โชคชะตาพรากหลายๆสิ่ง หลายๆอย่างไปจากเขา น้ำตาที่ไหลรินผลักดันให้เขาต้องเติบโต ออกค้นหาอดีตที่ไม่เคยนึกถึง อดีตที่เคยทิ้งไว้ข้างหลัง สู่บทสรุปการต่อสู้เพื่อกุมโชคชะตานี้ไว้เอง
แฟนตาซี,ผจญภัย,ลึกลับ,ชาย-ชาย,สงคราม,สงคราม,ผจญภัย,ลึกลับ,ต่างโลก,นิยายวาย,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,ดราม่า,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Alexazia: War of Fate's Conquerors สงครามผู้พิชิตโชคชะตาโชคชะตาพรากหลายๆสิ่ง หลายๆอย่างไปจากเขา น้ำตาที่ไหลรินผลักดันให้เขาต้องเติบโต ออกค้นหาอดีตที่ไม่เคยนึกถึง อดีตที่เคยทิ้งไว้ข้างหลัง สู่บทสรุปการต่อสู้เพื่อกุมโชคชะตานี้ไว้เอง
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายวาย ชาย x ชาย
บทที่ 52
สายลมที่พัดผ่านเบา ๆ เสมือนศึกสงครามที่จบลงไปแล้ว ภายใต้การเดินทางที่มักจะมาไวมากกว่ากลับไป หนึ่งร่างใหญ่โตสภาพสะบักสะบอมถูกประคองโดยหัวหน้าโซลเจอร์ และหนึ่งร่างเล็กที่ถูกโอบอุ้มโดยชารอน แม้จะหนักอยู่บ้างแต่เธอยังพออุ้มมีฟฟ์ไหว
“น้องตัวเบาจังเลยนะ” ชารอนก้มลงมองแก้มที่แดงระเรื่อของมีฟฟ์
“เรายังหาคุณเดอเลียไม่เจอเลย” ...” เกิดอะไรขึ้นกับเธอ” เสียงหัวหน้าโซลเจอร์พลางกล่าวถามคนที่ยังพอมีสติอยู่ในตอนนี้
มันเป็นดั่งเรื่องที่จะสั่นเครือความรู้สึก แสดงออกถึงความกังวลในเบื้องลึกของจิตใจของชารอน
เส้นทางเดิมที่ถูกเคลียร์ไว้แล้ว ทำให้ขากลับพวกเขาทั้งสามคนสามารถกลับได้อย่างไม่ยากนัก
ทว่า...วินาทีที่สำคัญกำลังยืดยาวออกไป
ย่างก้าวที่ไม่เร็วไม่ช้า เร่งรีบเพื่อจะส่งให้พวกเขาเข้าถึงอุปกรณ์ช่วยเหลือที่มากกว่านี้ เส้นผมสีแดงที่พลิ้วไหวไปมาตามแรงที่ขับเคลื่อน ใบหน้าหล่อเหลาที่หลับพริมกางเกงสีทมิฬที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงส่องประกายขึ้นมาอย่างน่าหวาดกลัว
ปลายสายตาที่กำลังจะลาลับไปทำให้หญิงสาวผู้แห้งแล้งหันกลับไปเพื่อสำรวจอะไรบางอย่าง... อุปกรณ์ที่ไม่ใช่ของพวกเขาแล้วมันเป็นของใคร สองร่างกายที่ผ่านสมรภูมิมาอย่างดุเดือดทว่ามีเพียงชายหนุ่มที่โตกว่าบาดเจ็บเท่านั้น ร่องรอยของหยาดเลือดสีแดงที่เกาะขอบแท่งหลอดแก้วนั่นคืออะไร
อุปกรณ์และกลไกที่ไม่ใช่ของเรา... ทั้งหมดคืออะไร
เส้นผมสีดำสยายสะบัดทิ้งเอาความสงสัยกลับไป ‘ทั้งหมดของเธอคือต้องสนใจชีวิตข้างหน้า’
‘สนใจ? สนใจอะไร?’ ความคิดมากมายที่ตีกันอย่างน่าเวทนาภายในห้วงความคิดหญิงสาวจิตแห่งความแหบแห้ง
เสียงตะโกนโห่ร้องที่ถูกส่งจากฐานที่ตั้ง บรรดาโซลเจอร์น้อยใหญ่ที่ถูกตระเตรียมการไว้สำหรับเรื่องฉุกเฉิน ฉุกละหุกวนเวียนไปมาท่ามกลางร่างกายของมีฟฟ์และชอว์
หรือเสียงลมหายใจและเสียงกลไกกำลังทำงานบีบอัดลูกสูบผ่านหน้ากากเล็ก ๆ ที่กรองเอาอากาศบริสุทธิ์ส่งไปยังชายหนุ่มสัญญาณจิตแห่งไฟ?
