"บุญรักษำ เหตุใด หลำนถึงชื่อบุญรักษำ...รู้ไหม? เทียดของหลำน ก ำชับพวกเรำหนักหนำ จำกรุ่นสู่รุ่น หำกมีหลำน...หลำน จะต้องตั้งชื่อว่ำบุญรักษำ เป็นเช่นนี้แล้วก็ตื่นเถิด บุญรักษำ หลำนย่ำ"

สัจจาธิษฐาน - บทที่ 2 ทำบุญถึงใคร โดย เมขลิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,ลึกลับ,รัก,รักข้ามภพ,วายพีเรียด,พีเรียดไทย,ดราม่า,นิยายวาย,BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สัจจาธิษฐาน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รัก,รักข้ามภพ,วายพีเรียด,พีเรียดไทย,ดราม่า,นิยายวาย,BL

รายละเอียด

"บุญรักษำ เหตุใด หลำนถึงชื่อบุญรักษำ...รู้ไหม? เทียดของหลำน ก ำชับพวกเรำหนักหนำ จำกรุ่นสู่รุ่น หำกมีหลำน...หลำน จะต้องตั้งชื่อว่ำบุญรักษำ เป็นเช่นนี้แล้วก็ตื่นเถิด บุญรักษำ หลำนย่ำ"

ผู้แต่ง

เมขลิน

เรื่องย่อ

สารบัญ

สัจจาธิษฐาน-บทที่ 0 อารัมบท,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 1 จิตแสนคะนึง,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 2 ทำบุญถึงใคร,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 3 ไม่ได้ชอบ,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 4 บุญรักษา (1/2),สัจจาธิษฐาน-บทที่ 4 บุญรักษา (2/2),สัจจาธิษฐาน-บทที่ 5 เรื่องที่อยากรู้,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 6 แพ้แล้ว

เนื้อหา

บทที่ 2 ทำบุญถึงใคร

ดีใจ…ดีใจแล้วยังไงต่อนะ ทำไมไม่ได้ยินเลย ใครมาพูดอะไรแทรกเนี่ย ต้นรักพยายามฟังที่ชายในฝันพูดต่อ ทว่าเขากลับได้ยินเสียงนั้นเบาลง และเสียงของใครบางคนที่กำลังพูดแทรกและดังขึ้นมาเรื่อย ๆ

ดวงตาน้อยค่อย ๆ ลืมขึ้น ต้นรักกะพริบตาปริบ ๆ เพื่อปรับม่านตารับแสงสว่าง มือเล็กสัมผัสที่หน้าผากของตัวเองเล็กน้อย เขาค้นพบว่าครั้งนี้เขารู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ เขาจึงพยายามจะพูดคุยกับชายปริศนา และในช่วงสุดท้าย ชายคนนั้นก็พูดอะไรกับเขาสักอย่าง แต่เขาดันได้ยินไม่จบประโยค แถมเสียงยายแม้วดันปลุกเขาได้ดังกว่า รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว เสียดายชะมัดเลย

“เฮ้ย! ตื่น ๆ เด็กวัยรุ่นพวกนี้ นอนกินบ้านกินเมืองหมดแล้วโว้ย” ยายแม้วถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาภายในห้องนอนของหลานชายตั้งแต่เวลาหกโมงเช้า เขาส่งเสียงดังปลุกชายสองคนที่กำลังนอนหลับฝันดี เด็กพวกนี้ไม่รู้จักตื่นเช้ากันบ้างหรืออย่างไร

“อะไรเนี่ย ยาย ยังเช้าอยู่เลย” เบียร์ตอบด้วยความงัวเงียอยู่ สองมือดึงผ้าห่มมาปิดหน้าตัวเองอีกครั้ง

“ไอหนู ตื่นแล้วก็ลุกไปล้างหน้าล้างตา” ยายแม้วที่เห็นว่าเพื่อนของหลานชายตื่นแล้ว เขาจึงเรียกย้ำอีกครั้ง สั่งให้ชายหนุ่มตัวน้อยลุกไปล้างหน้าล้างตา

“ยายปลุกทำไม ตั้งแต่เช้าเนี่ย” เบียร์บ่น บรรยากาศในตอนเช้าของต่างจังหวัดช่างเย็นสบาย เป็นอากาศบริสุทธิ์ที่หน้าหมกตัวนอนในช่วงเช้าแล้วตื่นสาย ๆ เป็นที่สุด แต่ยายกลับปลุกเขาตั้งแต่เช้าตรู่ ให้ตายเถอะ

