"ไค ตกหลุมรักเนมมาตั้งแต่สมัยเด็กและเขาก็อยากครอบครองเนมไว้คนเดียว"
ชาย-ชาย,รัก,ซาดิส & มาโซฯ,ผู้ใหญ่,ไทย,ซาดิสม์,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วิธีฝึกนายให้เป็นสัตว์เลี้ยง"ไค ตกหลุมรักเนมมาตั้งแต่สมัยเด็กและเขาก็อยากครอบครองเนมไว้คนเดียว"
ไค ตกหลุมรักเนมตั้งแต่สมัยเด็ก พวกเขาอยู่ข้างกันตลอดเวลา แต่ไคมีนิสัยที่โรคจิต ชอบใช้ความรุนแรง เขาชอบที่จะเห็นเนมเจ็บปวดและร้องไห้เพราะเขา ไค พยายามที่จะควบคุมนิสัยด้านนี้มาโดยตลอดแต่จนถึงวันหนึ่งเขาก็เลิกอดทนแล้วเปิดเผยนิสัยทั้งหมดให้เนมได้เห็น
ตอนที่ 15
ตัวร้าย
ไคและเนม อายุ 20 ช่วงเรียนมหาลัย
"นั่งด้วยสิ"
เสียงหวานแหลมที่พาแสบแก้วหูของคนคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมถือวิสาสะนั่งข้างผมโดยไม่รอคำตอบว่าเต็มใจที่จะให้นั่งด้วยไหม
"มองไรอยู่อ่ะ"
"ไม่ใช่เรื่องของเธอ" ผมตอบแบบเย็นชาใส่แซนด์ผู้ที่พยายามจะอยากรู้อยากเห็นไปซะทุกเรื่อง
ผมไม่อยากจะอยู่ใกล้แซนด์สักเท่าไหร่เพราะเธอเป็นคนฉลาดพอดูแถมยังหูตาไวอีกแต่ไม่รู้เธอถูกอกถูกใจผมอะไรไม่รู้นักหนาถึงได้คอยตามตีสนิทอยู่แบบนี้
"ฉันรู้นะว่านายมองอะไรอยู่" แซนด์ยิ้มแบบมีเลศนัยใส่ผมพร้อมดึงไอแพดออกมาเปิดหน้าที่พึ่งเรียนไปเขียนๆ จดๆ ไปด้วย
"มองขนาดนั้นนางไม่รู้ตัวจริงดิ ซื่อบื่อไปไหน ข้อนี้ตอบไรนะที่เรียนตะกี้"
"เรียนนิเทศมาลงคลาสคณิตทำไมวะ? ต้องเขียนกราฟเอามานี่ขี้เกียจอธิบาย" ผมดึงไอแพดมาจดคำตอบให้เพราะถ้าไม่ทำคงตื๊อจนน่ารำคาญแน่
"อ้อ เก็ทละทำงี้นี่เอง เห็นนายลงไงเลยคิดว่าน่าจะเก็บเกรดง่าย" ถึงแซนด์จะฉลาดแต่ก็ยังฉลาดไม่เท่าผมอยู่ดี
"เสร็จแล้วจะไปไหนก็ไป"
"ไล่เหมือนหมูเหมือนหมาเลยนะ แล้วกะจะมองไปอีกนานแค่ไหนกันไม่ล่ามโซ่ไว้เลยละถ้าหวงขนาดนั้น" แซนด์เก็บของใส่กระเป๋าเสร็จก็นั่งเกยคางมองดูเนมกับผม
"ตอนนี้ยังล่ามไว้ไม่ได้หรอก ยังไม่ถึงเวลา"
"รีบๆ ล่ามโซ่ไว้ก็ดี ระวังจะหนีหายไปก่อน คนโง่และโกรธใครไม่เป็นขนาดนั้นคงหาไม่ได้ง่ายๆ หรอก" แซนด์เพ่งสายตาคมกริบมองไปทางเนม
"ไม่ชอบใจอะไรขนาดนั้นกัน ปกติคนเรามักชอบคนนิสัยดีไม่ใช่หรือไง"
"อารมณ์คล้ายๆ เห็นใครสว่างเจิดจ้าอยู่ข้างหน้าละอยากดึงลงมาให้ดับมั้ง? ถ้านายไม่คอยขวางฉันไว้ก็กะจะเล่นให้เละอยู่เหมือนกัน"
ตามที่แซนด์พูดเลยช่วงตอน ม.ปลาย ถ้าผมไม่ปรามไว้แซนด์ก็คงอยากแกล้งให้หนักกว่านี้ บางคนที่โดนแซนด์แกล้งถึงขั้นทำร้ายตัวเองหรือเกือบฆ่าตัวตายเลยก็มี ตอนนั้นที่แซนด์เล่นละครฉากใหญ่เข้าข้างผมแล้วปล่อยข่าวลือ จนผมเกือบเชื่อเลยเหมือนกันว่าเธอแค่เป็นคนโง่โดนผมหลอกง่ายๆ จนผมมารู้ทีหลังว่าเธอชักใยให้ข่าวลือมันบานปลายขึ้นโดยที่ผมไม่ได้บอกให้เธอทำ
