"บุญรักษำ เหตุใด หลำนถึงชื่อบุญรักษำ...รู้ไหม? เทียดของหลำน ก ำชับพวกเรำหนักหนำ จำกรุ่นสู่รุ่น หำกมีหลำน...หลำน จะต้องตั้งชื่อว่ำบุญรักษำ เป็นเช่นนี้แล้วก็ตื่นเถิด บุญรักษำ หลำนย่ำ"
ดราม่า,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,ลึกลับ,รัก,รักข้ามภพ,วายพีเรียด,พีเรียดไทย,ดราม่า,นิยายวาย,BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สัจจาธิษฐาน"บุญรักษำ เหตุใด หลำนถึงชื่อบุญรักษำ...รู้ไหม? เทียดของหลำน ก ำชับพวกเรำหนักหนำ จำกรุ่นสู่รุ่น หำกมีหลำน...หลำน จะต้องตั้งชื่อว่ำบุญรักษำ เป็นเช่นนี้แล้วก็ตื่นเถิด บุญรักษำ หลำนย่ำ"
ในที่สุดก็ถึงวันที่ต้องกลับไปดูสถานที่พร้อมกับเหล่าทีมงานผู้รับผิดชอบ ต่างมารวมตัวกันหน้าบริษัทเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางตามนัดหมาย กำหนดการล้อหมุนเจ็ดโมงเช้า โดยมีรถตู้สำหรับทีมงาน ส่วนเหล่าผู้บริหารคงหนีไม่พ้นรถส่วนตัว
เกื้อกูลเช็คความเรียบร้อย เขาเดินตรวจตราอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ รวมไปถึงเช็กจำนวนอาหารและเครื่องดื่มในช่วงพักกลางวันให้กับทีมงานทุกคน แม้จะเป็นหน้าที่ของทีมงานผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว แต่เขายังคงไม่ละเลยที่จะตรวจความเรียบร้อยด้วยตัวเอง
จนกระทั่งมาถึงฝั่งทีมงาน รถตู้สองคันพร้อมสแตนด์บายแม้มีพนักงานร่วมเดินทางเพียงแค่สิบห้าคน แต่จะให้ทุกคนไปนั่งเบียดกันเป็นปลากระป๋อง ไหนจะอุปกรณ์อีก คงไม่ใช่เรื่อง หากเป็นเช่นนั้นคงหนีไม่พ้นการเป็นขี้ปากของเหล่าพนักงานหรือแม้แต่บริษัทคู่แข่งที่ต่างมีวงในอีกเป็นแน่ เสียตังค์ไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ ถึงจะไม่ใช่คอนเซ็ปต์ของเขาก็ตาม
เกื้อกูลใช้สายตาสำรวจพนักงานทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ แต่กลับต้องปวดหัวจี๊ดขึ้นมาในทันที เมื่อพบว่าพนักงานบางคนหายไป ก่อนที่เขาจะยกข้อมือมาดูนาฬิกา หกโมงห้าสิบแปดนาที เจริญจริง ๆ
หัวหน้าเริ่มเช็กรายชื่อของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบแต่ละคน มองดูภาพเหล่านี้แล้วไม่ต่างจากเด็กประถมที่กำลังจะไปทัศนศึกษา ในที่สุดก็มีเด็กดื้อจอมตื่นสายวิ่งมาหน้าตั้งเข้ามายามวินาทีสุดท้ายก่อนที่รถจะออก
“คุณไปไหนมาครับ รู้จักรักษาเวลาไหม อย่าให้คนอื่นเขาต้องรอ” เกื้อกูลอดไม่ได้ที่จะต้องเดินไปหาเพื่อกล่าวโทษคนมาสายสักเล็กน้อย
“ผมไปร้านค้ามาครับ” ต้นรักตอบ ทำให้คนตรงหน้าเบี่ยงสายตามายังจุดสนใจใหม่ ต้นรักหอบของพะรุงพะรัง สองมือเต็มไปด้วยถุงขนมพร้อมน้ำอัดลม
ภาพตรงหน้าของเกื้อกูลทำให้เขาถึงขึ้นต้องยกมือกุมขมับพร้อมถอนหายใจในทันที นี่มันต่างจากที่เขาคิดไว้ตรงไหนกัน นี่มันเด็กประถมชัด ๆ อายุเท่าไรแล้วเนี่ย
ฮึ! ไม่ทันรู้ตัวราวกับว่าเขาได้เผลอหลุดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู แต่ดีที่ยังเก็บอาการเสียก่อนอีกฝ่ายจะรู้ตัว “อย่าให้คนอื่นต้องมารอคุณอีก เข้าใจใช่ไหมครับ”
