"บุญรักษำ เหตุใด หลำนถึงชื่อบุญรักษำ...รู้ไหม? เทียดของหลำน ก ำชับพวกเรำหนักหนำ จำกรุ่นสู่รุ่น หำกมีหลำน...หลำน จะต้องตั้งชื่อว่ำบุญรักษำ เป็นเช่นนี้แล้วก็ตื่นเถิด บุญรักษำ หลำนย่ำ"

สัจจาธิษฐาน - บทที่ 5 เรื่องที่อยากรู้ โดย เมขลิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,ลึกลับ,รัก,รักข้ามภพ,วายพีเรียด,พีเรียดไทย,ดราม่า,นิยายวาย,BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สัจจาธิษฐาน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รัก,รักข้ามภพ,วายพีเรียด,พีเรียดไทย,ดราม่า,นิยายวาย,BL

รายละเอียด

"บุญรักษำ เหตุใด หลำนถึงชื่อบุญรักษำ...รู้ไหม? เทียดของหลำน ก ำชับพวกเรำหนักหนำ จำกรุ่นสู่รุ่น หำกมีหลำน...หลำน จะต้องตั้งชื่อว่ำบุญรักษำ เป็นเช่นนี้แล้วก็ตื่นเถิด บุญรักษำ หลำนย่ำ"

ผู้แต่ง

เมขลิน

เรื่องย่อ

สารบัญ

สัจจาธิษฐาน-บทที่ 0 อารัมบท,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 1 จิตแสนคะนึง,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 2 ทำบุญถึงใคร,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 3 ไม่ได้ชอบ,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 4 บุญรักษา (1/2),สัจจาธิษฐาน-บทที่ 4 บุญรักษา (2/2),สัจจาธิษฐาน-บทที่ 5 เรื่องที่อยากรู้,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 6 แพ้แล้ว

เนื้อหา

บทที่ 5 เรื่องที่อยากรู้

กลางดึกในคืนนั้น ต้นรักเลือกที่จะนอนที่นี่ตามคำขอของคุณย่า เขาได้นอนในห้องที่อยู่ใกล้กับโถงทางเดินชั้นสองมากที่สุด เป็นห้องที่คุณย่าเตรียมไว้ให้เขาสำหรับพักผ่อนโดยเฉพาะ ภายในห้องประกอบด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ราคาแพง เตียงที่ปูด้วยฟูกอย่างดี ทำให้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะต้องนอนบนพื้นไม้แข็ง ๆ

ยามนิทราความรู้สึกของต้นรักเหมือนคนกึ่งหลับกึ่งตื่นเขาสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่กำลังคืบคลานเข้ามาในขณะที่นอนหลับ ราวกับว่ากำลังมีผู้บุกรุก ใครบางคนที่ย่างกรายเข้ามาในห้องของเขา ต้นรักในเวลานี้ไม่สามารถขยับตัวหรือลืมตาได้เลย เขารับรู้ผ่านทางความรู้สึกเพียงเท่านั้น

‘สงสัยคุณย่าจะเข้ามาในห้อง’ ความคิดแรกในหัวของต้นรักช่างเรียบร้อย เขานึกถึงใครไม่ออกนอกจากคุณย่า เพราะพักอยู่ที่นี่กันเพียงแค่สามคนซึ่งรวมป้านิ่มด้วย แต่ป้านิ่มคงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาเข้าห้องเขาอยู่แล้ว

แต่... จู่ ๆ บรรยากาศกลับเย็นลงจนน่าแปลกใจ ต้นรักรับรู้ถึงความเย็นยะเยือกผ่านปลายเท้าก่อนจะไล่ขึ้นมาตามลำตัว ที่กำลังจะใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ หยุดที่ข้างหัวเตียง ความคิดใหม่ในหัวผุดขึ้นมาทันที ‘ใช่คุณย่าแน่เหรอ?’

