"บุญรักษำ เหตุใด หลำนถึงชื่อบุญรักษำ...รู้ไหม? เทียดของหลำน ก ำชับพวกเรำหนักหนำ จำกรุ่นสู่รุ่น หำกมีหลำน...หลำน จะต้องตั้งชื่อว่ำบุญรักษำ เป็นเช่นนี้แล้วก็ตื่นเถิด บุญรักษำ หลำนย่ำ"

สัจจาธิษฐาน - บทที่ 1 จิตแสนคะนึง โดย เมขลิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,ลึกลับ,รัก,รักข้ามภพ,วายพีเรียด,พีเรียดไทย,ดราม่า,นิยายวาย,BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สัจจาธิษฐาน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รัก,รักข้ามภพ,วายพีเรียด,พีเรียดไทย,ดราม่า,นิยายวาย,BL

รายละเอียด

"บุญรักษำ เหตุใด หลำนถึงชื่อบุญรักษำ...รู้ไหม? เทียดของหลำน ก ำชับพวกเรำหนักหนำ จำกรุ่นสู่รุ่น หำกมีหลำน...หลำน จะต้องตั้งชื่อว่ำบุญรักษำ เป็นเช่นนี้แล้วก็ตื่นเถิด บุญรักษำ หลำนย่ำ"

ผู้แต่ง

เมขลิน

เรื่องย่อ

สารบัญ

สัจจาธิษฐาน-บทที่ 0 อารัมบท,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 1 จิตแสนคะนึง,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 2 ทำบุญถึงใคร,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 3 ไม่ได้ชอบ,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 4 บุญรักษา (1/2),สัจจาธิษฐาน-บทที่ 4 บุญรักษา (2/2),สัจจาธิษฐาน-บทที่ 5 เรื่องที่อยากรู้,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 6 แพ้แล้ว

เนื้อหา

บทที่ 1 จิตแสนคะนึง

สายลมเย็นพัดผ่านยามตะวันลับขอบฟ้า ในหมู่เล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกลความเจริญ ไม่มีรถสัญจรไปมาในเวลาเช่นนี้ มีเพียงถนนเส้นเล็กที่เงียบสงบและเสาไฟไม่กี่ต้นที่ส่องสว่าง  ต้นไม้ทึบหนาและกอหญ้าสูง บ้านเรือนแต่ละหลังมีระยะห่างกันพอสมควร

“เฮ้อออ” ต้นรักถอดหายใจเฮือกใหญ่ออกมาอีกครั้ง หากการบอกว่าถ้าเราถอนหายใจบ่อย ๆ จะทำให้ตายไว อายุขัยของเขาก็คงเหลืออยู่ไม่ถึงปีเป็นแน่

สายตาทอดยาวมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ต้นรักกำลังนั่งคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ อยู่ที่ระเบียงบ้านไม้ชั้นสอง วันนี้เกิดเรื่องมากมายกับเขาไม่ใช่น้อย เนื่องจากต้องหาสถานที่ถ่ายทำละคร เขาจึงต้องเดินทางมายังจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อมาสำรวจโลเคชั่นที่เหมะสม และด้วยเหตุนี้ทำให้เขาได้มาพักที่บ้านเกิดของเบียร์ เพื่อนร่วมงานคนสนิท

“มานั่งทำอะไรตรงนี้” เบียร์เอ่ยทักทายคนที่ช่วงนี้เอาแต่นั่งเหม่อใจลอยแทบทุกครั้งที่มีโอกาส

“คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ” ต้นรักตอบ

“คิดมากเหรอ” เบียร์เอ่ยถาม

“ก็นะ โตมายี่สิบแปดปี ยังไม่เคยมีรักดี ๆ เลยสักครั้ง เจอแต่ความรักแย่ ๆ เฮงซวย ๆ” ต้นรักตัดพ้อนึกถึงเรื่องรักในอดีตของเขา ประสบการณ์ความรักแต่ละครั้งช่างน่าหดหู่ใจ

“ความรักไม่ได้ไม่ดี คนที่มึงคบด้วยต่างหากที่ไม่ดี” เบียร์ตอบเขา ให้หยุดคิดมากก่อนจะเอ่ยคำปลอบใจ “เอาน่า อย่าไปคิดมากเลย หมอดูก็คู่กับหมอเดานั่นแหละ”

“เบียร์ พูดได้ด้วยเหรอ” ต้นรักเอ่ยถามเพื่อนสนิทของตน ก่อนหันหน้ามองไปทางเบียร์ ก็หลังจากมาที่นี่นี่แหละ ถึงทำให้เขาได้มานั่งคิดมากอยู่ที่ระเบียงเนี่ย

