โชคชะตาพรากหลายๆสิ่ง หลายๆอย่างไปจากเขา น้ำตาที่ไหลรินผลักดันให้เขาต้องเติบโต ออกค้นหาอดีตที่ไม่เคยนึกถึง อดีตที่เคยทิ้งไว้ข้างหลัง สู่บทสรุปการต่อสู้เพื่อกุมโชคชะตานี้ไว้เอง
แฟนตาซี,ผจญภัย,ลึกลับ,ชาย-ชาย,สงคราม,สงคราม,ผจญภัย,ลึกลับ,ต่างโลก,นิยายวาย,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,ดราม่า,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Alexazia: War of Fate's Conquerors สงครามผู้พิชิตโชคชะตาโชคชะตาพรากหลายๆสิ่ง หลายๆอย่างไปจากเขา น้ำตาที่ไหลรินผลักดันให้เขาต้องเติบโต ออกค้นหาอดีตที่ไม่เคยนึกถึง อดีตที่เคยทิ้งไว้ข้างหลัง สู่บทสรุปการต่อสู้เพื่อกุมโชคชะตานี้ไว้เอง
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายวาย ชาย x ชาย
บทที่ 56
ท่ามกลางการเคลื่อนไหวและฟันเฟืองเล็ก ๆ ที่กำลังหมุนและกระทบสัมผัสกันไปมา ฟันเฟืองชิ้นหนึ่งกำลังจะหลุดร่วงโรยอยู่ที่การฉุดรั้งเอาไว้โดยฟันเฟืองชิ้นอื่น ๆ
หรืออาจจะไม่...
ภายใต้สายธารแห่งกาลเวลาที่ดำเนินต่อไปไม่เคยถอยหลัง เบื้องหน้าคือหน้าผาแห่งการตัดสินใจ ลมที่พัดแรงครูดผ่านใบหน้าและกรีดกรายราวกับนิ้วเรียวและเล็บแหลมบรรจงบรรเลงลงขอบหน้าผาที่สูงชัน พื้นดินที่สั่นไหวสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลาเหมือนหนทางที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ด้านล่างคือความมืดมิดของเกรี้ยวคลื่นทะเลที่โหมกระหน่ำเป็นระลอกขนาดใหญ่เสมือนความไม่แน่นอนที่หลั่งไหลอยู่ในใจผู้คน
ชอว์ยืนอยู่ที่ริวหน้าผา ฝ่ามือที่เปรอะเปื้อนพยายามจะคว้าเพียงอากาศที่ว่างเปล่า หากเพียงก้าวหนึ่งของการตัดสินใจจะนำเขาไปสู่กำหนดชะตากรรมที่ไม่อาจคาดเดาได้...
“นี่คืออะไร...” เสียงของชอว์ดังขึ้นทลายความเงียบงันที่ขัดแย้งกับบรรยากาศที่สวยงาม
‘ที่นี่คือสถานที่สุดท้าย’ เสียงของบุคคลปริศนาตรงหน้า ดังขึ้นในโสตประสาทราวกับเสียงที่กระซิบผ่านสายลมเบา ๆ
‘สถานที่สุดท้ายระหว่างเรา...’ ความกลัวที่ถูกดันขึ้นจากอกทำให้ชอว์รู้สึกอยากอาเจียนเอาความไม่พึงใจนี้ออกไป
ภายในความคิดมากมายที่กำลังสับสนและวุ่นวายของชอว์...
มันเหมือนกับผม..ต้องตัดสินใจที่จะก้าวข้ามผ่านไปหรือการหยุดและพิจารณาถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผมทำหายไป
แต่มันคืออะไรละ...
ความรู้สึกที่ฉุดรั้งผมเอาไว้...มันคืออะไร??
ท่ามกลางความงุนงงที่ยาวนาน พริบตาหนึ่งในอาภรณ์ที่เขาสวมใส่ความสง่างามที่ไร้คุณค่า แผนที่หนึ่งที่เขาไม่คุ้นตาปรากฏขึ้นภายในกระเป๋า...