หรืออาจจะเป็นความเงียบงันที่ดังก้องไกล ภายใต้ภวังค์มากมายของหญิงสาวสัญญาณจิตแห่งน้ำ?
หรืออาจจะเป็นเสียงกลไกและเครื่องจักรของผู้เร่งรีบอย่างโซลเจอร์ที่มีหน้าที่ควบคุม พยายามติดต่อสื่อสารขอความช่วยเหลือ เสียงฟู่ฟองของเครื่องจักรที่ส่งเสียงผสานได้อย่างลงตัว ส่งมันไปไกลยังท้องฟ้ากว้างใหญ่
หรืออาจจะเป็นเสียงกระซิบกระซาบของคำภาวนาเล็ก ๆ ในที่ห่างไกลมาก ๆ
ภายใต้ “ขอให้เจ้าปลอดภัยนะ เด็กน้อย”
เสี้ยววินาทีที่ทุก ๆ อย่างเดินหน้าพร้อม ๆ กัน เสมือนกลไกชิ้นเล็กและฟันเฟืองขบกันไปมาอย่างน่าเกลียด ทว่ามันกลับส่งแรงต้านและมุ่งไปเพียงข้างหน้า พฤติกรรมและคำภาวนาที่ได้รับการตอบรับ หรืออุปกรณ์ระโยงระยางที่ถูกทิ้งไว้อย่างมีนัยสำคัญ
หนึ่งใบหน้าเล็กและหนึ่งใบหน้าหล่อเหลาส่งเข้าไปยังห้องฟื้นชีพ... สถานที่ที่เป็นดั่งจุดก้ำกึ่งของความเป็นความตาย
ร่างกายที่อ่อนแรงถูกทิ้งไว้เพียงด้านหน้าของห้อง น้ำตาที่เอ่อล้นไม่อาจสกัดกั้นเอาความเจ็บปวดความทรมานหรือความโกรธเกรี้ยวเก็บไว้ได้เลย อ้อมกอดและแรงกำลังใจที่ถูกส่งมาทั้งหมดมันอาจจะยังไม่ถูกตอบรับโดยพระเจ้าที่พวกเขาเชื่อถือ
“ปลอดภัยนะ น้องมีฟฟ์” สายตาที่พร่ามัว ผมบลอนซ์ที่เกลือกกลั้วไปกับพื้นโลหะเย็นชืดพลางภาวนาอย่างออดอ้อนต่อใครสักคน
ใครสักคนที่จะรับฟังความปรารถนาของเธอ...
ในอีกด้านหนึ่ง...หลังแยกจากกัน แม้เธอจะไร้หัวใจทว่าก็รับรู้ถึงเจตนาที่ชารอนจะสื่อ เชอรีส่งร่างกายที่บาดเจ็บถึงหน้าห้อง และเดินออกมาเงียบเชียบ...