“แต่ผมก็มาทันเวลานะครับ” ต้นรักก้มหน้าเปล่งเสียงเบาเถียงกลับ ถึงจะบอกว่าเถียงก็เถอะ แต่กล้าเสียที่ไหน แค่สบตายังไม่กล้าเลย
“ล้อหมุนเจ็ดโมง นัดเจ็ดโมง คุณก็จะมาเจ็ดโมงเหรอครับ” เกื้อกูลเอ่ย ที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากจะดุนักหรอก แต่มันไม่สมควรที่นัดเจ็ดโมงแล้วมาถึงเจ็ดโมง มันควรจะเผื่อเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องต่าง ๆ ด้วย
“ขอโทษครับ” ต้นรักเอ่ยขอโทษเขาก้มหัวลงเล็กน้อย
“รีบไปขึ้นรถ” แต่เอาเถอะ ดูแล้วคงมาถึงก่อนหน้านั้น คงอยากจะไปซื้อขนมมานั่งกินบนรถกับเพื่อนเสียมากกว่า เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้ว เขาเองก็ต้องออกเดินทางบ้างเหมือนกัน ขายาวก้าวเท้าไปยังจุดที่จอดรถของตัวเองก่อนจะโดนคนที่คุ้นเคยเอ่ยทัก
“ดุเหมือนหมา” เก้ายืนมองสถานการณ์ก่อนหน้ามานานสองนาน เห็นได้ชัดเจนว่าน้องชายของเขากำลังต่อว่าอีกคนที่มาถึงสถานที่นัดหมายก่อนเวลาแบบฉิวเฉียด
มันคิดว่ามันหล่อมากไหมเนี่ย ไอท่าทางที่ยืนกอดอกพิงรถอย่างมั่นใจแล้วแซวคนอื่นหน้าตาเฉย ขึ้นชื่อว่าพี่น้อง ใครจะทนก็ทนกูไม่ทน “เออ กูจะกัดมึงคนแรกเลย เตรียมตัวเป็นพิษสุนัขบ้าได้เลย เพราะกูจะไม่ฉีดยา”
ในจังหวัดกาญจนบุรี ถนนเส้นเล็กเลียบแม่น้ำสายยาว สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือน โรงแรมที่พัก ร้านอาหารริมแม่น้ำ ก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่พื้นที่ชนบท คนขับรถขับไปตามเส้นทางที่เบียร์เป็นคนบอก เพราะที่จริงแล้วคนที่เสนอสถานที่แห่งนี้ให้คนในกองเป็นเขาเอง อีกอย่างเพราะเป็นบ้านเกิดจึงชำนาญเส้นทางมากกว่า
เมื่อรถตู้สองคันจอดถึงที่หมาย ทุกคนต่างลงมาจากรถ พลางบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยล้า แต่ทว่าเมื่อสายตาสบกับบ้านทรงไทยหลังเก่า พวกเขาเหมือนถูกมนตร์สะกด ต่างพากันมองอย่างไม่ละสายตายิ่งกว่าได้เจอหญิงรูปงามเสียอีก
แม้จะมาเป็นครั้งที่สองบ้านหลังนี้ ก็ยังคงสะกดมนต์เขาได้อยู่หมัด ต้นรักมองบ้านหลังนี้ด้วยรอยยิ้มดีใจที่ได้กลับมาอีกครั้ง สายตามองผ่านรั้วที่ถูกปิดกั้น “มาแล้วนะ” เขาเอ่ยเบา ๆ ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังเอ่ยคำเช่นนั้นกับอะไร
ไม่รอช้า เขารีบเดินข้ามถนนไปยังอีกฝั่ง เดินไปบ้านเรือนไทยไม้หลังเก่าที่มีสองผัวเมียตายายอาศัยอยู่ ตามั่นและยายพร ทั้งสองยังคงนั่งเล่นที่แคร่ไม้เหมือนครั้งแรกที่ได้เจอกัน ต้นรักไม่ได้มามือเปล่า เขาซื้อของมาเยี่ยมคุณตาคุณยาย
“คุณตา คุณยาย เป็นยังไงบ้างครับ” ต้นรักเอ่ยถามก่อนที่จะยื่นของฝากให้คุณตาคุณยาย พร้อมยกมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่
“พวกข้าก็สบายดี” ตามั่นตอบ ก่อนจะสังเกตของที่คนหนุ่มเอามาวางบนแคร่ให้เขา “อะไรวะ?”