"ของๆ ฉัน ฉันก็ต้องรังแกได้คนเดียวสิ อุตส่าห์เลี้ยงมาขนาดนี้"
"จ้าๆ เก็บไว้ดีๆ ละกัน ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้านายเผยนิสัยดำมืดออกมาให้เนมเห็นจะอยู่กันไปได้สักกี่น้ำ"
ไคและเนม ปัจจุบัน
ผมพาเนมขึ้นรถกะจะพาไปเดินห้างสักที่ตามที่บอก
"อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม" ผมถามเขาระหว่างขับรถไปยังจุดหมาย
"ตามใจนายเลย ยังไงนายก็เป็นคนเลือกอยู่ดี"
"คิดมาสักอย่างสิ"
"....อยากกินอะไรที่ย่อยง่ายๆ"
"โจ๊กละกัน"
เมื่อขับรถถึงห้างผมจึงพาเนมไปกินร้านดังร้านหนึ่งที่มีอาหารเช้าขาย พอถึงร้านผมก็จัดการสั่งเมนูกับพนักงานให้เสร็จสรรพ รอสักพักอาหารก็มาเสิร์ฟ บนโต๊ะมีอาหารหลายอย่างรวมถึงข้าวต้มด้วยเดี๋ยวเนมคงตักๆ กินอันที่ชอบเองกินแค่ข้าวต้มมันไม่อยู่ท้องหรอก
"สั่งมาเยอะไปไหม"
"อยากกินอันไหนเพิ่มก็กินไปเถอะ กินเป็นกับของข้าวต้มก็ได้"
"อืม ขอบคุณนะ"
เรานั่งกินกันไปสักพัก ผมก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงที่กระทบลงพื้นดัง กึก กึก เป็นจังหวะพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมฉุนที่คุ้นเคย มาหยุดอยู่ตรงหน้า
"ต๊ายย ไม่เจอกันนานเลยนะ หรือว่าพรหมลิขิตชักพากัน" แซนด์ที่อยู่ในชุดรัดรูปวิบวับราวกับจะไปเดินแคทวอล์คกล่าวทักทายผมกับเนม
"เวรกรรมซะมากกว่ามั้ง อาหารเสียรสชาติหมดละ" ผมส่งสายตารังเกียจใส่
"คุณแซนด์ครับ อย่าเดินหนีสิ!" ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งรูปร่างดูสะอาดสะอ้านแต่งกายดูภูมิฐานดึงแขนแซนด์ไว้ราวกับจะไม่ให้หนีได้อีกตรงหน้าโต๊ะกินข้าวของพวกเรา
"ชิ สลัดไม่หลุดเลย ชาติที่แล้วเกิดเป็นกาวหรือไงยะ" แซนด์ลงมานั่งข้างผมอย่างดูเป็นธรรมชาติโดยไม่ได้เชิญเหมือนทุกครั้ง
"ไปเล่นหนังรักกันที่อื่นไป" ผมไล่
"สวัสดีครับ ขอโทษที่มาขัดจังหวะนะครับ" เจ้าบ้านั่นถึงปากบอกขอโทษแต่ดันจะนั่งลงข้างเนมเฉยเลย
"อย่าพึ่งนั่ง เนมลุกมานั่งข้างฉัน แซนด์ไปนั่งฝั่งโน้น ลุกออกไป" ผมเอาส้อมชี้หน้าแซนด์
"อะ อืม" เนมตอบผมพร้อมลุกเดินมานั่งข้างผม
"อะไรกันยะ เรื่องเยอะชะมัด" ถึงแซนด์จะบ่นแต่เธอก็ยอมลุกไปนั่งอีกฝั่ง
"รับอะไรเพิ่มไหมคะ?" พนักงานเดินมาถามอาหารเพราะมีคนที่โต๊ะเพิ่มขึ้น
"ชุดอาหารเช้าที่หนึ่งค่ะ"
