"บุญรักษำ เหตุใด หลำนถึงชื่อบุญรักษำ...รู้ไหม? เทียดของหลำน ก ำชับพวกเรำหนักหนำ จำกรุ่นสู่รุ่น หำกมีหลำน...หลำน จะต้องตั้งชื่อว่ำบุญรักษำ เป็นเช่นนี้แล้วก็ตื่นเถิด บุญรักษำ หลำนย่ำ"

สัจจาธิษฐาน - บทที่ 6 แพ้แล้ว โดย เมขลิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,ลึกลับ,รัก,รักข้ามภพ,วายพีเรียด,พีเรียดไทย,ดราม่า,นิยายวาย,BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สัจจาธิษฐาน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รัก,รักข้ามภพ,วายพีเรียด,พีเรียดไทย,ดราม่า,นิยายวาย,BL

รายละเอียด

"บุญรักษำ เหตุใด หลำนถึงชื่อบุญรักษำ...รู้ไหม? เทียดของหลำน ก ำชับพวกเรำหนักหนำ จำกรุ่นสู่รุ่น หำกมีหลำน...หลำน จะต้องตั้งชื่อว่ำบุญรักษำ เป็นเช่นนี้แล้วก็ตื่นเถิด บุญรักษำ หลำนย่ำ"

ผู้แต่ง

เมขลิน

เรื่องย่อ

สารบัญ

สัจจาธิษฐาน-บทที่ 0 อารัมบท,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 1 จิตแสนคะนึง,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 2 ทำบุญถึงใคร,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 3 ไม่ได้ชอบ,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 4 บุญรักษา (1/2),สัจจาธิษฐาน-บทที่ 4 บุญรักษา (2/2),สัจจาธิษฐาน-บทที่ 5 เรื่องที่อยากรู้,สัจจาธิษฐาน-บทที่ 6 แพ้แล้ว

เนื้อหา

บทที่ 6 แพ้แล้ว

“สุดท้ายก็ได้คำตอบมาแค่นิดเดียวเอง เหมือนไม่ได้อะไรเลย ฟังแล้วงงไปหมด” ต้นรักบ่นในระหว่างที่กำลังจะกลับเข้ากองถ่าย ยิ่งถามมากเท่าไรก็ยิ่งได้คำตอบที่ไม่ชัดเจน ซ้ำร้ายยังไม่เข้าใจมากกว่าเดิมเสียอีก ต้นรักได้แต่ถอนหายใจทิ้ง ถ้าการถอนหายใจทำให้ตายไว เขาคงตายไปแล้ว

“มึงบอกกูหน่อยได้ไหม ว่ามึงไปเจอเรื่องอะไรมา” เบียร์เอ่ยถามขึ้น ความอยากรู้อยากเห็นมันไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว แม้ว่าจะเห็นเพื่อนของเขาบ่นเรื่องการโดนทักทายบ่อยก็เถอะ แต่ก็ไม่เคยเห็นต้นรักเครียดขนาดนี้มาก่อนเลย

“ก็...ไม่รู้จะบอกยังไงดี มันพูดยากอะ”

“เอาเถอะ ถ้ายังไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร แต่อย่าลืมก็แล้วกันว่ายังมีกูอยู่ตรงนี้”

“โอเค ไม่ลืมหรอก” ต้นรักบอก เขาไม่ได้อยากกั๊ก แต่ก็ไม่รู้จะบอกทำไม ไม่รู้อีกว่าจะบอกไปเพื่ออะไร บอกไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา นี่เป็นสาเหตุที่เขาเลือกจะเงียบในหลาย ๆ เรื่อง เขาอยากหาคำตอบด้วยตัวของเขาเองก่อนมากกว่า

“ออกไปไหนกันมาครับ”

เมื่อเท้าเล็กย่างกรายเข้าประตู เขากลับถูกคนที่นั่งรออยู่หน้าประตูเอ่ยทักในทันที เกื้อกูลรอพวกเขาสองคนตั้งแต่ออกไปข้างนอกถึงตอนนี้ เขาอยากรู้ว่าสองคนนั้นไปที่ไหนกัน

