ชายหนุ่มผู้เผชิญอุบัติเหตุบนสะพานลอย ตกลงไปในแม่น้ำแห่งโชคชะตา แต่การกลับมาของเขาไม่ได้เป็นเพียงการฟื้นคืนชีพ กลับกลายเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในร่างที่ไม่คาดคิด

สลับร่างเพื่อมารัก - บทที่1 เช้าอันแสนวุ่นวาย โดย เนตตาข่าย @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,แฟนตาซี,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย,คอมมาดี้ ,คอมเมดี้,น่ารัก,มหาวิทยาลัย,สลับร่าง,ดราม่า,แฟนตาซี,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สลับร่างเพื่อมารัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,แฟนตาซี,ดราม่า,ตลก,ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

คอมมาดี้ ,คอมเมดี้,น่ารัก,มหาวิทยาลัย,สลับร่าง,ดราม่า,แฟนตาซี,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

ชายหนุ่มผู้เผชิญอุบัติเหตุบนสะพานลอย ตกลงไปในแม่น้ำแห่งโชคชะตา แต่การกลับมาของเขาไม่ได้เป็นเพียงการฟื้นคืนชีพ กลับกลายเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในร่างที่ไม่คาดคิด

ผู้แต่ง

เนตตาข่าย

เรื่องย่อ

เขียน : เนตตาข่าย

ภาพ : นักวาดจากฟ้า


"เซนต์" หนุ่มนักศึกษาชั้นปีที่ 2 จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นและขยันจนสามารถสอบชิงทุนการศึกษาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ฐานะทางบ้านที่ไม่ค่อยมีเงินทำให้ชีวิตเขามีข้อจำกัด จึงต้องหางานพาร์ทไทม์เพื่อให้มีเงินใช้ในชีวิตประจำวัน

ในคืนฝนพรำ ลมหนาวพัดผ่านผิวกาย ขณะที่เขารีบวิ่งกลับหอพัก ระหว่างทางเขาได้ข้ามสะพานลอยกลางแม่น้ำ รถยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็ว เมื่อถนนลื่น รถเสียหลักพุ่งชนเขาอย่างรุนแรง ส่งผลให้เขาตกลงไปในแม่น้ำ

แต่โชคชะตากลับพาเขาไปสู่การเริ่มต้นใหม่ ในร่างของชายหนุ่มที่ฐานะร่ำรวยและหน้าตาหล่อเหลาซึ่งประสบอุบัติเหตุในเวลาเดียวกัน

เขาจะทำอย่างไรต่อไป


             

สารบัญ

สลับร่างเพื่อมารัก-บทที่1 เช้าอันแสนวุ่นวาย

เนื้อหา

บทที่1 เช้าอันแสนวุ่นวาย

แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านช่องหน้าต่างที่ปิดไม่สนิท สร้างเงาลายสวยงามบนพื้นห้อง เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วเบา ๆ เสริมบรรยากาศอันสงบ แต่สำหรับเซนต์ ชายหนุ่มที่กำลังซุกตัวอยู่ในผ้าห่มหนา ความสงบนั้นไม่ได้เยียวยาความเหนื่อยล้าจากการทำงานตลอดทั้งคืนเลย เขารู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้พัก


กริ๊งงงงงงงง

เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเป็นครั้งที่สิบ ราวกับเสียงเตือนจากโลกภายนอกที่พยายามเรียกให้เขาตื่นจากความฝัน แต่ห้องทั้งห้องยังคงเงียบ เซนต์พลิกตัวอย่างเกียจคร้าน ลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะหรี่ตาเมื่อแสงแดดส่องเข้ามา ผ่านผ้าม่านบาง ๆ ที่เขาลืมปิดสนิทเมื่อคืน

เสียงนาฬิกาปลุกของโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เซนต์จำใจขยับตัว เขาค่อยๆ เอื้อมมือออกจากผ้าห่มที่อบอุ่น มาปิดเสียงปลุกอย่างช้าๆ สายตาที่เบลอไปด้วยความง่วงพยายามเพ่งมองหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นเวลาที่ปรากฏชัดเจน


“เฮ้ย! 8 โมงจะทันไหมวะเนี่ย”