“วันนี้วันพระ ข้าจะพาพวกเอ็งไปทำบุญ หัดเข้าวัดทำบุญกันเสียบ้าง บุญจะได้ส่งให้พวกเอ็งเจริญ ๆ” ยายแม้วบอกกับทั้งสองคนที่กำลังนอนไม่ยอมลุก

“โอ้ย ยายเรื่องพวกนี้มันอยู่ที่การทำตัว ไม่เกี่ยวกับทำบุญเลย” เบียร์เถียงขึ้นในทันที แต่เพราะเป็นหลาน จึงโดนหลังเท้าอรหันต์เตะตูดดังป๊าบเข้าไปหนึ่งที ให้มันรู้เสียบ้างว่าอย่ามาเก่งกับยาย

“เอ็งนี่เกิดมาเป็นหลานข้าได้ยังไงวะเนี่ย เถียงคำไม่ตกฟาก” ยายแม้วบ่นหัวเสีย ไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ หลานชายคนนี้ไม่ได้เชื้อเขามาแม้แต่น้อย อย่าให้พูดถึงเซนส์หรือสัมผัสที่หกอะไรเลยนะ แค่นิสัยก็ไม่ได้เขามาสักนิด “ไป ๆ ลุกไปได้แล้ว อย่ามัวโอ้เอ้ วัยรุ่นสมัยนี้นี่มันอะไรกัน วัดวาไม่รู้จักเข้า บุญไม่รู้จักทำ”

เสียงยายแม้วบ่นฉอด ๆ จึงทำให้ชายหนุ่มทั้งสองจำเป็นต้องยอมลุกขึ้นจากเตียงแต่โดยดี พวกเขาเตรียมตัวเพื่อที่จะไปทำบุญในตอนเช้าที่วัดกับหญิงชรา ก่อนจะเดินลงมาภายในครัว ช่วยจัดแจงเตรียมของสำหรับไหว้พระที่วัด

ในต่างจังหวัดหากเป็นวันพระ ชาวบ้านจะเดินทางเพื่อไปทำบุญใส่บาตรที่วัดแทนการที่พระสงฆ์จะออกมาเดินบิณฑบาตในช่วงเช้า

“เป็นไง เมื่อคืนหลับสบายไหม” ยายแม้วถามต้นรักในขนาดที่กำลังเดินทางไปวัด

“หลับสบายดีครับ ยาย เป็นบรรยากาศที่ผมเองก็ไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว” ต้นรักตอบพลางยิ้มเล็กน้อย

“งั้นเหรอ...ก็ดีแล้ว” ทั้งสามเดินเท้าไปยังวัดที่ตั้งอยู่ภายในชุมชนซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก การเดินเท้าจึงไม่ใช่เรื่องลำบาก สำหรับต้นรักยิ่งถือว่าไม่เลว เขาชอบบรรยากาศแบบนี้ ช่วงเช้าของต่างจังหวัดได้สูดอากาศยามเช้า มองตะวันแรกขึ้นขอบฟ้า พร้อมสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และกอหญ้า ชวนให้คิดถึงบ้านเกิดของตัวเองขึ้นมาอาจจะเป็นเพราะบรรยากาศใกล้เคียงกันแถมยังอยู่ไม่ไกลจากกันมาก

กิจกรรมยามแรกของวันจึงเป็นการเข้าวัด ชายหนุ่มสาวใหญ่ต่างมารวมตัว บางท่านก็หิ้วบุตรหลานเด็กเล็กมาร่วมทำบุญ ทุกคนต่างนำอาหารที่จะมาถวายจัดใส่ถ้วย วางลงบนถาดใหญ่เรียงให้สวยงาม ก่อนจะเดินเข้าไปในศาลาเพื่อนั่งฟังพระสวดมนต์อย่างเรียบร้อยและสงบนิ่ง

เมื่อฟังพระสวดจบสิ้น ชาวบ้านต่างหาพื้นที่เพื่อกรวดน้ำโดยส่วนใหญ่เลือกที่จะนั่งลงข้างต้นไม้ใหญ่ หญิงชรานุ่งขาวห่มขาวเดินเข้ามาหาต้นรักพร้อมกับยื่นที่กรวดน้ำในมือให้กับเขา ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้คนตัวเล็กถึงกับทำหน้าฉงน

“เอ็งเอาไป ทำให้คนที่เขาคิดถึงเราสิ”

“ครับ? อะไรนะครับยาย” ต้นรักถาม 

“กรวดน้ำไงวะ” ยายแม้วตอบเน้นเสียง เด็กคนนี้มันเข้าใจยากเสียจริง

“แต่ยายบอกว่า ให้กรวด..ให้คนที่คิดถึงผม คือผมไม่เข้าใจ”

