โชคชะตาพรากหลายๆสิ่ง หลายๆอย่างไปจากเขา น้ำตาที่ไหลรินผลักดันให้เขาต้องเติบโต ออกค้นหาอดีตที่ไม่เคยนึกถึง อดีตที่เคยทิ้งไว้ข้างหลัง สู่บทสรุปการต่อสู้เพื่อกุมโชคชะตานี้ไว้เอง
แฟนตาซี,ผจญภัย,ลึกลับ,ชาย-ชาย,สงคราม,สงคราม,ผจญภัย,ลึกลับ,ต่างโลก,นิยายวาย,ทะลุมิติ,แฟนตาซี,ดราม่า,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Alexazia: War of Fate's Conquerors สงครามผู้พิชิตโชคชะตาโชคชะตาพรากหลายๆสิ่ง หลายๆอย่างไปจากเขา น้ำตาที่ไหลรินผลักดันให้เขาต้องเติบโต ออกค้นหาอดีตที่ไม่เคยนึกถึง อดีตที่เคยทิ้งไว้ข้างหลัง สู่บทสรุปการต่อสู้เพื่อกุมโชคชะตานี้ไว้เอง
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายวาย ชาย x ชาย
บทที่ 64
ในเช้าวันถัดมาหลังการเฉลิมฉลอง...ภัยร้ายหรือโลกยังคงดำเนินต่อไป ดังนั้นนักผจญภัยไม่ควรหยุดพัก
มีฟฟ์กล่าวขึ้นเบา ๆ ภายใต้รอยเปื้อนเล็กน้อยที่มุมปากพลางกำลังเดินไปข้างหน้าพร้อม ๆ กับทุกคน “พี่ครับ เราโดนเรียกเรื่องอะไรเหรอครับ”
“เรื่องศึกเมืองโอเดลล์น่ะ” นิ้วเล็กที่ปาดเอารอยเปื้อนออก ทำให้มีฟฟ์ดูดีขึ้นทันทีภายในสายตาของชารอน
“แต่เราต้องไปหาพี่เดอเลียก่อนนะ” มือเล็กที่กอบกุมกันกำลังมุ่งหน้าไปหาคนเจ้าของชื่อที่เอ่ยออกมา
ย่างก้าวธรรมดาภายใต้ชุดที่เรียบร้อยและสวยหรูหรา กำลังกดกลไกบางอย่างของบานประตู เผยให้เห็นหญิงสาวเจ้าของชื่อเดอเลียที่กำลังปัดป่ายจัดการความเรียบร้อยตัวเอง ลมที่พัดผ่านมาทำให้เส้นผมหล่นปรกหน้าเล็กน้อย จัดแจงให้เป็นระเบียบและสวยงามดังเดิม
“พี่เดอเลียครับ!” เสียงตะโกนน่ารักดังขึ้น ทำให้สาวผมขาวต้องออกจากภวังค์ตัวเองและสังเกตหาเสียงเรียกน้อย ๆ
“ทางนี้ครับ ทางขวาพี่” มือที่กำลังโบกสะบัดของเด็กน้อยที่น่าเอ็นดูว ประกอบไปด้วยนักผจญภัยที่ดั่งแผ่นดิน
“ปะเราไปกันเถอะ” ... “วันนี้ชารอนดูมั่นใจจังเลย ไปทำอะไรมาคะ” ท่ามกลางย่างก้าวที่กำลังมุ่งหน้าไปรวมกลุ่มกัน สายตาและมุมมองที่เปลี่ยนไปของหญิงผมบลอนซ์สายธารสีเขียวเปลี่ยนไปจนทำให้เดอเลียรู้สึกนึกเอะใจ
“อืม~ ไม่รู้สินะคะ ค่อยเฉลยนะคะ” เสียงหัวเราะร่าของกลุ่มนี้ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขที่สอดแทรกไปทุกอณูอากาศ
บทสนทนาไม่ดังไม่เบา ด้วยรสชาติแห่งการพูดคุยที่สนุกสนานทำให้ระยะทางและเวลาที่ผ่านไปมักเร็วเสมอ กึ่งกลางบานประตูวิจิตรศิลป์ ปุ่มกดที่ขับเคลื่อนฟันเฟือง ส่งเสียง ครืด~ บ่งบอกถึงการทำงานด้วยกลไกอันซับซ้อนเหนือจินตนาการ
