ผู้ใหญ่,ชาย-หญิง,ดาร์ค,เรื่องสั้น,ลึกลับ,คลั่งรัก,ตำนาน,ปีศาจ,ญี่ปุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฉันในสภาพที่สะบักสะบอมจนไม่สามารถอ้าปากพูดได้นั้น ได้แต่ทิ้งกายที่ยังคงสั่นเทาด้วยความกลัวในอ้อมแขนของคุณคิงูยะที่กำลังอุ้มฉันออกไปจากป่าแห่งนี้ ถึงแม้ว่ายังไม่ได้โดนเด็กเลวพวกนั้นข่มขืน แต่เหตุการณ์อันเลวร้ายครั้งนี้ก็คงจะเป็นปมความกลัวฝังลึกในใจให้ฝันร้ายไปอีกนาน
ฉันร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่ไหว น้ำตาไหลเปียกเสื้อบริเวณอกของชายหนุ่ม เขามีท่าทีชะงักเล็กน้อยก่อนจะรีบย่ำเท้าเดินเร็วขึ้น
โชคดีนักที่ในตอนนี้ใกล้มืดแล้วจึงทำให้ไม่มีคนหลงเหลืออยู่แถวโรงเรียน เขาพาฉันขึ้นรถอย่างระมัดระวังแล้วคาดเข็มขัดนิรภัยให้ด้วยการแสดงออกที่ดูเต็มใจ
“ฉันไม่ไปโรงพยาบาลได้ไหมคะ? ฉันอยากกลับบ้าน…” ฉันรีบทักท้วงหลังจากที่คิงูยะสตาร์ทรถ
“แต่คุณบาดเจ็บนะ”
“ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่อยากจะพักผ่อนให้เต็มที่ ก่อนที่… จะไปยื่นเรื่องลาออกในวันพรุ่งนี้”
“ลาออกเลยเหรอครับ? แต่เราควรจะจัดการเด็กพวกนั้นไม่ใช่เหรอ?”
“เรียวยะเป็นลูกชายของผู้อำนวยการค่ะ เรื่องเกิดขึ้นขนาดนี้แล้วฉันคงทำงานที่โรงเรียนนี้ต่อไม่ได้แล้วจริง ๆ ค่ะ ที่เมืองนี้น่ะ เคยมีผู้หญิงโดนเด็กมัธยมต้นข่มขืนแต่เมื่อไปแจ้งความกลับโดนดำเนินคดีข้อหาพรากผู้เยาว์ทั้งที่เป็นผู้เสียหาย เด็กพวกนั้นจะต้องคอยรังควานฉันแน่นอนค่ะ ไม่มีตำรวจหรือใครช่วยอะไรฉันได้หรอกนะคะ แล้วอีกอย่างนะคะ คุณเองก็ลงมือกับพวกเรียวยะไปขนาดนั้นแล้ว ฉันว่าคุณเองก็คงจะถูกไล่ออกเหมือนกัน เพิ่งได้ทำงานวันแรกแท้ ๆ … ต้องมาซวยเพราะฉัน”
คิงูยะยื่นมือเข้าปาดน้ำตาให้ ฉันหันมองหน้าชายหนุ่มด้วยความฉงนก็พบกับดวงตาที่เคยแข็งกร้าวกำลังมองผ่านเลนส์แว่นด้วยประกายความอ่อนไหว เขาเอื้อมจับมือของฉันก่อนจะประสานนิ้วเอาไว้ ฉันรับรู้ถึงความรู้สึกอบอุ่นที่ถูกถ่ายโอนเข้ามาอย่างชัดเจน
“คุณไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้นนะครับ และผมจะไม่มีวันปล่อยให้ใครมารังควานคุณ” น้ำเสียงอ่อนโยนของชายหนุ่มและความอบอุ่นจากสัมผัสช่วยประโลมจิตใจที่กำลังหวาดกลัวและเศร้าหมองจนผ่อนคลายลง ทั้งที่เราเพิ่งจะรู้จักกันแค่เพียงวันแรก แต่ฉันกลับหวั่นไหวในความใจดีของเขาเหลือเกิน
“ขอบคุณมากเลยนะคะ” ฉันกล่าวออกมาจากใจจริง “แต่ฉันขอไม่ไปโรงพยาบาลนะคะ”
คิงูยะยิ้มอบอุ่นให้กับฉันก่อนจะคลายมือของเขาออกจากมือของฉันแล้วไปจับไว้ที่เกียร์รถยนต์ “บ้านของคุณไปทางไหนครับ?”