“ข้าพูดยังไง ข้าก็หมายความตามนั้น” กล่าวจบยายแม้วก็เดินออกไปทันที หงุดหงิดเจ้าเด็กหัวทึบขี้สงสัยคนนี้จริง ๆ

ไม่ทันจะได้ถามให้คลายความสงสัย ทำไมยายแม้วถึงชอบทิ้งปริศนาให้เขาจัง เหมือนเกริ่นมาให้อยากรู้แล้วก็จากไป จะบอกกันทั้งที ทำไมถึงไม่บอกให้หมด ๆ ไปเลยนะ

แล้วนี่จะเอายังไงดี เคยได้ยินแต่คนบอกว่าให้กรวดน้ำให้กับคนที่เราคิดถึงเพื่ออุทิศส่วนบุญให้เขา แต่ทำไมยายแม้วถึงบอกเขาเช่นนี้ ‘คนที่คิดถึงเราเหรอ’ จะมีที่ไหนกัน เอาเป็นว่าทำตามที่คุณย่าเคยสอนดีกว่า

เขาก้าวเท้าอย่างมั่นคง เดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ในบริเวณที่ไม่มีผู้คนมากนัก ต้นรักนั่งยอง ๆ สองมือประคองที่กรวดน้ำ ในใจตั้งจิตอธิษฐาน อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร นึกถึงพ่อแม่ผู้มีพระคุณ คิดถึงสิ่งดี ๆ เดี๋ยวนะ!?

กระนั้นต้นรักก็มีอีกหนึ่งความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขา หรือว่าจะเป็น... เอาจริงดิ! สมองของเขาประมวลผลในเสี้ยววินาที ต้นรักคิดถึงคนในความฝัน

ฮ่า ๆ ตลกชะมัด เป็นเราต่างหากที่คิดถึงเขา ในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ ‘ไม่สิ! เขาเป็นแค่คนในความฝัน ในความฝัน ต้นรัก ตั้งสติไว้! เขาจะได้รับบุญที่เราทำได้ยังไง’

แต่ถึงยังไง ความคิดจะตีกันในหัวมากมายเท่าไร สุดท้ายต้นรักก็อธิษฐานเผื่อเขาอยู่ดี ‘แกต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ต้นรัก’

ต้นรักแสดงหน้าเจื่อนยิ้มตลอดทางกลับมาที่บ้านของเบียร์ ทำเอาเจ้าของบ้านถึงกับต้องคอยหันมามองด้วยความงุนงง ไอรักมันไหวไหมเนี่ย...

“เป็นอะไร เมื่อยเหรอ” เบียร์ถาม เขาทนเห็นเพื่อนตัวเองยิ้มแห้งเหงือกลอยต่อไปอีกไม่ไหว

“เปล่า”

“ทำหน้าเหมือนคนวิญญาณหลุดออกจากร่าง กูหลอน” เบียร์บ่น คำว่าเปล่าของต้นรักเชื่อถือไม่ได้ เขาบอกให้ต้นรักรู้ตัว ให้หยุดทำหน้าประหลาดออกมาเสียที

“จริงเหรอ เมื่อกี้...มันแย่ไหม” ต้นรักถาม มันน่าอายมาก หากมีใครมาเห็นเขาตอนที่กำลังทำหน้าเหวอแบบไม่รู้ตัว แค่เบียร์ก็เกินพอแล้ว

“มาก” เบียร์ตอบเพียงสั้น ๆ

ไม่นานก็เดินมาถึงหน้าบ้านของเบียร์ ต้นรักยังคงมีคำถามติดค้างอยู่ในใจ เขาอยากจะถามยายแม้ว แต่กลับต้องตกตะลึงกับภาพตรงหน้า เหล่าชาวบ้านต่างมารวมตัวอยู่หน้าตำหนักร่างทรงของยายแม้ว ราวกับว่ากำลังเกิดเรื่องใหญ่ที่นี่แต่นั่นก็เป็นเพียงเหล่าลูกศิษย์ลูกหาที่ต่างหลั่งไหลเข้ามาเท่านั้น กระนั้นจะเข้าไปถามเรื่องของตัวเองต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่อง

 

เมื่อพักกินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อย เขาจึงได้เดินทางไปดูสถานที่ เบียร์บอกว่าในหมู่บ้านของเขา มีบ้านหลังหนึ่งน่าสนใจ ซึ่งอยู่ท้ายในสุดของหมู่บ้าน