ความตื่นตระหนกไหลผ่านร่างกายเขาเหมือนสายฟ้า เซนต์ผุดลุกจากเตียงทันที ผ้าห่มหนาถูกถีบออกไปจนกระจัดกระจายทั่วห้อง เขารีบวิ่งไปยังห้องน้ำ เปิดน้ำให้แรงที่สุดแล้วรีบล้างหน้าล้างตา เสียงน้ำที่กระเซ็นดังตามมาด้วยเสียงแปรงฟันลวก ๆ ที่ฟังดูเร่งรีบ ท่าทางของเขาดูเงอะงะ แต่ทุกการกระทำสื่อถึงความรีบร้อนอย่างเห็นได้ชัด

ขณะเขาล้างหน้าไปอย่างรวดเร็ว ใจของเซนต์ก็เต็มไปด้วยความกังวล วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรกหลังจากปิดเทอมยาวนานถึงสามเดือน คลาสแรกของเขาคือวิชาสำคัญที่อาจารย์เคร่งครัดในเรื่องเวลา มาสายเกิน 15 นาที จะโดนเช็คขาดทันที และแน่นอน เขาไม่ต้องการให้วันแรกของปีการศึกษาที่สองนี้เริ่มต้นด้วยการถูกเช็คขาด


เซนต์ นักศึกษาชายจากคณะนิเทศศาสตร์ที่กำลังขึ้นปีสอง เป็นคนที่ฉลาดและมีความสามารถ แต่ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่สู้ดี เขาจึงต้องทำงานพาร์ทไทม์ทั้งกลางวันและกลางคืนในช่วงปิดเทอม ทำให้เวลาพักของเขาน้อยมาก กำหนดเวลาที่กระชั้นชิดของชีวิตประจำวันบีบให้เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการแบ่งเวลาให้กับการเรียนและการทำงาน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัว

หลังจากใช้เวลาอาบน้ำและเตรียมตัวอย่างลวกๆ เซนต์ก็ออกมาจากห้องน้ำและรีบสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขากำลังจะสวมรองเท้า โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขาหยิบมันขึ้นมาดู พบว่าเป็นเจ เพื่อนสนิทที่รู้จักกันตั้งแต่ปีแรกโทรมาตาม

“เฮ้ย! เซนต์ เมื่อไหร่จะมา? ฉันกับมิ้นรออยู่ที่ม้านั่งหน้าตึกคณะ อย่าบอกนะว่านอนดึกจนตื่นสายอีกแล้ว!”

“แปปหนึ่ง กำลังออกไป”

เซนต์กดวางสายและรีบเก็บของบนโต๊ะทำงานโดยไม่สนใจความเรียบร้อย เขาหยิบของใส่กระเป๋าอย่างทุลักทุเล มือหนึ่งคว้าโน้ตบุ๊ก อีกมือหนึ่งหยิบสมุดจดที่วางอยู่ข้าง ๆ และแน่นอนว่าในความรีบร้อน ทุกอย่างปนเปกันจนกระจัดกระจาย ความรกของห้องดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นทุกวินาที เซนต์คิดว่าเขาคงต้องจัดระเบียบห้องใหม่เมื่อมีเวลาว่างจริง ๆ

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เซนต์ก็วิ่งออกจากห้องโดยไม่ได้เหลียวมองสภาพห้องที่ยังคงระเกะระกะ


ณ มหาลัยในย่านกรุงเทพ

เช้าอันสดใสที่มหาวิทยาลัยในย่านกรุงเทพฯ อากาศสดชื่นพอเหมาะ ผู้คนพลุ่งพล่านราวกับฝูงมดที่กำลังเคลื่อนย้ายรัง พื้นที่มหาวิทยาลัยคึกคักเต็มไปด้วยนักศึกษาที่เดินไปมา บ้างพูดคุย หัวเราะ บ้างเร่งรีบวิ่งไปยังห้องเรียน เซนต์วิ่งจ้ำเข้ามาอย่างลุกลี้ลุกลน ในมือของเขามีข้าวของพะรุงพะรัง เขาหายใจแรงจากการวิ่ง แต่ใบหน้าก็ยังคงยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของเขา เจ และมิ้น นั่งรออยู่ที่ม้านั่งหน้าตึกคณะ