ฉันบอกทางไปบ้านของฉันให้กับชายหนุ่ม ซึ่งไม่ได้ไกลจากโรงเรียนมากนัก และโดยปรกติแล้วฉันจะปั่นจักรยานมาทำงานโดยใช้เวลาแค่เพียงราวสิบนาทีเท่านั้น
ในทีแรก ฉันขอให้คิงูยะส่งฉันที่หน้าปากซอยเพราะไม่อยากจะรบกวนเขาไปมากกว่านี้ แต่ชายหนุ่มดึงดันที่จะมั่นใจว่าได้มาส่งฉันถึงที่อย่างปลอดภัยจริง ๆ จึงต้องยอมให้เขามาส่งถึงบ้านอย่างที่เลี่ยงไม่ได้
“ขอบคุณมากเลยนะคะที่มาส่งฉัน” ฉันโค้งคำนับแล้วรอคอยชายหนุ่มที่เพิ่งกลับขึ้นรถให้ขับออกไปจนสุดสายตา
แต่เมื่อรถซีดานคันสีดำเริ่มวิ่ง ฉันกลับรู้สึกแปลกใจที่มันถูกขับถอยเข้าไปในโรงจอดรถของฉันที่ไม่มีรถจอดอยู่ ก่อนที่รถซีดานคันนั้นจะถูกดับเครื่องแล้วร่างสูงโปร่งก็ก้าวลงมาอีกครั้ง ฉันได้แต่ยืนทำสีหน้างุนงงขณะมองเขาเดินตรงเข้ามาหา
“ผมขอเข้าไปดูอาการของคุณก่อนนะครับ เพราะคุณไม่ได้ไปหาหมอ ผมก็เลยอดกังวลไม่ได้” คิงูยะเดินเข้ามาใกล้หน้าประตู รอคอยการเชื้อเชิญจากฉัน
เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณในความใจดีของเขามากขึ้นกว่าเดิม รีบไขกุญแจแล้วเปิดประตูให้เขาเดินเข้าไปก่อน “เชิญเลยค่ะ”
เมื่อร่างสูงก้าวพ้นประตู ฉันก็ก้าวตามหลังเขาไปก่อนจะหันหลังเพื่อปิดประตู แต่เมื่อหันกลับมาก็ต้องสะดุ้งเฮือกเหตุเพราะไม่คาดคิดว่าจะเผชิญกับคิงูยะที่ยืนอยู่ใกล้ในระยะประชิด
“ฉันตกใจหมดเลยนะคะ” ฉันกล่าวพร้อมเอามือทาบอกก่อนจะก้าวเท้าเพื่อออกไปจากจุดนี้ แต่ชายหนุ่มกลับรีบยกแขนยันประตูเอาไว้เพื่อฉันไม่สามารถหลีกหนีเขาไปไหนได้
ฉันเริ่มรู้สึกสับสน และเมื่อเงยขึ้นมองหน้าเจ้าของร่างสูงก็พบกับสายตาที่ฉันไม่อาจเข้าใจแต่กลับรู้สึกร้อนวาบในท้องน้อย เพียงอึดใจต่อมาเขาก็ยกมือขึ้นมาสัมผัสศีรษะของฉันอย่างแผ่วเบาคล้ายเป็นการลูบ
“รู้สึกเจ็บที่หัวบ้างไหมครับ?” เสียงอ่อนโยนถามฉันในระดับที่แทบจะเป็นการกระซิบฟังดูคล้ายมีความรู้สึกบางอย่างแอบแฝง
“ตอนนี้ไม่แล้วค่ะ”
ฉันที่เพิ่งจะรู้สึกประหลาดใจในพฤติกรรมของเขายังไม่ทันได้ตั้งข้อสงสัยที่ชัดเจนก็ต้องยิ่งรู้สึกสับสน เมื่อฝ่ามือที่เลยไล้อยู่บนศีรษะได้เลื่อนลงสัมผัสที่หน้าแก้มอย่างช้า ๆ ก่อนจะลงมาที่ริมฝีปาก เขาใช้นิ้วโป้งกรีดไล้บนริมฝีปากของฉันแล้วแหย่ปลายนิ้วเข้าไปในปากของฉันหนึ่งครั้ง ฉันไม่เข้าใจว่าเขาจะทำอะไร ได้แต่ยืนงุนงงด้วยหัวใจที่เต้นระรัว จนกระทั่งเมื่อมือนั้นเริ่มเชยคางของฉันขึ้น พร้อมกับที่ใบหน้าหล่อเหลากำลังโน้มลงมาประกบกับใบหน้าของฉันในอีกเพียงไม่กี่อึดใจ