แผนที่ที่เขาอาจจะเคยจำได้และจำไม่ได้ แผนที่ที่จะบ่งบอกถึงสถานที่ที่ซ่อนคำตอบของคำถามไว้
เพียงคำตอบเดียวที่เขาเสาะแสวงหา
หรืออาจเป็นเพียงหลุมพรางที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยง...
ภายใต้ความวิตกกังวลในความโง่งมของตัวเอง เหลือทิ้งไว้เพียงสัญญาณจิตบริสุทธิ์ไร้การเจือปนใด ๆ เขาเกิดคำถามขึ้นในใจ
แล้วบุคคลตรงหน้าของผม...คือใคร?
ดอกไม้ที่ปลิดปลิวออกจากร่างกายหรือความซีดเซียวของร่างกายที่กำลังล่องลอยเหนือหน้าผาดำมืดทั้งหมดมันคืออะไร?
ภายใต้แสงสลัวที่วับแวมเบา ๆ หนึ่งในความขัดแย้งมากมายของโลกคือบุคคลปริศนาตรงหน้า หน้าผาสูงชันและทะเลอันบ้าคลั่งคล้ายกับเงาเลือนรางเบื้องล่าง กรอบแว่นตาที่ถูกนิ้วเรียวยาวเกรี้ยวมันเล่นอย่างน่าฉงน ลักษณะวิจิตรศิลป์งดงามอย่างหาที่สุดไม่ได้ ทำจากทองคำที่แกะสลักอย่างละเอียดละไม เหมือนสะกดวิญญาณแห่งความงามเอาไว้ภายใต้ความรู้สึกที่ล้ำลึก แสงอันเล็กส่องประกายจากแหวนที่นิ้วนางงามทำให้มีอะไรน่าขบคิดไปไกล
กลิ่นของดอกไม้ที่ปลิวไหวไปตามแรงลมเบา ๆ โชยไปทั่วบริเวณ มือขาวซีดที่ค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามหน้าหนังสือ ไต่ขอบหนังสือที่ดูเก่าแก่ หนังสือที่เป็นดั่งคำประกาศิตและคำสัญญาที่ถูกบันทึกไว้ภายใต้ความทรงจำที่มีค่า ปลายนิ้วที่เกี้ยวพาราสีไปกับลอนคลื่นของหน้ากระดาษเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังบนขอบหนังสือหนา สัมผัสที่ละเอียดอ่อนยิ่งทำให้รู้สึกถึงความกดดันที่ทวีความเข้มข้นรอบด้านข้าง
จังหวะหนึ่งที่หน้าหนังสือถูกบีบรัดและบังคับปิดด้วยเสียงดังกึกก้อง ปัง! ความดังสะท้านไปทั่วบริเวณ เหมือนเสียงดังที่จะก้องกังวานในใจของผู้ที่ได้ยิน
ปลายฝ่ามือที่ว่างถูกยกมาด้านหน้าคล้ายกำลังเล่นมนตร์ นิ้วงามที่กรีดกรายลูบไล้ไปตามอากาศ ความเลวทรามที่ถูกสลักเอาไว้ในร่างกาย...ดอกไม้ที่สง่างามหรือรากไทรของใบไม้ทั้งหมดกำลังร่วงโรยราวความขัดแย้งของโลกใบนี้
กาลเวลาที่เคลื่อนผ่านทำให้ด้านหลังของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ขอบหน้าผา ถูกบีบบังคับโดยรากไม้คมแหลม ความงามของดอกไม้ไม่สามารถกลบความอันตรายจากมันได้
“ดูท่าจากความกังวลของเจ้าแล้ว” กรอบแว่นด้านหนึ่งที่ถูกเก็บไว้ที่อกเสื้อราวกับมันหายทะลุไปอีกมิติ เส้นผมเงางามที่สะบัดพลิ้วไปบนอากาศท่ามกลางความเบาบางของความบริสุทธิ์ในคำอวยพร เขากำลังจะผลักชายหนุ่มที่สิ้นหวัง ดำดิ่งสู่ความเป็นจริง ละทิ้งไว้ซึ่งคำอาลัย...
