"บุญรักษำ เหตุใด หลำนถึงชื่อบุญรักษำ...รู้ไหม? เทียดของหลำน ก ำชับพวกเรำหนักหนำ จำกรุ่นสู่รุ่น หำกมีหลำน...หลำน จะต้องตั้งชื่อว่ำบุญรักษำ เป็นเช่นนี้แล้วก็ตื่นเถิด บุญรักษำ หลำนย่ำ"
ดราม่า,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,ลึกลับ,รัก,รักข้ามภพ,วายพีเรียด,พีเรียดไทย,ดราม่า,นิยายวาย,BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สัจจาธิษฐาน"บุญรักษำ เหตุใด หลำนถึงชื่อบุญรักษำ...รู้ไหม? เทียดของหลำน ก ำชับพวกเรำหนักหนำ จำกรุ่นสู่รุ่น หำกมีหลำน...หลำน จะต้องตั้งชื่อว่ำบุญรักษำ เป็นเช่นนี้แล้วก็ตื่นเถิด บุญรักษำ หลำนย่ำ"
เกื้อกูลวิ่งวุ่นร้อนใจ เมื่อจู่ ๆ กลับพบว่ามีทีมงานของตัวเองหายตัวไปในเวลาเช่นนี้ ต่างที่ต่างถิ่นไม่คุ้นชิน หายไปไหนของเขากัน จะไปไหนมาไหนทำไมไม่รู้จักบอกกันบ้าง พนักงานทุกคนต่างวุ่นวายตามหา ‘ต้นรัก’
‘ตัวดี อย่าให้เจอเชียวจะดุเสียให้เข็ด’ คำพูดจากความคิดของเกื้อกูลดังก้องพร้อมกับขายาวที่เดินสับไปมาอย่างเร่งรีบ เพราะจวนเวลาใกล้พลบค่ำตะวันเริ่มลับขอบฟ้าลงทุกที เมื่อเห็นท่าไม่ดีนัก เกื้อกูลจึงให้พี่ชายของตนที่รับหน้าคุยกับคุณรดาเจ้าของสถานที่บอกกล่าวเธอในทันที
...
“เจอแล้ว...เจอคุณต้นรักแล้วครับ” ในที่สุด ก็มีเสียงดังตะโกนร้องลั่นออกมาจากท้ายป่าด้านหลังสุดของบ้าน
เสียงเด็กหนุ่มตะโกนวิ่งหน้าตั้งตาตื่นไปทั่ว ดังก้องไปทั่วบริเวณจนจับทิศจับทางไม่ได้แน่ชัด แต่เกื้อกูลมั่นใจว่าต้นตอของเสียงต้องดังมาจากทางด้านท้ายสุดของบ้าน เขารีบเดินตามหาเจ้าของเสียงอย่างไม่รีรอ
เกื้อกูลไม่ได้สนใจรอบข้างว่าตัวเองเดินผ่านอะไรมาบ้าง นอกจากเขายังมีทีมงานคนอื่น ๆ ที่เดินตามเสียงที่ตะโกนขึ้นมา จนที่สุดก็ได้พบกับร่างที่นอนหมดสติกองอยู่กับพื้น
“เกือบไปแล้วนะครับ” เด็กหนุ่มพูดพลั่งขึ้นด้วยความร้อนรน เกื้อกูลไม่ได้สนใจสิ่งที่เด็กหนุ่มพูด เขาไม่เพียงแม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำ แต่กลับเดินตรงเข้าไปหาคนที่นอนไม่ได้สติในทันที
“ดูเหมือนว่าจะเป็นลมนะครับ” เบียร์เอ่ย เขาจับต้นรักประคองตัวใช้มืออังที่ปลายจมูก