“ฮะ ฮะ~” ... “เอ่อ” เสียงหัวเราะเล็กน้อยที่กำลังเงียบลงอย่างช้า ๆ ภายใต้สายตาที่ไม่สบอารมณ์หรือส้นสูงแต่งแต้มด้วยระบายลูกไม้งาม
ชอว์ใช้มือสางไปที่ผมปัดไปด้านหลังอย่างไม่สนใจสายตาใคร ด้วยท่าทีหล่อเหลา ทว่าคำพูดและการกระทำกลับตรงกันข้ามกัน “มาสักทีนะ” หน้าหนังสือที่ถูกปิดลงกะทันหัน ส่งเสียงดังปังทิ้งไว้เพียงความอึดอัดที่กำลังแผ่ดขยายไปทั่วบริเวณ
“เอาละ...พูดกันตามตรงเลยนะ ฉันไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้”
“พวกเธอ...รวมถึงนาย” นิ้วเรียวที่กดลงหน้าอกของเด็กน้อยและใบหน้าสง่างามภายใต้รอยขีดข่วนที่ทำให้ลึกลับกว่าปกติจรดจ้องมองไปยังมีฟฟ์ “นายก็ต้องไปด้วย เจ้าเด็ก” ชอว์กล่าวอย่างไม่พักเวลาให้พวกเดอเลียได้แก้ต่างเลย
หนังสือที่ถูกเปิดอีกครั้ง หน้าปกที่กำลังบอกกล่าวถึงวิธีการเดินเรือเหาะไปทางตอนเหนือ
“เอ่อ...มันค่อนข้างกะทันหันนะ พวกเราไม่แน่ใจจะไปได้ไหม” ชารอนกล่าวพร้อมส่ายหัวเป็นนัยให้ชอว์
“ต้องไป” คำสั้น ๆ ด้วยท่าทีเย่อหยิ่งของชอว์ มันชั่งดูไม่น่ารักเสียเลยในสายตาเดอเลียที่อยู่ข้างกัน
“พวกเรามีแผนจะไปที่อื่นอยู่ก่อนแล้ว พวกเราคงไปไม่ได้” ท่าทีกอดอกของชอว์ที่พลางพิจารณาคำกล่าวของเดอเลีย สายตาที่หรี่ลงเล็กน้อย
“ภายใต้รางวัลชิ้นงามที่องค์เหนือหัวจะให้?” ...” พวกเธอแค่ไปกับเราด้วยเรือเหาะนี้...แค่นั้น”
“ยาก?”
“กล้าขัดคำสั่ง? องค์เหนือหัว?” ...” เอาสิ” ใบหน้าหล่อเหลาที่มาพร้อมความปวดประสาท ทำให้ทั้งแก๊งเดอเลียชารอนมีฟฟ์พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“พวกเธอแค่ไปทูลกล่าวเกี่ยวกับศึกไซเรนในเมืองโอเดลล์ทั้งหมด อาจเริ่มตั้งแต่เริ่มแรกตอนโจรปล้นธนาคารก็ได้”
บทสนทนาที่ถูกกล่าวออกมาอย่างลอย ๆ ทว่าการพูดคุยที่ไม่สบตากับผู้สนทนาด้วยเป็นเรื่องที่ไม่ให้เกียรติเป็นอย่างมาก แต่ชอว์ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น และยังคงสนทนากับการเตรียมการการเดินทางด้วยเรือเหาะมากกว่า ทั้งสภาพอากาศ ข้อควรระวังหรือทิศทางและทางที่ควรหลบเลี่ยง ทั้งหมดเป็นยังไงบ้าง
ท่ามกลางความอึ้งตะลึงงันของทั้งแก๊ง มีเพียงเชอรีที่กล่าวเสริมเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องทูลกับองค์เหนือหัวของเธอ “ทั้งวิธีการจัดการและขั้นตอนแผนการ” ...” นายโซลเจอร์ที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า อืม~ ชารอน?”