“ไปทำธุระมาครับ”

“ใช้เวลางานทำเรื่องส่วนตัว”

“ไม่จริงครับ นี่มันยังอยู่ในเวลาพักอยู่เลยนะครับ”

เมื่อได้ยินคนตัวเล็กเถียง เกื้อกูลคิ้วขมวดโชว์หน้ายักษ์ขึ้นทันที น้อยครั้งที่ต้นรักจะเอ่ยปากโต้ตอบเขา เกื้อกูลยกข้อมือเพื่อดูนาฬิกา มันเป็นความจริงที่ยังไม่หมดเวลาพัก เขาแอบหัวเสียเล็กน้อยแต่ก็ทำได้แค่เก็บอารมณ์เอาไว้เท่านั้น ปล่อยให้คนตัวเล็กและเพื่อนของเขาเดินกลับเข้าไปในกอง

“เอาหว่า ครั้งนี้มึงชนะนะ” เบียร์เอ่ยปากแซวต้นรักทันที ทุกครั้งเขามักจะเห็นเพื่อนเขายอมบอสตลอด แต่ครั้งนี้มันแปลกตาจนอดหยอกไม่ได้จริง ๆ

“ก็ไม่ผิดนี่นา” ใช่แล้วละ ทุกครั้งที่เขายอมเพราะเขาคิดว่าตัวเองผิด เป็นไปตามที่เกื้อกูลกล่าวแต่หากว่าเขารู้ตัวว่าตัวเองไม่ผิด มีหรือที่เขาจะยอม

 

ทางด้านนับหนึ่งที่แอบเห็นเหตุการณ์โต้เถียงของเพื่อนรักกับเพื่อนร่วมงานก็นึกสนุกอดที่จะแซวไม่ได้ เขารีบเดินตรงไปหาเพื่อนรักก่อนจะพูดยียวนกวนประสาทให้อีกฝ่ายคิ้วกระตุกเล่น

“ว้าย ๆ เถียงแพ้ ฮ่า ๆ” นับหนึ่งหัวเราะชอบใจ เขารู้ดีว่าจะยั่วโมโหเพื่อนตัวเองยังไง เพราะอยู่กับสองพี่ชายคู่นี้บ่อย เลยรู้ว่าหากเป็นเก้าจะทำยังไง ซึ่งก็เหมือนจะได้ผลเพราะอีกฝ่ายทำหน้าหงิกหน้างอใส่เขาทันที  “เห้ย ไม่เห็นต้องหงุดหงิดขนาดนั้นเลย”

“เปล่า หงุดหงิด”

“แต่หน้ามึงออกชัดนะ” นับหนึ่งมองหน้าเพื่อนตัวเองแล้วก็อดขำไม่ได้ บางทีเกื้อกูลก็มีปัญหาเกี่ยวกับการแสดงอารมณ์ของตัวเอง เขามักจะทำหน้านิ่งอยู่ตลอด แต่มักจะไม่ซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง

“ก็หน้าปกติ กูเถียงแพ้จริง ๆ นั่นแหละ มึงก็แหย่กูอยู่ได้”

“หยอก ๆ น่า แล้วไปดุอะไรคุณเขาล่ะ” นับหนึ่งถามขึ้นมาอีกครั้ง

“ไม่ได้ดุ”

“แค่ปากหมา?” นับหนึ่งสวนกลับทันควันอย่างกับตาเห็นหรือเขาอาจจะเห็นจนชินเสียแล้ว

“คงงั้นมั้ง ก็แค่อยากรู้ว่าเขาออกไปไหนเท่านั้นเอง” เกื้อกูลยอมตอบตามความจริง

“แล้วเขาออกไปไหนมา”  ยอมใจความขี้ตื๊อของนับหนึ่งจริง ๆ

“กูจะไปรู้เหรอ ยังไม่ทันได้ถามด้วยซ้ำ” ข้อนั้นเขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน เห็นเดินดุ่ม ๆ ออกไปกับเบียร์สองคน กว่าจะกลับมาก็จวนจะหมดเวลาพักเสียแล้ว

“ก็มึงไม่ถามเขาดี ๆ ไง ฮ่า ๆ” นับหนึ่งตอบพลางหัวเราะร่า สมควร!