“อืม” เกื้อกูลตอบก่อนจะใช้มือหนาจับที่ตัวของต้นรักพร้อมสบถคำพูด “ตัวปัญหาจริง ๆ” สองแขนประคองร่างเล็กแนบชิดอกแกร่ง เกื้อกูลพยุงตัวต้นรักยกขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะสอดมืออีกข้างรวบสองขาอุ้มต้นรักในท่าเจ้าสาว แย่งตัวต้นรักมาจากเบียร์และทิ้งให้อีกฝ่าย นั่งงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ตรงนั้น
สัมผัสที่อ่อนโยนจากฝ่ามือลูบกลุ่มผมของคนที่หลับไม่ได้สติ ความอบอุ่นถูกถ่ายทอดส่งผ่านใบมือเล็ก เป็นสัมผัสที่คุ้นเคย ต้นรักแม้ไม่ได้สติก็ยังคงรับรู้ได้ถึงความนุ่มนวลนี้ คุ้นเคยเหมือนกับใครบางคน
“บุญรักษา บุญรักษาเอ๋ย...ตื่นเถิดหนา หลานรักของย่า” มือเล็กลูบสัมผัสศีรษะคนที่กำลังนอนหนุนตักไปมาโดยความอ่อนโยน ภาพตรงหน้าทำให้ทีมงานทุกคนต่างตกใจกันเป็นแนว ๆ คุณรดาเงยหน้ามองทุกคน
ก่อนหน้านั้นที่เกื้อกูลอุ้มต้นรักมาภายในบ้าน คุณรดาบอกเพียงว่าต้นรักนอนพักที่แหย่งไม้สัก ไม่คาดคิดว่าคุณรดาจะเอาตักตัวเองวางเป็นหมอนให้ต้นรักหนุน
ความจริง เขาเป็นคุณย่าของบุญรักษา ต้นรักไม่รู้เห็นเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ เขาไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่าอดีตต้นตระกูลของตัวเองเคยเป็นขุนนางระดับสูงมาก่อน ต้นรักไม่รู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของบ้านหลังนี้เลยแม้แต่น้อย คุณรดาเองก็ไม่รู้ว่าบริษัทที่ติดต่อมาจะจัดทำละครคือบริษัทที่หลานตัวเองทำงานอยู่ จากนั้น เบียร์พนักงานที่มาดูสถานที่แห่งนี้กับต้นรักได้กล่าวขึ้นมาว่า เขาเป็นคนที่เก็บรายละเอียดการติดต่อของคุณรดาไว้ในวันที่มาขอป้านิ่มดูสถานที่
แม้เสียงคุยกันของทุกฝ่ายจะดังเพียงใด ต้นรักก็ยังคงไม่ได้สติเช่นเดิม ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปตั้งแต่เมื่อไร ตอนไหน ทุกฝ่ายต่างยุ่งกันมาก รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เก้าอยากจะแนะนำเขาให้กับคุณรดาได้รู้จัก
“บุญรักษา เหตุใด หลานถึงชื่อบุญรักษา...รู้ไหม?” มือของคุณย่าสัมผัสที่เส้นผมของต้นรักอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ยเล่าที่มา “เทียดของหลาน กำชับพวกเราหนักหนา จากรุ่นสู่รุ่น หากมีหลาน...หลานจะต้องตั้งชื่อว่าบุญรักษา เป็นเช่นนี้แล้วก็ตื่นเถิด บุญรักษา หลานย่า” ทุกคนที่ได้ฟังคุณรดาเรียกชื่อหลานชายเช่นนั้นก็ต่างพากันเอียงคอสงสัยไม่เว้นแม้แต่เกื้อกูล แล้วทำไมต้องชื่อบุญรักษา? แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้มีใครกล้าที่จะถามเช่นกัน