แต่ความคิดเพียงเสี้ยววินาที ตัวเขากลับเสียวสันหลังวาบขนแขนลุกพรึบ หนาวสั่นไปทั่วทั้งกาย จะลืมตาหรือขยับตัวก็ทำไม่ได้ นี่เหมือนอาการที่เขาเรียกกันว่า ‘โดนผีอำ’

ต้นรักพยายามรวบรวมสติให้ได้มากที่สุด แต่ทว่าร่างกายกลับตอบสนอง เขาสะดุ้งโหยงทันที เมื่อมือหนาของใครบางคนสัมผัสที่ศีรษะของเขาลูบไปมาอย่างอ่อนโยน บรรยากาศที่เย็นยะเยือกจางหายไป...ไม่รับรู้ถึงอันตรายเลยสักนิด

“นายท่าน...ผู้เป็นที่รักของกระผม” เสียงทุ้มแหบแห้งพูดแผ่วเบาแฝงไปด้วยความหวงแหนผ่านมือที่คอยลูบหัวเขา สัมผัสที่อ่อนโยนนี้ทำให้ต้นรักไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไปแม้จะลืมตาไม่ขึ้นขยับตัวไม่ได้ก็ตาม จนในที่สุดต้นรักก็ได้เข้าสู่ห้วงนิทรา

“ราตรีสวัสดิ์นะขอรับ นายท่าน”

...

 

ยามรุ่งอรุณแสงตะวันสอดส่องกระทบใบหน้า ต้นรักลืมตาตื่นขึ้น มือเล็กสัมผัสที่หัวของตนสัมผัสที่แสนอบอุ่น เขายังจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ไม่ลืมเลือน ต้นรักยิ้มออกมาเล็กน้อย จะหาว่าเขาบ้าที่ไม่กลัวก็ได้ ใครจะสน จะเป็นสิ่งที่มองเห็นหรือไม่เห็นก็ช่าง เพราะมันช่างแสนอ่อนโยนจนยากที่เขาจะลืมเลยล่ะ ‘คุณเป็นใครกันหนา’

ต้นรักคิดในใจเล็กน้อย ต่อให้คิดมากไปก็เปล่าประโยชน์ หากอยู่ในบ้านหลังนี้ก็แปลว่าต้องเป็นคนในบ้านหลังนี้ เขาเองก็เป็นลูกเป็นหลานของที่นี่เช่นกัน เหตุใดจะต้องกลัวด้วยเล่า นึกแบบนี้แล้วก็คลายกังวลขึ้นมาในทันที

ต้นรักรีบลุกขึ้นทำกิจวัตรประจำวัน วันนี้จะมีหลายอย่างที่เขาต้องทำ ต้นรักรีบจัดแจงตัวเองก่อนที่จะออกเดินทางไปยังจุดนัดหมายเพื่อเดินทางกลับ นอกจากนี้ เขายังพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาของงานที่จะจัดประชุมขึ้นร่วมกับทีมนักแสดงรวมถึงการหานักแสดงหน้าใหม่เพื่อมาร่วมงานด้วย ก่อนประชุมในวันถัดไป ชีวิตของต้นรักในช่วงนี้ดูหัวหมุนยุ่งวุ่นวายเต็มไปหมด ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว อ่า...เรื่องส่วนตัวนี่จะว่าอย่างไรดี คงเป็นเรื่องแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นกับเขาในตอนนี้แหละมั้ง

เช้าวันถัดมาที่แสนจะยุ่งวุ่นวาย ทีมงานทุกคนเริ่มจัดเตรียมงานประชุมพร้อมทั้งทำการต้อนรับนักแสดงนำและนักแสดงหน้าใหม่ที่ผ่านการแคสติ้งเข้ามาร่วมแสดงในกองละคร ครั้งนี้เลยได้ใช้ห้องประชุมใหญ่ที่นาน ๆ จะเปิดใช้เพียงแค่ครั้งสองครั้ง เหล่าทีมงานและเหล่านักแสดงมากหน้าหลายตาร่วมเข้าประชุมเพื่อหาข้อสรุปในครั้งนี้