ไม่นานรถยนต์คันหรูก็เคลื่อนที่เข้ามา เกื้อกูลกับนับหนึ่งมองหน้ากันทำตาปริบ ๆ พลางจ้องไปยังรถยนต์คันหรู พวกเขารอสังเกตว่าคนที่จะลงมาจากรถเป็นใคร

ขายาวเรียวสวยก้าวลงจากรถหรู ปรากฏร่างสาวสวยผิวขาวออร่าใบหน้างดงามที่กำลังเป็นที่จับตามองในตอนนี้ หนึ่งในซุปเปอร์สตาร์ชื่อดัง ใบบัว เกศกมล โรจนวิจิตร เขาได้รับบทบาทสำคัญเป็นนักแสดงนำ ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เธอ ทุกคนให้ความสนใจเธอเป็นอย่างมาก เพราะเป็นนักแสดงชื่อดังที่หาตัวจับได้ยาก

เมื่อเห็นเช่นนี้ นับหนึ่งจึงรับหน้าออกไปต้อนรับนักแสดงมากฝีมือในฐานะที่เขาเป็นโปรดิวเซอร์ ก่อนจะแนะนำสถานที่ของแผนกต่าง ๆ เนื่องจากวันที่ประชุมเธอไม่ได้มาเข้าร่วมนับหนึ่งจึงแนะนำสถานที่คร่าว ๆ ก่อนจะให้ผู้จัดการของเธอเป็นคนดูแล

“เดี๋ยวเราจะเริ่มกันในอีกยี่สิบนาทีนะครับ ทุกคนสแตนบายด้วย” นับหนึ่งกล่าวบอกทีมงานทุกแผนกผ่านวิทยุสื่อสาร เขาเริ่มจับเวลาและเคลียร์เอกสารรวมไปถึงพื้นที่ที่จะให้ถ่ายทำในซีนแรก ทุกแผนกเริ่มทำหน้าที่ของตัวเอง

ในขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงานให้เจ้าตัวที่เป็นตัวเอกของเธอได้ซีนแรกและเฉิดฉาย แต่ยังไม่ทันได้เริ่มนักแสดงซุปตาร์ก็แผงฤทธิ์ออกมาเสียแล้ว

“โอ้ย พี่แข ทำไมสถานที่เป็นแบบนี้เนี่ย บัวไม่ชอบเลย” ใบบัวเอ่ยกับผู้จัดการของตัวเอง แข เป็นผู้จัดการของเธอที่ได้ร่วมเข้าประชุมในวันนั้น

“ร้อนก็ร้อน เก่าก็เก่า ดูสิ สภาพทรุดโทรมไปหมด น่าอึดอัด เหม็น อยากจะอ้วก”

ใบบัวบ่นตลอดทางไม่ว่าเธอจะไปยังแผนกแต่งหน้าหรือคอสตูม เสียงบ่นโวยวายของเธอไม่ลดละลงเลยแม้แต่น้อย เธอยังคงยืนกรานว่าเธอไม่ชอบสถานที่แห่งนี้ มันช่างน่าอึดอัดและเหม็นมากสำหรับเธอ ไม่ชอบทั้งบรรยากาศที่ชวนให้น่าขนลุก จะบอกว่าเธอเกลียดกลิ่นที่มันลอยตลบอบอวลไปทั่วบริเวณเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะมองตรงไหนก็รู้สึกไม่ชอบ ไม่ถูกชะตาเลยสักนิด