หญิงชรายังคงปลอบขวัญหลานรักด้วยการลูบหัวไปมา พร้อมเอ่ยเรียกชื่อในบางครั้ง ต้นรักได้รับสัมผัสที่คุ้นเคย เสียงคุยกันจอแจ ทำให้คนตัวเล็กที่นอนหนุนตักเริ่มได้สติกลับมา ต้นรักสะลึมสะลือพลิกตัวไปมา ก่อนที่เขาจะลืมตาและพบว่ากำลังนอนหนุนตักคุณย่าอยู่
“คุณย่า...คุณย่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ” ต้นรักเงยหน้าถามผู้เป็นย่าด้วยเสียงแหบแห้ง “แล้วผม...ทำไมมาอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ” ต้นรักหันมองบริเวณโดยรอบเขาไม่เข้าใจว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ไง
“ต้นรักเป็นลมอยู่ที่เรือนท้ายน่ะลูก เจ้านายลูกเขาเป็นคนไปอุ้มหนูมา” ต้นรักได้ยินถึงกับขมวดคิ้วใบหน้าฉงนเผยออกมาในทันที ไม่รู้ว่าตัวเองจะตกใจกับเรื่องไหนก่อนดี แต่ทว่าแค่นั้นยังคงไม่พอ
“ย่าขอโทษนะ ที่ย่าไม่เคยบอก” หญิงชรากล่าว “ความจริงแล้ว ที่นี่คือบ้านของต้นตระกูลของหลานจ้ะ ตอนนี้ย่าเป็นเจ้าของอยู่ ย่าก็ไม่คิดว่าจะเป็นบริษัทที่ต้นรักทำงานอยู่ติดต่อมาน่ะ”
“ครับ?” ยิ่งฟังที่คุณย่าพูด เขายิ่งงงหนักไปกว่าเดิม จะบอกว่าที่นี่คือบ้านของเรางั้นเหรอ แต่ก็ยังไม่ทันได้คลายความสงสัย
“ลุกก่อนเถิด หลานย่า”
“คุณย่า...คุณย่าเมื่อยไหมครับ หนูขอโทษนะ เดี๋ยวหนูนวดให้” ต้นรักประคองตัวเองลุกขึ้นก่อนจะนั่งลงกับพื้น เขาลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังนอนหนุนตักของคุณย่าที่อายุเข้าเลขหกเสียแล้ว
“ย่าไม่เป็นไรหรอกลูก ให้หลานหนุนตักนิด ๆ หน่อย ๆ จะไปเมื่อยอะไรกัน” รดาปฏิเสธ
“เป็นบ้านตัวเองก็ยังไม่รู้ แล้วก็ยังไม่รู้จักระวังตัวอีก” น้ำเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยตำหนิจิกกัดดังมาจากทางข้างหลังของต้นรัก ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใครที่พูด เจ้านายที่เป็นพ่อหนุ่มใจบุญยอมอุ้มเขามาคงเป็นคุณเก้าแน่ ๆ ไม่มีทางที่จะเป็นคุณเกื้อได้หรอก นึกแล้วก็อยากถอนหายใจออกมาให้ทะลุปอดไปเลย
ตุ๊บ! ไม่ทันที่ต้นรักจะได้คิดเคืองมากนัก จู่ ๆ ก็มีเสียงของตกลงมาทำให้ทุกคนต่างพากันหันไปมองทางต้นเสียงซึ่งอยู่ด้านหลังของเกื้อกูล