“กว่าจะมานะคะ คุณน้า ปล่อยให้ฉันกับอีเจรอตั้งนาน แต่ก็ดีละ ฉันได้มองรุ่นน้องปี 1 ที่น่ารักเดินผ่านไปผ่านมา ทำให้ฉันรู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจ”

มิ้นพูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนของตนที่วิ่งจ้ำอ้าวมาหา เมื่อเห็นท่าทางหอบเหนื่อยของเซนต์ เธอก็รู้สึกขำขันไม่น้อย


“พอเลยแก นางมิ้น ฉันว่ารุ่นน้องคงคิดว่าแกเป็นโรคจิตแล้วล่ะ ดูแบบนี้นักถ้ำมองชัด ๆ”

“โอ้ยย!! อีเจ ฉันรู้ว่าแกก็มองย่ะ เก้งควีนตัวแม่โรคจิตอย่างแกก็ไม่ต่างจากฉันหรอก”

“อ๊าย!!นางนี่ ฉันมองน้อยกว่าแกค่ะ!!”

“พอหยุดดด!! พอเลยแกสองคน ทะเลาะกันตั้งแต่ปี 1 ยันปี 2 ไม่เบื่อบ้างรึไงเนี่ย”

“เออ แล้วแกมาช้าจัง อย่าบอกนะว่าไปทำงานหามรุ่งหามค่ำอีกแล้วอ่ะ? พักบ้างเถอะ พวกฉันเป็นห่วง เดี๋ยวเป็นอะไรไป ใครจะดูแลพี่ไทม์สุดที่รักของแกล่ะ” มิ้นพูดด้วยเสียงสูง เหมือนจะล้อเลียน แต่แฝงด้วยความห่วงใย


ชื่อของ "ไทม์" ทำให้เซนต์หน้าแดงจนปิดไม่มิด เขาหลบสายตาของเพื่อนโดยไม่ตั้งใจ พยายามทำเป็นไม่สนใจการแซว

“หยุดเลยนะยัยมิ้น ฉันกับพี่ไทม์ไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย” เขาพูดออกมาเสียงเบา ก่อนจะเก็บอาการเขินไม่สำเร็จ

“ว๊ายยย มีคนเขินหนึ่งอัตราค่า” เจพูดขึ้นพร้อมหัวเราะคิกคัก เซนต์รู้สึกเหมือนตัวเองถูกมัดแน่นด้วยเชือกแห่งความเขินอาย จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง

“นี่มันก็เข้าคลาสเรียนแรกแล้ว รีบไปกันเถอะเดี๋ยวไม่ทันเอา”

คำพูดนั้นเป็นการบ่ายเบี่ยงสถานการณ์ เขาเดินก้าวยาว ๆ ไปยังตึกเรียนโดยที่พยายามทำตัวให้ดูธรรมดาที่สุด เจและมิ้นรีบลุกขึ้นตามอย่างลนลาน แต่ยังไม่หยุดแซวเพื่อน

“เฮ้ย! ไอเซนต์! รอพวกฉันด้วยสิ รีบไปหาพี่ไทม์รึไง!” เจตะโกนแซวจากข้างหลัง ทำให้เซนต์ยิ่งก้าวเดินเร็วขึ้นไปอีก พวกเขารีบตามจนทันกันเมื่อถึงลิฟต์


ภายในลิฟต์ที่แออัด มีนักศึกษาหลายคนยืนรอไปยังห้องเรียน สายตาของเซนต์ก็เหลือบไปเห็นกลุ่มนักศึกษา ที่คุยกันอย่างสนุกสนาน

“นี่แก พี่ไทม์คณะเราได้รับเลือกเป็นดาวมหาวิทยาลัยแล้วนะเว้ย!”

