"บุญรักษำ เหตุใด หลำนถึงชื่อบุญรักษำ...รู้ไหม? เทียดของหลำน ก ำชับพวกเรำหนักหนำ จำกรุ่นสู่รุ่น หำกมีหลำน...หลำน จะต้องตั้งชื่อว่ำบุญรักษำ เป็นเช่นนี้แล้วก็ตื่นเถิด บุญรักษำ หลำนย่ำ"

สัจจาธิษฐาน - บทที่ 3 ไม่ได้ชอบ โดย เมขลิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,ลึกลับ,รัก,รักข้ามภพ,วายพีเรียด,พีเรียดไทย,ดราม่า,นิยายวาย,BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สัจจาธิษฐาน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รัก,รักข้ามภพ,วายพีเรียด,พีเรียดไทย,ดราม่า,นิยายวาย,BL

รายละเอียด

"บุญรักษำ เหตุใด หลำนถึงชื่อบุญรักษำ...รู้ไหม? เทียดของหลำน ก ำชับพวกเรำหนักหนำ จำกรุ่นสู่รุ่น หำกมีหลำน...หลำน จะต้องตั้งชื่อว่ำบุญรักษำ เป็นเช่นนี้แล้วก็ตื่นเถิด บุญรักษำ หลำนย่ำ"

ผู้แต่ง

เมขลิน

เรื่องย่อ

สารบัญ

สัจจาธิษฐาน-บทที่ 0 อารัมบท,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 1 จิตแสนคะนึง,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 2 ทำบุญถึงใคร,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 3 ไม่ได้ชอบ,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 4 บุญรักษา (1/2),สัจจาธิษฐาน-บทที่ 4 บุญรักษา (2/2),สัจจาธิษฐาน-บทที่ 5 เรื่องที่อยากรู้,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 6 แพ้แล้ว

เนื้อหา

บทที่ 3 ไม่ได้ชอบ

“จิ๊!” เสียงเดาะลิ้นดังขึ้น ค้านสายตาทุกคนในที่ประชุม เกื้อกูลชักสีหน้าชำเลืองสายตามองมาทางต้นรักใบหน้าเผยความไม่พอใจ นี่คิดว่าตัวเองกำลังเล่นขายของกับเพื่อน ๆ อยู่หรือไง มันคือธุรกิจที่มีผลได้ผลเสียของเม็ดเงินเลยนะ

“คุณบุญรักษาครับ” เสียงทุ้มเอ่ยหนัก เกื้อกูลเรียกชื่อของคนที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ “คุณคิดว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่เหรอครับ” แม้จะเป็นประโยคคำถามแต่เกื้อกูลก็ไม่ได้ต้องการคำตอบ เขาต้องการตำหนิคนตรงเพียงเท่านั้น “คุณกล้าเอาข้อมูลที่มีไม่ครบถ้วนมาเสนอที่ประชุมได้ยังไง”

“ขอโทษครับ” ต้นรักไม่มีคำจะแก้ตัว แม้ว่าในสถานการณ์นี้จะมีคนที่อยากเข้าแทรกแซงร่วมรับผิดแทนอย่างเบียร์ แต่ทว่าเขาก็ถูกต้นรักห้ามปรามให้อยู่เฉย ๆ ด้วยสายตา เพียงเพราะไม่อยากให้มันแย่ไปกว่านี้ แค่นี้คุณเกื้อก็ฉุนเขาจนฟิวส์ขาดอยู่แล้ว ต่อให้มีคนออกหน้ามาร่วมรับผิดก็ไม่ได้จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

“คุณก็น่าจะรู้ดี ว่าเนื้อหาแค่นี้มันไม่พอต่อการประกอบการตัดสินใจ มุมที่คุณถ่ายมามันสวยจริง แต่มุมอื่นล่ะ เหมาะสมกับงานจริง ๆ หรือไม่เหมาะสม เราไม่สามารถตัดสินใจได้ หากพลาดก็จะเสียโอกาส” ยังไม่พอ เกื้อกูลยังคงเอ่ยคำตำหนิไม่หยุดหย่อน “ยังไงครับ ผมต้องเดินทางไปดูด้วยตาของตัวเองเลยไหม ทุกคนต้องไปดูกับคุณด้วยเลยไหม ถ้าเช่นนั้นเราจะมีตำแหน่งของคุณไว้ทำอะไร”

“ขอโทษจริง ๆ ครับ จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกครับ” ต้นรักยืนขึ้นกล่าวคำขอโทษ “ขอโทษเพื่อนร่วมงานทุกคนด้วยนะครับ”

“เฮ้อ” เขาถอนหายใจ “คุณนี่มันทำงานชุ่ยจริง ๆ ครั้งหน้าอย่าให้เป็นแบบนี้อีก”

“เอาน่า ๆ อย่าซีเรียสหนักเลย” เก้าเอ่ยแทรก ขจัดความตึงเครียด “แต่น่าสนใจเหมือนกันนะ อืม...”