“ชารอนทำผลงานได้ดีมาก ช่วยพวกเขาได้เยอะในการจัดพวกโจรนั้นด้วยนี่คะ” ท่าทีที่ราบเรียบทำให้ชารอนหรือเดอเลียพิจารณาสังเกตการณ์ไม่ออก คาดเดาไม่ได้ว่าเชอรีกำลังคิดอะไรอยู่
ทว่าเสียงหนึ่งก็กล่าวขัดความเงียบงันที่กำลังดังกึกก้อง “พวกเราไปกันก็ได้ครับพี่เดอเลียพี่ชารอน”
“ผมไม่อยากให้พวกพี่มาปัญหาทีหลัง” ทั้งสองสาวที่โน้มตัวก้มลงเล็กน้อยประสานสายตาเข้าไปเบื้องลึกของมีฟฟ์
“....” ท่าทีที่พูดไม่ออกของทั้งสองทำให้มีฟฟ์กล่าวเพิ่มเติม “ผมอยากเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์เพิ่มด้วย เรือเหาะลำนี้ก็น่าสนใจมาก” ท่ามกลางปรายตาคมที่ลอบแอบมองการกระทำทุกระเบียดนิ้วของเจ้าเด็กลึกลับ
“ดี” ... “ตัดสินใจได้ดี ฉันไม่อยากจะบอกหรอกนะ แต่เราจะไปเมืองหลวงควีนตันกัน” ...ชอว์ที่หันหลังกำลังจะเดินจากไปแล้ว ส่งระเบิดน้อย ๆ เพื่อการปิดบทการพูดคุยตกลงครั้งนี้ “ที่นั่นคือแหล่งนักประดิษฐ์เลยแหละ” ...” ไป เชอรี”
สายตาคมภายใต้ริมฝีปากสีแดงสด ก้าวเชื่องช้าด้วยส้นสูงที่ส่งเสียงแผดอำนาจ พวกเขาทั้งสองไปแล้ว ทิ้งไว้เหลือแก๊ง 3 คน เชอรีปรายตาเล็กน้อยพลางกล่าวเสียงเบา “อีก 3 วันข้างหน้านะคะ”
“น้องอยากไปเหรอ” เดอเลียหันมาสอบถามยืนยันกับมีฟฟ์อีกครั้ง “ใช่ครับ...ผมอยากไป” ชารอนพลางมองบทสนทนาอย่างราบเรียบและไม่ได้เข้าไปร่วมบทสนทนาด้วย
ทั้งสามหลังจากพูดคุยกันเพิ่มเติมเสร็จจึงเก็บข้าวของและเตรียมตัวออกจากห้อง บานประตูบานเดิมที่มีคนที่น่าคุ้นตารอไว้ “อืมมม~” ท่าทีกวนประสาทของวินตันคงต้องโจ่งแจ้งและชัดเจน
“ฉันรู้ว่านายได้ยินหมดแล้ว” ...” แล้วจะไปไหม” เสียงของชารอนดังขึ้นขัดจังหวะความกวนของวินตัน
“ข้าไม่ได้ขอนะ ถือว่าพวกเจ้าชวนข้า” ในความคิดของเดอเลียและชารอนกลับประสานเสียงภายในใจอย่างพร้อมเพรียงกัน ‘จ้า’
“ดีเลยครับ พี่ผิวเข้ม...ว่าแต่พี่ชื่ออะไรนะครับ เรายังไม่ได้รู้จักกันเป็นทางการเลย” ปรายตาสีส้มที่กดลงมองเจ้าเด็กน้อย
“ข้าวินตัน ... วินตัน ฮัตสัน ยินดีที่ได้รู้จักนะมีฟฟ์” รอยยิ้มน้อย ๆ ที่จริงใจที่สุดของวินตันแสดงออกมาแต่นั่นเป็นเพียงความคิดในหัวของเขาเท่านั้น กลับกันภายนอกอาจมองว่าเขากำลังวางแผนชั่วร้ายอย่างแน่นอน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ พี่ชาย” ท่าทีดีใจของมีฟฟ์แสดงออกมาให้ทั้งสามเห็นได้อย่างน่าเอ็นดูว์
.