“นี่ คุณไม่รู้จริง ๆ เหรอ ว่าบ้านหลังนั้นเป็นของครอบครัว ไม่ใช่ว่าคุณจะมาขายโลเคชั่นบ้านตัวเองหรอกนะ”

เจอหน้ากันก็ปากเสียในทันที เกื้อกูลยืนมาดเก๊กแมนเอ่ยทักทายต้นรักอยู่ทางเข้าด้านหน้าของประตูห้องประชุม ไม่รู้ว่าคนเป็นนายไม่ชอบเขาขนาดไหนกันแน่ ขนาดได้ฟังความจริงมาจากคุณย่าแล้วแต่ก็ยังหาเรื่องมาจิกกัดกันได้ แม้จะเป็นคนที่ช่วยเขาก็เถอะ ตั้งใจว่าจะมองเจ้านายใหม่แต่ยังก่อนดีกว่า

“ใช่ครับ วันนั้นคุณเกื้อก็ได้ฟังจากคุณย่าของผมแล้วหนิครับ”

เป็นไปตามที่คุณย่าของเขาเคยกล่าว เขาไม่เคยรู้เรื่องการมีอยู่ของบ้านหลังนั้นเลยแม้แต่น้อย เขาเองก็นึกสงสัยว่าทำไมคุณย่าต้องเก็บเป็นความลับไม่บอกให้เขารู้

คุณย่าเล่าให้ฟังว่า บ้านหลังนี้ ถูกเป็นมรดกตกทอดมายังคุณเทียด รินทร์  คุณเทียดเป็นลูกสาวคนเล็กของพระยาไชยศรีบุรณรัตน์ ซึ่งแต่เดิมพระยาไชยศรีบุรณรัตน์มีลูกชายอีกหนึ่งคนซึ่งเป็นพี่คนโตแต่เขาเสียชีวิตไปตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม หลังจากที่คุณเทียดแต่งงานมีลูก ซึ่งก็คือคุณทวดของต้นรัก คุณทวดของต้นรักก็ได้ย้ายมาลงหลักปักฐานที่จังหวัดใกล้เคียงอย่างจังหวัดราชบุรีหลังจากที่คุณทวดแต่งงานเช่นกัน และชื่อของต้นรัก ก็คือ บุญรักษา บุรณรัตน์

ถึงคุณย่าจะเล่าให้ฟังเช่นนั้น แต่ต้นรักก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี เหตุผลใดบ้านหลังนี้จึงถูกเก็บเป็นความลับ หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามออกไป

“ผมก็แอบตกใจอยู่เหมือนกันนะครับ ไม่คิดเลยว่าเจ้าของบ้านหลังนั้นจะเป็นคุณย่าของต้นรัก ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นคนเก็บข้อมูลแท้ ๆ” เบียร์เอ่ยแทรกกลางบทสนทนาที่ดูอึมครึม ไม่ว่าจะเป็นบอสจิกกัดเพื่อนเขากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง หนังตามันก็กระตุกทุกรอบเลย

เปรี้ยง! สถานการณ์ตึงเปรี๊ยะ แม้จะสร้างบทสนทนาขึ้นมา แต่บรรยากาศไม่ได้ดูดีไปจากเดิมเลย จู่ ๆ ก็เหมือนมีเสียงฟ้าผ่าดังออกมาจากสายตาของคนทั้งสอง เหมือนพวกเขาได้คาดโทษกันเอาไว้แล้ว

แต่คนที่ยอมถอยในสถานการณ์นี้คือเกื้อกูล แม้ว่าเขาจะแสดงกิริยาที่ไม่พอใจออกมาเหมือนคนไม่อยากยอมแพ้ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

การประชุมได้เริ่มต้นขึ้น ทีมงานและนักแสดงในส่วนร่วมต่างพูดคุยเกี่ยวกับงานในครั้งนี้ รวมไปถึงทีมงานที่รับหน้าที่จัดการเรื่องงบประมาณ อาหาร เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์ สถานที่ และสิ่งต่าง ๆ