“อะไร?!” เกื้อกูลรับรู้ได้ถึงความกวนโอ๊ยจากพี่ชาย เมื่อเก้าพูดพร้อมแสดงท่าทางครุ่นคิดที่ดูยังไงก็ตั้งใจจะกวนประสาทเขาเป็นแน่

“พาทีมงานทุกคน ไปดูสถานที่จริง” เก้าพูดออกมาหน้าตาเฉย มือหนาตบโต๊ะเสียงดัง “เอาแบบนี้ก็แล้วกันนะ ผมเป็นสปอนเซอร์ให้” เก้าพูดพร้อมฉีกยิ้มกว้าง ทำคนนั่งฟังอย่างเกื้อกูลฉุนควันออกจมูกหนังตากระตุกไม่หยุด มันว่างหรืออะไร เงินมันเหลือมากไม่ใช่ ไอบ้านี่!

“ทำบ้าอะไร เสียเงินโดยไม่ใช่เรื่อง”

เกื้อกูลไม่สบอารมณ์กับพี่ชายของตัวเองไปด้วยอีกคน ทำไมต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยาก แค่ตัดทิ้งก็จบแล้วจะไปให้เสียเงินเสียทองทำไม เป็นเช่นนี้ตลอด ชอบกวนประสาทอยู่เรื่อย

“เอาน่า ก็กูชอบ ทุกคนก็ชอบ ไปดูด้วยตาตัวเองให้มันจบ ๆ ไปเลยก็ได้” เก้าตอบ หารู้ไม่ว่าวิธีของเขาทำให้เกื้อกูลหัวเสียอีกครั้ง

“เห็นไหม คุณบุญรักษา ว่าสิ่งที่คุณทำผิดพลาดมันส่งผลอะไรบ้าง”

“อะไร? กูไม่ได้จะแก้ปัญหาให้มึงไปหาเรื่องดุเขาเพิ่มนะเนี่ย” เก้าถอนหายใจ “เงินกู ท่องไว้ เงินกู ไม่ใช่เงินมึง กูจ่าย มึงอย่าเดือดร้อนได้เปล่า กูอยากไป มึงไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป แค่นั้น”

เก้ากล่าวกับเกื้อกูล ก่อนจะหันสายตามองทุกคนที่ร่วมประชุม “ทุกคนว่ายังไงครับ”

“ขอโทษจริง ๆ นะครับ คุณเก้า ที่ผมทำให้เดือดร้อน” ต้นรักเอ่ยคำขอโทษกับเก้าโดยตรง คุณเก้าเป็นพี่ชายของคุณเกื้อ ที่ทั้งสองต้องทะเลาะกันเป็นเพราะเขา

ถึงแม้ในความเป็นจริง สองพี่น้องมักจะมีปากเสียงกันอยู่แล้วก็ตาม พวกเขาชอบเถียงกันเรื่องงานเพราะบางครั้งก็มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่จุดประสงค์เดียวกัน นั้นคือทำให้งานออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด แต่ก็มีในบางครั้งที่เก้ามักจะชอบปั่นประสาทน้องชายตัวเองเล่น ยั่วให้เกื้อกูลโมโห ไม่รู้ทำไปทำไม

“คุณต้นรักอย่าคิดมากเลย คุณบอกไม่ใช่เหรอครับ ว่าคนดูแลไม่ให้ถ่ายทั้งหมด งั้นเราก็ไปดูด้วยตาตัวเองเลยสิครับ” เก้ายิ้มตาหยีให้ต้นรักคลายความกังวล “มันไม่ใช่ความผิดของคุณเสียหน่อย อย่าไปคิดมากเลยครับ”

“เฮอะ เอาเข้าไป เข้าข้างเข้าไป” แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์นี้จะไม่ถูกใจเกื้อกูลสักเท่าไร

“กูไม่ได้เข้าข้าง มึงฟังกูนะ บ้านหลังนี้มันตรงคอนเซ็ปต์ที่เราต้องการ คุณต้นรักเขาดูมาแล้ว แต่คนดูแลเขาไม่ให้ถ่ายทั้งหมด เป็นมึง มึงจะทำยังไง มึงก็ต้องทำเท่าที่มึงทำได้ก่อน”

