จุดจบของสายมูที่บรีฟสเปคผัวเยอะเกินไป จนเหมือนว่าสิ่งที่ขอนั้นไม่ใช่คน

ชายหนุ่มประหลาดที่แสนสมบูรณ์แบบ - ตอนที่ 4 ดังอัศวินปีศาจ โดย Invisible Roses @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ผู้ใหญ่,ชาย-หญิง,ดาร์ค,เรื่องสั้น,ลึกลับ,คลั่งรัก,ตำนาน,ปีศาจ,ญี่ปุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ชายหนุ่มประหลาดที่แสนสมบูรณ์แบบ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ผู้ใหญ่,ชาย-หญิง,ดาร์ค,เรื่องสั้น,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

คลั่งรัก,ตำนาน,ปีศาจ,ญี่ปุ่น

รายละเอียด

จุดจบของสายมูที่บรีฟสเปคผัวเยอะเกินไป จนเหมือนว่าสิ่งที่ขอนั้นไม่ใช่คน

ผู้แต่ง

Invisible Roses

เรื่องย่อ

ตำนานเกี่ยวกับการขอพรจากศาลเจ้าที่ถูกทิ้งร้างแพร่สะพัด “มิโดริ” บรรณารักษ์สาวผู้ซึ่งกลัวการใช้ชีวิตคู่แต่ทว่าเบื้องลึกในจิตใจกลับเปลี่ยวเหงา เธอไปทำพิธีขอพรและอธิษฐานในสิ่งที่ยากจะเป็นไปได้ แล้วชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงผู้มีเรือนผมสีขาวในชุดยูกาตะก็ได้ตามเธอกลับมาถึงบ้าน ก่อนที่คำอธิษฐานจะสัมฤทธิ์ผลด้วยการได้พบพานกับชายหนุ่มรูปงามร่างสูงระหงที่แสนอ่อนโยนและแข็งแกร่ง แต่ทว่าสิ่งเหล่านั้นได้ซุกซ่อนความน่ากลัวเอาไว้

สารบัญ

ชายหนุ่มประหลาดที่แสนสมบูรณ์แบบ-ตอนที่ 1 ข่าวลือเรื่องการขอพรจากศาลเจ้าที่ถูกทิ้งร้าง,ชายหนุ่มประหลาดที่แสนสมบูรณ์แบบ-ตอนที่ 2 พิธีกรรมที่ต่างไปจากข่าวลือ,ชายหนุ่มประหลาดที่แสนสมบูรณ์แบบ-ตอนที่ 3 สิ่งที่ต้องแลก,ชายหนุ่มประหลาดที่แสนสมบูรณ์แบบ-ตอนที่ 4 ดังอัศวินปีศาจ,ชายหนุ่มประหลาดที่แสนสมบูรณ์แบบ-ตอนที่ 5 ชายผมดำที่แสนดีและปีศาจสีขาว,ชายหนุ่มประหลาดที่แสนสมบูรณ์แบบ-ตอนที่ 6 งูเป็นสิ่งที่ไว้ใจไม่ได้,ชายหนุ่มประหลาดที่แสนสมบูรณ์แบบ-ตอนที่ 7 ชายหนุ่มผู้มีบุคลิกประหลาด,ชายหนุ่มประหลาดที่แสนสมบูรณ์แบบ-ตอนที่ 8 การตัดสินใจขั้นสุดท้ายของมิโดริ,ชายหนุ่มประหลาดที่แสนสมบูรณ์แบบ-ตอนที่ 9 นิ้วเย็นของงูขาว,ชายหนุ่มประหลาดที่แสนสมบูรณ์แบบ-ตอนที่ 10 งูขาวพ่นพิษ,ชายหนุ่มประหลาดที่แสนสมบูรณ์แบบ-ตอนที่ 11 โดนจนหลับ,ชายหนุ่มประหลาดที่แสนสมบูรณ์แบบ-ตอนที่ 12 จะไปกับเขาหรือจะเป็นอิสระ?,ชายหนุ่มประหลาดที่แสนสมบูรณ์แบบ-ตอนที่ 13 ไม่มีทางหนีอีกต่อไป

เนื้อหา

ตอนที่ 4 ดังอัศวินปีศาจ

     ความกังวลที่ฉันแบกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนได้มลายหายในบัดดลเมื่อมีหนังสือใหม่กองโตที่จะต้องเร่งลงทะเบียนให้ครบทุกเล่มให้เร็วที่สุด เนื่องด้วยทางโรงเรียนได้รับงบจากผู้สนับสนุนมาก้อนหนึ่ง ทางผู้อำนวยการจึงจัดสรรเงินบางส่วนให้เพิ่มหนังสือในห้องสมุดเพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีนิสัยรักการอ่านและการเรียนรู้มากขึ้น