ในขณะเดียวกัน เมื่อพูดถึงสถานที่แล้วก็ทำให้ต้นรักนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้นมา วันที่เขา...เป็นลม เขาได้เห็นอะไรบางอย่าง ภาพที่เหมือนเป็นแค่ความฝัน ถึงอย่างนั้น แต่เขากลับรู้สึกเหมือนถูกสลักความเจ็บปวดลงไปด้วยเลย

ใครสักคนที่เขาเห็นหน้าไม่ชัดเจน เหมือนว่าชายผู้นั้น อาศัยอยู่ภายในเรือนเล็กของบ้านหลังนั้น ต้นรักได้เห็นภาพของชายผู้นั้นในวาระสุดท้ายด้วยความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัส ใบมีดเล่มเล็กกรีดเลือดกรีดเนื้อของตัวเองสลักความเจ็บปวดไว้กลางอก คนผู้นั้นระทมทุกข์จนสิ้นใจตายในที่สุด

ต้นรักได้แต่เหม่อลอยนึกภาพความฝันที่แสนเจ็บปวด คนผู้นั้นในฝันของเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงเรื่องที่มาจากจิตใต้สำนึกของเขา แต่นั่นก็สร้างความเจ็บปวดให้เขาไปด้วย ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บแปลบที่ใจ

มีหลายอย่างที่ต้นรักไม่เข้าใจ เขาไม่รู้ว่าจะไปหาคำตอบจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้จากที่ไหน ไม่ว่าจะเรื่องฝันเห็นชายแปลกหน้าที่ดันไปหน้าคล้ายกับคนในกรอบรูปที่ตกลงมา หรือเหตุการณ์ในบ้านหลังนั้น ทั้งเป็นลมแล้วฝันเห็นแปลก ๆ ทั้งโดนผีอำ ไหนจะโดนหมอดูทักเรื่องความรักของเขาอีก ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็มีแต่เรื่องที่เขาไม่เข้าใจ

“คุณบุญรักษาจัดการเรื่องสถานที่ด้วยนะครับ”

ต้นรักตกอยู่ภายในภวังค์ใต้ความคิด เขาคิดเรื่องส่วนตัวในขณะที่กำลังประชุม เขาไม่ได้ยินเสียงกล่าวเรียกของผู้เป็นนายเลยแม้แต่น้อย เกื้อกูลถอนหายใจให้กับคนที่นั่งเหม่อลอย “บุญรักษา บุญรักษา”

“คุณบุญรักษา ได้ยินที่ผมพูดไหมครับ?” เสียงทุ้มดังหนักขึ้นเรียกสติคนใจลอย

“คะ...ครับ” ในที่สุดต้นรักก็ได้สติกลับมา เขาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของเกื้อกูลเอ่ยชื่อตัวเองเสียงดัง เขาเลิ่กลั่กหันไปมาก่อนจะสบตากับเจ้าของเสียง

“ผมบอกว่าให้คุณจัดการเรื่องสถานที่ด้วย เข้าใจใช่ไหมครับ?”

“ครับ เข้าใจแล้วครับ ขอโทษด้วยครับ” ต้นรักรีบเอ่ยขอโทษพร้อมกับลุกขึ้นยืนก้มหัวสองสามครั้ง เพื่อขอโทษคนอื่น ๆ ในที่ประชุมด้วยเช่นกัน

“อย่าพึ่งคิดเรื่องอื่น อีกเดี๋ยวการประชุมก็จบแล้ว” ดูสิ มันน่าให้ดุไหมเนี่ย

“ครับ” ใบหน้าเจื่อนปรากฏขึ้นในทันที ถึงจะผิดคาดนิดหน่อย ต้นรักคิดว่าเขาจะโดนดุมากกว่านี้เสียอีก

เกื้อกูลส่ายหน้าเล็กน้อยครั้งนี้เขาไม่อยากดุเลยสักนิด แต่ดูสิ เรียกกี่รอบก็ไม่หือไม่อือ เอาแต่นั่งใจลอยทำตาปริบ ๆ เกื้อกูลมองบรรยากาศโดยรอบ ก่อนที่เขาจะพบว่ามีหนึ่งในคนสำคัญที่หายไป