“เสียเวลา เอาเวลาไปหาสถานที่ที่พร้อมมากกว่านี้ดีกว่า” เกื้อกูลตอบกลับ สองพี่น้องเริ่มตึงเครียดใส่กัน

“เฮอ ใจเย็น ๆ กันได้ไหม ยังไงทุกคนก็มีเป้าหมายเดียวกันแหละนะ” เมื่อเห็นว่าบรรยากาศในห้องประชุมเริ่มอึมครึม เพราะสองพี่น้องมีปากเสียง นับหนึ่ง เป็นตัวกลางสงบศึก เขาเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ที่จัดแจงเรื่องงานต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นคนที่คอยห้ามเวลาสองพี่น้องคู่นี้ตีกัน

เกื้อกูลไม่โต้ตอบใด ๆ เขาเพียงเงียบไปเท่านั้น ทำให้คนเป็นพี่ได้แต่มองด้วยหางตาพร้อมถอนหายใจเงียบ ๆ ดังมากไม่ได้ เดี๋ยวมันจะกริ้วใส่อีก

“เอาจริง ๆ ผมชอบสถานที่นี้นะครับ ผมอยากไปดูด้วยตาตัวเอง” เก้ากล่าวกับต้นรัก ก่อนที่การประชุมจะเริ่มลงมติกับความเห็นของคนอื่น ๆ โดยมีเกื้อกูลที่นั่งหน้าบูดหน้าตึงอยู่เพียงคนเดียว

สุดท้าย ความเห็นชอบของทุกคนไปรวมกันอยู่ที่สถานที่สุดท้าย ที่ที่มีเพียงแค่รูปบริเวณหน้าบ้าน เพียงไม่กี่รูปที่กลับดึงดูดสายตาจากเหล่าทีมงาน บรรยากาศที่ชวนให้น่ามอง อยากมองให้เห็นลึกกว่านั้น อยากมองทุกมุมทุกด้าน ข้างในจะเป็นอย่างไร ตกแต่งยังไง ช่างชวนให้ดึงดูดอยากจะเข้าไปสัมผัสเสียจริง

กลิ่นอายประหลาดที่ยิ่งมองยิ่งชวนให้ขนลุกแต่กลับพบว่ามันน่าสนใจ บ้านเก่าที่แม้แต่เจ้าของยังไม่เคยมาอยู่ แต่กลับได้รับการดูแลทำความสะอาดมาเป็นอย่างดีจากรุ่นสู่รุ่น จะต้องมีอะไรบางอย่างที่คนภายในหารู้ไม่เป็นแน่

มีเพียงเกื้อกูลที่นั่งหน้าบูดหน้าตึงอย่างไงก็อย่างงั้น เขารู้สึกไม่ค่อยชอบสถานที่นี้เท่าไร มันยุบยิบที่ใจอย่างบอกไม่ถูก ทำไมเขาถึงได้มีความรู้สึกเหมือนเด็กเช่นนี้ แต่ในเมื่อถึงทุกคนเห็นชอบ เขาเองจะไปขัดอะไรได้ แม้ว่าตัวเองจะเป็นถึงประธานบริษัท แต่จะเอาความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินไม่ได้ ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน เป็นอย่างที่พี่ชายเขาพูด

การประชุมดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน จึงได้มีการติดต่อคนดูแลสถานที่ในทันที ทางทีมงานจึงได้ติดต่อป้านิ่ม ซึ่งเป็นคนดูแลสถานที่อยู่ในตอนนี้ให้เขาช่วยติดต่อและประสานงานกับเจ้าของที่ตัวจริง เจรจาพูดคุยไม่นานจึงได้ข้อตกลงว่าเจ้าของนั้นอนุญาต และจะเดินทางไปพบทีมงานด้วยตัวเองในสถานที่นั้น ตามเวลานัดหมาย จากนั้นจึงได้ตกลงกันเรื่องค่าใช้จ่ายในวันเดินทางรวมถึงสถานที่พักต่าง ๆ ก่อนจบการประชุม