กรอบรูปใบหนึ่งตกลงมาจากผนังไม้ ต้นรักขอทางเขยิบไปหาสิ่งที่ตกลงมา เขาหยิบกรอบรูปภาพขึ้นมาใช้มือปัดไล่ฝุ่นที่เกาะรูปภาพตรงหน้าเป็นภาพของชายผู้หนึ่งที่สวมเสื้อเชิ้ตคอแหลม ชายผู้ที่มีใบหน้าที่งดงาม มีคิ้วหนาทรงยาวคมเข้ม จมูกที่โด่งคมได้รูปพอดีกับหน้าและมีริมฝีปากที่เสมอกันมุมปากยกยิ้มคมได้รูป ตามแบบฉบับชายไทย
ต้นรักถึงกับผงะหน้าถอดสี เมื่อมือของเขาที่กำลังปัดฝุ่นไปมา ได้ปัดปิดส่วนบนของใบหน้าชายในรูป ต้นรักหยุดชะงัก ดวงตาน้อยสั่นไหวหยาดน้ำตาเอ่อคลอล้นเปลือกตา เขาจ้องมองคนในรูปอยู่นานสองนาน ในที่สุด...หยดน้ำสีใสร่วงหล่นอาบผิวแก้มนวล
ภาพตรงหน้าทำให้ทีมงานคนอื่น ๆ ตกใจเช่นกัน ต้นรักจ้องมองรูปภาพอย่างเหม่อลอยน้ำตาไหลอาบแก้ม แต่ไร้เสียงสะอื้น เบียร์สะกิดตัวต้นรักพลางให้เขาได้สติ มือเล็กปาดเช็ดคาบน้ำตา
เบียร์ถือวิสาสะหยิบรูปขึ้นไปชมพร้อมกับทีมงานที่นั่งอยู่ข้างกัน แต่ทว่าทั้งหมดกลับหันมองสบตากันอย่างไม่ได้คาดคิด เพราะไม่อาจพูดออกไป จึงทำได้แค่ใช้สายตาสื่อสารเท่านั้น ‘คิดแบบเดียวกันใช่ไหมวะ’
ต้นรักพยายามข่มอารมณ์ทั้งหมดที่มี เขาสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อดึงสติตัวเองกลับมา แต่ทว่ายังไม่ได้จะรวบรวมสติมากนัก สายตาของเขากลับเห็นเท้าของใครบางคนกำลังเดินผ่านเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ต้นรักตอบสนองเงยหน้าหันควับมองตามในทันที
“เป็นอะไรหรือเปล่า ต้นรัก” รดาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าหลานของเขามีท่าทีที่แปลกไป
“ไม่...ไม่เป็นอะไรครับคุณย่า” ต้นรักหันมาตอบคุณย่าก่อนที่จะหันไปมองสิ่งที่ตัวเองเห็นให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่เขากลับไม่พบอะไรเลย แม้แต่ประตู...ที่ตอนแรกเห็นว่ามันเปิดอยู่ ช่างเถอะ เขาคงตาฝาดไปเอง
กว่าจะรู้ตัว เวลาผ่านไปเกือบยามค่ำ คุณรดาเชิญชวนทุกคนให้มาร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน คุณย่าได้ให้คนเตรียมอาหารเย็นให้เหล่าทีมงานทุกคน
“มึงรู้หรือยัง ตอนที่มึงเป็นลมใครเป็นคนอุ้มมึงมา” เบียร์ถามในระหว่างที่ทุกคนกำลังทานข้าวร่วมกัน
“คุณเก้าไง” ต้นรักตอบมั่นใจ ไม่มีทางเป็นคุณเกื้อแน่นอน ก่อนจะหันมาสนใจขนมจีนน้ำยาที่คุณย่าเตรียมมาให้เหล่าทีมงาน เขารู้สึกประหลาดใจทันทีเมื่อเพื่อนของเขาไร้การตอบกลับแต่กับมองหน้าเขาอยู่ ต้นรักหันไปมองหน้าเบียร์ที่กำลังยิ้มแห้งให้เขาอยู่ “ใช่ไหม...”