“เอ้า ฮะฮ่า ๆ” เบียร์ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนกลืนน้ำลายลงคอ ไม่มีแม้แต่คำจะโต้แย้ง ต่อให้สรรหาคำพูดเพื่อมาเถียงก็คงฟังไม่ขึ้น

 

บ้านของเบียร์ตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบทของจังหวัดกาญจนบุรี เป็นบ้านไม้สองชั้นที่มีพื้นที่กว้างและมีบ้านอีกหลังแยกออกมาซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ในขณะที่ทั้งสองเดินทางมาถึง ก็ได้มีหญิงชรานุ่งขาวห่มขาวสาวเท้าเดินออกมาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม สายตาจ้องเขม็ง คิ้วขมวดเล็กน้อย ปากขมุบขมิบเหมือนกำลังเคี้ยวอะไรอยู่ แต่เมื่อหญิงชราได้สบตากับต้นรักเขาถึงกับบ้วนสิ่งนั้นทิ้งทันที ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำทักทาย

“ดูเหมือนเอ็งจะมีคนตามมาด้วยนะ”

“ก็ผมมากับเพื่อนไง ยาย” เบียร์เอ่ยตอบอย่างไม่รู้ เขาคิดแค่ว่าแม่คงยังไม่ได้บอกยายเกี่ยวกับเรื่องที่เขาจะมาทำงาน

“ข้าไม่ได้ทักกับเอ็ง ข้าทักเพื่อนเอ็ง” หญิงชราเอ่ยโต้ตอบหลานชายของตน ยายแม้ว เป็นร่างทรงเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะคนในหมู่บ้านหรือหมู่บ้านละแวกใกล้เคียงต่างรู้จักแก ทำให้มีลูกศิษย์ลูกหามากหน้าหลายตาแวะเวียนมาอยู่เสมอ

“หา!? คนไหนอีกยาย พวกผมมากันแค่สองคน” เบียร์กล่าว

“สอดรู้ ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง” ยายแม้วเอ่ยตำหนิหลานของตนที่ช่างพูดจาต่อล้อต่อเถียง ก่อนจะหันหน้าไปทางต้นรัก หญิงชราจ้องมองด้วยสายตาที่เรียบเฉยอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมเอ่ยปากออกมาอย่างเลื่อนลอย “คงรักมากเลยสิ”

“อะไรเหรอครับ คุณยาย” เมื่อเห็นว่าคุณยายพยายามเอ่ยบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับตัวเอง ต้นรักจึงได้ถามออกไป

“ก็คนรักของเอ็ง...อืม ในอดีต” คำพูดของยายแม้วทำเอาคนฟังทั้งสองถึงกับต้องเอามือมาเกาหัวไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะต้นรักที่ถึงกับใบหน้าถอดสีหน้างุนงง ‘คนรักอะไร? ในอดีต? คือยังไง หมายถึงแฟนเก่า?’ ก่อนที่ยายแก่จะเอ่ยทักขึ้นมาอีกรอบ “คนรักในอดีตชาติของเอ็ง”

ต้นรักที่ได้ยินเช่นนั้น เขาถึงกับคิ้วขมวดเป็นปม นี่คุณยายของเบียร์ก็เป็นหนึ่งในหมอดูที่มาทักเขาในเรื่องความรักอีกแล้วเหรอเนี่ย ถึงครั้งนี้จะแตกต่างไปตรงที่ยังไม่เคยมีหมอดูคนไหนทักเขาเกี่ยวกับเรื่องคนรักในอดีตชาติของเขาก็เถอะ

“เอ็งไม่เชื่อข้ารึ?” ยายแม้วเอ่ยถามเมื่อเห็นปฏิกิริยาโต้ตอบ “ฮึ! รอยปานแดงที่หน้าอกของเอ็งไง”

“...” คำเอ่ยทักของยายแม้วทำให้ต้นรักพูดอะไรไม่ออก น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกของหญิงชราทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบ นัยน์ตาสวยเบิกกว้างขึ้น ต้นรักไม่เข้าใจว่าหญิงชราผู้นี้รู้เรื่องปานแดงของเขาได้อย่างไร เขาไม่เคยเปิดมันให้ใครดู มีเพียงแค่ผู้เป็นแม่และคุณย่าเท่านั้น ที่รู้ว่าเขามีปานแดงที่หน้าอกมาตั้งแต่กำเนิด “คุณยายรู้ได้ยัง...”