“คุณใบบัวไม่อยู่เหรอครับ”

“คุณใบบัวติดงานน่ะค่ะ ต้องขอโทษคุณเกื้อด้วยนะคะ ที่คุณใบบัวไม่ได้มาเข้าร่วมประชุม” ผู้จัดการสาวที่ออกรับหน้าแทน ใบบัว เป็นนักแสดงมากฝีมือที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในตอนนี้ เธอเป็นหนึ่งคนที่ประสบความสำเร็จด้านการแสดง ไม่ว่าจะงานเล็กหรืองานใหญ่ต่างก็อยากได้ตัวเธอมาร่วมงาน

ข้อสรุปการประชุมในครั้งนี้ ตกลงกันว่าจะมีการถ่ายเทสทั้งหมดสามวัน เพื่อปรับบรรยากาศให้กับเหล่านักแสดงถือเป็นการเวิร์กชอปให้กับเหล่าหน้าใหม่ไปในตัว นอกจากนี้ ยังมีการแจกบทและตารางงานระยะเวลาของกองละครให้กับนักแสดงรวมไปถึงผู้มีบทบาทสำคัญ

เมื่อช่วงเวลานัดหมายมาถึงทีมงานทุกคนเตรียมออกเดินทาง แปดนาฬิกาล้อรถเตรียมหมุน ทีมงานทุกคนเตรียมพร้อม เกื้อกูลเดินตรวจงานตามเคย ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทาง

ตลอดระยะเวลาตั้งแต่จบการประชุมทุกคืนต้นรักมักจะได้ยินเสียงชายปริศนาพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ ทุกครั้ง เป็นประโคที่เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ยินผิดหรือเปล่า เพราะเสียงของชายผู้นั้นคอยบอกรักเขาอยู่เสมอ

รถตู้เคลื่อนที่เข้าสู่เขตจังหวัดกาญจนบุรีผ่านถนนเส้นยาวที่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้และกอหญ้าสูงก่อนจะเข้าเขตอำเภอ ต้นรักนั่งคิดมาตลอดทาง พอมีใครบ้างที่จะให้คำตอบเรื่องนี้กับเขาได้ นึกไปนึกมาต้นรักก็คิดถึงยายแม้ว ไม่วายที่ต้นรักจะหันไปถามคนข้างกาย

“เบียร์”

“ว่า?” เบียร์ตอบตามการเรียกของเพื่อน เขาเห็นต้นรักนั่งคิ้วขมวดมาตลอดทาง ครั้นจะถามก็ไม่กล้าเข้าไปขัด ได้แต่รอเวลาให้เพื่อนหันมาปรึกษาตน

“วันนี้ตอนพัก แวะไปหายายแม้วได้ไหม?”

“ได้ดิ แต่ว่าจะไปหายายกูทำไม?”

“กูมีเรื่องที่อยากรู้เฉย ๆ”

“มึงยังไม่เลิกคิดมากเรื่องที่ยายกูทักอีกเหรอ”

“อืม พาไปหาหน่อย”

“เออ ๆ” ถึงจะงงเล็กน้อย แต่เขาก็ตอบตกลง ไม่คิดว่าสิ่งที่ยายเขาพูดจะทำให้เพื่อนร่วมงานคนสนิทคิดมากขนาดนี้ แต่จากที่รู้มาก็ไม่ใช่ยายแม้วคนแรกที่ทักต้นรักแบบนั้น

หลายครั้งที่ต้นรักมักเล่าเหตุการณ์ว่าเขาถูกหมอดูตามข้างทางเอ่ยทักอยู่บ่อยครั้ง แต่เบียร์ก็ไม่เคยเห็นต้นรักคิดมากเช่นนี้มาก่อน หากเราอยากรู้สาเหตุ คงมีแต่ต้องพาไปหายายแม้วเท่านั้น เผื่อเพื่อนรักจะยอมเปิดใจให้เขาฟังบ้าง