     “ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่ามีหนังสือเรื่องซากรักที่ลอยล่องไปกับอัฐิไหมครับ?” เสียงไพเราะที่ไม่คุ้นหูเอ่ยถามด้วยความสุภาพ



     ทันทีที่ได้เงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ ฉันก็เผลอจ้องมองผู้ที่ดูไม่คุ้นเคยด้วยความฉงนพร้อมกับความรู้สึกที่ตกตะลึงในรูปลักษณ์ เขาผู้นี้ไม่ใช่เด็กนักเรียนแต่เป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงโปร่งราวกับนายแบบ ภายใต้กรอบแว่นนั้นคือใบหน้าชวนฝันที่สามารถดึงดูดสายตาของผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดี ทั้งคิ้วที่เข้มอย่างพอประมาณและหางคิ้วที่เรียวยาวสุดปลายตา สันจมูกโด่งและปลายจมูกเรียวที่เชิดขึ้น ริมฝีปากกระจับสวยที่แม้แต่ผู้หญิงยังต้องอิจฉา และถึงแม้ดวงตาคู่นั้นจะเล็กตี่แต่รูปตาที่โฉบเฉี่ยวกับนัยน์ตาที่ดูคมกริบนั้นกลับทำให้ฉันรู้สึกคล้ายกำลังต้องมนต์สะกด



     “เอ่อ ผมคืออาอิโนะ คิงูยะ เป็นครูวิทยาศาสตร์คนใหม่ที่เพิ่งมาสอนที่นี่เป็นวันแรกน่ะครับ ขออภัยที่ลืมแนะนำตัว แต่อย่างไรผมก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”อีกฝ่ายสังเกตเห็นคำถามบนสีหน้าและแววตาของฉันจึงรีบกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะโค้งคำนับ ซึ่งนั่นทำให้ฉันรีบลุกขึ้นยืนด้วยมารยาท



     “ฉันทาคาฮาชิ มิโดริค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวเช่นกันนะคะ” หลังจากที่โค้งคำนับให้แก่เขาแล้วก็กลับไปนั่งบนเก้าอี้พร้อมจับเม้าส์อีกครั้ง



     “ชื่อเรื่องซากรัก… อัฐิลอยล่อง…อะไรนะคะ?” ฉันวางมืออีกข้างบนแป้นพิมพ์เพื่อเตรียมค้นหาข้อมูล



     “ซากรักที่ลอยล่องไปกับอัฐิครับ”



     “หมวดหมู่นิยายสยองขวัญเหรอคะ?”



     “นิยายรักโรแมนติกครับ”



     “งั้นเหรอคะ…?” ฉันจินตนาการความโรแมนติกจากชื่อของนิยายเรื่องนี้ไม่ออกเลย ชวนให้นึกถึงการฆาตกรรมคนรักเก่าด้วยความอาฆาตแค้นก่อนจะเผาศพทำลายหลักฐานแล้วเอาเถ้ากระดูกไปทิ้งลงแม่น้ำเสียมากกว่า



     ฉันค้นหาหนังสือเล่มนี้จากระบบตามชื่อเรื่องที่คุณคิงูยะบอกแต่ก็ไม่พบ ซึ่งฉันไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด



     “ไม่มีเลยค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ” ฉันยิ้มแห้งให้เขาเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายอาจจะรู้สึกผิดหวังแต่ก็พบว่าสีหน้านั้นช่างเรียบเฉย ความคมกริบในดวงตาของเขาทำให้ฉันนึกถึงใครบางคนที่ไม่ใช่คน… เวลาที่สายตาของคุณคิงูยะมองมาที่ดวงตาของฉัน กลับรู้สึกคล้ายกำลังถูกเจ้างูยักษ์ตัวสีขาวที่คล้ายจะเป็นเทพจ้องมองมาอย่างไรอย่างนั้น



     “ไม่เป็นไรเลยครับ” เขากล่าวพลางยกแขนขึ้นมองนาฬิกา “อ่า ใกล้เวลาที่ผมต้องเข้าสอนพอดี ไว้ผมจะมารบกวนให้คุณช่วยแนะนำหนังสือใหม่อีกครั้งนะครับ” ชายหนุ่มโค้งคำนับให้กับฉันแล้วเดินจากไปทันที



……………………………………..