“ของฝากครับคุณตาคุณยาย”
“เอามาทำไม เสียเงินเปล่า ๆ” ตามั่นบ่น “แล้วนี่เอ็งมาทำอะไรรึ? มากันเยอะเชียว”
“พาทีมงานมาดูสถานที่น่ะยาย พวกเราจะมาทำละครกัน”
“ทำละคร?” ยายพรทำหน้างงเล็กน้อย ชนบทแบบนี้น่ะรึจะทำละคร “งั้นก็ต้องมีดาราน่ะสิวะ ใช่ไหม?” ยายพรถามอีกครั้ง” “ที่ข้าเห็นในทีวี” แกพูดพลางพยายามชูคอมองไปมองมาผ่านด้านหลังต้นรัก
“ตอนนี้ยังไม่มีหรอกยาย เราแค่มีดูสถานที่กันน่ะ แต่ถ้าที่นี่ผ่าน” ต้นรักหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ “ยายได้เห็นดาราแน่นอน”
“เฮอะ! ข้าแก่ขนาดนี้แล้ว ไม่สนใจดารงดาราอะไรหรอก แต่ถ้ามีบทคนแก่ อย่าลืมแนะนำข้าล่ะ ฮ่า ๆ”
“แล้วเอ็งไม่ใช่ดารารึ?” ตามั่นถาม นึกแล้วก็สงสัย ชายชราขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่ใช่ครับ คุณตา”
“ข้าก็นึกว่าเอ็งเป็นดารา เห็นหน้าตาน่ารักเสียจริง” ตามั่นชมเขาคนหนุ่มสมัยนี้ แต่จะว่าเด็กตรงหน้าเป็นคนหล่อก็ไม่เชิงออกแนวน่ารักน่าชังเสียมากกว่า “หรือว่านั่น คือดารา”
แต่ทว่าเสียงของตามั่นก็ชวนให้เขาหันกลับไปมองข้างหลัง เมื่อชายชราเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น นิ้วชี้ยกขึ้นมาชี้ผ่านด้านหลังของเขาไป ภาพตรงหน้าคือคุณเกื้อและคุณเก้าที่กำลังเดินมาทางเขา เอ๊ะ! ทำไมล่ะ?
“ไม่ใช่ครับ ๆ เขาคือเจ้านายของผมเอง” ต้นรักรีบตอบปฏิเสธตามั่นในทันที
“เออ เด็กสมัยนี้มันหน้าตาหล่อเหลากันเสียจริง” ตามั่นยังคงยืนยันคำเดิมว่าเด็กสมัยนี้หน้าตาหล่อเอาเรื่องแต่เว้นพ่อหนุ่มคนนี้ไว้เสียสักคน
“โอ๊ะ คุณตาก็พูดเกินไปครับ ฮ่า ๆ” เก้าที่เดินมาพร้อมกับเกื้อยิ้มรับหน้าลอยไปไกล เก้าผู้มาใหม่เข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม และไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม อันที่จริงก็อยากรู้ว่าคุณต้นรักมาทำอะไรตรงนี้ “แล้วนี่กำลังทำอะไรกันอยู่เหรอครับ ดูน่าสนุกเชียว” เก้ามองต้นรักสลับกับมองสองตายาย “คุณต้นรักรู้จักคุณตากับคุณยายด้วยเหรอครับ แนะนำให้ผมรู้จักบ้างสิ”
ท่าทีอยากรู้อยากเห็นของเก้า ทำให้เกื้อกูลปวดหัวจี๊ดอยากจะกุมขมับ ไม่ก็มุดหน้าหนีลงดินไปเลยให้มันจบ ๆ ไอมนุษย์สัตว์สังคมนี่มันอะไรกัน เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ อยู่เฉย ๆ ก็ดีอยู่แล้ว แต่มันดันลากเขามาด้วยเนี่ยสิ ไอพี่ชายตัวดี
“ผมชื่อเก้านะครับ” เก้าใช้โอกาสชุลมุนแนะนำตัว ก่อนจะผายมือมาทางน้องชาย “ส่วนนี่คือน้องชายของผมเองครับ ชื่อเกื้อ เขาเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งน่ะครับ”
“นี่คุณตามั่นกับคุณยายพรครับ” ต้นรักแนะนำสองสามีภรรยาที่กำลังงุนงงตามพวกเด็ก ๆ ไม่ทัน
“มาคงมาคุณอะไรกัน เรียกตามั่นกับยายพรก็พอ” ตามั่นตอบ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” เก้ายิ้มเล็ก โดยมีเกื้อกูลที่ยกมือไหว้กล่าวสวัสดีตามมาที่หลัง
ยายพรยกมือขึ้นเล็กน้อยเป็นคำตอบภาษากาย ก่อนที่แกจะชี้ไปทางผู้มาใหม่ “นั่น ไอนิ่มมันมาแล้ว พวกเอ็งก็ไปได้แล้ว ข้าจะนอนสักหน่อย”