ก่อนที่ชอว์จะกระโดดลงไป...เขาหยุดและหันมองไปด้านหลัง ความว่างเปล่าที่เปล่าเปลี่ยวมีเพียงขวากหนามที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แสงไฟที่สลัวลงราวความสว่างไสวของท้องฟ้าอันกว้างใหญ่กำลังดับดิ้นลงมันถูกสะท้อนบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา ใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่เข้าใจ
รวมถึงเสี้ยวเล็ก ๆ ของความอาวรณ์...
ภายใต้ใบหน้างามใต้เงาของท้องฟ้า บางครั้งบุคคลปริศนาตรงหน้าก็กะพริบไปมาอย่างแปลกประหลาด ส่องไสวไปกับคลื่นลมที่พัดพาบางสิ่งไปจากผมราวกับการกระเพื่อมของน้ำ ‘ปลายนิ้วที่เขาจรดลงมาที่ผม’
“ฮะ ๆ ข้าล้อเล่น...”
“มันยังไม่ถึงเวลาของเจ้านะ” รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ส่งมาให้ผม แรงกระเพื่อมในอกทั้งหมดมันให้ความรู้สึกเหมือนโลกที่กำลังพลิกตาลปัตรไปมา การถูกกระชากด้วยแรงดึงบางอย่าง ด้วยผิวน้ำใส ๆ ที่ผมรู้สึกผ่านร่างกาย
จนกระทั่งสติเลือนรางที่เกิดขึ้นจนรู้สึกตัวผ่านคลื่นหัวใจที่กำลังดิ้นช้า ๆ สายตาพร่ามัวที่ยังคงจับใจความไม่ได้เกลือกกลั้วสายตาสบเข้ากับเครื่องยนต์บางอย่างข้างตัว กลไกที่เคยมองผ่าน ๆ
‘...ไม่คิดว่าจะได้ใช้ในวันนี้’
ชอว์ฟื้นแล้ว ท่ามกลางความวังเวงและความโดดเดี่ยวเงียบเหงา มีเพื่อนเป็นเครื่องจักรและเสียงฟู่ฟองที่อ้างว้างอยู่ข้างกายเขา ...ความทรงจำหรือช่วงเวลาที่พัดผ่านไปเมื่อกี้ ทั้งหมดมันหายไป...หายไปราวกับเรื่องโกหก
ความมึนงงที่เกิดภายในหัวหรือลมหายใจที่ยังสับสน ความนิ่งงันของลมหายใจที่พลิ้วไหวทำให้โลกของชอว์เหมือนสั่นไหวไปมาไม่เคยนิ่งสงบ
เสียงเดินเล็ก ๆ ที่ดังขึ้น สดับเอาความเงียบและความสงบหายไป ภายใต้ส้นสูงคู่สวยที่กำลังก้าวเข้ามา
เสียงก๊อก ๆ ของประตูโลหะสีหม่น
นิ้วเรียวสวยและเส้นผมสีดำเงางามที่ถูกจัดแจงอย่างพอดีผ่านกลไกประตูมาได้อย่างงดงาม
ร่างกายอ่อนช้อยถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าเรียบง่ายทว่าก็ยังคงความหรูหรา เสื้อเชิ้ตบางเบาสีขาวที่สวมใส่อย่างหลวม ๆ เปิดเผยให้เห็นถึงรูปร่างที่บอบบาง ภายใต้ผ้าฝ้ายที่เห็นกระโปรงยาวสีเข้มที่เรียบง่ายเข้าคู่ไปกับเสื้อเชิ้ตไร้การตกแต่งด้วยเครื่องประดับมากมายเช่นเคย ทอดตัวลงมาแนบชิดกับข้อเท้าราวกับซุกซ่อนตัวตนดังเดิมจากสายตาทุก ๆ คน