     เพราะวันนี้มีงานค่อนข้างยุ่ง กว่าที่ฉันจะได้เดินออกมาจากห้องสมุดก็พบว่าเวลานี้แทบไม่เหลือนักเรียนอยู่ในโรงเรียนแล้ว แต่ก่อนที่ฉันจะเดินออกจากรั้วโรงเรียนไป สายลมพลันโหมกระหน่ำอย่างแรงพร้อมกับที่หางตาของฉันเหลือบเห็นร่างของใครบางคน เมื่อหันไปมองก็พบกับเด็กนักเรียนหญิงที่กำลังยืนอยู่เพียงลำพัง เส้นผมสีดำยาวเหยียดตรงที่ไม่ได้มัดไว้ปลิวสยายไปตามแรงลม ใบหน้าที่ดูคุ้นทำให้ฉันพยายามนึกเพียงครู่ก็จำได้ขึ้นมาทันที



     “เอมิ!” ฉันเรียกชื่อของเธออย่างไม่เชื่อสายตาพร้อมกับเดินเข้าไปหาเด็กคนนั้น เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ไม่ได้มาเรียนตั้งแต่หลายเดือนก่อน มีข่าวลือว่าเธอเคยไปขอพรที่ศาลเจ้าเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระจากครอบครัวจอมบงการที่เลี้ยงดูเธอราวกับนกในกรง ทางบ้านเข้มงวดกับเธอมากเกินไป ปฏิบัติต่อเธอราวกับเป็นหุ่นเชิดที่ไม่อาจตัดสินใจหรือเลือกทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง แต่เพียงไม่กี่วันหลังจากที่เธอได้ไปทำพิธีขอพรก็ไม่ได้มาเรียนอีกเลย เหล่าบรรดาเพื่อนร่วมชั้นที่เคยไปเยี่ยมเอมิที่บ้านต่างก็เล่าตรงกันว่าตัวเธอนั้นคล้ายคนที่มีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ ทั้งเหม่อลอยและมักพึมพำอยู่บ่อยครั้ง



     “มันกำลังเริ่มแล้วล่ะ รีบหนีสิ” เด็กสาวกล่าวกับฉันด้วยลักษณะที่คล้ายกับการบ่นพึมพำ



     “เธอพูดถึงอะไร? แล้วมาเรียนได้แล้วเหรอ?” ฉันอยากได้ยินเหลือเกินว่าเด็กคนนี้สบายดี



     เอมิเอาแต่ปิดปากเงียบ เธอค่อย ๆ ยกแขนขึ้นแล้วชี้นิ้วไปยังจุดหนึ่ง ฉันหันมองตามที่เด็กสาวชี้ไปก็พบว่าเป็นทิศทางของป่าด้านหลังโรงเรียน แต่เมื่อหันกลับมาอีกครั้งก็พบว่าเอมิไม่ได้อยู่ตรงนี้อีกแล้ว

     ฉันได้แต่รู้สึกพิศวงงงงวยกับสิ่งที่เพิ่งได้เผชิญ ยามที่สาวเท้าก็ออกจากรั้วโรงเรียนก็ยังคงจ้องมองไปยัง ณ จุดเดิมที่เอมิเคยยืนอยู่เมื่อครู่ นั่นทำให้ฉันไม่ทันระวังแล้วเผลอเดินชนเข้ากับใครบางคน



     “อ๊ะ! ขอโทษค่ะ!” ฉันรีบเอ่ยคำขอโทษออกมาด้วยความรู้สึกผิดและตกใจก่อนจะพบว่าผู้ที่ถูกชนนั้นเป็นเด็กนักเรียนชายที่มีชื่อเสียงด้านความเกเร “เรียวยะ!”



     เรียวยะไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองหรือก้าวร้าวแต่อย่างใด เขามองฉันด้วยสีหน้าที่ดูร้อนใจ



     “คุณมิโดริ!” เขาจับที่ไหล่ทั้งสองข้างด้วยท่าทางร้อนรน แต่แววตาที่เคยดูกังวลนั้นกลับฉายแววความหวัง “ช่วยริโอะด้วยนะครับ หมอนั่นโดนงูฉกอยู่ในป่าหลังโรงเรียน!”



     “อะไรนะ!?” ฉันรีบวิ่งไปทางด้านหลังโรงเรียนด้วยความร้อนใจไม่ต่างจากเรียวยะ ในตอนนี้ห้องพยาบาลได้ถูกปิดไปแล้วจึงไม่สามารถไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ได้ “ได้ใช้อะไรดามในส่วนที่ถูกกัดไปหรือยัง?”