“คุณคิงูยะคะ!” ฉันรีบเบือนใบหน้าหนีด้วยความตกใจ “ฉัน… คือฉัน… รู้สึกไม่สบายตัวเลยอยากไปอาบน้ำมากเลยค่ะ คือฉันขอตัวก่อนได้ไหมคะ”
“งั้นเหรอครับ?” เขายังคงกล่าวด้วยเสียงโทนเดิมพร้อมขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ในขณะที่มองมาด้วยสายตาเจ้าชู้ “ผมเองก็เหมือนกัน งั้นเราไปอาบน้ำด้วยกันเลยนะครับ”
“อะไรนะคะ!?” ฉันได้ยินอย่างชัดเจนเพียงแค่รู้สึกตกใจ
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” สีหน้าแพรวพราวของชายหนุ่มพลันเปลี่ยนเป็นทะเล้นก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน “ผมล้อเล่นน่ะครับ ดูคุณทำหน้าเหวอสิ คุณไปอาบน้ำเถอะครับ แต่ผมขออนุญาตใช้ครัวและของในตู้เย็นของคุณได้ไหมครับ เดี๋ยวผมจะทำมื้อเย็นให้คุณน่ะ”
ฉันรู้สึกโล่งใจที่มันเป็นแค่มุก แต่ก็อดรู้สึกสับสนในการกระทำของเขาก่อนหน้านี้ไม่ได้ ในตอนนั้นเขาตั้งใจจะจูบฉันจริง ๆ หรือเปล่านะ? แล้วสัมผัสกับสีหน้าแบบนั้นมันคืออะไร?
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ได้แต่พับเก็บความสงสัยทั้งหมดแล้วเดินแยกไป
ฉันเดินเข้าไปถอดต่างหู เข็มขัด และนาฬิกาในห้องนอนก่อนจะเตรียมตัวเข้าไปในห้องอาบน้ำ แต่หลังจากที่เดินเข้าไปในนั้นแล้วเหลือบตามองไปที่อ่างอาบน้ำก็ต้องตกใจจนแทบจะกรี๊ดออกมาเมื่อมีร่างของใครบางคนนอนแช่อยู่ในนั้น ใบหน้าขาวซีดที่ดูคล้ายกับไม่มีเลือดไหลเวียนนั้นค่อย ๆ หันมามองฉัน ผมสีขาวที่เคยฉันจำได้ว่ามันเคยยาวมากกลับถูกตัดสั้นเป็นทรงดูเข้ากับยุคสมัย
“ท่านเข้ามาทำอะไรในนี้คะ?” ฉันรู้สึกเหมือนถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัวเมื่อมีผู้ชายเข้ามาอยู่ในอ่างอาบน้ำแบบนี้ แต่ในขณะที่กำลังมองดูอีกฝ่ายอยู่นั้น ก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของเขาที่ต่างไปจากที่เคยเจอกันครั้งแรก ทั้งทรงผมที่ตัดสั้นเป็นทรงแบบคนสมัยใหม่เข้ากับใบหน้าหล่อเหลาที่หล่อยิ่งกว่าคุณคิงูยะเสียอีก และอิริยาบถที่นอนแช่น้ำอยู่ในอ่างทั้งที่ยังใส่ชุดยูกาตะสีขาวนั้นก็ไม่ทำร่างกายผิดรูปเหมือนทุกครั้ง ราวกับว่าเขาผู้นี้ดูเหมือนมนุษย์มากขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
แต่เพียงสิ้นความคิดนั้น เมื่อเขาหันมองหน้าฉันด้วยสายตาที่ดูคล้ายกับมีถ้อยคำมากมายซ่อนเอาไว้ ท่อนล่างของเขาที่แช่อยู่ในอ่างนั้นก็พลันกลายสภาพเป็นหางงูยักษ์สีขาวก่อนจะพุ่งเข้ามารัดฉันไว้
“ท่านจะทำอะไรคะ ปล่อยฉันนะ!” ฉันร้องด้วยความตกใจขณะที่ถูกยกลอยขึ้นแล้วดึงเข้าหาอ่างอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถูกปล่อยให้ร่วงลงบนหน้าอกของท่านผู้นั้น