“ฮึ...ฮือ” เบียร์ยิ้มแห้งหน้าเจื่อนเฉลยความจริง “คุณเกื้อ”
แทบช็อก! ถามจริง? ต้นรักอ้าปากค้าง ช้อนในมือหล่นลงทันที ใบหน้าเล็กขมวดคิ้วฉงนมองตาเพื่อนรักหาความจริง เบียร์พยักหน้าหงิก ๆ ไม่หลบตา ไม่ยิ้ม ไม่ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย เรื่องจริงดิ!? คุณเกื้อ! คุณเกื้อเนี่ยนะ ที่เป็นคนไปช่วยเขาเอาไว้ โอมายก็อต
เหลือจะเชื่อ แต่ก็คงต้องเชื่อนั่นแหละ เพราะทีมงานคนอื่นต่างชะโงกหน้ามาพร้อมกันต่างพยักหน้าหงิก ๆ ช่วยกันยืนยันอีกหลายเสียง มื้ออาหารแสนอร่อยได้จบลงแล้ว ฮือ...ภาพนรกฉายเข้ามาในหัวทันที เขาต้องโดนคุณเกื้อยกเรื่องนี้มาดุเขาอีกเป็นแน่
มื้ออาหารเย็นจบลง คุณรดาขอให้ต้นรักนอนที่นี่เป็นเพื่อนเขา ทีมงานคนอื่น ๆ จึงได้พากันกลับไปยังที่พักที่ถูกจองเอาไว้และจะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ เก้าจึงขอให้ต้นรักเดินทางไปยังที่พักเพื่อกลับรถบริษัทด้วยกัน ในขณะนั้นเอง ต้นรักจึงได้หาโอกาสเหมาะในการกล่าวขอบคุณคุณเกื้อพอดี
“ขอบคุณคุณเกื้อนะครับ ที่ช่วยผม”
“ครับ ต่อไปก็ระวังตัวให้มาก ไม่ใช่เดินไปนั่นมานี่ โดยที่ไม่บอกไม่กล่าวกับใครเลย” เกื้อกูลตอบไม่พ้นความคิดของต้นรักเลยสักนิดเดียว
เขาดุต้นรักไปชุดใหญ่พิเศษ ก่อนที่จะเดินไปกล่าวลากับคุณรดาและเดินมายังที่จอดรถ เพื่อรอเก้าและนับหนึ่งคุยธุระบางส่วนกับคุณรดา
แต่กระนั้น ก็ไม่วายที่จะโดนพี่ชายและเพื่อนสนิทเอ่ยปากแซว โดยเฉพาะพี่ชายจอมปากดีที่คอยแต่จะยุแยงเขา “ไม่ชอบเขาใจจะขาด แต่พอเห็นเขาเป็นลมดันไปเสนอหน้าอุ้มเขา”
“ก็เขากำลังทำตัวเป็นภาระอยู่นี่นา”
“มึงก็เลยทำหน้าที่รับภาระ ว่างั้น?” เห็นว่าน้องชายกำลังประชดประชันมีเหรอที่เขาจะยอม “กูล่ะ ไม่เข้าใจมึงจริง ๆ เลย”
“มึงขี้เสือกว่ะ ไม่ต้องเข้าใจหรอก” เกื้อกล่าวว่าพี่ชาย มันเป็นอะไรมากไหม ทำไมต้องหาว่าเขาจะชอบต้นรักอยู่ตลอดเลย
“แต่จริง ๆ นะ มีแต่มึงที่วิ่งหาเขาไปทั่ว” นับหนึ่งเสริมท้าย “แบบออกนอกหน้าเลยล่ะ”สองคนนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยทุกทีเวลาที่จะหาเรื่องอะไรเขาสักอย่าง ให้มันได้แบบนี้สิ คนเดือดร้อนอยู่ตรงหน้า ใครเห็นใครจะไม่ช่วยบ้างวะ พวกนี้พูดจาไม่รู้จักคิด สักแต่ว่าจะแซวเขาให้ได้เลย
แต่จะว่าไปแล้วมันก็จริงที่เขาเอาแต่วิ่งตามหาต้นรัก ถึงแม้จะมีทีมงานคนอื่นช่วยกันหา แต่กลับไม่ได้ดั่งใจเขาสักคน แต่ว่า...ใครเป็นคนเจอต้นรักคนแรกกันนะ?