เปรี๊ยง! ยังไม่ทันจะได้ถามหญิงชราเพื่อคลายความสงสัย จู่ ๆ ก็มีเสียงฟ้าร้องดังสนั่นไปทั่วบริเวณ เกิดลมกระโชกแรง ปรอยฝนเม็ดใหญ่เริ่มตกลงมาในทันที หญิงชราส่ายหน้าเบนความเบื่อหน่ายก่อนจะบอกให้เด็กทั้งสองรีบเข้าบ้านกันเสียก่อน

จริงอยู่ว่าที่ผ่านมา ต้นรักมักจะมีประสบการณ์ความรักที่ไม่ดีมาโดยตลอด หรือจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่ไม่เคยสมหวังในความรักเลยก็ว่าได้ เขามักจะเจอรักที่ไม่ดี ไม่เรื่องนอกใจก็เรื่องนิสัยที่เข้าใจไม่ได้รวมไปถึงความรักที่ท็อกซิกจนเข้าขั้นเกือบจะถอนตัวแทบไม่ทัน ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพวกที่ศรัทธาในความรัก แทบจะเทิดทูนบูชา อยากมีรักดี ๆ สักครั้ง  แต่จะบอกว่านั่นคือฝีมือของคนรักในอดีตชาติอย่างนั้นเหรอ...คงไม่ใช่หรอกมั้ง

แล้วถ้าบอกว่าคนรักในอดีตชาติตามเขามาจริง ๆ คนนั้นจะเป็นใครกันนะ ‘ยุ่งยากจริง ๆ’ ถ้าให้พูด พูดถึงเรื่องนิสัยของคนที่เข้ามาในชีวิตของเขาน่าจะง่ายกว่าสิ่งที่ไม่มีมูลเช่นนี้ดีกว่าเป็นไหน ๆ

“เข้าบ้านเถอะ มันมืดแล้ว เดี๋ยวยุงกัดอีก” ต้นรักนั่งจมอยู่ในห้วงความคิดได้ไม่นาน เบียร์ก็เรียกให้เขาเข้าบ้าน เนื่องจากที่นี่เป็นต่างจังหวัด ชาวบ้านแถวนี้จึงมักเข้าบ้านและปิดบ้านกันตั้งแต่หัวค่ำ ต้นรักไม่ได้กล่าวอะไรต่อแต่กลับเดินตามเข้าไปในบ้านอย่างง่ายดาย

“แล้วหิวยัง?” เบียร์ถาม

“อืม กินเลยก็ได้” แม้ว่านี่จะไม่ใช่เวลากินข้าวมื้อเย็นของเขา แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรก็ดีเหมือนกัน รีบกินจะได้รีบนอน เขารู้สึกเพลียจากการเดินทางไม่ใช่น้อย

แต่จะว่าไป การได้มาต่างจังหวัดแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ เหมือนเขาได้ชาร์จพลังจากธรรมชาติ ผู้คนไม่วุ่นวาย ไม่ต้องเจอรถติด ไม่ต้องเจอวิถีชีวิตคนเมืองกรุง นึกแล้วก็คิดถึงช่วงวัยเด็ก เพราะเขาเองก็เป็นเด็กต่างจังหวัดที่ถึงเวลาก็ไปเรียน เลิกเรียนก็กลับบ้านไม่ได้มีที่ให้เที่ยวเล่นมากนัก ตกค่ำมาก็กินข้าว ดูทีวีกับแม่กับยาย ทำการบ้านแล้วก็เข้าบ้าน ชีวิตวัยเด็กที่ไม่ต้องคิดอะไรเยอะแยะมากมาย อย่างมากคงแค่คิดว่าพรุ่งนี้ตอนกลางวันจะกินอะไรดี

เป็นเวลาสี่ทุ่มที่เขาต้องเตรียมเข้านอน เวลาในช่วงกลางคืนของต่างจังหวัดช่างเงียบเป็นพิเศษ จะได้ยินก็มีแค่เสียงแมลงในยามค่ำคืนเท่านั้น เอาจริง ๆ เขาไม่ได้เข้านอนเวลานี้มานานมากแล้วเหมือนกัน จำได้ว่าเข้านอนตอนสี่ทุ่มครั้งสุดท้ายคือตอนอายุสิบแปด หลังจากรู้จักคำว่านอนเช้า ก็ไม่เคยนอนดึกอีกเลย