“ท่านจะทำอะไรฉันคะ!?” ฉันรู้สึกตื่นตระหนกเพราะกลัวว่าจะถูกกิน จึงคว้าขอบอ่างเพื่อยันตัวลุกขึ้น แต่แล้วหางงูนั้นก็กดหลังของฉันให้นอนคว่ำลงไปบนตัวเขาเหมือนเดิม ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ฉันนึกถึงภาพเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เด็กสามคนนั้นถีบฉันให้ล้มลงหน้าคะมำ ฉันจึงเกิดอาการแพนิคพร้อมกับที่ตัวสั่นอีกครั้ง แล้วชายหนุ่มผมสีขาวก็พลันใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดฉันเอาไว้
“ข้าทำเจ้ากลัวหรือ?” เขาถามเสียงเรียบพร้อมกระชับกอดฉันไว้อย่างระมัดระวัง
อาการแพนิคทำให้ฉันรู้สึกจุกที่คอจนพูดอะไรไม่ออกจึงไม่สามารถให้คำตอบกับเขาได้ วินาทีต่อมาเขาก็ได้คลายกอดแล้วเชยคางของฉันให้เงยหน้าสบตากับเขา
“ฝันร้ายพวกนั้นมันสิ้นสุดไปแล้วนะ เจ้าคนผู้นั้นจะไปจัดการกับเด็กสามคนจนหายสาบสูญไป” น้ำเสียงนั้นเหมือนกำลังปลอบประโลมจิตใจของฉันอยู่ เขายกมือลูบศีรษะของฉันจนกระทั่งร่างกายของฉันหยุดสั่นพร้อมกับจิตใจที่ผ่อนคลายลงราวกับฝ่ามือของเขามีพลังการเยียวยาอย่างน่าอัศจรรย์
“เจ้าคนผู้นั้น… ท่านหมายถึงคุณคิงูยะหรือคะ?”
“ใช่ เจ้านั่นแหละ”
“เขาจะทำอะไรกับเด็กพวกนั้นหรือคะ?” ฉันรู้สึกกังวลเหลือเกินว่าคิงูยะอาจจะไปทำเรื่องผิดกฎหมายจนเสียอนาคต
“เจ้าคิดจะเปลี่ยนใจบ้างไหม?” เขาไม่ตอบคำถามของฉันแต่ตั้งคำถามกลับโดยไม่มีการอารัมภบท
“คะ?”
“เรื่องพรที่เจ้าขอไป”
“คิงูยะคือผู้ชายคนนั้นเหรอคะ?”
“ในเมื่อเจ้ายังไม่ได้เสียพรหมจรรย์ให้มัน เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ”
“เพราะมีความเสี่ยงที่ฉันต้องแบกรับใช่ไหมคะ? สิ่งนั้นมันคืออะไรคะ ทำไมท่านถึงไม่ยอมบอก? จะเกิดอะไรขึ้นคะถ้าฉันยกพรหมจรรย์ให้ท่านเพื่อยุติคำขอ?”
“เจ้ายังไม่ได้จูบกับมันใช่ไหม?” เป็นอีกครั้งที่เขาไม่ตอบคำถามของฉันแล้วยังถามกลับ
“ยังค่ะ”
สิ้นคำตอบของฉันของถูกชายหนุ่มหางงูดึงเข้าไปประกบจูบโดยไม่ทันตั้งตัว ยิ่งเขาบดจูบกับฉันรุนแรงมากขึ้นเท่าไร อ้อมกอดของเขาก็ยิ่งกระชับแน่นขึ้นเท่านั้น ฉันที่ไม่ทันคาดคิดว่าเขาจะทำแบบนี้จึงได้แต่เบิกตาโพลงด้วยความตกใจและมึนงง แต่เมื่อเริ่มที่จะขัดขืนก็สายไปเสียแล้ว เขาสอดลิ้นเข้ามาภายในช่องปากเพื่อบดขยี้กับลิ้นของฉัน ร่างกายของฉันพลันอ่อนปวกเปียกไปในทันที แต่เพียงไม่นานเขาก็ผละใบหน้าถอนจูบออกไป แต่สัมผัสอันเร่าร้อนนั้นยังคงตกค้างอยู่บนปากของฉัน
“อย่างน้อยจูบแรกของเจ้าก็เป็นของข้า”