     “ใช้ผ้ารัดเหนือแผลครับ” เรียวยะตอบขณะที่วิ่งนำทางฉันไป



     “ไม่ได้นะ! แบบนั้นจะทำให้แขนขาส่วนปลายขาดเลือดไปเลี้ยง!” ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเท่าตัวทำให้ฉันรีบวิ่งจนไปถึงทางเข้าป่าได้อย่างรวดเร็ว



     “ริโอะอยู่ทางไหน?” ฉันถามเรียวยะที่วิ่งหอบตามมาติด ๆ



     “ทางนี้ครับ” เด็กหนุ่มวิ่งนำฉันเข้าไปในป่าอย่างรีบร้อน ฉันเข้าใจความรู้สึกของเขาในตอนนี้เป็นอย่างดีเพราะว่าเขาสนิทกับริโอะมาก



     เราสองคนวิ่งเข้าไปในป่าลึกขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะพบร่างของริโอะที่นั่งทรุดอยู่กับพื้น ข้าง ๆ ริโอะนั้นมีโอมิ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของทั้งเรียวะและริโอะ และฉันแปลกใจที่ในตอนนี้โอมิกำลังนั่งสูบบุหรี่ด้วยสีหน้าที่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยสักนิด



     “ริโอะ! อย่าเพิ่งขยับตัวนะ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปดามแผลให้ก่อนแล้วจะพาเธอไปโรงพยาบาลนะ ทนไหวหรือเปล่า” ฉันกล่าวกับเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้พร้อมกับตรงเข้าไปหาเขา



     แต่ทันทีที่ฉันเข้าไปใกล้ ริโอะก็พลันยกยิ้มแล้วกระชากผ้าที่รัดขาไว้ออกมาก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าหาฉัน



     “นายพามาได้จริงด้วยสินะ เรียวยะ ฉันแค่พูดว่าอยากอึ๊บยัยนี่แต่ไม่คิดว่านายจะกล้าพามาจริง ๆ” ริโอะมองฉันด้วยสายตาหื่นกระหาย



     “นี่มันอะไรกัน พวกเธอหลอกฉันเหรอ!?” ฉันก้าวถอยหลังหนีริโอะที่ก้าวเข้ามาด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อในเรื่องนี้



     “ถ้าพวกผมขอเอาคุณตรง ๆ คุณจะให้รึเปล่าละครับ? ฮ่า ๆ” เรียวยะยอกย้อนอย่างเย้ยหยัน



     เมื่อได้ยินเช่นนั้นฉันก็ทราบโดยทันทีว่าไม่ควรต่อปากต่อคำอะไรอีกทั้งนั้น ฉันรีบกลับหลังหันแล้ววิ่งหนี แต่วิ่งไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกริโอะพุ่งเข้ามากระโดดถีบหลังจนล้มหน้าคะมำกับพื้น



     “คุณอุตส่าห์เข้ามาช่วยผม ทำไมถึงไม่ช่วยให้เสร็จไปเลยล่ะครับ?” ริโอะก้มลงถามคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบกับฉันที่ใบหน้าจมพื้นด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย



     ฉันรีบลุกขึ้นแม้จะยังรู้สึกเจ็บ แต่ยังไม่ทันได้ทรงตัวดีก็ถูกเรียวยะเหวี่ยงหมัดเข้าที่หน้าจนล้มทรุดเข่าลงไปกับพื้น ฉันรู้สึกเจ็บและมึนเล็กน้อย จากนั้นก็มีใครสักคนในกลุ่มเหวี่ยงแข้งใส่ท้ายทอยของฉันให้หน้าคะมำอีกเป็นหนที่สอง ฉันรู้สึกเจ็บมากแต่ก็พยายามตะเกียกตะกายคลานหนีแม้จะลุกขึ้นไม่ไหวเพราะไม่อยากยอมจำนนต่อชะตากรรมที่ต้องโดนข่มขืนอยู่ที่นี่



     “รุ่นนี้ตูดงอนดีจังนะ สงสัยคงต้องลองทั้งสองประตู ฮ่า ๆ นี่แนะ!” เสียงทุ้มของโอมิกล่าวคุกคามก่อนจะกระทืบเท้าลงที่ก้นของฉันซ้ำ ๆ แม้จะรู้สึกเจ็บแต่ฉันก็ไม่ได้ส่งเสียงออกมา ต่อให้อ้อนวอนพวกมันก็คงไม่มีประโยชน์อะไร ฉันเริ่มทำใจยอมรับชะตากรรมครั้งนี้แล้วจะย้อนกลับมาฆ่าพวกมันในภายหลัง แต่ในตอนนี้ฉันต้องรอดชีวิตออกไปให้ได้