“ครับ ยาย” ต้นรักตอบก่อนจะกล่าวลา “สวัสดีครับ”
เมื่อเห็นว่าคนดูแลบ้านหลังนี้มาเปิดประตูให้แล้ว เขาจึงรีบเดินข้ามถนนกลับไปในทันที ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะสำรวจบ้านหลังนี้จริง ๆ เสียที รอบก่อนทำเอาเสียดายไม่ใช่น้อย หลายอย่างไม่เป็นใจทำให้ได้ชมเพียงแค่นิดเดียว แต่ครั้งนี้เขาจะสำรวจพร้อมรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก ป้านิ่มนำทาง บ้านเรือนไทยหลังงาม รอบข้างปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่กอหญ้าสูงติดขอบรั้ว ดูเหมือนว่าก่อนที่พวกเขาจะมาเยือนได้มีการตัดกอหญ้าที่ขึ้นสูงออกไปบางส่วน ต้นรักกวาดสายตาสำรวจรอบนอกก่อนจะเข้าไปด้านในสำรวจตัวบ้าน บ้านไม้ทรงไทยผสมผสานสไตล์ตะวันตก ชั้นแรกเป็นปูนยกสูง ชั้นที่สองเป็นไม้งามราคาสูง ทุกห้องถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนให้ความสมดุล มีโถงทางเปิดบันไดและห้องที่ถูกแบ่งออกเป็นห้าห้อง
เขาเดินปลีกตัวออกมาก่อนที่จะได้ชมภายในบ้านอย่างถี่ถ้วน ต้นรักเดินไปยังตามทางแม้ด้านหน้าของรั้วบ้านจะดูรกร้าง แต่พอยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไร เขากลับได้กลิ่นหอมจากดอกไม้นานาพรรณลอยคละคลุ้งติดปลายจมูก ทำให้รู้สึกทั้งสงบ ร่มเย็น ยิ่งมองยิ่งรู้สึกผ่อนคลาย เขาชอบบรรยากาศตรงนี้มากกว่าด้านหน้าเสียอีก
เขาเดินไปตามทางเรื่อย ๆ ยิ่งเดิน ยิ่งลึก ต้นรักไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเดินมาไกลถึงเพียงใด เขาเดินมาตามทางสวนดอกไม้พลางชมนกชมผีเสื้อที่บินโฉบ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยบุปผาโสภาเสมือนเป็นสรวงสวรรค์แห่งพฤกษา
ต้นรักเพลิดเพลินเชยชมกับบรรยากาศที่เขาไม่เคยได้สัมผัส ผีเสื้อน้อยบินเล่นชมเกสร ต้นรักเดินลึกมาถึงบ้านหลังหนึ่ง บ้านไม้ชั้นเดียวหลังเก่าที่มีสภาพทรุดโทรมไม่ได้รับการดูแล ต้นไม้ปกคลุมหนาทึบ มีเศษใบไม้แห้งร่วงหล่นเต็มไปหมด
ต้นรักจ้องมองบ้านหลังนั้นอยู่นาน เขารู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก ทั้งอึดอัดแน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก ไม่รู้ทำไม ยิ่งมองเท่าไร เขากลับรู้สึกระทมทุกข์ใจอย่างบอกไม่ถูก ความอ้างว้าง ความเจ็บปวด โหยหา คร่ำครวญ อาลัย ถาโถมเข้ามาภายในเสี้ยววินาที
“คุณรดาเดินทางมาถึงแล้วค่ะ” เสียงของคนดูแลเอ่ยกับเหล่าทีมงานที่มาเยี่ยมชมหาโลเคชั่นให้กับกองละคร ป้านิ่มนำเหล่าทีมงานเข้าไปพูดคุยกันในห้องโถงสำหรับรับแขกที่ชั้นหนึ่ง พบหญิงชราที่นั่งอยู่ด้วยความเรียบร้อยด้วยรอยยิ้มต้อนรับ ท่าทางที่ดูเป็นมิตรและใจดีของเธอ ทำให้ทีมงานต่างเกรงใจไปโดยปริยาย รีบเข้ามากล่าวสวัสดีทักทาย
“บ้านหลังนี้สวยมากเลยครับ” เก้าชมเชยบ้านเรือนงาม เขาชอบบรรยากาศ กลิ่นอาย ความคงเดิมที่ยังคงเอกลักษณ์ บ้านหลังนี้ช่างเหมาะกับการใช้เขาเป็นพ่อบุญทุ่มยิ่งนัก
“ขอบคุณนะจ๊ะ พ่อหนุ่ม” รดาตอบกลับ “แต่เสียดาย...”