“อะไรวะ ผิดพลาดแค่นิดเดียว บ่นมึงยกใหญ่เลย” พึ่งเดินออกจากห้องประชุมได้ไม่นาน เบียร์ก็เอ่ยปากบ่นเจ้านายให้ต้นรักฟังเสียแล้ว เขาไม่ได้คิดอคติแต่ทุกครั้งเขามักเห็นเจ้านายมักจะตำหนิเพื่อนของเขาอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อยขนาดไหน ในขณะที่คนอื่นผิดพลาด เขาไม่เคยเห็นคุณเกื้อจะบ่นอะไรขนาดเท่าที่บ่นต้นรักเลย

“ช่างเถอะ เราทำไม่ละเอียดจริง ๆ นั่นแหละ” คำตอบของต้นรักทำเอาเบียร์อยากจะเอาขามาก่ายหน้าผากตัวเองเสียจริง 

“แค่ที่เดียว! กูจะบ้าตายกับบอส” แต่ก็อยากจะบ้าตายกับเพื่อนร่วมงานของเขาเหมือนกัน อันที่จริงถ้าจะกล่าวถึงคนผิด เขาเองก็ต้องผิดด้วยใช่ไหม เพราะเขาเป็นคนเสนอสถานที่ อีกอย่างเราก็ไปทำงานด้วยกันสองคน แต่คุณเกื้อกลับตำหนิต้นรักเพียงคนเดียว ส่วนเขาเองก็ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย รู้สึกแย่ชะมัด

 

นับว่าเป็นการประชุมที่จบได้ด้วยดีไหม ถึงเก้าจะยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ปัญหา แต่เกื้อกูลกลับมองว่ามันไม่สมเหตุสมผล แถมยังจะทำให้งบประมาณในการทำงานครั้งนี้บานปลายกันไปใหญ่ แต่สำหรับเก้าแล้วคงไม่ได้คิดมากเช่นเขา ที่จริงแล้ว หากบริษัทนี้ตกเป็นของเก้าไม่ใช่ของเขาคงดีกว่าหรือเปล่า

เกื้อกูลได้รับตำแหน่งประธานบริษัท ยูดิโอ โปรดักชั่น จำกัด ที่ผลิตสื่อโทรทัศน์รวมถึงงานโฆษณาต่าง ๆ มาจากมรดกตามพินัยกรรมของครอบครัว แต่เขายังคงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องเป็นเขา ทั้งที่ควรจะเป็นพี่ชายของเขามากกว่า

ในสายตาของเกื้อกูล เก้าเป็นพี่ชายที่ทั้งเก่ง ฉลาด เป็นคนที่มีนิสัยใจเย็น มีเหตุผล รอบคอบ เขามักแก้ไขปัญหาได้ดีแถมเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เป็นที่รักของเหล่าพนักงานและเพื่อนร่วมงาน เหตุผลที่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเขา

เขาไม่ได้เป็นที่รักของใครหลาย ๆ คน เข้ากับคนอื่นไม่เก่งคุยไม่เก่ง แสดงออกไม่เป็น ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ แม้ว่าเขาจะถูกมองว่าเป็นคนเช่นนั้น แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย... เขาแค่พยายามที่จะมีมันแม้ว่าจะไม่ชอบในวิธีการ

“นั่งทำหน้าอมทุกข์ทำไมอีก แบกโลกไว้ทั้งใบหรือไง” คำถามของเก้าทำให้คนที่นั่งไหล่ตกกลุ้มใจถึงกับต้องเงยหน้าไปมอง

หลังจบงาน เกื้อกูล เก้า และนับหนึ่งได้นัดสังสรรค์กันในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับงาน นับหนึ่ง เพื่อนสนิทของเกื้อกูล ทั้งคู่อายุสามสิบเอ็ดเท่ากันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ส่วนเก้าอายุสามสิบสองเขาเป็นพี่ชายที่มีอายุมากกว่าเพียงแค่หนึ่งปี

“เงียบ” เฮ้อ เมื่อเห็นว่าน้องชายของตัวเองไม่ตอบ เก้าถึงกับถอนหายใจ เดาใจยากเสียจริง แม้จะเป็นพี่น้อง แต่ในบางครั้งเขาก็ดูไม่ออกจริง ๆ เกื้อคิดอะไรอยู่กันแน่ ท่าทางไร้อารมณ์เช่นนั้น ไม่เป็นผลดีเอาเสียจริง ไม่ว่าจะกับตัวเองหรือคนรอบข้าง ลำพังเขาเป็นพี่ชายเขาไม่คิดอะไรอยู่แล้ว แต่คนอื่นไม่ใช่ ถึงอย่างไรเขาคงต้องหาบทสนทนา “กูมีหนึ่งคำถามที่อยากรู้”

“กูไม่ตอบ” ไม่ทันได้เอ่ยปาก ไอน้องชายตัวดีมันช่างกวนประสาทเสียจริง รู้สึกคิ้วกระตุกขึ้นมาทันที เขาได้แต่หันมายิ้มเจื่อน ๆ ให้กับคนที่มาใหม่อย่างนับหนึ่ง นับหนึ่งเองก็ทำได้แค่สื่อสารผ่านทางสายตา

“ฟังกูก่อน” เก้าเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “กูอยากรู้ว่าทำไมมึงถึงตำหนิคุณต้นรักบ่อยจัง มึงไม่ชอบอะไรเขานักหนา เขาไปทำอะไรให้มึงไม่พอใจ?”