.
ในอีกสถานการณ์หนึ่งที่ไม่ไกลออกไปมากนัก ในเวลาไล่เลี่ยกันของเช้าวันนี้
“กินได้เลย ข้าเลี้ยงเจ้าเอง..น้อง” มือเล็ก ๆ ที่ถูกฟีลเร่เร่งรัดไปล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารมื้อใหญ่ที่ตนจัดหาได้มา จะนับว่าตนจัดหาได้มาก็ไม่ชัดเจนนัก เรียกว่าขโมยเครื่องเพชรเขาไปขายและเอาเงินมาซื้ออาหารกิน
“งั่ม งั่ม~ อร่อยจังเลยครับพี่ชาย”
ภายในมื้ออาหารหรูหราในสายตาของเด็กคู่นี้ อายุยังไม่มากทว่ากับต้องเรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างสายตาราบเรียบที่กำลังสะท้อนไปยังโต๊ะไม้เก่าซอมซ่อด้านหน้าซึ่งมันเคยถูกทิ้งไว้ข้างทาง เขาสองพี่น้องนำมันมาปัดเป่าและทำให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งตั้งตระหง่านไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด โดนจานบางใบเป็นเพียงจานธรรมดาที่มีรอยขูดขีดหรือคราบร่องรอยจากการกาลเวลาที่ผ่านมา
ขนมปังอมหอม ๆ หรือเนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่พอดีคำสำหรับสองพี่น้อง น้ำซุปที่เคยเย็นชืดกลับถูกปรุงใหม่คงไว้ซึ่งไอร้อนที่ยังคงระอุอวดโฉมสีสันที่สดใหม่ไปทั่วบริเวณ ผักน้อยชิ้นและผลไม้ที่ถูกวางเรียงอย่างพอดิบพอดี
“ดี กินเลย” ...” กินให้อิ่มเลยนะ”
แม้จะไม่ได้ประดับประดาด้วยจานทองหรือจานหรูหรา อาหารที่หลากหลายทว่าความเป็นจริงทั้งหมดเพียงพอแค่สำหรับหนึ่งมื้อไม่ขาดไม่เกินอย่างสิ้นเปลือง แต่สำหรับพวกเขาแล้วมันเหมือนการแบ่งปันความสุขที่ห่างหายไปนาน ความรู้สึกที่เติมเต็ม...
มันไม่ได้ถูกเติมด้วยอาหารมากมายข้างหน้า แต่กลับ
แต่กลับ...เป็นใบหน้ามอมแมมของเจ้าน้องชายที่แม้จะยังเปื้อนบ้าง
แต่มันเป็นรอยเปื้อนของความอิ่มอร่อยและซอสเลอะเทอะ
‘เติบโตมาได้ดีเลยนะ น้องชายของข้า’
“เจ้าด้วยนะ เจ้าวัวน้อย” ‘กินให้อิ่มเลย’
… งั่ม เสียงงั่มแง่ม ของการกัดกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยเกินขึ้นบ้างในส่วนของพี่ชาย
------------------------------------------------------------------------------------
อย่าลืมกดเพิ่มเข้าชั้นหนังสือ เป็นกำลังใจ
คอมเม้นท์แสดงความคิดเห็น กดแชร์ได้เลยน๊า~
ช่องทางติดต่อ / ติดตาม
Twitter > https://twitter.com/DSeyouinz
สามารถพูดคุยได้ผ่าน #ชะตาของน้องมีฟฟ์ #สงครามผู้พิชิตโชคชะตา