บ้านทรงไทยหลังใหญ่สไตล์ดั้งเดิม ที่ถูกออกแบบด้วยการได้รับอิทธิพลมาจากชนชาติตะวันตก พื้นที่ภายในรั้วบ้านดูกว้างขวาง โดยตัวรูปทรงของบ้านชั้นล่างเป็นการก่ออิฐฉาบปูน และส่วนชั้นบนเป็นเรือนไม้ที่มีระเบียงโปร่งรอบชั้น มีหลังคาทรงปั้นหยา ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายความผสมผสานกับวัฒนธรรมตะวันตกในสมัยอดีต แม้ภาพรวมผิวเผินจะดูเก่าแต่เขาก็รับรู้ได้ว่าบ้านหลังนี้ถูกดูแลมาอย่างดี

“สวย สวยมาก” ต้นรักเอ่ยปากชมด้วยลมเสียงที่แผ่วเบา เขามองภาพบ้านหลังเก่าตรงหน้า แม้บางส่วนของภายในรั้วบ้านหลังนี้จะถูกปกคลุมไปด้วยกอหญ้าสูงและเถาวัลย์ แต่นั่นไม่มีผลที่ทำให้มันดูเก่าหรือทรุดโทรมเลย แต่กลับกัน ต้นรักมองว่าบ้านหลังนี้สวยมาก มันดึงดูดเขาให้อยากจะเข้าไปข้างใน ไม่รู้ทำไมเสี้ยววินาทีของเขาถึงมีความคิดว่าเขาอยากจะอยู่ที่นี่

“เห้ย ๆ ต้นรัก จะทำอะไร!?” ในขณะที่เขาติดอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ต้นรักพยายามจะเปิดประตูรั้วบ้านหลังนั้น เขาจับประตูเหล็กทั้งสองข้างออกแรงเขย่าไปมา แม้แต่เสียงเรียกตามหลังของเบียร์เขาก็ไม่ได้ยิน

เบียร์เห็นท่าไม่ดี เพราะสภาพเพื่อนของเขาตอนนี้ไม่ต่างจากโจรที่พยายามงัดบ้านคนอื่นอยู่ แม้บ้านแต่ละหลังในชุมชนจะอยู่ไม่ติดกันมาก แต่เสียงของเหล็กกระทบกันสร้างความสนใจให้กับชาวบ้านละแวกใกล้เคียงและคนที่ขับรถผ่านไปมาได้ไม่น้อย ไม่เว้นแม้แต่คุณลุงที่ปั่นจักรยานกำลังจะไปทุ่งนา “ต้นรักทำอะไร กูอายคน!”

“มึงทำอะไรเนี่ย อย่างกับโจร” เบียร์เริ่มสุดจะทนกับพฤติกรรมตรงหน้าของต้นรัก ขายาวสาวเท้าเดินตรงไปจับแขนต้นรักเชิงห้ามปราม “ต้นรัก!”

ต้นรักหยุดชะงัก เขาหันหน้ามามองเบียร์ ใบหน้าของต้นรักฉงนงุนงง คิ้วขมวดเล็กน้อยเขามองหน้าเบียร์ ก่อนที่จะหันกลับมามองมือของตัวเองที่จับรั้วประตูอยู่ทั้งสองข้าง เขาแสดงสีหน้างุนงงมากกว่าเดิม แต่กระนั้นก็ยังไม่ได้ปริปากพูดอะไร เขายกมือเกาหัวพลางยิ้มแก้เก้อ

“นั่นสิ เราไม่ควรเข้าบ้านของคนอื่น โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต”  ใบหน้าเจื่อนยิ้มรับรู้ความผิดของตัวเองแสดงออกมาทันที “แฮะ ๆ”

“มึงเกือบได้เป็นโจรละ” เบียร์ถึงกับเหนื่อยใจส่ายหัวให้กับคนตรงหน้า “ชาวบ้านแถวนี้เขาเตรียมสแตนด์บายโทรเรียกพ่อมารับตัวมึงแล้ว”

“ฮือ ขอโทษนะ เราคงอยากดูข้างในมากไปหน่อย” ต้นรักตอบแก้ตัว จะให้บอกว่าเมื่อกี้เขาทำไปโดยไม่รู้ตัวหรือขาดสติก็ไม่ได้อีก จะบ้า

ต้นรักชะเง้อคอมองภายในบ้าน “อือ...แล้วเจ้าของบ้านหลังนี้ไม่อยู่เหรอ?”

