่งเดิม
‘อึก..’
“ตุบ..ตุบ...ตุบ” เสียงแรงการขยายตัวที่เสมือนเป็นการบีบกดหัวใจให้ทำงานอีกครั้ง สารพลังงานบริสุทธิ์ที่แพร่กระจายไปทั่วบริเวณ รีดเอาพลังงานบางส่วนที่ไม่สะอาดออกจากร่างกาย ลมหายใจที่ถูกจัดการใหม่ทำให้ปอดถูกเติมเต็มด้วยอากาศและแรงลมที่พอดี
ทั้งหมดมันเสมือนการเลียนแบบการทำงานของหัวใจและเติมลมเข้าปอดอย่างเชื่องช้า...
“อืออ...” สายตามึนงงภายใต้เปลือกตาที่หนักอึ้งลืมขึ้นมาดูโลกใบเดิม
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่ครับคุณชอว์ คุณต่อสู้กับสัตว์ประหลาดและได้รับชัยชนะมาใช่ไหมครับ” แสงส่องสว่างเหนือวันใหม่ภายใต้ความสะลึมสะลือและยังจับใจความไม่ได้... ความเหนื่อยล้าเข้าโจมตีสติ
เปลือกตาที่บังคับเลื่อนลงช้า ๆ ภายใต้คำถามมากมายที่ยังคงประดังประเดเข้ามามากมายของชอว์...
เสียงลมหายใจที่ชัดเจนขึ้น ส่งเสียงอย่างแผ่วเบาเป็นจังหวะที่พอดี...ราวกับหัวใจที่กลับมาเต้นอีกครั้ง
คำถามที่ไม่ได้รับคำตอบทำให้หัวหน้าโซลเจอร์หน้าเสียเล็กน้อย ทว่าถึงแม้ชอว์จะสลบลงไปอีกครั้ง ใบหน้าที่เคยซีดจนน่าเป็นห่วงกลับมีสีสันขึ้นมาเล็กน้อย กลไกสร้างแรงบีบรัดที่แขนส่งผ่านแรงดันเล็ก ๆ ไปทั่วร่างกายของเขา
ในอีกด้านหนึ่งหญิงสาวที่พยายามเขย่าตัวเด็กหนุ่มเบา ๆ มือเล็กที่พลางตบใบหน้าที่คุ้นชินเบา ๆ พยายามเรียกฟื้นคืนสติ มือที่ปัดป่ายผมสีบลอนซ์ออกไป ใบหน้าเล็กที่ก้มลงส่งใบหูทาบไปยังหน้าอกมอมแมม...
‘ตึกตัก...ตึกตัก’ เสียงหัวใจที่ยังคงเต้น มันเหมือนกับการปลดระวางอะไรบางอย่างในหัวใจ เรี่ยวแรงของแขนเรียวแขนที่สั่นไหวมันเหมือนกับการได้ปล่อยวางความคับข้องใจทั้งหมดไป
“อย่าพึ่งไปไหนเลยนะ...” น้ำตาที่พร่ามัวอยู่ที่ดวงตาสดใส แขนที่ถูกยกมาปาดมันเก็บไว้
ความเงียบงันที่ดำเนินต่อไปไม่ช้าไม่เร็ว...ถูกคำกล่าวขึ้นภายใต้แนวคิดที่ระมัดระวังตัว
“แล้วชารอน แถวนี้มีอันตรายไหมหรือพวกนางไซเรน” คำถามที่ลบล้างความสงบออกไป ภายใต้ความเป็นจริง...พวกเขาอาจจะยังไม่ปลอดภัยแทนสองคนที่กำลังนอนตรงนี้
ชารอนส่ายหน้า “ไม่มีสัญญาณอะไรเลย ฉันยังจับสัมผัสไว้ตลอด” ...” แต่เราพาพวกเขากลับไปที่ฐานก่อนเถอะ”
พวกเขาอาจจะต้องการความสำคัญมากกว่าการหาพวกไซเรนนะ...
ในห้วงลึกของทะเลสาบ มวลน้ำก้อนหนึ่งส่งเสียงและฟองอากาศไปมาราวกับการเผยโฉมของสิ่งใดบางอย่าง...
อย่าลืมกดเพิ่มเข้าชั้นหนังสือ เป็นกำลังใจ
คอมเม้นท์แสดงความคิดเห็น กดแชร์ได้เลยน๊า~
ช่องทางติดต่อ / ติดตาม
Twitter > https://twitter.com/DSeyouinz
สามารถพูดคุยได้ผ่าน #ชะตาของน้องมีฟฟ์ #สงครามผู้พิชิตโชคชะตา