เธอโวยวายกับผู้จัดการไปทั่วทุกมุม เสียงดังเอะอะจนทีมงานที่อยู่โดยรอบได้ยินกันทั่วหน้า ไม่เว้นแม้แต่ต้นรัก ที่จะเรียกว่าได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ก็ย่อมได้ คนตัวเล็กหงอยลงในทันทีเมื่อได้ยินคำบ่นของใบบัว

ต้นรักไม่อยากให้ใครมาดูหมิ่นดูแคลนบ้านหลังนี้เลย ทั้ง ๆ ที่เขาออกจะชอบบ้านหลังนี้มากแท้ ๆ ถึงจะบอกว่าคนเราชอบไม่เหมือนกันแต่มันก็น่าเสียใจอยู่ดี นี่เป็นบ้านของคนในตระกูลเขาเลยนะ

“จัดการเอกสารสถานที่ต่อไปครับ”

เสียงทุ้มของใครบางคน ทำให้ต้นรักที่หยุดชะงักกับการจัดเอกสารต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง เกื้อกูลพูดกับเขาพร้อมวางแก้วกาแฟอีกแก้วให้ต้นรักโดยตรง ใบหน้าเหยเกปรากฏขึ้นในทันที ต้นรักในตอนนี้ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ไม่มีผิด สร้างความประหลาดใจให้กับเกื้อกูลไม่น้อย เกื้อกูลทำตัวไม่ถูกเขาได้แต่หันซ้ายหันขวาก่อนจะส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทของต้นรักเอง หวังเพียงให้เบียร์เข้าใจในสิ่งที่เขาจะสื่อสาร

“โหว บอส ไม่มีของผมบ้างเหรอครับ” โชคดีที่เบียร์เองก็ไหวพริบดี รับการสื่อสารจากเขาได้ ถึงจะรู้ว่าเบียร์ค่อนข้างไม่พอใจในบางเวลาที่เขาชอบตำหนิต้นรัก และมักจะส่งสายตาคาดโทษเขาอยู่ตลอด แต่ครั้งนี้ก็ยอมรับว่าเขาทำได้ดี

“ไม่มีครับ” เกื้อกูลตอบด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ก่อนที่เขาจะเบี่ยงตัวเดินไปอยู่ในมุมที่ไม่มีผู้คน แต่ในจังหวะนั้นก็ยังคงได้ยินเบียร์ทำหน้าที่ของตัวเองอยู่

“กินสิ บอสชงให้เลยนะ ไม่งั้นจะแย่งนะ”

 

เมื่อไม่กี่นาทีก่อน ใบบัวเดินมาหาเกื้อกูลพร้อมผู้จัดการ เธอมีใบหน้าที่บูดบึ้งแสดงถึงความไม่พอใจและเข้ามาพูดคุยกับเกื้อกูลเกี่ยวกับเรื่องสถานที่ที่เธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“คุณเกื้อคะ เราเลือกสถานที่ใหม่กันไม่ได้เหรอคะ ใบบัวรู้สึกไม่ถูกชะตากับที่นี่เลย”

“ไม่ได้หรอกครับ ทีมงานและผู้มีส่วนร่วมคนอื่น ๆ เขาลงมติกันมาแล้วครับ”

เกื้อกูลตอบตามความจริง จะเปลี่ยนสถานที่เพราะเธอไม่ชอบ หรือเพราะเธอเป็นซุปเปอร์สตาร์ชื่อดัง ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ย่อมไม่สมเหตุไม่สมผล เขาพลางยิ้มให้เธอก่อนที่จะขอปลีกตัวเดินออกมา