"เอาเหมือนกันเลยครับ" คนแปลกหน้าตอบแบบไม่คิดสักนิด
"ไค ช่วยไล่หมอนี่หน่อยสิ น่ารำคาญสุด"
"เธอก็น่ารำคาญเหมือนกันออกไปด้วยกันกับแฟนเธอเลยก็ดี"
"ไม่ใช่แฟนหรอกครับ สวัสดีครับ ผมชื่อกาย ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณเนม คุณไค"
"อ่า ครับ แต่ไม่ยินดีที่รู้จักหรอกนะครับ ไม่ได้เชิญแต่ยังหน้าด้านหน้าทนอยู่ได้นี่น่าจะความสามารถพิเศษสินะครับ"
"ไค พูดแรงไปมั้ง" เนมดึงแขนเสื้อผม
"ไม่เป็นไรๆ ครับ คุณเนมผมเองก็ผิดด้วย แต่คงลุกให้ไม่ได้หรอกนะครับ"
"เป็นไง จิตแพทย์คนใหม่ฉันเอง พอไม่ไปหาก็ตามถึงที่นี่เลย" แซนด์พูดไปกินข้าวไป
"ทำไมต้องพบจิตแพทย์ด้วยเหรอ" เนมถามแซนด์ด้วยความสงสัย
"พอดีไปตบกับนางเอกมาเป็นข่าวดังจะตายไม่เห็นหรอ"
"ขอโทษ ช่วงนี้ผมไม่ได้ดูทีวี"
"ก็นั่นแหละ ทางผู้จัดการเลยให้ไปบำบัดแก้อาการหัวร้อนแหละมั้ง อะไรนี่แหละ"
"อย่างคุณแซนด์ต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ก่อนครับ อ่ะ นี่นามบัตรผมครับ คุณเนมมีปัญหาอะไรก็โทรมาปรึกษาได้นะครับ"
"ขอบคุณครับ" เนมรับนามบัตรมาแล้วยิ้มให้กาย ผมเห็นแล้วก็หงุดหงิด จะไปยิ้มให้มันทำไมกันนะ
"ว่าแต่ที่คอไปโดนอะไรมาเหรอครับ" เนมสะดุ้งเฮือกแล้วมองมาทางผม
ตาดีเหมือนกันนะไอ้หมอนี่ขนาดเอาโชคเกอร์อันใหญ่ให้ใส่แล้วแท้ๆ
"พอดีเมื่อคืนผมดูดคอแรงไปหน่อยนะครับ" เนมได้ฟังก็ได้แต่ก้มหน้างุดๆ จนแทบจะมุดโต๊ะอยู่แล้ว
"อ่า ครับ เผลอถามอะไรที่ไม่ควรถามแล้วสิ ขอโทษนะครับ ดูท่าคุณแซนด์วันนี้คงจะไม่ให้ความร่วมมือง่ายๆ แถมผมมีนัดต่อด้วย งั้นผมกลับก่อนแล้วกันครับ เดี๋ยวมื้อนี้ผมจ่ายเอง ไว้คราวหลังเจอกันอีกนะครับ"
กายลุกออกจากโต๊ะกลับไปตามที่พูดจะไปทั้งทีก็น่าจะพาแซนด์ไปด้วย จนตอนนี้เรากินข้าวกันจนเสร็จแล้วแต่สั่งชากาแฟมาดื่มนั่งเล่นกันต่อส่วนเนมก็นั่งกินของหวาน
"ได้กันแล้วสิพวกเธอ" อยู่ๆ แซนด์ก็โพล่งออกมา เนมได้ยินตกใจจนสำลัก ผมเลยลูบหลังให้เป็นพักๆ
"ตอแหลจริง ขวางหูขวางตา" แซนด์มองเนมที่ไออยู่แล้วด่าออกมา
"เฮ้! อยากโดนเย็บปากหรือไง"
"ก็มันจริงนี่! เดี๋ยวหน้าแดง เดี๋ยวเขิน เป็นผู้ชายแท้ๆ อายุอานามก็ไม่น้อย มาทำท่าไร้เดียงสา สำออยซะไม่มีใครเกิน" แซนด์นั่งไขว่ห้างแล้วยกกาแฟขึ้นมาจิบ
"ใครมันจะนิสัยดำมืดเท่าเธอล่ะ แค่กๆ" เนมตอบโต้คืนบ้าง
"ว๊ายย ใครจะไปจิตใจสะอาดเป็นผ้าขาวเท่านายกัน แต่มีนะคนที่จิตใจดำมืดกว่าฉันนะ นั่งอยู่ข้างนายไง เก็บงูเห่าไว้ข้างตัวมานานแท้ๆ" แซนด์ชี้นิ้วมาทางผมแถมยิ้มเยาะเย้ย