“ถ้าเขาอยู่มึงน่าจะโดนจับแล้วละ” เบียร์ตอบ “บ้านหลังนี้ดูเหมือนจะไม่มีคนอยู่นะ กูเห็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ สภาพอย่างไงก็อย่างงั้น”

“งั้นเหรอ?” ต้นรักทำหน้าครุ่นคิด ก่อนที่เขาจะเดินข้ามถนนเล็ก ๆ ไปยังอีกฝั่ง เพื่อเดินไปถามชาวบ้านที่นั่งแคร่อยู่หน้าบ้าน

“ขอโทษนะครับ บ้านหลังนี้มีคนอยู่ไหมครับ” ต้นรักถามสองตายายที่กำลังนั่งตากลมร้อนอยู่หน้าบ้าน

“ทำไมรึ? ไอหนู” คุณตาถามขึ้นมา

“พอดีว่าผมเป็นทีมหาสถานที่ถ่ายทำละครน่ะครับ ผมสนใจสถานที่นี้ครับ ไม่ทราบว่าคุณตาคุณยายพอจะรู้จักกับเจ้าของบ้านไหมครับ” ต้นรักพนมมือพร้อมกล่าวกับผู้หลักผู้ใหญ่

“มีอะไรกันเหรอ” ไม่ทันไร ป้าร้านขายของชำท้ายหมู่บ้านก็เดินเข้ามาถามไถ่เช่นกัน

“ไอหนูนี่ มันถามหาเจ้าของบ้านหลังนั้น” คุณตาเอ่ยกับคุณป้าที่พึ่งเข้ามาใหม่

“ตามั่น ยายพร สวัสดีครับ ป้านา สวัสดีครับ” เบียร์ที่พึ่งเข้ามาในวงสนทนาเอ่ยทักทายผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน

“เอ้า เบียร์เหรอ” ป้านาเอ่ยถามเมื่อเขามองใบหน้าบุคคลที่เอ่ยชื่อตัวเอง ป้านารู้สึกคุ้นหน้าขึ้นมาทันที

“เบียร์ เบียร์ไหนล่ะวะ ไอนา” หญิงชราเอ่ยถาม

“ก็เบียร์หลายยายแม้วไง ยายพร” หมู่บ้านนี้เป็นเพียงชุมชนชนบทเล็ก ๆ เท่านั้น เหล่าชาวบ้านมักรู้จักกันอยู่แล้ว ยิ่งเบียร์เป็นหลานร่างทรงชื่อดังในหมู่บ้าน ย่อมมีชาวบ้านรู้หน้าค่าตากันดี แม้บางคนเขาจะไม่รู้จักเลยก็ตาม “ว่าแต่มาทำอะไรกันว่ะ”

“มาหาสถานที่ถ่ายละครน่ะป้า ป้าพอจะรู้จักเจ้าของบ้านบ้างไหม” เบียร์ถามหญิงวัยกลางคน

“ไม่รู้เว้ย กูอยู่จนกูแก่แล้ว ยังไม่เคยเห็นเจ้าของบ้านเลยว่ะ” ป้านากล่าว ก่อนเขาจะนึกอะไรบางอย่างออก “เออ ๆ แต่มีคนมาทำความสะอาดอยู่นะ”

จากนั้น ป้านาก็เริ่มเล่าว่าเขาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดแต่เขาก็ไม่เคยพบเห็นเจ้าของบ้านเลย มีเพียงคนดูแลเท่านั้น ที่คอยเข้ามาทำความสะอาด

ส่วนยายพรก็เสริมว่าสมัยตัวเองเด็ก ๆ เคยเห็นเจ้าของบ้านแวะเวียนมาอยู่ไม่กี่ครั้งกี่หน แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้เดินเข้าไปทักทาย ยายพรกล่าวเพียงแค่ว่าเจ้าของบ้านเป็นคนที่สวยมาก นั่นเป็นความทรงจำเดียวที่เขามีให้กับเจ้าของบ้านหลังนั้น

ป้านาได้เล่าต่อว่า คนที่ดูแลบ้านหลังนั้นชื่อป้านิ่ม ป้านิ่มเป็นหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันกับป้านา เขาอาศัยอยู่บ้านเล็ก ๆ ข้างวัดในหมู่บ้านหรือก็คือวัดที่ต้นรักพึ่งไปทำบุญมาเมื่อเช้า

เมื่อทราบเรื่อง พวกเขาติดต่อกับคนดูแลในทันที ทั้งคู่ต่างอธิบายเกี่ยวกับเนื้อหาของงานและอธิบายเหตุผลแต่ทว่ากลับโดนปฏิเสธ ทั้งคู่ขอให้ป้านาช่วยพูดคุยให้อีกทั้งยังมีตามั่นและยายพรช่วยเล่าลือเกลี้ยกล่อมอยู่นานสองนานกว่าป้านิ่มจะยอมเปิดใจให้พวกเขาได้เข้าไปดูสถานที่และเก็บภาพบรรยากาศมาแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น