นั่นทำให้เขารู้จากทีมงานหลาย ๆ คนว่าเธอเที่ยวป่าวประกาศไปทั่วถึงความไม่พอใจในสถานที่แห่งนี้ เธอบ่นไปทุกแผนก ตามที่เขาคิดของเขาคงหนีไม่พ้นที่เจ้าของบ้านทราบเรื่องแล้วเป็นแน่ เกื้อกูลถึงกับถอนหายใจทันที เมื่อมาถึงกลับพบว่าอีกคนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จากับใคร คงเดาได้ไม่ยากใช่ไหม มีใครที่ไหนจะชอบให้คนอื่นที่ดูถูกบ้านของตัวเองกันบ้าง เรื่องนี้ไม่ต้องบอกเขาก็พอจะรู้ได้ด้วยตัวเอง แม้จะไม่เก่งเรื่องความรู้สึกก็ตาม แต่เอาเถอะ ในฐานะเจ้านายแล้ว เขาก็ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อลูกน้อง

แน่นอนว่า คำปฏิเสธของเกื้อกูลทำให้ใบบัวไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งใจตัวเองได้ เธอใช้วิธีการแก้ปัญหาในรูปแบบของการข้ามขั้นไม่คุยผ่านโปรดิวเซอร์ก่อน เลือกที่จะไปหาประธานของพวกเขาเลยก็ตาม

ใบบัวต้องฝืนใจถ่ายให้จบ แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นเพียงแค่การเทสหน้ากล้องหรือเวิร์กชอปให้เหล่าเด็กใหม่ แต่การถ่ายทำต้องลากยาวจนถึงหัวค่ำ

แม้การถ่ายทำจะล่วงเลยมาถึงช่วงเวลาพลบค่ำ ซีนสุดท้ายของการถ่ายทำถูกจัดที่ชั้นหนึ่งภายในตัวบ้าน ไม่ว่าจะผ่านมาตั้งแต่บ่ายจนเย็นใบบัวก็ยังบ่นเรื่องสถานที่ไม่เลิก

ในเวลานี้ทีมงานทุกคนต่างพากันเก็บของ โดยต้นรักได้จัดเตรียมห้องไว้ให้สำหรับเก็บอุปกรณ์เพื่อความสะดวก ไม่ต้องคอยขนย้ายไปมา ทุกคนชุลมุนวุ่นวาย มีเพียงใบบัวที่ยังไม่ลดฝีปากลงแม้แต่น้อย

“โอ้ย! ที่อื่นดี ๆ ก็มีเยอะแยะ ทำไมต้อง-”

ปัง! พูดยังไม่ทันจบประโยค จู่ ๆ เสียงปิดประตูก็ดังขึ้นสนั่นไปทั่วทั้งชั้น ทำให้คนที่บ่นไม่หยุดปากถึงกับตกใจสะดุ้งโหยงร้องโวยวายออกมา

“อ๊าย! นี่มันบ้าอะไรเนี่ย ใครปิดประตู” เธอหันไปตามเสียงที่ดังขึ้น พบว่าเป็นประตูด้านหลังของเธอ ทีมงานทุกคนต่างมองเป็นสายตาเดียวกันโดยจับจ้องไปที่ใบบัว บ้างก็พากันมองหน้ากันเองเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“คุณเกื้อคะ เมื่อกี้ เมื่อกี้มีคนปิดประตูเสียงดังใส่บัวค่ะ” ใบบัวหันไปหาคนที่มีอำนาจในที่นี้มากที่สุด ก่อนจะหันไปทางต้นเสียงที่ได้ยิน กล่าวหาใครบางคนที่ประจวบเหมาะยืนอยู่ข้างประตูพอดี

“แก แกใช่ไหม ที่แกล้งฉัน ปิดประตูเสียงดังใส่ฉัน” ใบบัวเริ่มกล่าวโทษ สายตาทีมงานทุกคนมองตามการชี้นิ้วของใบบัวในทันที ก่อนจะพบว่าคนคนนั้นคือต้นรัก “ขอโทษ ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”

แต่ทว่าสีหน้าของต้นรักกับฉงนงุนงง เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิด ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาพึ่งจะลุกขึ้นยืนจากการที่นั่งเก็บอุปกรณ์ใส่กล่องเก็บเฉพาะ