เมื่อมาถึงยังสถานที่ทุกคนต่างวุ่นวายกับหน้าที่ทั้งเตรียมอุปกรณ์ เตรียมชุด เตรียมสถานที่ จัดแบ่งโซนพัก โซนทำงาน ห้องแต่งตัว โรงแม่ครัว ทุกอย่างถูกแบ่งออกตามที่ต้นรักได้วางแผนเอาไว้ ทุกคนตั้งใจเตรียมงานให้ทันก่อนเวลาเพื่อที่งานจะได้ไม่ยืดเยื้อ ต้นรักรีบเคลียร์งานทุกอย่างให้เสร็จทันก่อนเวลาพัก เพื่อที่เขาจะได้เอาเวลานั้นแวะไปหายายแม้วเพื่อถามในสิ่งที่อยากรู้

ไม่รอช้า ต้นรักคิดว่าจะรีบออกไปหายายแม้วก่อนแล้วค่อยกลับมากินข้าวที่กอง ขายาวเริ่มเดินไปหาเพื่อนสนิทในทันที ทั้งคู่เดินออกไปจากรั้วบ้านในทันที โดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครสักคนกำลังมองพวกเขาอยู่

“คุณยายช่วยบอกได้ไหมครับ ว่ายายเคยพูดไว้วันนั้นหมายถึงอะไร”

ต้นรักไม่รอช้า เมื่อมาถึงหน้าบ้านของเบียร์ เขารีบเดินเข้าตำหนักยายแม้วไปในทันที โดยไม่ได้สนใจเหล่าลูกศิษย์ลูกหาที่กำลังนั่งรายล้อมรอคิวกันอยู่จนล้นออกมานอกตำหนัก ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขาและยายแม้ว ต้นรักหวังเพียงว่าอยากได้คำตอบที่เขาอยากรู้

“ข้าบอกได้ไม่หมดหรอก วันนึงเอ็งก็จะรู้เอง”

“ผมอยากรู้ บอกตอนนี้เลยไม่ได้เหรอครับ ยาย” ต้นรักใจร้อนยิงคำถามในสิ่งที่เขาอยากรู้ในทันที “ยายทักผม แปลว่าผมจะไม่มีแฟนเหรอครับ เพราะคู่ในอดีตชาติของผมเหรอครับ“

“มันคือกรรม”

“กรรมเหรอครับยาย”  ต้นรักชะงักเล็กน้อย กรรมที่ว่าคือยังไงนะ “แล้วผมจะต้องแก้มันยังไง”

“ในเมื่อเอ็งก็จะมาอยู่ที่นี่สักพักแล้ว เอ็งก็เอาเวลานั้นตามหาความจริงสิ มันไม่ใช่เรื่องของข้า ข้าไม่อยากยุ่งมากหรอก”

“ยายไม่อยากยุ่ง แต่ยายเข้ามาทักเรื่องของผมเนี่ยนะ?” เขาหัวเสียเล็กน้อยที่ตัวเขาไม่ได้เป็นคนอยากรู้ตั้งแต่แรก แต่ก็ดันมีหมอดูมาทักอยู่เรื่อย ๆ พอถามก็บอกว่ากลับตอบไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นจะทักทำไมตั้งแต่แรก ต้นรักสูดลมหายใจเข้าเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง “ขอโทษครับ ผมใจร้อนเกินไป”

“แล้วยายพอใบ้ให้ผมได้ไหม มันเกี่ยวกับคู่ในอดีตของผมเหรอ?”

“เอาเถอะ ข้าก็ผิดจริง ที่ทักเอ็งแบบนั้น เอาเป็นว่า...” ยายแม้วกล่าว ก่อนที่เขาจะเงียบลงและพยักหน้าเพื่อเป็นคำตอบแทนว่า ใช่

“เอ็งฟังข้านะ ต่อให้จะเป็นคนชาตินี้หรือชาติไหน ดวงจิตก็ยังคงเป็นดวงเดียวกัน”