แผ่นหลังเล็กที่กอดตัวเองเอาไว้ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ กิ่งก้านที่แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างใหญ่เสมือนความคิดที่แตกซ่าน ความกังวลมากมายที่ผุดขึ้นราวกับใบไม้หนาทึบที่ปิดทับและซ่อนตัวของหัวใจ แสงแดดที่ร่ำไรพัดผ่านลำแสงอ่อนโยนส่องลงมาเบา ๆ รองเท้าบูตที่เคยประดับบนฝ่าเท้าสวย ถูกทอดทิ้งไว้ราวสิ่งไร้ค่าข้างก้อนหินใหญ่
เสียงลมหายใจที่ถูกปล่อยทิ้ง ร่างกายน้อยที่อยู่บนโขดหินพลางคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต การกระทำที่แปลกประหลาดหรือกล่องที่ทำให้เธอชะงัก ดั่งความหวานขมของห้วงความทรงจำและความไม่แน่นอนของอนาคตในข้างหน้า
ลมพัดเบา ๆ ทำให้เส้นผมสีดำพลิ้วไหวไปมาเล็กน้อย เสียงกระซิบของใบไม้หรือเสียงน้ำเอื่อย ๆ จากลำธารใกล้ ๆ สร้างบรรยากาศที่สงบ ทว่าเป็นตัวเธอเองที่ยังคงไม่สามารถนิ่งได้ เรื่องราวมากมายที่ทำให้เธอทบทวนทุกสิ่งทุกอย่าง
ความคิดและสิ่งแวดล้อมที่สงสัย ปราการใด ๆ ที่เธอก่อกำลังจะพังทลายลง...
ผู้คนกวัดไกวไปมาและรีบร้อนกับเรื่องราวของตนเอง มีเพียงเธอที่ไม่มีอะไรให้ทำ
‘หรืออาจเป็นเพราะตัวเธอไม่รู้จัก...’
‘เราไม่รู้จักอะไรนะ’ ...
‘ความรักเหรอ’
สายตาที่จับจ้องไปมาอย่างเหม่อลอย กระทั่งรับเข้ากับย่างก้าวที่เร่งรีบของชารอน เธอกำลังเดินไปหาหัวหน้าโซลเจอร์...
เสียงกระซิบกระซาบระหว่างหัวหน้าโซลเจอร์และลูกน้องของเขา แม้ตัวเธออาจจะไม่ได้ยินชัดเจน แต่ถ้าให้อ่านจากปาก เขาคงได้รับข่าวสารอะไรบางอย่างมาสินะ...
ความกระวนกระวายใจที่แสดงออกของเธอ มันช่างดูออกง่ายเหลือเกินนะชารอน ให้ฉันทาย...เธอคงกำลังกังวลใจทั้งเรื่องของน้องและหญิงสาวที่เอ่อ...
สัญญาณจิตแห่งน้ำสินะ ครั้งสุดท้ายคือพวกโซลเจอร์ยังค้นหาไม่เจอ
มันทำให้เธอกังวลใจใช่ไหมชารอน
ความกังวลใจและสิ่งกระตือรือร้นนั้นคืออะไร ฉันก็อยากเข้าใจ
แต่ ฉันก็เหมือนไม่อยากเข้าใจ...
ภายใต้ความยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ แต่เราก็ยังเหมือนมดปลวกที่บีบมันลงไปเล็กน้อย เราก็จะแตกสลายและดับดิ้นได้ง่ายเหลือเกิน...
ใบหน้าเรียวและสายตาที่ราบเรียบก้มลงทาบหัวเข่าน้อยดั่งการปกป้องตัวเอง เส้นผมเส้นน้อยที่สยายปรกใบหน้าดั่งความมืดครึ้มที่ปิดบังท้องฟ้าของเชอรี ภายใต้เครื่องจักรขนาดใหญ่ที่กำลังทำงาน ส่งเสียงฟู่ฟองหรือคันโยกที่ถูกชักดึงโดยผู้ที่กำลังควบคุมเครื่อง เศษซากที่ถูกกวาดล้างสร้างพื้นที่ราบเรียบในการจัดตั้งเต็นท์ กลไกและฟันเฟืองที่กำลังหมุนมีแรงมหาศาลด้วยระบบขับเคลื่อนพลังงานไอน้ำ ส่งเสียงฟูและครวญครางอย่างน่าเอ็นดูขณะที่เครื่องทำงาน