“ปู่ทวดยายทวดจ๋า เจ้าที่เอ๋ย...ขอให้พรุ่งนี้ผ่านไปด้วยดี ได้สถานที่ดี ๆ ด้วยเถิด สาธุ” จู่ ๆ เบียร์เอ่ยคำขอพร เขายกมือขึ้นไหว้เหนือหัว ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบ สายลมที่เย็นพัดผ่านช่องแคบระหว่างซอกไม้ ทำให้ต้นรักถึงกับหันไปมองหน้าคนข้างกายคอหันขวับ นี่มันใช่เวลามากล่าวถึงคนที่ล่วงลับไปแล้วไหมเนี่ย

คืนนี้ต้นรักต้องนอนห้องเดียวกับเบียร์ โชคดีที่สมัยนี้ไม่เหมือนกับสมัยก่อนที่ทุกคนจะนอนรวมกัน แยกกันก็แค่มุ้งกั้น ถามว่าทำไมเขาถึงรู้ เพราะช่วงสมัยวัยเด็กเขาเคยไปนอนบ้านเพื่อน รวมถึงบ้านเบียร์เมื่อสมัยก่อนก็เป็นเช่นนี้ เรานั่งคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันหลายเรื่องจนเวลาล่วงเลยมาเกือบห้าทุ่ม และตอนนี้เขาเองก็ง่วงแล้วเช่นกัน

ในเวลากลางดึกห้วงของการหลับใหล ต้นรักฝันถึงใครบางคนที่คุ้นเคย ครั้งนี้เขาจำได้แล้ว ต้นรักเริ่มรู้สึกตัวเล็กน้อย นี่เป็นความฝัน คนที่กำลังยิ้มให้เขาอยู่คือคนในความฝันของเขา ครั้งนี้เขาอยากจะโต้ตอบ อยากถาม ‘คุณเป็นใครเหรอ’

แต่ทว่าพยายามเปล่งเสียงออกมามากมายสักเท่าไรก็ไม่อาจทำได้ คำพูดของต้นรักไม่มีแม้แต่เสียงที่เล็ดลอดออกมา ทำไมกันล่ะ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็พยายามที่จะตะเบ็งเสียง ‘คุณคือคนรักของผมเหรอ’

ไม่ว่าจะเปล่งเสียงออกมากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ต้นรักไม่เข้าใจเหตุผลนี้ เพราะเป็นเพียงแค่ความฝันเหรอ หรือไม่อยากให้เขาพูด ทำไมไม่บอกกันล่ะ จะยิ้มให้ทำไมหนักหนา ถ้าจะยิ้มให้ก็ต้องคุยกันสิ บอกกันสิ เขาเองก็อยากรู้...อยากรู้เรื่องของคนในฝันเหมือนกันนะ

อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงฝันเห็นบ่อย ๆ เป็นคนที่เขารู้จักเหรอ คุ้นเคยเหรอ หรือเป็นเพียงแค่คนในจินตนาการที่ต้นรักเพียงแค่อยากพบในชีวิตจริงเท่านั้น หรือทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝันของเขาจริง ๆ

“ทำไมผมถึงฝันถึงคุณล่ะ” คำถามที่ไม่มีวี่แววว่าเสียงจะเปล่งออกมา ต้นรักเจ็บใจเกินทน ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ล่ะ ในฝันนี่มันไม่เคยได้ดั่งใจเลยสักอย่าง เขาจ้องมองใบหน้าคนตรงหน้าที่ยิ้มแย้ม แม้จะเห็นเพียงใบหน้าส่วนล่าง แต่ครั้งนี้ ชายผู้นั้น ยิ้มกว้างเป็นพิเศษเลย รอยยิ้มของเขาสดใสและสวยงามมากกว่าทุกครั้ง ราวกับว่ามีฟิลเตอร์ส่องแสงระยิบระยับประดับอยู่โดยรอบ ต้นรักจ้องมองใบหน้าที่ยิ้มแย้ม จนเขาเองก็อดยิ้มตามไม่ได้ แม้ไม่สามารถโต้ตอบได้แต่เขาก็รับรู้ ‘ฮะฮ่า ๆ จะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นใช่ไหมครับ’

แต่ในจังหวะเดียวกันในห้วงของความคิด กลับเป็นจังหวะที่ทำให้ต้นรักต้องตกตะลึง นัยน์ตาเบิกกว้างขึ้น จังหวะหัวใจที่เต้นเร็วขึ้น จากห้วงนิทราสั่นสะท้านทะลุกายเนื้อ

“กระผมดีใจเหลือเกินขอรับ กระผม...”