“กูไม่ได้ไม่พอใจนะ แต่เขาทำงานชุ่ย กูแค่อยากเตือน”

“เหรอ? คนอื่นทำชุ่ย ทำผิดพลาดกว่าเขาตั้งเยอะ กูไม่เห็นมึงจะตำหนิจะเตือนอะไรเท่าเขาเลย” เก้าตอบ จากสายตาที่เขาเห็นมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เกื้อกูลมักจะตำหนิต้นรัก ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเล็กน้อยเพียงไหน น้องชายของเขาก็ยังคงสรรหาคำมาต่อว่าได้

“มึงจะไปรู้อะไร” ใช่ คนที่ไม่รู้คือเขาเอง เกื้อกูลไม่รู้จะหาคำไหนมาโต้แย้ง เขาเหมือนคนน้ำท่วมปากที่เถียงไม่ออก จะว่าไปเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาไม่เคยสังเกตตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าตำหนิใครมากกว่ากัน แค่รู้ว่าทำผิดก็ต้องโดนดุ เขาคิดว่าเขาเป็นแบบนี้กับทุกคน

“ไม่ชอบเขาขนาดนั้นเหรอ” เก้าถามอีกครั้ง แต่จู่ ๆ ก็เบิกตาโพลงขึ้นมา พร้อมพ่นคำถามที่คนฟังต่างไม่คาดคิดเสียเสียงดังลั่น “หรือว่ามึงชอบเขา?

พรวด! ทำเอาคนที่กำลังยกน้ำมึนเมาเข้าปากสำลักขึ้นมาในทันที จังหวะนรกจัด “แค่ก ๆ มึงจะบ้าเหรอ?!”

“ฮั่นแหน๊...ฮันแหน๊! ชอบใช่ไหมล่ะ” เก้าหรี่ตามอง

ไม่ทันได้ตอบ นับหนึ่งที่นั่งเงียบอยู่นานสองนานกลับตาโตลุกวาว อ้าปากค้าง เหมือนกำลังจะบอกว่าเขาคิดอะไรบางอย่างออก “มึงชอบคุณต้นรักเหรอ?”

“โอ้ย! ไปกันใหญ่แล้ว” เกื้อกูลรีบแก้ตัว “กูไม่ได้ชอบ”

ทั้งเก้าและนับหนึ่งต่างหันหน้ามองมาทางเดียวกัน พวกเขาจ้องมองเกื้อกูลหรี่ตาลงเล็กน้อยให้รู้ว่าพวกเขากำลังจับพิรุธของคุณอยู่

“แน่ใจ?” นับหนึ่งถาม แต่มันไม่ได้ทำให้เกื้อกูลไขว้เขวเขาหันมาตอบกลับด้วยท่าทางที่ยักคิ้วเยาะ

“ระวังไว้เถอะ ไม่ใช่ว่าวันไหนไปหลงรักเขาเข้าสักวันล่ะ จากที่กูดู กูว่าเขาค่อนข้างตรงสเปกของมึงเลยนะ” เก้าแซว

“มึงมั่วแล้ว เขาไม่ใช่สเปกกูหรอก” เกื้อกูลตอบปัดก่อนที่เขาจะเบนหน้าหนี

“ไม่ใช่ว่ามึงจะมากลืนน้ำลายตัวเองทีหลังก็แล้วกัน” เขาไม่หันมาตอบพี่ชาย อยากจะพูดอะไรก็พูดเถอะ คนแบบนั้นจะมาเป็นสเปกเขาได้ยังไง ทั้งซุ่มซ่าม เงอะงะ ทำงานก็ผิด วัน ๆ เอาแต่นั่งยิ้มให้คนนั้นคนนี้ เขาจะไปชอบคนแบบนั้นได้ยังไง สองคนนี้แม่งเลอะเทอะ พูดจาอะไรไม่รู้เรื่อง