ใบพัดเล็ก ๆ ที่พัดเอาควันสีขาวที่เป็นสิ่งตกค้างพัดขึ้นไปบนฟ้าเป็นระยะ
แผงควบคุมและมาตรวัดที่ซับซ้อนเกินกว่าคนนอกจะเข้าใจได้ ชุดหนังสีเข้มในเครื่องแบบของโซลเจอร์ทำให้ทุกอย่างมันดูวุ่นวายทว่าก็เป็นระเบียบ พวกเขาหมุนวาล์วและปรับเกียร์ ดึงคันโยก
ส่งสัญญาณมือให้เครื่องจักรนี้เคลื่อนที่ไปทางข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ผู้คนที่กำลังเดินมาไปก็พยายามช่วยหยิบจับอะไรกันอย่างเล็กน้อย ผู้บาดเจ็บก็กำลังหายใจหอบเอาอากาศที่เป็นโอกาสครั้งใหม่เข้าไป
ไม่นานลูกน้องโซลเจอร์ก็เข้ามารายงานถึงสถานการณ์ภายนอก ‘โดมน้ำที่ราชินีไซเรนทำไว้มันแตกแล้ว...ทำให้นายทหารโซลเจอร์ที่เป็นวาร์เชอน์อีก 20 คนและนายโซลเจอร์อื่น ๆ เข้ามาถึงเมืองโอเดลล์แล้ว’
เรือลำใหญ่และลำเล็กอีก 2 ลำ ถูกจอดไว้ที่ลานกว้างท่ามกลางเศษซากมากมาย เหล่าโซลเจอร์ที่เดินลงมาพลางพูดคุยแลกเปลี่ยนหัวหน้าโซลเจอร์ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในโดมน้ำแห่งนี้
‘เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นมันนานมาก ๆ เกือบทั้งสัปดาห์เลย อีกทั้งพวกเขายังพบวาร์เชอร์อีก 2-3 คน ภายหลังที่โดมน้ำแตกออก ในส่วนของค่ายที่ตั้งไว้ภายนอกจะถูกจัดการและนำเข้ามาช่วยเหลือในทันที’
รายงานข่าวสารมากมายที่เขาควรรู้ ทว่าความหนักใจของหัวหน้าโซลเจอร์ที่กำลังมองไปที่เต็นท์ของมีฟฟ์และชอว์
กล่าวขัดกับโซลเจอร์หัวหน้าทีมฝั่งนู้นถึงการรายงานข่าวสารที่เป็นไป “หยุดก่อน...ทางเราต้องการความช่วยเหลือด่วน”
“หัวหน้าสังกัดแอพเพรนน์บาดเจ็บปางตาย”
ท่ามกลางความเร่งด่วนในชั่วโมงชีวิต ความวุ่นวายทั้งหมดถูกลงให้ความสำคัญกับชอว์ ขบวนรถเข็นที่ถูกสับเปลี่ยนส่งออกจากเต็นท์ที่ถูกสร้างอย่างง่ายและรวดเร็ว ทั้งหมดเคลื่อนง่ายสองร่างที่กำลังรอคอยความช่วยเหลือด่วน ไปยังห้องฉุกเฉินที่ดีกว่า ภายในเรือลำใหญ่ที่ลงจอดไว้
ภายในนั้นมีห้องที่จะเป็นดั่งสถานที่จะสนองคำภาวนาที่จะเป็นจริงของใครหลายคน...
ความแปลกประหลาดใจของกลุ่มผู้รักษาชีพ หรืออุปกรณ์บางอย่างที่เป็นร่องรอยที่อก ทั้งหมดมันเหมือนเป็นปริศนาที่รอคอยการค้นหา
ข้อมูลที่ถูกรายงานในเวลาเดียวกันให้หัวหน้าโซลเจอร์ทราบและสงสัยเกี่ยวกับข้อเท็จจริงตรงนี้ พลางนึกถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาไปเจอชอว์ครั้งแรก ทั้งหมดมันมีอุปกรณ์เกะกะเต็มไปหมด
แต่พวกเขาไม่ได้เอะใจเลย
ทั้งหมดมันมีอะไรกันนะ?
อย่าลืมกดเพิ่มเข้าชั้นหนังสือ เป็นกำลังใจ
คอมเม้นท์แสดงความคิดเห็น กดแชร์ได้เลยน๊า~
ช่องทางติดต่อ / ติดตาม
Twitter > https://twitter.com/DSeyouinz
สามารถพูดคุยได้ผ่าน #ชะตาของน้องมีฟฟ์ #สงครามผู้พิชิตโชคชะตา