     “เริ่มกันเลยสิ ยัยนี่คงขัดขืนไม่ไหวแล้วล่ะ” เรียวยะเสนอ ทำให้โอมิเลิกกระทืบฉันในทันที



     “นั่นสินะ งั้นฉันขอเริ่มก่อนละกัน” ริโอะพูดด้วยความตื่นเต้นก่อนจะเข้ามาพลิกตัวฉันให้นอนหงายก่อนจะปลดเข็มขัดด้วยความรีบร้อน



     “เงียบจังนังนี่ ไม่ส่งเสียงร้องให้เร้าใจสักหน่อยเลยนะ คงจะอยากโดนอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ฮ่า ๆ เคยโดนบุหรี่จี้หัวนมหรือยัง ลองมั้ย?” โอมิเข้ามาพูดจาอุบาทว์ก่อนจะยกมวนบุหรี่ที่ยังสูบไม่หมดขึ้นมาขู่ เขาค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อของฉัน



     ผลั๊วะ!



     หลังจากโอมิปลดกระดุมได้เพียงเม็ดแรกก็ถูกใครบางคนเหวี่ยงเท้าเตะเข้าที่ขมับจนหมดสติพร้อมบุหรี่ที่หลุดมือไป ฉันไม่รู้ว่าผู้มาเยือนนั้นมาที่นี่ได้อย่างไร และตั้งแต่เมื่อไร ทั้งที่คุณคิงูยะเพิ่งจะมาเป็นครูที่นี่ได้แค่วันแรก มันน่าแปลกใจที่เขาเดินเข้ามาสำรวจป่าหลังโรงเรียนในเวลาแบบนี้



     “ไอ้แว่นนี่! แกเข้ามายุ่งอะไรด้วยวะ!?” ริโอะที่เพิ่งจะทำได้แค่แทรกตัวเข้ามาที่ระหว่างของฉันโดยไม่ทันได้เปิดประโปรงเสียด้วยซ้ำ โวยวายอย่างหัวเสียพร้อมกับลุกขึ้นยืน



     เรียวยะวิ่งเข้าใส่เพื่อจะทำร้ายชายหนุ่มจากทางด้านหลังแต่เขาก็ไหวตัวทันแล้วสวนกลับด้วยการอัดกำปั้นไปที่หน้า เรียวยะหยุดนิ่งก่อนจะล้มลงไปด้วยใบหน้าที่มีเลือดไหลออกจากจมูก

     เมื่อริโอะเห็นว่าเพื่อนของเขาทั้งสองต่างก็แน่นิ่งไปเพียงเพราะแค่ถูกเตะและต่อย เด็กหนุ่มก็เกิดอาการกลัวทันที เขารีบสวมกางเกงและก้มใส่เข็มขัดอย่างลนลาน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบเข้ากับหมัดที่ชกเข้าที่หน้าทันที เด็กหนุ่มล้มลงแต่ยังไม่หมดสติ เขากำลังยันกายลุกขึ้นเพื่อจะหนีไป แต่ครูหนุ่มไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น คิงูยะเดินเข้าไปคร่อมร่างริโอะที่มีสีหน้าตื่นกลัว อาจเป็นเพราะรูปร่างสูงโปร่งและสีหน้าเย็นชาของชายหนุ่มที่ทำให้เด็กนักเรียนรู้สึกเหมือนถูกข่มขวัญ

     ผลั๊วะๆๆๆๆๆๆ! คิงูยะรัวหมัดใส่ริโอะซ้ำ ๆ ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายหมดสติไปแล้วจากนั้นเขาก็เดินเข้ามาหาฉันที่ได้แต่นอนอึ้งค้างเพราะตกตะลึงกับความรุนแรงของเขาแม้ว่าจะเป็นการช่วยชีวิตฉันก็ตาม แต่การที่ชายหนุ่มเข้าไปชกหน้าของริโอะแรง ๆ ไม่ยั้งจนอีกฝ่ายน็อกไปนั้นทำให้ฉันรู้สึกกลัวเขาไปด้วยอีกคน



     “เจ็บตรงไหนไหมครับ? ให้ผมพาคุณไปส่งโรงพยาบาลนะ”