บาดแผลที่ท้องใต้เสื้อเชิ้ตเลือดซึมออกมาจาง ๆ ทำให้ผ้าฝ้ายขาวกลายเป็นสีแดงคล้ำในบางจุด รอยเปื้อนเป็นพยานแห่งความเจ็บปวดที่เธอกำลังเผชิญ เรียวปรายตาคมที่ถูกกรีดไว้ราวจะเชือดเฉือนใครสักคนได้ หรือริมฝีปากบางที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงสดคล้ายสีแอปเปิลที่สุกงอมอย่างพอดิบพอดี
เสียงที่คุ้นเคยของเชอรีทำให้ความมึนงงหายเป็นปลิดทิ้ง “เกือบไปแล้วสินะคะ” ...” อืมมม~”
“เกือบตายจริง ๆ แล้วนะชอว์ สัญญาณชีพของนายพึ่งจะมั่นคงไม่นานนี้เอง” สายตาราบเรียบที่มองไปยังชอว์ มันทั้งไร้ความรู้สึกและคาดเดาไม่ได้
“รู้อะไรไหม” ... “อะไรน่าสนใจที่สุดในวันนี้??”
‘เชอรีน่ารำคาญแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ จะบอกอะไรก็รีบบอก...’ สายตาที่กลับกลอกของนายชอว์ทำให้เชอรีรับรู้ถึงอารมณ์ไม่พอใจบางอย่าง แต่เธอก็ยังไม่สนใจคล้ายการหยักไหล่เบา ๆ
“ที่นายรอดอาจเป็นเพราะเลือดที่อยู่ในร่างกายเป็นของเจ้าเด็กน้อย” ‘หะ? อะไรนะ’ ความสงสัยที่เกิดขึ้นบนใบหน้า เสียงแหบแห้งที่พยายามจะเอ่ยอะไรออกมา “ไม่ต้องฝืนหรอก ฟังฉันเงียบ ๆ ไปเถอะ”
“นายโซลเจอร์หน่วยสนับสนุนที่หัวหน้าโซลเจอร์ของเมืองโอเดลล์เรียกมาเสริม เขาสันนิษฐานถึงเหตุผลที่นายยังรอดอยู่ได้”
“โครงกระดูกร้าว ปอดฉีก หรือรอยช้ำไปตามจุดต่าง ๆ ของนาย มันเลวร้ายมาก”
ความเงียบที่ดังขึ้น มันดังมากกว่าเสียงอืออึ้งของกลไกและเสียงไอน้ำที่ลอยออกไปไกล
“ไปเจอตัวอะไรมา” ...” ใช่คราเคนยักษ์หรือนางไซเรนไหม ฆ่ามันได้ไหม” คำถามของเชอรีที่ถามเกี่ยวกับเรื่องราวที่ผ่านไปแล้ว ทำให้ชอว์กลับนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้นๆ
“การเงียบไป มันก็ตอบอะไรได้หลายอย่างนะ” คำถามที่ไม่ถูกตอบโดยคำพูดแต่กลับตอบด้วยนัยบางอย่าง ทำให้เชอรีเข้าใจได้และปล่อยให้ชอว์พักผ่อนต่อไป เส้นผมที่สะบัดพลิ้วไปตามก้าวเดินสง่างาม
เสียงกลไกของบานประตูทำงานอีกครั้ง ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าไว้ด้านหลัง
----------------------------------------------------------------------------------
อย่าลืมกดเพิ่มเข้าชั้นหนังสือ เป็นกำลังใจ
คอมเม้นท์แสดงความคิดเห็น กดแชร์ได้เลยน๊า~
ช่องทางติดต่อ / ติดตาม
Twitter > https://twitter.com/DSeyouinz
สามารถพูดคุยได้ผ่าน #ชะตาของน้องมีฟฟ์ #สงครามผู้พิชิตโชคชะตา