“ว้ายย จริงเหรอ  คนอะไรจะหล่อขนาดนั้น ใครได้เป็นแฟนคงโชคดีตายเลย”

เซนต์รู้สึกใจเต้นรัวเมื่อได้ยินชื่อของ "ไทม์" อีกครั้ง แม้จะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับเสียงพูดคุยที่ดังไปทั่วลิฟต์ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสนใจบทสนทนานั้น เขายืนฟังเงียบ ๆ ปล่อยให้ความคิดวนเวียนไปถึงชายหนุ่มที่เขาชื่นชม

แล้วจู่ ๆ เสียงลิฟต์ดังขึ้น และประตูลิฟต์เปิดออก เซนต์ก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว รู้สึกเหมือนหัวใจของเขาจะเต้นแรงขึ้นเมื่อเผลอเห็นร่างสูงของไทม์เดินสวนเข้าลิฟต์มา ใบหน้าของไทม์ในชุดนักศึกษาเรียบง่ายแต่ดูดี ราวกับว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของความฝัน รอยยิ้มที่มุมปากของไทม์ทำให้เซนต์รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วขณะ

ในช่วงเสี้ยววินาทีที่เซนต์สบตากับไทม์ เขารู้สึกว่าทุกสิ่งรอบตัวเบลอหายไป สิ่งที่เหลืออยู่คือแสงสว่างที่สาดส่องมาจากรอยยิ้มของไทม์ ราวกับว่าเวลาได้หยุดอยู่แค่ตรงนั้น เขาไม่สามารถละสายตาออกจากความหล่อเหลาของไทม์ได้แม้แต่วินาทีเดียว


“ว๊าย! จ้องพี่เขาตาไม่กระพริบเลยนะคุณน้อง” เจแซวขึ้นเบา ๆ ข้าง ๆ ทำให้เซนต์สะดุ้งเล็กน้อยและหันไปมองเพื่อนพร้อมรอยยิ้มแหย ๆ

เซนต์พยายามกลบเกลื่อนความเขินอาย เขารีบเปลี่ยนเรื่องอีกครั้ง “ไปเรื่อยละแกอ่ะ ไปเรียนได้แล้ว!”เซนต์ยิ้มออกมาด้วยท่าทางทางที่เขินอาย พรางก้าวฝีเท้าให้เร็วขึ้น

เจและมิ้นทั้งสองต่างมองหน้ากัน เหมือนรู้ว่าเซนต์พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกอยู่


ในห้องเรียน เซนต์นั่งอยู่ตรงมุมห้องใกล้หน้าต่าง หัวใจของเขายังคงเต้นแรงเมื่อถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาพยายามตั้งใจฟังอาจารย์ แต่ภาพของไทม์กลับวนอยู่ในหัว

“ภควัฒน์!” เสียงของอาจารย์เรียกชื่อเขา ทำให้เขาหันไปทันที “เธอมีความคิดเห็นเกี่ยวกับหัวข้อนี้ไหม”

อ่า... ครับ ผมคิดว่า...” เซนต์พูดพร้อมพยายามรวบรวมความคิดให้เป็นระเบียบ ขณะที่สายตาอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นยังคงจ้องมาที่เขา

“หัวข้อนี้เกี่ยวกับการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งผมเชื่อว่ามันสำคัญมากในยุคนี้ที่เรามีเครื่องมือและเทคโนโลยีมากมายสำหรับการสื่อสาร” เขาอธิบายต่อ

“ดีมาก!” อาจารย์พยักหน้าและยิ้มให้ “สิ่งที่คุณพูดคือหัวข้อหลักของการเรียนในวิชานี้” เซนต์รู้สึกโล่งใจที่ได้รับคำชมจากอาจารย์


หลังจากคลาสสิ้นสุดลง เสียงลากโต๊ะและเก้าอี้ดังสนั่น เมื่อนักศึกษาเริ่มลุกขึ้นเตรียมตัวไปกินข้าวเที่ยง

“นี่! พวกแกไปกินข้าวร้านที่พึ่งเปิดใหม่กัน ฉันได้ยินมาว่าร้านนี้อร่อยเวอร์ ๆ!” มิ้นพูดชักชวนเพื่อนๆ ด้วยสีหน้าที่เป็นประกาย

“เออ ฉันก็เห็นไปลองก็ได้นะ” เจตอบสนองด้วยความตื่นเต้น

เซนต์พยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากความรู้สึกที่ยังวนเวียนอยู่ในใจ โดยมองไปที่เพื่อน ๆ ที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน

“เออ งั้นไปกันเถอะ ฉันก็หิวมากตอนนี้” เซนต์พูดตอบรับอีกคน

หลังจากคลาสสิ้นสุดลง พวกเขาออกจากห้องเรียนและมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารที่มิ้นแนะนำ เซนต์พยายามเบี่ยงเบนความคิดและสนใจบทสนทนากับเพื่อน ๆ มากขึ้น เพื่อลืมความรู้สึกที่ปั่นป่วนอยู่ในใจ


ณ ร้านอาหารเปิดใหม่

ร้านอาหารตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ตัวร้านตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นผสมผสานกับความเป็นไทย มีโคมไฟแขวนสวยงาม และบรรยากาศที่คึกคักเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการพูดคุยของลูกค้าในร้าน

เมื่อเดินเข้าไปในร้าน เซนต์รู้สึกถึงกลิ่นหอมของอาหารที่โชยมาจากครัว ทำให้เขาหยุดคิดถึงเรื่องอื่นชั่วขณะ

เซนต์เริ่มสั่งอาหารตามคำแนะนำของเพื่อน ๆ เขาสั่งข้าวผัดกุ้ง ข้าวมันไก่ และต้มจืดสาหร่าย ก่อนจะหันไปถามเพื่อน ๆ ว่าอยากสั่งอะไรเพิ่มเติม

ขณะที่รออาหาร เซนต์นั่งเอนตัวพิงเก้าอี้ ปล่อยให้สายตาล่องลอยไปมองดูบรรยากาศรอบ ๆ ร้าน เขาเริ่มนึกถึงช่วงเวลาที่เขาและเพื่อน ๆ ได้ใช้ร่วมกันในปี1 ความทรงจำที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและการผจญภัยในมหาวิทยาลัย การแกล้งกันเล็ก ๆ น้อย ๆ การตั้งกลุ่มติวอ่านหนังสือไปจนถึงการร่วมกันทำกิจกรรม เซนต์รู้สึกได้ว่า ปีนี้ก็คงจะไม่ต่างกัน แต่ในใจลึก ๆ เขาก็หวังว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ดีกว่า

“แล้วเรื่องการแสดงละครเวที ที่จะจัดปีนี้เขาจะยังให้จัดอยู่ไหมว่ะ”

เจเริ่มถามขึ้น พร้อมกับแววตาที่แฝงไปด้วยความกังวล “ฉันได้ยินมาว่ามันอาจจะโดนยกเลิกเพราะงบไม่พอ”


บรรยากาศที่เคยสดใสกลับกลายเป็นเงียบลงเล็กน้อยเมื่อคำพูดของเจจบลง ละครเวทีเป็นหนึ่งในกิจกรรมใหญ่ของสาขา ที่นักศึกษาทุกคนต่างตั้งตารอ แต่ข่าวการขาดงบประมาณทำให้ทุกคนรู้สึกผิดหวัง มิ้นนั่งพิงเก้าอี้ด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นมา

“ฉันว่าพวกเราต้องหาวิธีอื่นที่ช่วยสนับสนุนนะแก ต่อให้พวกเราทั้งสาขารวมเงินกันเองก็ไม่น่าจะพอหรอก แต่บางทีถ้าเราเปิดรับบริจาคจากศิษย์เก่าหรือขอทุนสนับสนุนเพิ่มเติมอาจจะได้อยู่”

“ฉันว่าก็ดีนะ แต่คงต้องคิดแผนการนำเสนอที่น่าสนใจให้เขาเห็นถึงความสำคัญของงานนี้ให้ได้อ่ะ” เซนต์กล่าวพร้อมคิดอย่างจริงจัง

“นี่!! ฉันว่าลองสร้างแคมเปญหรือวิดีโอโปรโมตดีป่ะ ถ้าเราโชว์ความสามารถของนักศึกษาให้พวกเขาเห็น อาจจะช่วยให้ดึงดูดให้พวกเขาช่วยเรื่องเราได้” เจเสริม

เซนต์นั่งฟังและพยักหน้าเห็นด้วย เขารู้ดีว่างานนี้คงไม่ง่ายเลย แต่ความท้าทายนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เริ่มต้นเทอมใหม่ด้วยความพยายามและการร่วมแรงร่วมใจของเพื่อน ๆ