“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ จะให้ผมขอโทษเรื่องอะไร” ต้นรักปฏิเสธใบหน้าฉงน เขาทำอะไร? ทำไปตอนไหนกัน ไม่ชอบบ้านของเขาแล้วยังมากล่าวหากันอีก

“โกหก ก็ฉันได้ยินเสียงปิดประตูดังลั่น แกจงใจทำให้ฉันตกใจใช่ไหม”

“ต้นรัก คุณทำแบบนั้นเหรอ” เกื้อกูลถามทีมงานของตัวเอง “ถ้าคุณทำก็ขอโทษคุณใบบัวเขาไป” เกื้อกูลเอ่ยอีกครั้ง อันที่จริงเขาก็ไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่เหตุผลที่ต้นรักจะทำแบบนั้นเพราะอีกฝ่ายเอาแต่บอกว่าไม่ชอบสถานที่แห่งนี้...

“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อนนะครับ คุณเกื้อ ผมยังไม่ได้ยินเสียงใครปิดประตูเลยนะครับ” ทีมงานตากล้องโต้แย้งขึ้นมา บอกตามตรงว่าเขาไม่ได้ยินเสียงประตูเลยแม้แต่น้อย

“นั่นสิครับ” หนึ่งในทีมงานอีกคนก็ช่วยออกปากยืนยัน พร้อมทั้งทีมงานคนอื่น ๆ ที่พยักหน้าตอบรับเช่นเดียวกัน

“พวกแก รวมหัวกันใช่ไหม” ใบบัวรวมชี้หน้าทีมงานคนอื่น ๆ แม้ว่าจะมีพี่ผู้จัดการเดินเข้ามาห้ามปราม แต่เธอกลับไม่ยอมฟังแม้แต่น้อย “รู้ใช่ไหมว่าฉันคือใบบัว พวกแกคงไม่อยากให้เรื่องอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นหรอกนะ”

“คุณต้องการแค่คำขอโทษใช่ไหมครับ” ต้นรักก้มหน้าตะโกนเสียงดัง เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนมีชื่อเสียงคงไม่มีใครอยากจะมีเรื่องด้วย หากเพียงแค่เขาขอโทษแล้วจบ ไม่เดือดร้อนคนอื่นเขาก็จะยอม

“ใช่ คุกเข่าแล้วขอโทษฉัน ให้มันรู้จักที่ต่ำที่สูง” ใบบัวกล่าวก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาประจันหน้ากับต้นรักโดยตรง ใบบัวที่ยึดมั่นในศักดิ์ศรี หยิ่งยโส และทะนงตน เธอคงไม่ยอมง่าย ๆ หากอีกฝ่ายไม่ยอมทำตามที่เธอต้องการ เธอเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากขนาดนี้ ใครจะกล้าหือ

ต้นรักถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะยอมคุกเข่าลง หากขอโทษแล้วจบก็จะทำ ไม่มีอะไรเสียหาย ดวงใจน้อยข่มอารมณ์ที่สั่นไหว เขาพูดกับตัวเองในใจ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ‘ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร’

เหล่าทีมงานรีบหันซุบซิบนินทา นักแสดงท่านนี้ทำเกินไปจริง ๆ ที่เห็นทำตัวน่ารัก มีมารยาทออกสื่อก็แค่มารยา นี่คือเนื้อแท้ หากใครไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้เลยจริง ๆ

ปัง!...ปัง! ปัง! เพราะเสียงประตูบ้านบานใหญ่ที่ปิดเข้าปิดออกพร้อมทั้งสายลมพัดเข้าออกอย่างรุนแรง ทำให้ทุกคนต้องหันมาตกใจสะดุ้งเฮือกกันเป็นแถว ๆ ไม่เว้นแม้แต่ใบบัวที่กำลังจดจ่อกับการหาคนรับผิด