“ทำไมเหรอครับ” เก้าถาม แต่กลับไร้การตอบกลับจากหญิงชรา เขาเพียงยิ้มให้เก้าเท่านั้น
รดาเป็นเจ้าของบ้านคนปัจจุบัน บ้านหลังนี้ได้รับการสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่เดิมเป็นเรือนของพระยาไชยศรีบุรณรัตน์ ที่ใช้อาศัยอยู่กับลูกหลานและทาสในเรือนของตน แต่แล้วกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นทำให้บ้านหลังนี้ต้องถูกทิ้งร้างไร้คนอยู่อาศัย
“แล้วพวกหนูสนใจที่นี่กันเหรอจ๊ะ”
“ใช่ครับ ทีมงานของผมเป็นคนเสนอมาน่ะครับ”
“แล้วจะทำอะไรกันเหรอจ๊ะ”
“ถ่ายละครน่ะครับ คุณรดา” เก้าตอบ “สักครู่นะครับ” เก้าหันหน้ามองซ้ายมองขวาหาใครบางคน แต่ทว่าเขากลับไม่เจอ เก้าคิ้วขมวดเล็กน้อยเขามองไปทางน้องชายของตัวเอง ราวกับว่าทั้งสองสื่อสารกันผ่านทางสายตา
เกื้อกูลเริ่มเดินไปหาพนักงานคนอื่น ๆ เพื่อเริ่มสอบถาม แล้วทำไมตัวต้นเรื่องถึงไม่อยู่ในเวลาสำคัญเช่นนี้ แต่ไม่ว่าจะถามกับใคร ถามกับทีมงานคนไหนกลับไม่มีใครรู้เลย แม้แต่เพื่อนร่วมงานคนสนิท
เกื้อกูลและทีมงานทุกคนต่างออกตามหาไม่ว่าจะทั้งบริเวณในบ้านหรือด้านนอก แต่เนื่องจากพื้นที่ของบ้านหลังนี้มีพื้นที่ที่กว้างขวางลากไปบนจนเกือบพื้นที่ป่า เรื่องการหายไปของหนึ่งในทีมงานจำเป็นต้องแจ้งคุณรดาให้ทราบเพราะที่นี่คือบ้านของเขา คนที่จะรู้พื้นที่นี้ดีที่สุดคงหนีไม้พ้นคนภายในบ้าน
แต่ทว่ากลับไม่เป็นผล บ้านหลังนี้ไม่ได้มีผู้อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยรุ่นคุณย่าของคุณรดา เธอไม่ได้รู้พื้นที่ทุกมุมของบ้านหลังนี้ เธอแค่เคยแวะเวียนมากับคุณย่าในสมัยตอนที่เธอยังเป็นเด็ก
เกื้อกูลวิ่งวุ่นร้อนใจ เมื่อจู่ ๆ กลับพบว่ามีทีมงานของตัวเองหายตัวไปในเวลาเช่นนี้ ต่างที่ต่างถิ่นไม่คุ้นชิน หายไปไหนของเขากัน จะไปไหนมาไหนทำไมไม่รู้จักบอกกันบ้าง พนักงานทุกคนต่างวุ่นวายตามหา ‘ต้นรัก’