“เพราะคุณใบบัวเอาแต่พูดจาลบหลู่สถานที่...” เด็กหนุ่มในชุดทีมงานเอ่ยขึ้น “เขาโกรธ” เขาพูดเสียงเบา แต่ถึงอย่างนั้นพวกคนที่มองก็ยังพออ่านปากได้ ทีมงานต่างหันหน้ามองกันพากลืนน้ำลายลงคอ เวลานี้เริ่มเข้าสู่เวลาหัวค่ำ พระอาทิตย์ตกดินเป็นที่เรียบร้อย

“พูดบ้าอะไร ไร้สาระ” ใบบัวเถียง แต่ในทันทีก็ต้องทำให้เขาสงบปากลง เมื่อมีลมที่พัดมาเข้าหน้าของเขาอย่างจัง เหตุการณ์นี้สร้างความแตกตื่นให้เหล่าคนที่ได้เห็นเป็นอย่างมาก

“คุณคิดว่าบ้านที่อยู่มาตั้งแต่สมัยยังไม่มีการเลิกทาสจะมีอะไรบ้างเหรอครับ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นอีกครั้ง ไม่รู้ว่าบรรยากาศมันเริ่มน่ากลัวขึ้นมาเรื่อย ๆ หรือเป็นเพราะเด็กหนุ่มที่พูดดูหมองหม่นกว่าคนปกติ ผมเผ้าก็ยาวเสียจนปิดหน้าปิดตา

ต้นรักนัยน์ตาเบิกกว้างทันที เมื่อได้ยินคำพูดของทีมงานที่อายุน้อยกว่า นี่เป็นเรื่องที่ไม่ได้ถูกพูดถึง มีเพียงคุณย่าที่บอกเขาเท่านั้น ‘เด็กคนนี้รู้ได้ยังไง ว่าบ้านหลังนี้มีมาก่อนที่จะเลิกทาส’

“หน็อย! ไอเด็กนี่ เดี๋ยวแกจะได้ขอโทษฉันอีกคน” ใบบัวเผยธาตุแท้จนหมดเปลือกตั้งแต่วันแรก หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้สถานการณ์ได้เลวร้ายกว่าเดิมแน่ ๆ

“พอได้แล้วครับ จะไม่มีใครต้องขอโทษใครทั้งนั้นแหละ” เกื้อกูลเอ่ยปากห้าม เขามองดูสถานการณ์มาสักพักใหญ่ ดูมามากพอแล้ว “คุณใบบัวก็น่าจะเห็นที่ประตูบานใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร ทุกคนก็เห็นเหมือนกันหมดว่าลมมันแรง ผมอยากให้เข้าใจไว้ที่ตรงนี้”

สถานการณ์นี้ขัดใจคนเอาแต่ใจอย่างใบบัวไม่ใช่น้อย เธอเก็บกระเป๋าของตัวเอง ก่อนจะเดินออกให้คนที่ต้องคอยตามก้มหัวตามเก็บตามเช็ดรอยกับพฤติกรรมของเธอคงมีแต่ผู้จัดการของเธอเอง

เกื้อกูลมองซ้ายมองขวาใช้สายตาสยบทุกสิ่ง ก่อนจะเดินไปหาคนที่มัวแต่คุกเข่าอยู่ที่พื้น เขาถอนหายใจเล็กน้อย “ถ้าไม่ได้ทำก็อย่าคุกเข่าขอโทษใครง่าย ๆ แบบนี้อีก รู้ไหม”

มือหนาแบออกให้คนตรงหน้าเชิงให้จับมือเขาแล้วลุกขึ้นมา แต่ทว่าต้นรักกลับเงยหน้ามามองเขาแทน เป็นครั้งที่สองของวันที่เขาได้เห็นใบหน้าของต้นรักเหยเกเหมือนคนจะร้องไห้

“เถียงให้เก่งเหมือนตอนเถียงผมสิ” เกื้อกูลพูดก่อนจะเบี่ยงหน้าหนี เขารู้ตัวว่าตัวเองสบตากับคนตรงหน้าเข้าให้แล้ว